Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
27 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 

มาร ฟ้า เทพ หิมะ (นิยายจีน) บทที่ 11

บทที่ 11

เป็นเที่ยงวันหนึ่งที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง แจ่มใส ตลอดสองข้างทางนั้นเป็นเพียงพื้นหญ้าสีเขียวจาง ๆ ซึ่งขึ้นสูงประมาณเข่า พบเห็นเต็มไปทั่ว นางมารน้อยหิมะค่อยๆ เดินเรียบเฉียบนำหน้าหลินฟง และเมื่อทั้งสองเดินไปได้อีกไม่นานนักก็พบกับหลักหินที่ชี้บอกทางไปหลิ่วอัน

“พวกเรามาถูกทางแล้ว เจ้ารีบเดินหน่อยจะได้หรือไม่” หิมะกล่าวก่อนจะกระตุกโซ่เหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ อย่างแรงหนึ่งครั้งก่อนจะเห็นเป็นหลินฟงที่ถูกล่ามข้อมือไว้ค่อยๆ เดินเอื่อย ๆ ตามมาอย่างไม่เต็มใจ

“หิมะ เจ้าช่างใจร้ายยิ่งนัก” หลินฟงก่นด่าพึมพัม

“เจ้าว่าอะไรนะ” หิมะซักกลับด้วยน้ำเสียงเอาจริงเอาจังทำเอาหลินฟงต้องรีบกล่าวแก้ลำไปว่า

“เปล่า ๆ ข้าพเจ้าแค่ถามว่าอีกไกลไหมกว่าจะถึงเมืองหลิ่วอันแล้วก็…” แต่ยังไม่ทันที่หลินฟงจะกล่าวได้จบ หิมะก็เอานิ้วชี้มาจี้ที่ปากหลินฟงไว้เหมือนให้หยุดพูดก่อน

“มิใช่มีเพียงแค่เราเสียแล้ว….สิบ…สิบห้า…สามสิบ…ไม่ใช่สิ สี่สิบคน” หิมะหยุดนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะตะโกนกล่าวดังก้องว่า

“อย่าได้ทำตัวหลบ ๆ ซ่อนอีกเลย หากมีธุระอันใดรีบเปิดเผย” สิ้นเสียงหิมะไม่นานพุ่มหญ้าก็สั่นไหวไปทั่ว จากนั้นจึงค่อยๆ ปรากฎร่างชายกลุ่มหนึ่งล้อมพวกนางเข้ามาทั่วทิศทั่วทาง และเพียงดูจากการแต่งกายก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นลูกสมุนจากตำหนักหมื่นน้ำแข็งของมังกรเย็นไม่ผิดพลาด

“มารหิมะเอ๋ยคราที่แล้วเจ้าโชคดีหนีรอดไปได้นึกไม่ถึงว่าเจ้าหาได้หลาบจำไม่ มาครานี้พวกข้ารู้ข่าวว่าเจ้าคิดมุ่งหน้าไปหาท่านเจ้าสำนักอีก พวกข้าก็เตรียมตัวมาต้อนรับเจ้าให้สมเกียรติแล้ว” ผู้กล่าวออกเป็นหนึ่งในสองหัวหน้ากลุ่มและมีพลังปราณฝีมือไม่ธรรมดาประดุจหนึ่งผู้คุ้มตึกเลยทีเดียว และทันทีที่สิ้นเสียงมัน พวกลิ่วล้อก็เข้ารุมจู่โจมล้อมกรอบ

“ใช้พวกมากรุมรังแก อย่างพวกเจ้านับเป็นตัวอะไรได้” หิมะกล่าวกระแทกกลับอย่างเจ็บแสบก่อนจะหันกลับไปกระซิบต่อหลินฟงว่า

“ดรรชนีสกัดวารีนั้นสำคัญที่การขับถ่ายพลังปราณที่รวดเร็วดุจสายฟ้า อีกทั้งเฉียบคมเสมือนหมื่นกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่ง อีกทั้งมิเพียงเข้าจู่โจมสกัดจุดอย่างเรียบเฉย สำคัญต้องโอนถ่ายพลังปราณเข้ารบกวนชีพจรศัตรูอีกด้วย”

หลินฟงยามนั้นได้แต่ฟังอย่างเลื่อมใสและยังมิทั้งจะได้ประมวณความรู้ความเข้าใจฉับพลันหิมะก็กระตุกโซ่ที่คล้องกับมือนางและหลินฟงหนึ่งครา ก่อนจะฉับพลันถ่ายพลังปราณเหวี่ยงขว้างหลินฟงออกคล้ายประหนึ่งดั่งลูกตุ้มเข้าหาฝูงศัตรูที่ล้อมกรอบทันที

