เงาสะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่าง (ไผ่แดง)

	2 วันที่ไปทำงานนอกสถานที่เกิดความรู้สึกโลกหยุดหมุนอยู่ตรงที่เหนื่อยกับเหนื่อยที่สุด อาจเป็นเพราะอากาศร้อนมากในตอนนี้ก็เป็นได้ ระหว่างที่ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้วิชาเรียนไป เราอยู่ข้างนอกห้องอบรมได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ปัญหาชีวิตการทำงานกับเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนหนึ่งไป...ปัญหาของน้องเกิดจากได้ยินได้ฟังคนอื่นชอบพูดถึงเธอในแง่ไม่ดี มีข่าวลือไม่ดีต่างๆ นานามากมาย สำหรับตัว จขบ. เองเคยได้ยินคนอื่นพูดถึงเธอในแง่ไม่ค่อยดีมาบ้างแต่ไม่เคยเชื่อ...เพราะเป็นคนไม่ชอบคิด และพูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดีและไม่ชอบฟังคนอื่นพูดถึงคนอื่นในแง่ไม่ดีด้วย.... จนวันนี้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนนี้เล่าให้ฟังว่า มีข่าวลือในแง่ชู้สาวเกี่ยวกับเธอมากมายซึ่งมันไม่ได้เป็นความจริงเลยสักนิด เธอแค่เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ไม่เลือกเพศเพราะทุกคนคือ พี่ คือเพื่อน คนอื่นมองเธอแค่ผิวเผินแล้วนำไปพูดถึงเธอต่างๆ นานา เรื่องการทำงาน จขบ. ก็เคยได้ยินคนในที่ทำงานเดียวกันชอบพูดถึงเธอว่าชอบทำงานตกๆ หล่นๆ แต่สิ่งที่เรามองเห็นในตัวเธอเท่าที่สัมผัส คือเธอเป็นคนทำงานเก่งและไว เป็นคนตั้งใจทำงานให้ดีและได้ดี...เราเองก็ไม่ได้รู้จักเธอดีพอมากมายมองเธอรู้จักเธอแค่ที่เห็นและได้รู้จักกันมาไม่สามารถการันตีเธอในข้อเท็จจริงว่าจริงหรือเท็จได้นอกจากเรื่องการทำงานว่าเธอเป็นคนทำงานดีอนาคตน่าจะไกล อาจเพราะเธอเป็นเด็กที่สุดในที่ทำงานใครๆ จึงชอบใช้ให้เธอทำโน่น นี่นั่นไปเรื่อยเปื่อย...คนอื่นใช้ยังไง จขบ.ไม่รู้และไม่สังเกต จขบ.ไม่เคยใช้น้องเลยสักครั้งมีแต่น้องเต็มใจวิ่งมาช่วยงานแบบไม่เกี่ยงงอน...เคยนั่งคุยกันแบบเปิดใจครั้งนี้เป็นครั้งที่สองด้วยเป็นคนเกิดราศีเดียวกันจึงมีลักษณะนิสัยบางอย่างที่คล้ายกัน คือ ความเป็นตัวของตัวเอง มีเสน่ห์น่าคบหามีความจริงใจ รักใครชอบใครรักจริงชอบจริง เป็นคนพูดจาเปิดเผยตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมมายากับใคร อุปนิสัยอ่อนโยนและเข้าใจคนอื่นเป็นคนใฝ่หาความรู้เป็นคนประเภทเรียนรู้ไม่เลิก รุ่นน้องคนนี้เธอกำลังเรียนต่อโท มีมนุษย์สัมพันธ์กับทุกคน เป็นตัวของตัวเองชอบไปไหนคนเดียวจนใครบางคนพูดว่าไม่เอาใครเพราะไม่ไปทานข้าวกับกลุ่มใด คือพอใจก็ไปไม่พอใจไม่อยากไปก็ไม่ไป... ด้วยความที่เป็นคนราศีเดียวกันก็เลยเข้าใจกันง่ายไม่ต้องอธิบายความให้ยืดเยื้อมากความ ฟังน้องเล่าก็เข้าใจความรู้สึก...