โลกนี้แสนสวยงาม... อยากให้เธอได้อยู่ร่วมชม...............
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
30 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 

ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังเสียงระเบิด

ชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังเสียงระเบิด

โดย สรวิศ ชุมศรี schumsri@yahoo.com

"มาถึงกรุงเทพฯวันแรกไข้จะขึ้น คนก็เยอะไปหมด ตึกก็สูงอย่างนี้"

หลายคนที่นานๆ ครั้งได้มีโอกาสเข้ามาในกรุงเทพฯก็คงจะคิดคล้ายๆ กันกับเขา

"อนุวัต ธรรมรัตน์พงศ์" กลับเข้ามากรุงเทพฯอีกครั้ง หลังจากที่เคยมาเมืองหลวงแห่งนี้เมื่อกว่า 10 ปีก่อนเพื่อหาซื้อสินค้าไปขายที่หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่วันนี้เขาไม่ได้มาเพราะเรื่องการค้า แต่ชายวัยกลางคนผู้นี้มาเพื่อ "ลูก" ของเขา...

หากใครยังจำได้ เมื่อหัวค่ำวันที่ 3 เมษายน 2548 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุดในพื้นที่หาดใหญ่ มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สมาชิกของครอบครัว "ธรรมรัตน์พงศ์" ทั้ง 6 คน โชคร้ายที่ตกเป็นเหยื่อจากเหตุการณ์นั้น

"วันนั้นครอบครัวผมไปเดินซื้อของ แล้วก็ไปทานข้าวกันที่ห้างสรรพสินค้าคาร์ฟูร์ หาดใหญ่ ทานเสร็จก็ออกมาเดินเล่นหน้าห้าง เขามีเปิดท้ายขายของกัน พอจะกลับเข้าไปในห้าง เพื่อจะไปขึ้นรถที่จอดในห้างกลับบ้าน..." อนุวัต ย้อนวันอันเลวร้าย "ช่วงที่เดินกลับเข้าห้าง ยังไม่เข้าไปในตัวอาคารของห้าง ก็เกิดระเบิด"

"เพียงแต่ว่าแต่ละคนที่อยู่ในเหตุการณ์เขาไม่ทราบว่าเขาโดนระเบิด เขาก็ตกใจว่าทำไมเนื้อตัวเหวอะหวะ เป็นแผล เลือดโชกไปหมดทั้งตัว พอไปถึงโรงพยาบาลถึงได้รู้ว่าโดนระเบิด"

แรงระเบิดในครั้งนั้นส่งผลให้ "เก่ง" ธีรพัฒน์ ธรรมรัตน์พงศ์ ลูกชายคนเล็กของอนุวัตสูญเสียขาขวา แต่ความสูญเสียทางร่างกายคงไม่เท่ากับจิตใจ

"ถึงวันนี้ผมไม่ค่อยเปิดทีวีดูนะ พอมีข่าวเรื่องฆ่ากัน หรือเรื่องการวางระเบิด ผมก็กลัวว่าลูกผมจะเห็น มันเป็นภาพที่เราไม่อยากให้เขาเห็นอีก ส่วนใหญ่ก็จะดูการ์ตูน หนัง พอเป็นภาพข่าวเราก็จะกดรีโมตทิ้ง เราจะไม่ฟัง" ผู้เป็นพ่อพูดสะเทือนใจ

"เกิดเหตุการณ์ระเบิดเพียงหนึ่งครั้ง ครอบครัวเรากระทบมาก มันเปลี่ยนไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นด้านจิตใจ การค้า รายได้ ด้านสุขภาพของแต่ละคน ดีที่บ้านผมเขารักกันดี พี่สาวผมก็ช่วยดูแลหลานให้"

"เมื่อก่อนก็ทำการค้าแบบครอบครัว จะมาพูดคำว่าผมขายอะไหล่รถยนต์ ก็นึกว่าขายอะไหล่รถยนต์ต้องรวย ทุกอาชีพก็ต้องมีคนรวยคนจน ต่อให้ร้านขายทองขายเพชรก็ต้องมีทั้งร้านรวยและร้านจน ร้านขายอะไหล่ก็เช่นกัน ร้านเราอยู่อย่างสมถะ อยู่กันอย่างพอเพียง แต่พอเกิดเหตุการณ์ก็มีส่วนกระทบ ลูกค้าประจำที่อาจมาหลายครั้งแล้วเราต้องปิดร้าน เขารอไม่ไหวก็ไปซื้อร้านอื่น"

หลังจากที่เก่งรักษาตัวอยู่ที่หาดใหญ่ได้สักระยะหนึ่ง แพทย์ได้แนะนำให้อนุวัตพาลูกชายคนเล็กของเขามารักษาตัวต่อที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีความชำนาญด้านกระดูกมากกว่าแพทย์ที่หาดใหญ่