ร่างของหลินฟงยามนั้นก็ลอยลิ่วเป็นม้าหมุนเฉียดใกล้ศัตรู หนุ่มน้อยรีบทวนความรู้ใหม่จากนั้นใช้ออกด้วยดรรชนีสกัดวารีที่เฉียบคมร้ายกาจกว่าครั้งที่ผ่านมาสิ้นเชิง

หลินฟงที่ถูกเหวี่ยงไปรอบผ่านศัตรูไม่ว่าผ่านผู้ใดก็ใช้ออกด้วยดรรชนีอันร้ายกาจทำเอาศัตรูที่ล้อมอยู่นั้นต้องตัวแข็งเป็นหิน ตะลึงงันกันไปทั่ว

จากนั้นพอหลินฟงโดนเหวี่ยงหมุนครบรอบ เมื่อเท้าของเขาแตะพื้นได้ก็กล่าวต่อหิมะว่า

“สลับกันบ้าง” สิ้นเสียงนั้นหลินฟงพลันถ่ายพลังลงสองเท้าเป็นหลักมั่นจากนั้นสลับเหวี่ยงโซ่เหล็กผลักดันหิมะลอยลิ่วไปรอบ ๆ แทนที่ ก่อนที่นางจะใช้ออกด้วยเพลงเตะอันสวยงามร้ายกาจเข้าโจมตีศัตรูที่เหลือประดุจดั่งเดินบนกำแพงมนุษย์เลยทีเดียว

เสร็จสิ้นการโจมตีครั้งแรกพอสองเท้าหิมะกลับลงพื้น ทั้งสองจึงหันหลังชนกันช่วยกันต้านทานศัตรูระรอกสอง หนึ่งร่ายรำเพลงฝ่ามือในถุงมือเงินอย่างสวยงามหมดจดทั้งปัดป้องทั้งโจมตี อีกหนึ่งหลินฟงก็ใช้ออกด้วยดัชนี้จี้สกัดหยุดยั้งศัตรูให้ยืนนิ่งแข็งเป็นหิน

พริบตาศัตรูกว่าครึ่งพลันล้มหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ศัตรูยิ่งมายิ่งร้ายกาจ ครานี้พวกมันหลายสิบคนกระโดดพุ่งลอยตัวเข้าจู่โจมวาดเพลงดาบอันร้ายกาจ สร้างเงาดาบทั่วฟ้าเฉียบคมกดดันบีบคั้น

แต่หิมะหาได้ตื่นเต้นตกใจไม่ เธอค่อยๆ รวบรวมพลังปราณจนสูงสุดก่อนจะกระชากโซ่เหล็กให้ขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายกลางอากาศ จากนั้นจึงร่ายรำเพลงฝ่ามือกระแทกห่วงโซ่เหล็ก โดยแต่ล่ะห่วงก็พุ่งกระจายจู่โจมออกคล้ายมีดบินก็ไม่ปาน

ฝ่ายศัตรูที่พุ่งกระโจนวาดดาบเข้าโจมตี ยากจะผันเปลี่ยนกระบวนท่าได้ทันก็ต้องถูกห่วงโซ่เหล็กซัดกลับทะลุร่างกลับให้ต้องบาดเจ็บพ่ายแพ้ เรียกว่ามาทางไหนก็กลับไปทางนั้นอย่างง่ายดาย

“นางมารรับเพลงหมัดข้า” เป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มที่ใช้เพลงหมัดน้ำแข็ง พุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังหมัดที่หนักหน่วงเยือกเย็น ในขณะที่ทางด้านหลินฟงก็ต้องเผชิญกับอีกหนึ่งหัวหน้ากลุ่มที่ใช้ออกด้วยเพลงดาบอันเฉียบคมร้ายกาจ

หิมะยังคงเป็นห่วงหลินฟงอย่างเสียมิได้เพราะฝ่ายตรงข้ามที่เด็กหนุ่มต้องเผอิญหาใช่เป็นพวกฝีมือระดับชาวบ้านเหมือนทุกครั้งเสียเมื่อไร เธอลอบมองหลินฟงที่หางตาก่อนจะเข้ารับเพลงหมัดของฝ่ายตรงข้ามอย่างสงบนิ่ง

