ไปดินเนอร์สไตล์อเมริกันที่ BJ'S Restaurant ที่ใช้อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป็นสีดำกันค่ะ
สวัสดีค่ะ เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ชาวบล๊อกแก็งค์
อย่างที่ดิฉันเคยบอกว่าชีวิตดิฉันตั้งแต่แต่งงานแล้วมาอยู่อเมริกา ก็ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ดังนั้นยามว่างของดิฉันก็คือช๊อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าและสรรหาของทานที่อร่อย ๆ แต่ก่อนที่จะพาไปภัตตาคารแห่งนี้ ดิฉันก็อยากจะมาเล่าความในใจเกี่ยวกับการทำงานที่ห้างฯ ที่ดิฉันทำงานให้เพื่อน ๆ และน้อง ๆ ได้ฟัง
อย่างที่ได้เคยบอกเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ว่าการทำงานห้างฯแห่งนี้ ทำให้ดิฉันได้มีสังคม ได้มีเสื้อผ้าที่ทันสมัยและซื้อเสื้อผ้าได้ในราคาถูก ได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกวัน นอกจากนั้นก็ได้เรียนรู้พฤติกรรมของคนอเมริกันในรูปแบบต่าง ๆ สำหรับวันนี้จะมาเล่าถึงลูกค้าที่ชอบมาขโมยเสื้อผ้าที่ห้างฯ ค่ะ
อย่างที่เพื่อน ๆ และน้อง ๆบางคนที่ได้เคยไปห้างฯ ที่ดิฉันทำงาน คงพอทราบว่าเสื้อผ้านั้นไม่มีระบบเซนเซอร์ป้องกันการขโมยออกจากห้างฯ เหมือนห้างฯ อื่นๆ ฉนั้นคนที่คิดจะมาขโมยก็จะเป็นพวกหน้าซ้ำ ๆ แล้วก็ทำกันเป็นกลุ่ม
สำหรับดิฉันนั้นไม่ได้อคติกับคนผิวดำ แต่ที่สังเกตุส่วนใหญ่ลูกค้าที่ชอบมาขโมยจะเป็นคนผิวดำ แล้วก็เป็นผู้หญิง วิธีการขโมยของเธอก็ซ้ำ ๆ ซาก ๆ คือมากันเป็นกลุ่มแล้วแยกกันไป แล้วทำท่าว่าจะซื้อเสื้อผ้า แต่พอเผลอพวกเธอก็จะรับจัดการจัดใส่ถุงที่พวกเธอเตรียมมา บางครั้งลูกค้าทนเห็นพฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้ ก็มาบอกพนักงานที่ห้าง อย่างเมื่อหลายวันก่อน ขณะที่ดิฉันกำลังทำงานอยู่ ได้มีลูกค้าคนหนึ่งมาบอกว่าเค้าเป็นพวกผู้หญิงผิวดำ มากันสามคน กำลังหยิบเอาเสื้อผ้าที่ห้างฯ ดิฉันทำงานอยู่ใส่กระเป๋าใบใหญ่ของตัวเอง ให้ดิฉันสังเกตุ
พอเธอบอกดิฉันก็กล่าวขอบคุณ แล้วก็เดินไปบอกผู้จัดการ ผู้จัดการก็บอกกับพนักงานคนอื่น ๆ ให้จับตากลุ่มพวกนี้ วิธีที่พนักงานอย่างเราทำก็คือ เวลาเจอพวกกลุ่มนี้เดินผ่านก็แกล้งเข้าไปทัก เพื่อให้พวกเค้าทราบว่าพวกเรากำลังจับตามองอยู่ แล้วเพื่อนดิฉันเมื่อเห็นพวกเค้าก็เข้าไปทัก เชื่อไหมค่ะพวกเธอแสดงความไม่พอใจ บอกว่าวันนี้ที่ห้างฯดิฉันเป็นอะไรไป พวกเธอเดินไปที่ไหนก็เข้ามาทักพวกเธอ เพื่อนดิฉันก็ได้แต่ยิ้ม เพราะเพื่อนดิฉันรู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าพวกเราเข้าไปทัก พวกคนผิวดำเหล่านั้นจะรู้ว่าพวกเรากำลังจับตามอง สำหรับวันนั่นพวกเธอเดินออกไปก็ได้เสื้อผ้าไปถุงใหญ่เหมือนกัน เพราะพวกเราไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากพวกเราไม่สามารถจับได้คาหนังคาเขา ได้ฟังจากลูกค้ามาฟ้อง แล้วพวกพนักงานอย่างดิฉันถึงรู้ทั้งรู้ว่าพวกเค้าขโมยเสื้อผ้าแล้วใส่ถุงตัวเอง ก็ไม่สามารถเข้าไปค้นตัวได้และอีก อย่างประตูทางออกไม่มีเสียงร้อง