ไม่มีอะไรดีเท่ากับคำปลอบโยน ด้วยการถามน้องว่าทุกวันนี้มีความสุขดีมั๊ยที่เก็บโน่นเก็บนี่มาคิด ใครจะพูดถึงเราในแง่ไหนก็ได้เพราะใจเค้าปากเค้า...ไม่มีใครห้ามปากและใจคนอื่นได้...ไม่ว่าเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม...คนพูดย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าสิ่งที่พูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง บางทีบางเรื่องก็ฟังคนอื่นต่อๆ กันมาไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริงก็พูดกันไปแล้ว ส่วนคนฟังก็คงไม่มีใครไปห้ามใครไม่ให้ไปฟังเรื่องของใครๆ ได้และก็ไม่มีใครไปห้ามไม่ให้ใครเชื่อหรือไม่เชื่อในสิ่งที่ฟังได้ด้วย เมื่อเราไม่สามารถไปห้ามคนพูดและคนฟังไม่ให้ฟังและพูดเรื่องต่างๆ ได้เราก็ต้องทำใจยอมรับว่ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้...เมื่อทำใจก็ต้องปล่อยวางยิ่งเป็นเรื่องไม่จริงที่คนๆ หนึ่งพูดเรื่องไม่จริงก็ไม่จำเป็นต้องไปวิตกกังวล เวลาเท่านั้นล่ะจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสิ่งที่เค้าพูดและฟังมาเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงหรือเท็จอย่างไร แต่ตอนนี้เมื่อเราได้รับรู้ว่ามีคนนำเรื่องของเราไปนินทาไปพูดในทางไม่ดีไม่จริงเราเกิดความทุกข์ไปเสียแล้ว ทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเราเลยสักนิดแล้วทำไมเราต้องทุกข์กับเรื่องที่เราไม่ผิดและไม่จริงล่ะ จึงบอกรุ่นน้องต่อว่า...ตอนนี้น้องรู้สึกแย่ รู้สึกทุกข์กับสิ่งที่คนอื่นทำ รู้สึกเสียใจ ทุกอย่างทำร้ายเราเองล้วนๆ ที่เราไปรับมันมาไว้ทำไมเราไม่ปลดปล่อยโดยไม่คิดเพราะเราไม่ได้ยินกับหูเอง สิ่งที่ได้ยินเพราะมีคนมาเล่าให้ฟังว่าคนโน้นคนนี้เล่าให้ฟังว่ามีคนว่าเราอย่างโน้นอย่างนี้ หากเรารับฟังได้ก็รับฟังถ้าหากรับฟังแล้วทำให้เกิดความทุกข์ท้อก็ไม่ควรรับฟัง อาจบอกปัดไม่รับฟังไม่รู้ดีกว่ารู้โดยเฉพาะเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกทุกข์ แต่ถ้าหากรับฟังแล้วทำใจได้ก็ควรรับฟังเพราะเราจะได้รู้จักคนอื่นได้ดีว่าแต่ละคนเป็นคนประเภทไหน อย่าไปใส่ใจกับคนโดยเฉพาะคนที่ไม่ดีที่ชอบนินทาว่าร้ายคนอื่น ถึงแม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องจริงก็ตามเพราะคนที่ดีจริงแล้วจะไม่พูดเรื่องของคนอื่น