เธอใช้ออกด้วยฝ่ามือที่ว่างเปล่าไร้ปราณสิ้นเชิง เพื่อเตรียมดูดรั้งพลังฝ่ายตรงข้าม “หยิบยืมพลังสนองกลับ” แต่สุดจะคาดพริบตาที่เธอจะรับเพลงหมัดของมันนั้นเธอก็ต้องประหลาดใจด้วยว่าเพลงหมัดของมันนั้นไร้พลังสิ้นดี และพริบตาเดียวกันนั้นเองนางก็ต้องร้องออกด้วยความเจ็บปวด

“เข็มพิษ!!!” หิมะลอบกล่าวตกใจ และเมื่อมองไปที่ฝ่ามือของตนก็พบรอยหยดเลือดหนึ่งพร้อมทั้งเข็มพิษร้ายที่ทำจากแก้วหนึ่งเล่มที่ปักแน่นผ่านถุงมือตาข่ายเงินของเธอ ที่แท้ฝ่ายตรงข้ามแอบกำเข็มพิษไว้ในมือตอนจะออกหมัดนี้เอง

หิมะค่อยๆ เข่าอ่อนถึงกับคุกเข่าลงไปกับพื้นอย่างไม่รู้ตัว มือขวาที่ถูกเข็มพิษก็พลันชาไร้ความรู้สึกเสมือนถูกแช่แข็งไว้ก็ไม่ปาน

ในขณะที่ทางด้านหลินฟง ก็ไม่สามารถเข้าช่วยเหลือหิมะได้เพราะแค่ตนเองก็ยังเอาไม่รอดเลย เขาได้แต่หลบคมดาบที่ฟาดฟัดอย่างต่อเนื่องไม่แม้นแต่จะมีจังหวะออกหมัดสวนกลับ

“บ้าจริงๆ” หลินฟงเหลือบมองไปเห็นหิมะที่กำลังเสียท่าแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ฉับพลันที่เสียสมาธินั้นหนึ่งคมดาบก็เฉือนผ่านหน้าอกของเขาไปให้ได้หนึ่งแผล

ทางด้านหิมะก็ได้แต่เกร็งพลังปราณต่อต้านสกัดพิษ มือซ้ายก็จับที่ต้นแขนขวาไว้เพื่อไม่ให้พิษไหลเข้าไปสู่หัวใจได้ แต่ศัตรูหาคิดจะปล่อยโอกาสนั้นผ่านลอยไปไม่ มันรีบเข้าจู่โจมหมายซ้ำเติ่มทันทีพร้อมทั้งใบหน้าที่เสมือนได้ชัยไปแล้ว

“พลังหมื่นน้ำแข็งขั้นที่ห้า” เพลงหมัดอันร้ายกาจที่เต็มไปด้วยพลังไอเย็นถูกใช้ออกเข้าจู่โจมไปที่ใบหน้าของหิมะรวดเร็ว

“อย่าดูถูกกันเกินไป” หิมะฝืนกัดฟันพลันถอนมือซ้ายจากต้นแขนขวาออกมารับเพลงหมัดที่เปี่ยมพลังวัตร จากนั้นถึงใช้มือซ้ายนั้นดึงดูดพลังปราณของมันมาไว้ที่กลางกายก่อนจะพลันโอนถ่ายออกไปที่มือขวา ซ้ำยังใช้พลังของมันนั้นเองพลักดันเอาพิษที่อยู่ในกระแสเลือดออกไปอีกด้วย พริบตาเดียวเข็มพิษและพิษร้ายที่อยู่มือขวาก็ถูกพลังปราณผลักดันจนใกล้จะออกจากร่างของหิมะได้อย่างเหลือเชื่อ

แต่มิเพียงแค่แก้ไขพิษร้าย หิมะยังคงทุ่มพลังปราณทั้งหมดสบัดฝ่ามือขวาเต็มแรง ผลักดันให้เข็มพิษนั้นพุ่งกระแทกกลับไปหาศัตรูอีกด้วย พริบตาเดียวนั้นเข็มพิษนั้นก็พุ่งดุจคันศรกลับเข้าหาต้นคอศัตรูก่อนจะปักเสียบคาไว้อย่างร้ายกาจ ปิดฉากการต่อสู้อย่างเหลือเชื่อ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ต้องสูญเสียพลังอย่างมากมาย

“หิมะช่วยด้วย!!!” เป็นหลินฟงที่ร้องขอความช่วยเหลืออย่างเสียมิได้ ด้วยว่าพลาดท่าให้คมดาบเสียหลายครั้งอีกทั้งถูกต้อนให้ต้องเซถลาล้มนั่งไม่เป็นท่ากลายเป็นเป้านิ่งไป