"มากัน 3 คนกับลูกชายคนโตอีกคน เขามาทำงานกรุงเทพฯแล้ว มาก็ไม่ได้มีญาติพี่น้องที่นี่ คุณหมอที่หาดใหญ่บอกให้มาที่โรงพยาบาลเลิดสิน เขาบอกว่าที่นี่ชำนาญเรื่องกระดูก"

"หมอที่นี่ก็บอกเราว่า ขาข้างขวามีแผล เป็นเนื้อตาย เกิดจากการกดทับ ก็ต้องผ่าออก ส่วนขาข้างซ้ายที่กระดูกหัก คุณหมอทางหาดใหญ่ก็เอากระดูกส่วนอื่นมาเชื่อมให้แล้ว แต่ว่ามันหักหลายท่อน หมอทางนี้เลยบอกว่าจะผ่าเอาเหล็กที่ดามข้างนอกออก แล้วเอาเหล็กไปไว้ข้างในแทน จะไม่เห็นเหล็กแล้วต่อไปนี้"

วันนี้สภาพจิตใจของเก่งดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังไม่ค่อยพูดจากับใครมากนัก ได้แต่ยิ้มเมื่อมีคนแปลกหน้าพูดคุยด้วย ร่างกายดูซูบผอม อนุวัตบอกว่าปกติลูกของเขาก็เป็นคนพูดน้อยและทานข้าวน้อยอยู่แล้ว

ตอนนี้เก่งต้องพักการเรียนไปก่อน มีเพียงคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของพี่ชายอยู่กับเขาบนเตียงผู้ป่วยในโรงพยาบาล แทนเพื่อนๆ ที่เคยวิ่งเล่นกับเขาในโรงเรียน

การที่อนุวัตต้องปิดร้านมาดูแลลูกชาย อีกทั้งภรรยา และลูกสาวอีกคนก็ยังอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้รายได้ของเขาไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลที่ได้รับเบื้องต้นเพียงคนละ 17,000 บาท จากนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และจากเงินป้องกันจังหวัด กาชาดจังหวัด และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ล่าสุด น้องเก่งได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มจากคณะกรรมการเยียวยาในคณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ ที่มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน อีก 80,000 บาท สำหรับ "ขา" ที่เสียไป ส่วนคนอื่นได้ 50,000 บาท ลดหลั่นกันลงมา

"ตอนนี้ขอความช่วยเหลือเป็นทุนการศึกษาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ลูกๆ ทำเรื่องไปแล้วแต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ เขาบอกจะรับไปพิจารณา คิดว่าคงอนุมัติ แต่จะช้าจะเร็วเท่านั้น เขาบอกว่าคงไม่ได้มากนะ" หัวหน้าครอบครัวเล่าถึงทางเลือกทางรอดของชีวิต "มากน้อยเราไม่ได้ว่า ขอแค่ช่วยเหลือกันก็พอ"

วันนี้ไม่ได้มีเพียงครอบครัว "ธรรมรัตน์พงศ์" เท่านั้น ที่ต้องตกเป็น "เหยื่อบริสุทธิ์" จากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากแต่ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ร่วมชะตากรรมเดียวกันกับพวกเขา ซึ่งหลายครอบครัวก็ได้รับความช่วยเหลือกันไปบ้างแล้ว มากน้อยกันไป

ถ้าจะถามพวกเขาถึงความช่วยเหลือที่พวกเขาต้องการได้รับ คงไม่ใช่จำนวนเงินอย่างที่อนุวัตได้กล่าวไว้ หากแต่เป็นความเอาใจใส่อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องรอให้กระแสสังคมเป็นแรงผลักดัน...

*****************
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ ๒๖ มิถุนายน
//www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01way02260648&day=2005/06/26




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2548
0 comments
Last Update : 30 มิถุนายน 2548 14:07:28 น.
Counter : 613 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เด็กชายก้อง
Location :
แพร่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




แม้วันนี้เติบใหญ่
มาได้หลายฝนแล้ว
แต่ในใจก็ยังคง
เผื่อพื้นที่เล็กๆ
ไว้ให้เป็น
"เด็กชาย"

ดังนั้น ในบางครั้ง
พื้นที่บล็อกนี้
จึงมีพื้นที่
ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว
และในบางพื้นที่
ยังคงเก็บไว้บ้าง
ให้สำหรับ
"เด็กชายก้อง"


.................

เพลง Lemon Tree
โดย Fools Garden
Get this widget | Share | Track details



















Friends' blogs
[Add เด็กชายก้อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.