และไม่ควรนำเรื่องไม่ดีของคนอื่นไปพูดไปนินทาหรือไปบอกต่อยกเว้นบางเรื่องที่บอกต่อแล้วทำให้คนอื่นได้รู้จะได้ไม่ถูกหลอก เมื่อไม่อยากทุกข์ ก็ทำวันนี้ให้มีความสุขที่สุดอย่างแท้จริงกันดีกว่าด้วยการ มองตัวเองว่าเป็นคนดีและมีค่าทุกวัน โดยให้นึกถึงความดีและความโชคดีของตนเอง ตั้งแต่เริ่มตื่นนอนตอนเช้า ให้ยิ้มกับตัวเองและนึกว่าวันนี้โชคดีจังที่ได้ตื่นขึ้นมาอีกเช้าหนึ่งแล้ว แล้วนึกถึงแต่สิ่งดีๆ ที่ทำดีในแต่ละวันที่ผ่านมา ง่ายๆ นึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เพิ่งผ่านมาว่า ได้ทำความดีอะไรบ้าง ก็จะเกิดความรู้สึกสุขใจ อิ่มเอิบใจไปทั้งวันและเกิดความรู้สึกอยากทำความดีเพื่อให้รู้สึกดีๆ แบบนี้ทุกๆ วัน สิ่งที่ทำนี้ทำให้เราเกิดความรู้สึกอยากมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสิ่งที่ดีๆ ให้กับตัวเองและคนรอบข้างต่อไป มองโลกในแง่ดี ไม่มองคนอื่นในแง่ร้าย อย่างเรื่องราวของรุ่นน้องที่รับฟังมา บอกน้องให้ปล่อยวางใครพูดอะไรก็เป็นเรื่องของเค้าเราไม่ต้องไปใส่ใจ ไม่ต้องเก็บมาคิดให้รกสมอง ให้คิดว่ามนุษย์ย่อมมีทั้งดีและไม่ดีเราเองก็เช่นกันไม่ได้ดีหมด คนอื่นก็เช่นกันไม่มีใครดีหมดหรือเลวหมด ใครดีก็ยกย่องใครไม่ดีก็ดูไว้สอนตัวเองไม่เอาอย่างไม่ทำตาม เห็นคนอื่นนินทาเราๆ ก็เก็บเกี่ยวไว้ว่าการนินทาคนอื่นเป็นสิ่งไม่ดี ทำให้คนอื่นที่โดนนินทาเกิดความทุกข์เหมือนที่เรากำลังเกิด มันเป็นกรรมที่ไปสร้างความทุกข์ให้คนอื่น ถึงเราอโหสิให้แต่คนที่นินทากำลังสร้างกรรมเค้าก็ต้องได้รับกรรมตามไม่ช้าก็เร็วต้องโดนคนอื่นนินทาว่ากล่าวทำให้เกิดทุกข์เช่นกัน แต่ถ้าหากเรามองในสิ่งที่คนอื่นนินทาว่าร้ายเราให้เป็นแง่สร้างสรรค์ก็คิดเสียว่าที่เค้านินทาเราเพราะเราดีเราเก่ง เค้าว่ากันว่าคนดีคนเก่งก็มักมีคนหมั่นไส้นินทาว่าร้ายใส่ความเสมอๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ที่บ้านเมืองร้อนเป็นไฟไม่ใช่เพราะการอิจฉา หมั่นไส้คนดีคนเก่งหรอกหรือ...หึ หึ...(เข้าเรื่องจนได้) ทำวันนี้ให้ดีที่สุด ให้คิดเสียว่าอดีตเป็นสิ่งที่ไม่มีใครกลับไปแก้ไขได้ จงอยู่กับปัจจุบันและทำวันเวลาปัจจุบันให้ดีที่สุดส่วนจะทำได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่แต่ละคน ไม่ควรเก็บเรื่องราวในอดีตที่แก้ไขไม่ได้มาใส่ใจไม่ทุกข์คิดแค้น แต่อดีตเป็นสิ่งที่ดีคือบางสิ่งที่ทำผ่านมาแล้วไม่ดี ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าอะไรคือข้อผิดพลาดที่เราจะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีกและพร้อมจะนำไปแก้ไข ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดไม่ต้องไปคาดหวังในสิ่งที่ทำเพื่อให้คนอื่นรู้สึกดี ชื่นชมในสิ่งที่เราทำ แต่จงทำเพื่อให้ตัวเองรู้สึกดีมีความสุขด้วยความตั้งใจจริงอย่างเต็มความสามารถและตั้งใจที่สุดก็เพียงพอแล้ว มีความเชื่อว่าอนาคตเมื่อทำดีต้องได้ดี จงบอกกับตัวเองเสมอๆ ว่าอนาคตต่อจากนี้จะต้องดีขึ้นอีกเรื่อยๆ เพราะเราทำดีมาตลอด คนดีทำดีก็ต้องได้รับผลดี และความดีที่ทำมาตลอดก็จะส่งผลให้เกิดความรู้สึกดีมีความสุข ทำให้เกิดกำลังใจที่จะทำความดีมากยิ่งขึ้น อยู่กับปัจจุบันอย่างมีความสุข หัวเราะได้ในทุกสิ่งที่เกิด ไม่จริงจังกับชีวิตเกินไปควรรู้จักปล่อยวาง มีความหวังดีกับคนอื่น จงอย่าคาดหวังกับชีวิตมากไปเพราะถ้าหากเป็นไปตามที่คาดก็ดีไป แต่ถ้าวันใดชีวิตไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังก็จะทำให้เกิดความทุกข์ได้ แก้ไขตัวเองด้วยการปรับปรุงตัวเองเสมอ ไม่ว่าเรื่องการทำงาน ควรมีความขยันหมั่นเพียรอย่างสม่ำเสมอ ทำงานด้วยความอดทน พยายามหมั่นหาความรู้ใส่ตัวให้พอกพูนตลอดเวลา เพราะโลกสมัยใหม่มีเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงและก้าวหน้าเข้ามาในชีวิตคนเราได้ตลอดเวลา ไม่อิจฉาริษยา ไม่คิดแข่งขันด้วยการปัดแข้งปัดขาคนอื่น รู้จักมีน้ำใจเสียสละให้อภัยกันเมื่อใครคนหนึ่งผิดพลาด มีความเกรงใจกัน และเกรงกลัวในการทำสิ่งที่ไม่ดี มีความเป็นมิตรช่วยเหลือแบ่งปันมีน้ำใจให้กันและกันโดยเฉพาะคนที่มีโอกาสทางสังคมที่ด้อยกว่าเรา รวมทั้งการพูดจากันแบบปิยวาจา ต้องพัฒนาตนเองสม่ำเสมอ มีความภูมิใจตนเองตามความเป็นจริง ให้กำลังใจตนเองเมื่อยามท้อแท้ และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดีขึ้น อย่างกรณีรุ่นน้องได้สอนน้องว่าอย่าพยายามเปลี่ยนแปลงคนอื่นเพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนคนอื่นได้แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเราเองได้เพราะมันคือตัวของเราๆ บังคับตัวเองให้รับหรือไม่รับอะไรได้ ความคิดต่างๆ ก็เช่นกันถ้าหากความคิดที่เราคิดมีอิทธิพลทำให้เรารู้สึกแย่ไม่ดีก็จงหยุดคิด ถ้าเราคิดแต่สิ่งที่ดีๆ อยู่เสมอโอกาสที่เราจะเจอแต่สิ่งที่ดีก็มีมากกว่า แต่ถ้าหากไม่เจออย่างน้อยเมื่อเราคิดดีก็ทำให้เรามีความสุขในขณะที่คิดล่ะ คนที่ชอบว่าคนอื่น คือคนที่มองโลกในแง่ร้าย คนประเภทนี้มักจะไม่มีความสุขจะร้อนรุ่มไม่ได้อย่างใจเป็นคนขุ่นมัวอยู่ตลอดเวลา จึงมีคนบอกให้คนเราทำตัวให้เหมือนน้ำเย็นที่ใครๆ ก็อยากอยู่ใกล้ๆ น้ำนอกจากทำให้อยากดื่มกินแล้ว ยังนำมาชะโลมกายคลายร้อนได้ด้วย รุ่นน้องขอบคุณคำพูดหลายๆ คำของ จขบ. มากมายมองแววตาของน้องแล้วรู้ว่าสิ่งที่ จขบ.