|
ใครๆ ก็อยากท่องเที่ยวและหาโอกาสไปท่องเที่ยวอยู่เสมอๆ เพื่อเป็นการพักผ่อน พบเห็น และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงาน โปรแกรมการท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักกำหนดไว้ล่วงหน้า อย่างปีนี้ในช่วงสงกรานต์มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน หลายคนต่างวางแผนไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง หรือไปท่องเที่ยวต่างประเทศตามแต่สภาวะเศรษฐกิจของแต่ละครอบครัว
ผู้เขียนว่างเว้นจากการเดินทางไปต่างประเทศมา 2-3 ปีเพราะอายุมากขึ้น เดินทางไกลไม่สะดวก ปีนี้ลูกๆ ขอให้ร่วมไปเที่ยวมาเลเซีย โดยเฉพาะที่ปีนังด้วยกัน เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก ประกอบกับมีเพื่อนของลูกคอยอำนวยความสะดวก จึงตัดสินใจเดินทางไปด้วย
เริ่มต้นการเดินทาง
พวกเราไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ใช้เวลาเดินทางราวชั่วโมงครึ่ง เมื่อไปถึงก็ต้องนั่งคอยผู้ที่จะมารับประมาณครึ่งชั่วโมง หลานตัวน้อยที่ไปด้วยเกิดหิว แม้จะมีอาหารขาย แต่สิ่งที่ต้องการและความสะดวกในการกินไม่มี จึงพาหลานเดินหาอาหารเพื่อรองท้อง ก็พบร้านทำวัฟเฟิลทาเนยถั่วและช็อกโกเลตกลิ่นหอมชวนลอง จึงซื้อมาลองชิมชิ้นหนึ่ง ปรากฏว่ารสชาติดีมาก สังเกตเห็นลูกค้ามาต่อคิวรอซื้อหลายคน แสดงว่าเป็นอาหารว่างที่คุ้นเคยกันดี
ที่พักและอาหารมื้อแรก
เมื่อออกจากสนามบิน เราก็ไปพักโรงแรมซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ได้เพียง 5 เดือน เป็นโรงแรมริมทะเลที่มีบรรยากาศดีมาก
อาหารเย็นมื้อแรกเป็นอาหารจีน ซึ่งเรารู้กันดีว่าเป็นอาหารที่มีโปรตีนและไขมัน ให้พลังงานสูง ภาชนะที่ใช้บริการค่อนข้างใหญ่ ถ้วยชามใบโตๆ ตามด้วยปริมาณอาหารที่เต็มพูนภาชนะบรรจุเหมือนกลัวลูกค้าไม่อิ่ม
อาหารมื้อนี้มีมากกว่า 10 ชนิดตามลักษณะของโต๊ะจีน ปริมาณมากเกินพอสำหรับ 10 คน ผู้เขียนเองเห็นอาหารก็อิ่มซะแล้ว แต่ก็พยายามกิน กิน และกิน พร้อมกับสังเกตอาหารและพฤติกรรมการกินของผู้คนไปด้วย อาหารเช้า
อาหารการกินของคนที่นี่ส่วนใหญ่กินอาหารนอกบ้าน โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าในวันหยุด ซึ่งจะพากันอุ้มลูกจูงหลานมาพร้อมกันทั้งครอบครัวเพื่อกินอาหารที่ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดัง ซึ่งส่วนมากให้พลังงาน โปรตีน และไขมันค่อนข้างสูง มีผักน้อย เลือกสั่งอาหารตามชอบซึ่งเป็นถ้วยเล็กๆ แต่ละคนกินในปริมาณมากและใช้เวลาในการกินค่อนข้างนาน สภาวะโภชนาการของประชาชนเมื่อมองและวิเคราะห์ด้วยสายตาจะเห็นว่าประชาชนส่วนมากมีน้ำหนักตัวค่อนข้างเกินมาตรฐานทั้งชายและหญิง มีเพียงเด็กในวัยเรียนและผู้ใหญ่ส่วนน้อยเท่านั้นที่มีรูปร่างอรชรอ้อนแอ่น
อาหารเที่ยง
ส่วนใหญ่บริโภคอาหารท้องถิ่นในร้านที่ได้รับความนิยม ซึ่งก็ยังอุดมด้วยไขมันและโปรตีนสูง ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะปลา ไก่ทอด ปลานึ่ง ต้มยำกุ้ง ซึ่งดัดแปลงจากของไทย แต่รสชาติก็อร่อยใช้ได้ ที่แปลกไม่เหมือนบ้านเราก็คือคนปีนังกินปาท่องโก๋กับบะกุดเต๋ (หมูตุ๋นยาจีน) ลองกินดูบ้างก็อร่อยไปอีกแบบหนึ่ง
นอกจากนี้ชาวปีนังจะลอกผิวซาลาเปาออกก่อนกิน เพราะบางครั้งไม่ได้กินที่ร้าน แต่ซื้อใส่ถุงกลับไปที่บ้านเนื่องจากผิวขนมอาจสัมผัสถุงหรือมือผู้ขายที่ไม่สะอาดนัก จึงกินด้วยวิธีนี้ และร้านอาหารส่วนใหญ่จะมีเครื่องต้มน้ำร้อนเพื่อให้ลูกค้ากดใส่อ่างที่เตรียมไว้ให้ แล้วลวกช้อน ตะเกียบ และถ้วยชามที่ใส่อาหารกินด้วยตนเอง
อาหารมื้อเย็น
ปีนังเป็นเกาะเล็กๆ อาหารทะเลจึงอุดมสมบูรณ์ อาหารปิ้งๆ ย่างๆ ก็เป็นที่นิยมสำหรับทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนมาเลเซีย แต่น้ำจิ้มรสไม่จัดมาก เด็กๆ จึงกินได้อย่างสบาย
รสชาติอาหารของชาวมาเลย์ค่อนข้างอ่อนตามแบบของอาหารจีน จะมีอาหารมุสลิมบ้าง เช่น โรตีทิชชู เป็นอาหารกินเล่นตอนดึกๆ หรือหลังอาหารเย็นและเป็นอาหารที่คนเลิกงานกะบ่ายหรือก่อนเข้างานกะดึก หรือหนุ่ม-สาวที่กลับจากท่องราตรีมักมากินก่อนไปทำงานหรือกลับบ้านนอน ประเภทของอาหารและเวลาที่กินจึงน่าจะเป็นคำตอบอีกหนึ่งข้อได้ว่าทำไมคนที่ปีนังจึงมีปัญหาน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน
การไปปีนังครั้งนี้เป็นการไปกินและเที่ยวจริงๆ เพราะมีของอร่อยๆ ที่ชอบให้กินหลายอย่าง แต่เมื่อนึกถึงส่วนประกอบที่อุดมด้วยแป้ง น้ำตาล และไขมันล้วนๆ ก็ต้องยับยั้งใจเพื่อไม่ให้อ้วนกลมกลับบ้าน พร้อมทั้งคิดถึงคำพระที่ว่า อโรคยา ปรมาลาภา
กรอบสวยๆ จากคุณKungGuenter ข้อมูลจาก //www.gourmetthai.com
| |
แวะมาเที่ยวต่างประเทศด้วยคนค่ะ..
น่าจะลงรูปวิวทิวทัศน์มาให้ดูด้วยนะค่ะ
อาทิตย์หน้าอ้อมแอ้มก็จะขึ้นเชียงใหม่-เชียงรายค่ะ