มีบางประเภทก็ต้องบอกว่าเป็นผู้หญิงผิวดำอีกล่ะคะ มากันเป็นกลุ่มแล้วแยกย้ายกัน แกล้งคุยโทรศัพท์ตลอดทางที่เลือกเสื้อผ้า พอพวกพนักงานอย่างดิฉันเผลอก็หยิบเสื้อผ้าใส่ถุงที่พวกเค้าเตรียมผ้า เรียกว่าพวกเราก็พอจำหน้าได้ แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องคอยเข้าไปทัก แล้วพวกนี้ก็มากันบ่อยมาก ๆ
สำหรับบล๊อกล่าสุดที่ดิฉันเขียนคือสูตรการทำขนมกระหล่ำปลีทอด //www.bloggang.com/mainblog.php?id=jiney&month=24-07-2009&group=28&gblog=17
หลังจากมาฟังเรื่องความในใจของดิฉันแล้วตามธรรมเนียม ก็มาเข้าเรื่องไปดินเนอร์สไตล์อเมริกันที่ BJ'S Restaurant ที่ใช้อุปกรณ์ส่วนใหญ่เป้นสีดำกันค่ะ
ภัตตาคารแห่งนี้ ตามปกติดิฉันและสามีไม่เคยเข้าไปทาน สำหรับดิฉันนั้นจะขับรถผ่านทุกวันที่มาทำงาน แล้วก็เห็นคนเข้าไปทานกันมาก ดิฉันจึงบอกกับสามีว่าน่าจะลองเข้าไปภัตตาคารแห่งนี้ดูบ้าง เพราะขับรถผ่านที่ไร ก็เห็นรถจอดเต็มไปหมด คิดว่าอาหารคงจะใช้ได้ พอเข้าประทับใจมาก ๆค่ะ เพราะใหญ่มาก และแบ่งออกเป็นบาร์และภัตตาคาร แล้วก็รอคิวไม่นานด้วย พอเข้าไปก็เห็นพนักงานใส่เสื้อและกางเกงสีดำ ก็ตามปรกติของพนักงานที่ทำงานที่ภัตตาคารที่อเมริกา แต่แปลกใจก็คือของส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นสีดำ เช่นผ้าห่อช้อนส้อมและกล่องใส่อาหาร ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไรในอเมริกา
นี่ค่ะคือภัตตาคารที่ดิฉันและสามีไปทานดินเนอร์กัน
ด้านหลังค่ะ ต้นไม้ที่อยู่นั่นดิฉันว่าเหมือนต้นกล้วยเลยค่ะ
ด้านหน้าที่จะเดินเข้าไปค่ะ ภัตตาคารแห่งนี้เป็นกึ่งบาร์และภัตตาคารค่ะ ถ้าดิฉันไม่ได้มาเสียดายแย่เลย เพราะเป็นภัตตาคารที่ใหญ่และดูดีมาก ๆ เลย
นี่ค่ะเมนูอาหาร
ตัวอย่างเมนูอาหารค่ะ เห็นพิซซ่าไหมค่ะ น่าทานมาก ๆ จ้องให้ดีน่ะค่ะ สามีดิฉันจะสั่งค่ะ แล้วมาดูว่าตอนที่เสริฟกับภาพในเมนูต่างกันหรือไม่
เมนูที่อยู่ตั้งโต๊ะค่ะ
อย่างที่บอกข้างต้น ภัตตาคารแห่งนี้เป็นกึ่งภัตตาคารและผับ จึงผลิตเบียร์เอง สามีดิฉันสั่งเบียร์ที่ภัตตาคารแห่งนี้ผลิตเองด้วย สามีบอกว่าสีสรรดูเข็มข้นมาก