แนะนำคืออะไร เห็นแววตาแห่งความสุขและคิดอะไรได้ของน้องที่ จขบ.รู้สึกดีแม้เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานก็ตาม จขบ.ก็สบายใจแล้ว จงจำไว้ว่ากระจกยังมีสองด้าน คนเราก็เช่นกัน ก็มี 2 ด้าน คือ "ตัวเรา" และ "เงาสะท้อนของตัวเรา" เวลาที่เรายืนมองตนเองในกระจกเงา เราจะมีภาพสะท้อนให้เห็นตัวตนอีกคนหนึ่งของเราที่มีรูปร่างหน้าตาความสูงต่ำดำขาวเหมือนเราเปี๊ยบทุกอย่าง บางคนภายนอกเป็นคนดี แต่ภายในไม่มีใครรู้ได้ บางคนซ่อนความเศร้าไว้ข้างในแล้วเอาความร่าเริงให้อยู่ภายนอก บางคนซ่อนความขลาดเขลาไว้ในความหยิ่งยะโส นั่นเพราะคนเราต้องการสร้างภาพให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนเช่นไร บางคนหน้าตาดี จบการศึกษาดี มาจากตระกูลที่ดีคำพูดคำจาล้วนน่าฟังน่าศรัทธา แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงธาตุแท้ของคนๆ นี้ว่าสิ่งที่ฉาบอยู่ภายนอกที่ดูดีทั้งหมดเป็นแค่ภายนอก แต่เงาของคนๆ นี้ที่เดินตามเค้าไปทุกหนทุกแห่งมีเขาเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไรไม่มีใครหลอกตัวเองโกหกตัวเองได้ว่าลักษณะภายนอกที่ฉาบไว้สวยหรูแต่ภายในกลวงมีแต่สิ่งเลวร้ายหลอกลวงเคลือบไว้จนไม่น่าคบหาบางคนจนไม่น่าเอามาเป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมืองก็มี เพราะการฉาบให้ดูดีภายนอกนี่เองที่เป็นกับดักทำให้คนลุ่มหลงไม่เห็นเนื้อแท้ข้างในว่าเป็นเช่นไร และรู้บ้างไหมว่าในเงาสะท้อน ถ้าเรามองให้ดีๆ จะเห็นอะไรบ้าง ท่ามกลางรอยยิ้มที่ดูมีไมตรี คำพูดที่พูดถ่ายทอดมานิ่มนวลน่าฟัง มีใครรู้บ้างว่าอะไรเป็นความหลอกลวง หลอกตา บางทีเงาก็ไม่ได้สะท้อนภาพแห่งความจริงได้ "เงา" ไม่ได้มองความเป็นจริง เป็นแค่สะท้อนภาพบิดเบือนของความจริง คนมากมายต่างเชื่อในสิ่งที่เห็นและฟัง แต่ไม่รู้ว่าเนื้อแท้นั้นถูกบิดเบือนไปแค่ไหน "คำพูด" ที่เปล่งเสียงออกมานุ่มนวลและบิดเบือนความคิดของคนฟังที่รับฟังเรื่องราวที่บิดเบี้ยว และเชื่ออย่างสนิทใจ ยึดมั่นอย่างงมงาย...