ภาพที่หิมะเห็นในยามนั้นก็เพียงหลินฟงที่ล้มนั่งยกสองมือเปล่าขึ้นปิดหน้า รอรับคมดาบของศัตรูที่กำลังลากตัดผ่านอากาศเข้าใกล้เต็มที

“หลินฟง!!!” หิมะแม้นจะเหนื่อยล้าใบหน้าซีดเผือด แต่ก็ทุ่มเต็มกำลังพุ่งเข้าไปช่วยเหลือ

นางใช้ออกด้วยพลังปราณทั้งหมดฟาดฝ่ามือกระแทกตัวดาบ เพื่อหวังให้คมอาวุธพุ่งผ่านไม่ถูกหลินฟง

แต่ทว่าหากนั้นกลับเป็นเพียงท่วงท่าที่หลอกลวงเล่า?

ฝ่ายหัวหน้าตึกตำหนักหมื่นเย็นกลับลอบปล่อยดาบทิ้งไม่ฝืนจับกุม เพราะแท้จริงแล้วท่าดาบนั้นหาได้ใส่พลังปราณแม้นสักเสี้ยวเดียวก็หาไม่ อันที่จริงแล้วพลังปราณทั้งหมดกลับไปรวมอยู่ที่ปลายหมัดของมัน จากนั้นมันจึงใช้ออกด้วยเพลงหมัดอันหนักหน่วง

หิมะ ยามนั้นยากจะตามกลลวงทัน ด้วยว่ามัวแต่เป็นห่วงหลินฟงเกินไป พลันนึกไปเองว่าศัตรูนั้นถนัดเพลงดาบจึงใช้ออกด้วยฝ่ามือที่เต็มไปด้วยพลังปราณหวังทำลายดาบ แต่ศัตรูกลับปล่อยทิ้งดาบอย่างง่ายดาย ทำให้พริบตานั้นหิมะยากจะโคจรพลังกลับมาป้องกันตัวได้ทัน ในขณะที่ศัตรูนั้นเปี่ยมพลังรอจู่โจม

“พลังหมื่นน้ำแข็งขั้นที่สี่” พริบตาหมัดขวาของศัตรูที่เต็มไปด้วยพลังก็ปะทะเข้าที่หน้าท้องของนางอย่างจัง แม้นเธอจะพยายามฝืนทนแต่นั้นก็เกินแรงไป หิมน้อยถึงกับกระอักเลือดล้มทั้งยืน

หลินฟงยามนั้นได้แต่ลอบตะลึงงั้นรีบลุกขึ้นรับประคองร่างของหิมะเข้ามาโอบกอดอย่างคาดไม่ถึง

“หลินฟงหนีไป” หิมะกล่าวเสียงสั่นก่อนจะกระอักเลือดมาอีกหนึ่งครา ครั้งนี้นับว่าเธอบาดเจ็บไม่ธรรมดาไหนจะโดนกลพิษร้ายและยังต้องมาโดนเพลงหมัดเต็ม ๆ อีก

“พวกเจ้าสองคนอย่าอยู่เลย” นี้นับเป็นโอกาสทองที่ยากจะปล่อยไป ศัตรูร้ายพุ่งเข้าโจมตีใส่หลินฟงที่อุ้มหิมะอยู่อย่างเด็ดขาด

“พวกเราชาวยุทธ์ ฝึกยุทธ์มิเพียงเพื่อป้องกันตัวอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะต้องปกป้องผู้อื่นได้”

ไม่ทราบอย่างไรอยู่ ๆ คำกล่าวของหวงเย่ว์ ก็ย้อนกลับมาในหัวของหลินฟงอีกครั้ง จากนั้นเขาจึงค่อยๆ วางหิมะลงบนหญ้าอย่างแผ่วเบา ด้วยสายตาที่ห่วงใย ก่อนจะหันไปเผอิญหน้ากับศัตรูร้ายด้วยแววตาที่มั่นคงแน่วแน่

ยามนั้นคนของพรรคหมื่นแข็งใช้ออกด้วยพลังหมัดที่เปี่ยมพลังวัตรตรงเข้าโจมตีที่ใบหน้าหลินฟงอย่างรวดเร็ว

“ไอ้เด็กน้อยรับหมัดข้าไปซะ”

แต่หลินฟงนั้นหาได้ตกตะลึงไม่ เพียงแต่นึกย้อนท่อนเคล็ดวิชา "ขับถ่ายพลังปราณที่รวดเร็วดุจสายฟ้า อีกทั้งเฉียบคมเสมือนหมื่นกระบี่หลอมรวมเป็นหนึ่ง"