สำหรับดิฉันก็สั่งน้ำเปล่าค่ะ เห็นไหมค่ะผ้าห่อภาชนะช้อน ส้อม มีดเป็นสีดำ ซึ่งปกติเราจะเห็นเป็นผ้าสีแดงหรือขาว ภัตตาคารแห่งนี้ใช้สัญญลักษณ์สีดำแทบทุกอย่างค่ะ เดี่ยวเพื่อน ๆ และน้อง ๆ จะได้เห็นกล่องใส่อาหารสีดำ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นปกติ อย่างที่บอกที่อเมริกสีดำเค้าถือเป็นสีคลาสิคค่ะ
แกะออกมาก็จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการทานอาหาร
สำหรับรายการอาหารที่ดิฉันสั่ง ก็หนีไม่พ้นซีโครงหมูค่ะ อย่างที่เพือน ๆ และน้องก็คงพอทราบว่าดิฉันไม่ชอบทานสเต็ก แล้วมาภัตตาคารแบบนี้ก็ชอบทานซีโครงมากกว่า เพราะทำเองยุ่งยาก ไม่นุ่มเหมือนภัตตาคาร ดิฉันจึงสังซีโครงหมูขนาดใหญ่มาก ๆ ที่นี่ดีค่ะเค้าเสริฟสลัดให้ด้วย อาหารจานแรกของดิฉันมาแล้วค่ะ เป็นสลัดค่ะ
ทุกครั้งที่ดิฉันจะทานอะไร จะต้องเอาผ้าที่ห่อจาน ช้อนส้อมและมีดมารองกันเปื่อนค่ะ
สำหรับสามีอย่างที่บอกสั่งพิซซ่า ระหว่างที่รอ พนักงานเสริฟก็นำอุปกรณ์มาเตรียมรอไว้
พิซซ่ามาเสริฟแล้วค่ะ
มาดูใกล้ ๆ น่าทานไหมค่ะ
ตักใส่จานค่ะ สามีเป็นคนทานเผ็ด ทุกครั้งที่ทานพิซซ่าจะต้องใส่พริกป่น ไม่ทราบว่าดิฉันเป็นคนเดียวหรือไม่ค่ะ แรก ๆ ที่มาอเมริกาใหม่ๆ ทานพิซซ่าจะต้องใส่ซอสมะเขือเทศลงไปด้วย พอสามีดิฉันเห็นบอกว่าแปลก เพราะคนอเมริกันเค้าทานพิซซ่าโดยไม่ต้องเพิ่มซอสมะเขือเทศเข้าไปอีก เวลาดิฉันไปบอกใคร ๆ ว่าเวลาดิฉันทานพิซซ่าต้องใส่ซอสมะเขือเทศเพิ่มลงไปด้วย เพื่อความเข็มข้น พวกคนอเมริกันจะบอกว่าดิฉันแปลก
อย่างที่เพื่อน ๆ และน้อง ๆ คงพอทราบว่าดิฉันเวลาไปภัตตาคารที่ไร ต้องสั่งซี่โครงทานเพราะทำเองไม่นุ่มและอร่อยเท่าที่ภัตตาคาร วันนี้ก็สั่งซี่โครงอีกค่ะ แล้วสั่งแบบจานใหญ่ เพราะถ้าจานเล็กจะได้ซี่โครงไม่มาก เพิ่มเงินอีกไม่กี่เหรียญก็ได้จานใหญ่เท่านี้ จานนี้ตกยี่สิบเหรียญค่ะ
มาดูใกล้ ๆ ค่ะว่าในจานดิฉันมีอะไรบ้าง
มันอบอร่อยมาก ๆ เลย ใส่เบคอนและชีสลงไปด้วย
ซี่โครงหมูแบบเต็มพิกัด เพราะดิฉันสั่งแบบจานใหญ่คะ สำหรับซี่โครงที่ภัตตาคารแห่งนี้ ดิฉันว่าเค้าใช้เวลาต้มให้เปื่อยนานไป จึงไม่ค่อยได้รสชาดเวลาเอามาบาบิวคิว แต่ให้มากกว่าภัตตาคารอื่น ๆ ที่ดิฉันเคยไปทาน
ที่อเมริกาไม่ต้องอายน่ะค่ะ ถ้าเราทานไม่หมด สามารถขอกล่องใส่อาหารกลับบ้านได้ อย่างที่บอกภัตตาคารแห่งนี้ ใช้สีส่วนใหญ่เป็นสีดำ โฟมกล่องอาหารก็เป็นสีดำ ไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยนัก
ขอขอบคุณเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ที่มาเยี่ยมบล๊อกดิฉัน มีความสุขมาก ๆค่ะ
Create Date : 28 กรกฎาคม 2552 |
|
33 comments |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 5:57:15 น. |
Counter : 2526 Pageviews. |
|
|
|
ไปดินเนอร์แล้วไม่ชวนส้มเลยน่ะ
ปล่อยให้เรานอนหิวข้าว....