จนเกิดความ "อคติ" กับสิ่งที่ถูกต้องเกิดความอคติในใจในสิ่งที่ต้องการบิดเบือน โดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกการบิดเบือนเข้าครอบงำ ทำให้มองเห็นแต่สิ่งที่คนบิดเบือนต้องการให้มองเห็น ไม่คิดหาเหตุผลเพราะใจอยากรับแต่สิ่งที่บิดเบือน โดยไม่ยอมรับความจริง เลือกมองภาพที่ถูกบิดเบือนด้วยความเกลียดชังนั่นเพราะคนเราเลือกฟังในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าสิ่งที่คิดและตัดสินใจถูกต้องแล้วทั้งที่ไม่ได้ถูกมาตั้งแต่ถูกบิดเบือนแล้ว บางครั้งความจริงอยู่ตรงหน้า แทบจะกระแทกตาเห็นกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่เงาสะท้อนของการบิดเบือนกลับทำให้คนมองภาพเกิดความอคติจนทำให้เกิดอาการตาบอด แต่จงจำไว้ว่า "ทุกคำพูดที่คนๆ หนึ่งพูดถึงผู้อื่น ยอ่มสะท้อนตัวตนที่แท้จริงของคนที่พูด" บางคนเวลาหนึ่งพูดอย่างหนึ่ง...เมื่อเวลาผ่านไปกลับลืมคำพูดที่ตัวเองได้พูดไว้เพราะเหตุการณ์ตอนนี้ตนเองไม่ได้เป็นรองแล้ว คนประเภทนี้ไม่สมควรเชื่อถือ และถ้าหากเป็นผู้นำก็ไม่ใช่ผู้นำที่ดี ผู้นำที่มีคำพูดกลับกลอกตลอดเวลา วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้ก็พร้อมที่จะพูดอีกอย่างได้เสมอ ผู้นำประเภทนี้ควรหลีกหนีให้ไกล แต่ถ้าหากหลีกหนีไม่ได้ก็สมควรไล่ผู้นำประเภทนี้ออกนอกองค์กรไป หรือถ้าเป็นระดับประเทศแล้วล่ะก็ต้องไล่ไปอยู่นอกโลกดีป่ะคะ......5555555.... คำสอนวันนี้ "การให้ย่อมทำให้คนมีความสุขยิ่งกว่าการรับ" "จงให้ความสำคัญเท่ากันไม่ว่าคนนั้นจะมีอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าก็ตาม" "จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน อย่าตัดสินคนอื่นเพราะแค่ความเชื่อ" "เมื่อรู้ตัวว่าทำผิด จงลงมือแก้ไขทันที" "คนกลับกลอก ยังไงก็กลับกลอก พอๆ กับคนตัวดำหน้ากร้อคอสั้นผมหยิกคงไม่ได้" "ผู้นำที่ดีแต่พูด แต่ทำงานไม่ได้เรื่องควรไล่ออกสถานเดียว" ไผ่แดง ศิลปิน : เทียรี่ เมฆวัฒนา ไผ่เป็นลำเป็นกลุ่มเป็นกอ ไผ่จะล้อเล่นลม ไปตามทาง ที่เหมาะสม ไปตามทิศทางลม ไผ่ต่างพันธุ์ต่างเผ่าต่างกอ ไผ่ก็ยังต่างสี ดังผู้คนในสังคมเรานี่ ใยจะไม่ต่างกัน คนละทาง คนละอย่าง คนละอุดมการณ์ แต่ก็มีจุดหมายเดียวกัน เป็นเรื่องราว ของชาวไผ่แดง บ้างก็รู้กันอยู่แก่ใจ บ้างก็ฝันกันไป แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใคร มาสนตะพาย คนละทาง คนละอย่าง คนละอุดมการณ์ แต่ก็มีจุดหมายเดียวกัน เป็นเรื่องราว ของชาวไผ่แดง บ้างก็รู้กันอยู่แก่ใจ บ้างก็ฝันกันไป แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใคร มาสนตะพาย แต่จงจำไว้ก่อนจะสาย อย่าให้ใครมาสนตะพาย

Create Date : 19 มิถุนายน 2553		17 comments
Last Update : 24 ตุลาคม 2553 12:23:31 น.
Counter : 806 Pageviews.
Share Tweet