สวัสดีค่ะ ภาระหน้าที่ทำให้ต้องเดินทางไกลมาถึงบัวโนสไอเรส แต่ยังคิดถึงเพื่อนบล็อกทุกคนนะค่ะ
มหัศจรรย์แห่งการพัฒนาสมอง

ว่ากันว่าดนตรีมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมองของเด็ก โดยเฉพาะในวัยที่สมองของลูกกำลังพัฒนา สูงสุดคือช่วง 3 ปีแรกของชีวิต ไม่ใช่นับตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบหรอกนะคะ เพราะความสัมพันธ์ของพัฒนาการทางสมองลูกกับเสียงดนตรีนั้นเริ่มตั้งแต่ลูกน้อยอยู่ในครรภ์แล้วล่ะค่ะ 









รับรู้ได้ตั้งแต่ 4 เดือน


          มีการทดสอบที่ทำให้เรารู้ว่าทารกในครรภ์สามารถตอบสนองต่อการได้ยินเสียงจากภายนอกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โดยจะเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 4 เดือน ดังนั้นการพูดคุย เล่านิทาน และเปิดเพลงให้ลูกฟังตั้งแต่อยู่ในท้องจึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างแน่นอน แม้ว่าเค้าจะยังบอกคุณไม่ได้แต่ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นที่บอกว่า เสียงเหล่านี้ทำให้ทารกรู้สึกผ่อนคลาย และเมื่อคลอดออกมาเขาจะรู้สึกสงบ เมื่อได้ยินเสียงที่เคยได้ยินมาตั้งแต่อยู่ในท้อง


งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ยืนยันเยื่องนี้ได้ก็คือ การทดลองของ Dr.Leon Thurman นักวิทยาศาสตร์ชาวสหรัฐอเมริกา ที่ได้ทำการทดลองด้วยการเปิดเพลงให้คุณแม่ตั้งครรภ์ฟังเป็นประจำทุกๆ วัน ผลปรากฏว่า เด็กที่คลอดออกมานั้นมีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองทางด้านความจำดีกว่าเด็กที่คุณแม่ไม่ได้ฟังเพลงอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่า เด็กเหล่านี้มีอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส ไม่งอแง อีกทั้งสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้เร็วกว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย


          เห็นความมหัศจรรย์ของเสียงเพลงหรือยังคะ


 


เลือกเพลงแบบไหนให้ลูกฟัง


            วิธีเลือกเพลงอันดับแรก ยังไม่ต้องนึกถึงเพลงคลาสสิก หรือเพลงที่ได้รับคำแนะนำว่าช่วยพัฒนาสมองค่ะ เริ่มจากเพลงที่คุณชอบก่อน เพราะถ้าเริ่มจากเพลงที่ไม่ชอบแล้ว แทนที่จะรู้สึกผ่อนคลาย จะกลายเป็นเพิ่มความตึงเครียดให้ทั้งแม่และลูกได้  แต่ถ้าคุณแม่ชอบเพลงที่มีจังหวะเร็วๆ รุนแรง ก็ลดระดับลงมาสักนิดจะดีกว่าค่ะ


            จากนั้นค่อยสลับมาฟังเพลงน่ารักๆ ที่เหมาะกับเด็ก โดยเฉพาะเพลงบรรเลงที่มีจังหวะช้า นุ่มนวล ทำนองดนตรีค่อนข้างสม่ำเสมอ ลื่นไหลต่อเนื่องกันไปตลอดเพลง ฟังแล้วมีความสุข รู้สึกสบาย


เลือกเพลงเด็กๆ อย่าง Twinkle Twinkle Little Star หรือเพลงยอดฮิตของแม่ลูก อย่าง อิ่มอุ่น ก็ทำให้คุณแม่รู้สึกมีความสุขได้เสมอค่ะ


 










บรรเลงเพลงเพื่อลูก


            หากนั่งฟังเพลงแล้วครึ้มอกครึ้มใจ อยากร้องเพลงก็ร้องเลยค่ะ ไม่ต้องเขินว่าเสียงจะเป็นอย่างไร จะร้องเพราะไม่เพราะ หรือจะผิดคีย์ไปบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะเสียงที่ลูกในครรภ์ชอบและคุ้นเคยที่สุดก็คือเสียงของคุณแม่นั่นเองค่ะ นอกจากนี้การร้องเพลงให้ลูกฟังยังส่งผลดีต่อพัฒนาการทางด้านสมองและทางด้านอารมณ์ของลูกอีกด้วย


            ถ้าคุณพ่อหรือแม่ท่านไหน พอจะเล่นดนตรีได้ ไม่ว่าจะคีย์บอร์ด เปียโน หรืออะไรก็ได้ ลงมือบรรเลงเพลงให้ลูกฟังเลยค่ะ จัดเป็นกิจกรรมพิเศษที่นอกจากช่วยผ่อนคลาย ให้ความเพลิดเพลินแล้วยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อ แม่ ลูก ด้วย 


 










ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ


            เพื่อให้การฟังเพลง รวมทั้งการบรรเลงเพลงของคุณและลูกประสบผลสำเร็จมากที่สุด ก็ต้องมีขั้นตอนกันหน่อย ค่ะ ควรกำหนดเวลาในการฟังไว้อย่างสม่ำเสมอ เริ่มฟังเมื่อแม่มีอารมณ์สดชื่นแจ่มใส ไม่ควรฟังขณะที่คุณแม่หิว หรือเพิ่งอิ่มจากการทานอาหารเสร็จใหม่ๆ  สร้างบรรยากาศให้เงียบสงบ เปิดเพลงให้มีความดังพอสมควร ไม่ดังจนหนวกหู น่ารำคาญ หรือจะใช้วิธีวางลำโพงเล็กๆ ไว้ที่หน้าท้องคุณแม่ ก็ได้ค่ะโดยวางตรงส่วนเหนือกระเพาะอาหาร แล้วเปิดเพลงเบาๆ


            เพียงเท่านี้ เจ้าตัวเล็กในท้องก็ได้เป็นสุข และได้ประโยชน์จากเสียงเพลงที่ได้ยินอย่างเต็มที่แล้วล่ะค่ะ







ขอบคุณข้อมุลจาก
//motherandchild.in.th/content/view/752/1/



Create Date : 11 พฤษภาคม 2554
Last Update : 11 พฤษภาคม 2554 11:20:20 น. 1 comments
Counter : 1012 Pageviews.

 
ดนตรีช่วยกระตุ้นพัฒนาการ
โดยเฉพาะทารกและเด็ก
ถ้าฟังดนตรีมาตั้งแต่ในครรภ์
จะอารมณ์ดีเลี้ยงง่าย
และสมองไว
พิสูจน์ได้จากประสบการณ์ตัวเองค่ะ





โดย: tummydeday วันที่: 12 พฤษภาคม 2554 เวลา:9:34:26 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

kobnon
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]




.
สาระน่ารู้ประจำวัน
1.โรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด
2. บุหรี่ ทำนมยาน หูตึง
3. Upside down pineapple cake


music
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
11 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kobnon's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.