และสุดจะคาดยิ่งหลินฟงกลับไม่คิดหลบและยอมรับหมัดที่พุ่งตรงเข้าหานั้นอย่างเต็มใจ แต่ทว่าใช้ส่วนหน้าผากที่ขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งเข้าต้านรับ อีกทั้งก็ได้โคจรปราณพลังทั้งมวลไว้ที่จุดนั้นเผื่อป้องกันไว้แล้ว

พลังปราณอันมหาศาลของหลินฟงถึงกลับทำให้ศัตรูได้แต่ลอบตะลึงงัน หมัดของมันที่กระแทกเข้าปะทะกับหน้าผากหลินฟงถึงกับกระดูกแตกเป็นเสี่ยง ๆ

“เป็นไปไม่ได้” ฝ่ายคนชกกลับตกใจสุดขีดด้วยว่าความรู้สึกของมันเหมือนกับว่าชกไปใส่ก้อนหินใหญ่ก็ไม่ปาน

อีกทั้งเป็นหลินฟงที่กลับโคจรพลังขึ้นใหม่ได้รวดเร็วเหนือล้ำ ด้วยว่าช่องว่างลมปราณที่เสมือนผู้ฝึกยุทธ์มาตลอดสี่สิบปี ในขณะที่ศัตรูนั้นยังทำได้เพียงโคจรพลังต้านรับได้ไม่ถึงครึ่งของปกติ

“เตรียมรับมือ” เป็นหลินฟงที่ชกออกหมัดรวดเร็วสุดจะคาดเข้าที่ปลายคางของศัตรูอย่างรวดเร็ว จนเท้าทั้งสองของมันลอยขึ้นเหนือพื้นทันที แต่สุดคาดแทนที่ร่างของมันจะลอยละลิ่วไปไกลกลับเป็นหมัดที่สองของหลินฟงที่เร็วยิ่งกว่าเข้ากระแทกไปที่ใบหน้าของมันปานสายฟ้า และก็เป็นอีกครั้งที่แทนที่ร่างของมันกระโดนแรงหมัดลอยไปไกล กลับเป็นหลินฟงที่ตามติดได้เร็วกว่า ปล่อยอีกหมัดเข้าที่ท้องจนตัวมันงอเป็นกุ้งไปเลย และเพียงเสี้ยววินาทีก็มีอีกหนึ่งหมัดของหลินฟงประเคนไปที่ใบหน้าของมันจนร่างต้องหมุนติ้วกลางอากาศทีเดียว แต่ในขณะที่ร่างมันหมุนลอยอยู่นั้นไม่ทราบหลินฟงทำได้อย่างไรพุ่งเข้าคว้าจับปลายปกเสื้อได้อย่างแม่นยำก่อนจะเหวี่ยงหน้าของมันกระแทกเข้ากับพื้นดินจนสั่นสะเทือน

ยามนั้นหิมะที่อยู่แต่ห่างได้มองจ้องตาค้างตะลึงงันออกปากอย่างไม่ตั้งใจว่า

“นี้เป็นไปไม่ได้”

ส่วนหลินฟงก็ค่อยๆ ปล่อยมือจากร่างของศัตรูที่สิ้นฤทธิ์นอนแผ่ลงกับพื้นอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ปราณเขาก็ได้ค่อยๆ กระจายออกจากร่างเป็นไอ เสมือนเหล็กร้อนที่เพิ่งจุ่มลงไปในน้ำเย็น

“เจ้าทำได้อย่างไรกัน” หิมะได้แต่กล่าวอย่างตื่นตะลึง

หลินฟงได้ฟังก็เพียงยิ้มแห้ง ๆ และกล่าวตอบไปว่า

“ยากจะตอบได้ พริบตาที่โคจรพลังทั้งมวล ข้าพเจ้าก็พลันใช้กระบวนท่าออกตามสัญชาตญาณเท่านั้น” หลินฟงกล่าวเรียบ ๆ ก่อนจะเดินไปหมายอุ้มหิมะที่บาดเจ็บ

“ไม่ต้องๆ ข้าเดินเองได้” หิมะขัดขืนก่อนจะพยายามลุกยืนด้วยตัวเอง แต่พลันเดินไปได้แค่สองก้าวร่างกายก็ยากจะควบคุม ได้แต่เซถลาไปให้หลินฟงพยุง

ยามนั้นเธอได้แต่อาย ๆ หน้าแดงเล็ก ๆ ก่อนจะกล่าวแต่แผ่วเบาต่อหลินฟงไปว่า

“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว”

