เริ่มจานแรกด้วย Last Leaf ใบชะมวงกับไข่มดแดง รสจะออกเปรี้ยวๆ มีความฝาดจากใบชะมวง ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ

Finest แป้งเกี๊ยวไส้ปูและครีมชีส กินกับน้ำซอสมินต์ออกเปรี้ยวหวานให้ความรู้สึกสดชื่น 

Tri-Angels กุ้งลายเสือกับแป้งตอติญ่าทอดกรอบ หอมกลิ่นพริกไทยดำดีค่ะ จานนี้เชฟได้แรงบันดาลใจจากปีกนางฟ้าที่โบยบิน

Appetizer จานแรก Sailor ปลาหมึกยักษ์แร่บางๆกับซอสส้มยูสุ ออกเบาๆสดชื่น กระตุ้นความอยากอาหาร

Vanilla Sky เนื้อวากิวหั่นเต๋าๆเนื้องนุ่มวางบนขนมผักกาด ซอสเข้มข้นอร่อยค่ะ

ถ้าใครไม่กินเนื้อ ขอเปลี่ยนเป็นไก่ได้ค่ะ

ต่อด้วยหมวด Soup ชื่อ Monsoon หรือ 'มรสุม' ได้แรงบันดาลใจมาจากกลิ่นอายของทะเลแคริบเบียน ที่จะพัดพาเอาคลื่นลมแรงมาปะทะชายฝั่ง จานนี้ปรุงด้วยเครื่องเทศและสมุนไพรหลายชนิด กินกับหอยเชลล์ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ

ก่อนเข้า Main มีพวกผลไม้ เพื่อล้างปาก จะได้รับรสชาติของเนื้อได้เต็มที่

Main Course เลือกเป็น Cloud Nine เค้กปูกินกับข้าว Saffron ราดซอสมะขาม ข้าวมีกลิ่นเครื่องเทศหอมๆ ตัวเค้กปูอร่อยดีค่ะ

อีกจานคือ Mid-night Snow (+600 THB) ปลาหิมะกับพาร์ม่าแฮม มาพร้อมข้าวญี่ปุ่นที่คลุกซอสดีปลาหมึกดำแบบเข้มข้น

ขนมหวาน เป็นแครกเกอร์กินกับครีมมะพร้าว มีแบบหวานและเค็ม ด้านบนเป็นไดฟูกุ ด้านล่างวางด้วยฝอยทอง ส่วนในถ้วยคือ ครีมบูเล่สังขยาข้าวเหนียวมูน เป็นอันว่าจบมื้อของวันนี้ค่ะ 

ส่วนตัวการมาลองวังหิ่วห้อยครั้งแรก นับว่าตื่นตาตื่นใจ ได้เห็นหิ่งห้อยตัวเป็นๆ และจำนวนเยอะมาก บรรยากาศร้านสวย เหมาะกับการมาเดท หรือโอกาสพิเศษ อาหารค่อนข้างแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร นับว่าเปิดประสบการณ์การทานอาหารจริงๆค่ะ หากใครสนใจสามารถของผ่าน Website ได้ค่ะ

https://wanghinghoi.com/element.php