ยามนั้นหลินฟงทำได้แต่เพียงยิ้มตอบแล้วพยุงนางออกไปจากสนามรบไป


ณ ศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่งนอกเมืองหลิ่วอัน

ภายในวัดร้างแห่งนั้นช่างดูเงียบสงบยิ่งนัก และยิ่งเมื่อมองไปโดยรอบก็จะเห็นเพียงยักไย้ใยแมงมุมอยู่เต็มไปหมด อาจจะด้วยว่าวัดแห่งนี้นอกจากจะเล็กแล้วยังมิได้อยู่ในตัวเมืองอีกด้วย ผู้คนจึงละเลยละทิ้งมันไป ยามนั้นหลินฟงค่อยๆ พยุงพาหิมะที่มีสีหน้าเหนื่อยอ่อนอย่างเห็นได้ชัดให้นั่งลงกับพื้น

“ทำไมเจ้าไม่หนีไปยามนี้ มีโอกาสแล้วนะ ข้าพเจ้าตอนนี้ก็ไม่มีพลังเหลือพอจะไล่ตามเจ้าทันแล้วด้วย” หิมะกล่าวเรียบ ๆ

“ก็คิดอยู่เหมือนกัน” หลินฟงกล่าว

“เจ้า…” หิมะขึ้นเสียงสูงค้อน

แต่เป็นหลินฟงที่ยิ้มแจ่มใสตอบไปว่า

“เจ้าช่วยข้าจากคมดาบนั้นไว้ ข้าควรช่วยเจ้ายามนี้เช่นนั้น แต่หลังจากนี้ถ้าข้ามีโอกาสย่อมจะหนีเป็นแน่”

“ยุติธรรมดี” หิมะกล่าวตอบก่อนจะหลับตานั่งสมาธิเดินโคจรพลังรักษาตัวเอง

หลินฟงจ้องมองดูหิมะที่หลับตานั่งนิ่งตรงหน้าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะลอบแอบมองใบหน้าอันมีเสน่ห์ของนาง

“เจ้ามองอะไร”หิมะกล่าวสวนกลับทั้งที่ยังหลับตาอยู่ ทำเอาหลินฟงได้แต่หน้าแดงตอบกลับทันควันไปว่า

“เปล่า ๆ ข้าไม่ได้มองใบหน้าของเจ้าเลยนะ” หลินฟงตอบหน้าแดงเขินอายหันไปมองที่อื่นก่อนจะไปสะดุดตาที่รูปปั้นเทพยูไลพันมือรูปหนึ่ง

“เจ้าควรจะโคจรพลังไปด้วย อย่างน้อยก็เสริมสร้างพลังวัตร” หิมะกล่าว แต่หลินฟงหาได้สนใจไม่ จิตใจยามนั้นพลันจดจ่ออยู่กับรูปปั้นหนึ่งตรงหน้า

“สวยงามยิ่ง” หลินฟงได้แต่ลอบตะลึงงันกับรูปปั้นยูไลพันมือที่อยู่ตรงหน้า พลันหลุดปากพูดไป

“เจ้าว่าอะไรนะ” หิมะกล่าวแทรกใบหน้าแดงก่ำหลงนึกไปว่าหลินฟงนั้นชมตนอยู่

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร” หลินฟงตอบกลับ

“ชิ เจ้าคนโง่” หิมะเลิกสนใจกลับมานั่งโคจรพลังต่อ

ในขณะที่หลินฟงนั้นได้แต่ลอบมองยูไล พันมือ อย่างเงียบ ๆ พร้อมทั้งทำสมาธิโคจรพลังไปด้วยจ้องมอง รูปปั้นเทพยูไลพันมือไปด้วย

และสุดจะคาดยามเมื่อหลินฟงโคจรพลังไปทั่วร่างพริบตานั้นเองก็พลันเหมือนเห็นยูไล พันมือนั้นค่อยๆ เคลื่อนมือร่ายรำเพลงหมัดเพลงฝ่ามืออย่างลึกล้ำสวยงามยิ่ง จะว่าจินตนาการหรืออุปทานก็หาจะอธิบายได้ แต่ยามนั้นหลินฟงได้แต่มองเห็นเป็นยูไล พันมือกำลังร่ายรำเพลงฝ่ามือสลับเพลงหมัด ประดุจหนึ่งสั่งสอนถ่ายทอด

เด็กหนุ่มได้แต่ทึ่งจ้องมองอย่างสนอกสนใจยิ่ง จ้องมองเพลงหมัดเพลงฝ่ามือเสมือนหนึ่งเข้าใจ จนกระทั่งมิทราบเวลาผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดในที่สุด ยูไลก็ร่ายรำจนจบพันมือก่อนจะกลับเป็นเหมือนดั่งรูปปั้นธรรมดา

หากว่านี้เป็นเพียงจินตนาการของเด็กหนุ่มไปเองก็นับว่าเด็กหนุ่มผู้นี้แท้จริงแล้วย่อมเป็นอัจฉริยะด้านบู๊ที่ยากจะหาได้ในรอบร้อยปีเป็นแน่

“หลินฟงเจ้ามองอะไรนะ” เป็นหิมะที่เริ่มกล่าวขึ้นมาก่อน

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร...ว่าแต่เจ้าหายดีแล้วเหรอ” หลินฟงตอบกลับเรียบ ๆ แต่ยามนั้นเด็กหนุ่มกลับคล้ายเปลี่ยนเป็นคนละคนไปแล้ว ดูสงบนิ่ง และเยือกเย็น จนหิมะรู้สึกสงสัยประหลาดใจ

“ข้าพเจ้าแม้นยังช้ำในอยู่แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว พอเดินเหินได้ จึงคิดว่าถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกเราควรรีบเข้าเมืองเถิด” หิมะกล่าว


ณ โรงเตี๊ยมในเมืองหลิ่วอัน

ภายในโรงเตี๊ยมยามนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนชาวยุทธ์มากมาย หิมะเดินชักนำหลินฟงเข้าไปหาเฒ่าแก่โรงเตี๊ยมทันที โดยที่ตรงข้อมือของนางนั้นก็มีผ้าแพรสีแดงที่ผูกเข้ากับข้อมือของหลินฟงเหมือนครั้งก่อน

“เฒ่าแก่ ท่านมีห้องว่างไหม” หิมะกล่าว

เฒ่าแก่มองไปที่หลินฟง และ หิมะอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะไปสะดุดตาตรงที่ผ้าแพรที่ผูกเข้าที่มือหิมะและหลินฟง ก่อนจะตอบกลับว่า

“เจ้าสองคนเป็นคู่แต่งงานใหม่หรืออย่างไร” เฒ่าแก่กล่าวตรงไปตรงมาทำเอาหลินฟงหน้าแดงไปทีเดียว

“ใช่แล้ว ว่าแต่ท่านมีห้องคู่สำหรับสองคนหรือไม่” เป็นหิมะที่ตอบกลับหน้าซื่อตาใส ขัดกับหลินฟงที่เอาแต่เขินอายผิดธรรมดา

“พวกท่านสองคนโชคดีไม่น้อย พอดีเหลือแค่ห้องสุดท้ายห้องเดียว”

หลังจากที่หลินฟง และหิมะเข้าห้องพักได้ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อคนหนึ่งเอาเหล้าสุรามาให้พร้อมกับบอกว่าเป็นเหล้าเลี้ยงแต่งงานที่เฒ่าแก่นำมาให้เป็นพิเศษด้วยว่าเอ็นดูเด็กทั้งสอง

“เหล้าฉลองแต่งงานเหรอ” หลินฟงลอบกล่าวเสียงสูง

“ดีแล้วมิใช่หรือ หนาว ๆ เช่นนี้ดื่มสักหน่อยจะเป็นไร” หิมะกล่าวก่อนจะรินเหล้าให้หลินฟง

“เจ้าดื่มเป็นเหรอ” หลินฟงกล่าวถาม

“ไม่เป็น แต่ผู้อื่นบอกว่ามันช่วยอุ่นร่างกายได้วิเศษนัก” หิมะกล่าวจบก็รินให้จอกตัวเองบ้าง

“ข้ามีอะไรจะถามเจ้าเสียหน่อย” หลินฟงเริ่มกล่าวเปิดประเด็น

“มีวาจารีบเผย” หิมะลองจิบ ๆ สุราก่อนจะรู้สึกได้ว่ามันขม

“ทำไมเจ้าต้องไปสู้กับมังกรเย็น เอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเล่า” หลินฟงกล่าว

“มาดื่มกับข้าแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง” หิมะกล่าวก่อนจะหยิบยื่นจอกของตนขึ้นคะยั้นคะยอให้หลินฟงดื่ม และก็เป็นเด็กหนุ่มที่ดื่มอย่างเสียมิได้

“เรื่องมันนานมาแล้ว ตอนข้าเป็นเด็ก ยามนั้นไม่มีตำหนักหมื่นน้ำแข็งของมังกรเย็น หรือสำนักหมื่นอัคคีของมังกรร้อน มีแต่เพียงสำนักเคลื่อนดาราของพ่อข้าเท่านั้น ในขณะที่ตอนนั้นมังกรเย็น และมังกรร้อนก็เป็นเพียงแค่ลูกสมุนซ้ายขวาของพ่อข้า” หิมะยิ่งกล่าวถึงอดีตยิ่งมีสีหน้าเศร้าอย่างเห็นได้ชัด และยิ่งรินสุราถี่ยิ่งกว่าเดิม แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะรินให้หลินฟงเป็นแกมบังคับดื่มอีกด้วย

“แต่ด้วยมังกรเย็น และมังกรร้อน นั้นเลวทรามไร้เกียรติ ต้องการเป็นใหญ่เหนือพ่อข้าให้ได้ วันหนึ่งพวกมันทั้งสองจึงร่วมมือกันลอบจู่โจมพ่อข้าทีเผลอ จนในที่สุดเมื่อมันชนะพ่อข้าได้ก็จับท่านทรมานหมายรีดเอาเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายดารา” หิมะกล่าวน้ำเสียงเศร้าก่อนจะรินดื่มเหล้ามากขึ้นอีก ในขณะที่หลินฟงก็ต้องดื่มเป็นเพื่อนอย่างเสียมิได้

“โชคดีที่แม่นมของข้าสามารถพาข้าหนีออกมาได้พร้อมกับเคล็ดวิชา ท่านพ่อเมื่อทราบข่าวจึงหมดห่วงสลายพลังลาลับโลกไป” หิมะกล่าวด้วยน้ำเสียงเจ็บช้ำ

เมื่อหลินฟงฟังมาถึงตรงนี้จึงออกปากกล่าวบ้าง

“เหตุนี้เองที่เจ้าต้องล้างแค้นให้ได้”

“แต่มังกรเย็นมันสำเร็จพลังหมื่นน้ำแข็งขั้นที่สิบแล้ว ซึ่งทำให้ข้าไม่สามารถดูดกลืนพลังมันได้ จึงต้องอาศัยเจ้า หลินฟง” หิมะกล่าวก่อนจะจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินฟงอย่างมีความหมาย จากนั้นเธอจึงใช้สองมือเข้าจับกุมมือของหลินฟงอย่างแผ่วเบาแล้วกล่าวต่อไปว่า

“หลินฟงข้าพเจ้าต้องการท่าน….” แต่มิทันจะพูดจบหิมะก็พลันสลบหมดสติฟุบนอนด้วยฤทธิ์สุราไปเสียก่อน

หลินฟงยามนั้นก็หน้าแดงด้วยฤทธิ์เหล้าประหนึ่งคนเมาเช่นกัน แต่ฉับพลันพริบตาเดียวที่หนุ่มน้อยโคจรพลัง ปราณของหยกน้ำเงินก็ทำให้ฤทธิ์ของเหล้าในกายนั้นสลายกลายเป็นเหมือนน้ำเปล่าไปสิ้น หลินฟงกลับมามีสติแจ่มใสอีกครา

เขาค่อย ๆ ชักมือออกจากการจับกุมของหิมะอย่าเบา ๆ จากนั้นจึงค่อย ๆ ปลดผ้าแพรที่ผูกไว้ที่ข้อมือของเขาได้อย่างง่ายดาย จากนั้นจึงลุกออกจากหิมะไปอย่างเงียบ ๆ

“ประมาทเกินไปแล้ว ทั้งที่ข้าพเจ้าก็บอกแล้วแท้ ๆ ว่าเมื่อมีโอกาสก็จะหนีไปทันที” หลินฟงกล่าวก่อนจะเดินจากไป

แต่ไม่นานนักเขาก็กลับมาใหม่พร้อมกับผ้าห่มที่นำมาคลุมร่างของหิมะไว้ แล้วจากนั้นเขาจึงผูกแขนของตนไว้ด้วยผ้าแพรสีแดงเฉกเช่นเดิมพร้อมทั้งนั่งมองใบหน้าอันไร้เดียงสายามหลับของหิมะน้อย




 

Create Date : 27 พฤศจิกายน 2550
0 comments
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2550 16:36:28 น.
Counter : 596 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


Bluejade
Location :
Birmingham Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ช่วงนี้ออกนิยายชื่อ จอมเทพกระบี่มาร จ้า ใครชอบแนวนิยายจีนลองหามาชมได้นะเออ

Friends' blogs
[Add Bluejade's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.