ตอนนี้เรียกว่ายุคคนไม่ดีครองเมืองหรืออย่างไรถึงเกิดภัยพิบัติต่างๆ นานา วันก่อนได้ยินคนที่ทำงานบ่นว่าน้ำท่วมบ้านถึงเอว ต้องออกจากบ้านเวลาที่น้ำลด ก็ถามกลับไปว่า...ถ้าน้ำขึ้นตั้งแต่เช้าทำอย่างไร เค้าก็บอกว่าก็ออกให้เช้าก่อนที่น้ำจะขึ้น ตอนกลับไม่เป็นไรถึงเปียกก็กลับไปอาบน้ำที่บ้านได้...อีกคนบอกบ้านเค้าก็น้ำท่วมเหมือนกันนี่ขนาดเพิ่งป้องกันน้ำท่วมแล้วก็ยังไม่วาย น้ำปีนี้มากกว่าคราวน้ำท่วมเมื่อหลายปีก่อน คน 3 คนที่จับกลุ่มคุยกันต่างพูดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจว่า..พวกเค้าคงเป็นแค่พลเมืองชั้นสอง ถึงไม่มีใครมาดูแลและป้องกันน้ำให้เหมือนเขต กทม.ชั้นในและทุกคนอยู่ที่ จ.นนทบุรีและอยู่ติดแม่น้ำและลำคลองและเค้าทุกคนต่างคิดเหมือนกัน คือคิดทำใจ
นั่งดูข่าวทุกวี่วันมีแต่ข่าวน้ำท่วมที่ จังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ภาคโน้น ภาคนี้ นี่เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย นอกจากคิดว่าเป็นยุคคนไม่ดีแล้ว ก็คงเป็นกรรม ซึ่งสื่อความหมายหมายถึงการกระทำเป็นการกระทำที่ผ่านมาของคนเห็นแก่ตัวที่ตัดไม้ทำลายป่า ไม่ช่วยดูแลความสมดุลทางธรรมชาติ ในที่สุดธรรมชาติก็มาเอาคืน แต่ธรรมชาติเป็นแค่นามไม่มีชีวิตเค้าก็เลยไม่มีความคิดว่าควรเอาคืนกับใครดี ซึ่งถ้าหากธรรมชาติมีชีวิตก็คงไปเอาคืนกับคนที่ทำคนที่ตัดไม้ทำลายป่าแล้ว คงไม่มาเอาคืนกับมนุษย์ทุกคนที่ขวางทางการทำลายล้างของธรรมชาติ คนรับกรรมจึงกลายเป็นประชาชนทุกคนอย่างที่เป็นข่าว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าใจที่สุดที่คนทำไม่ได้รับกรรม คนรับกรรมคือคนที่ไม่ได้ทำ...
ก็เลยเกิดความรู้สึกอยากเก็บภาพระดับน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ดู ถึงแม้เป็นการเก็บภาพหลังวันที่กรมอุตุฯ บอกว่าน้ำจะท่วมสูงสุดก็ตาม จะเห็นจากภาพได้ว่าโป๊ะลอยสูงกว่าตัวอาคารและพื้นดิน
ภาพนี้ถ่ายที่บางลำภู เป็นภาพน้ำขึ้นเต็มที่ในวันนั้น กับภาพน้ำกำลังลดลงในอีกช่วงหนึ่งเปรียบเทียบกัน
สังเกตเขื่อนกั้นแม่น้ำเจ้าพระยาว่าน้ำปริ่มตลิ่งแค่ไหนอีกนิดเดียวก็ท่วมแล้ว เป็นโชคดีของคน กทม.ที่มีแนวป้องกันตลอดแม่น้ำและที่สำคัญไม่มีน้ำทะเลหนุนในช่วงที่น้ำขึ้นเต็มที่ ไม่งั้นความเสียหายที่จะเกิดคงไม่ต่างจากหาดใหญ่
ศาลาริมน้ำที่แบงค์ชาติก็แทบไม่รอดน้ำปริ่มขนาดนี้ และบ้านโบราณหลังงามริมน้ำที่อดีตคงรุ่งเรืองสวยงามกับสถาปัตย์กรรมที่ก่อสร้างริมน้ำแต่วันนี้เจอกับน้ำท่วมและดูทรุดโทรมลงไปเยอะ
บ้านเรือนสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้องจมน้ำ บางบ้านเกือบมิดหลังคาเพราะเป็นบ้านชั้นเดียวเอง
ช่วงน้ำหลากต้องใช้เรือลากจูงถึง 4 ลำเพื่อลากจูงเรือบรรทุกทรายขึ้นทวนน้ำไป
ภาพนี้ทำให้เห็นว่าเรือกับใต้สะพานไม่ได้ไกลเกินเอื้อมถึง ถ่ายภาพโดยไม่ต้องซูมก็ถึงใต้ท้องสะพานได้ เป็นข้อดีของฤดูน้ำหลากล่ะ (แต่ไม่อยากให้หลากบ่อย 100 ปีหลากสักครั้งก็ไม่ว่ากันนะ)
ภาพสองฝั่งเจ้าพระยายามฤดูน้ำหลาก และขนน้ำผ่าน กทม.เพื่อออกไปปากแม่น้ำที่สมุทรปราการ
จบภาพกับบรรยากาศริมน้ำที่ทำงานตัวเองได้เห็นว่ายืนเฉยๆ น้ำก็มาลอยอยู่ตรงหน้าได้แฮะ เพราะช่วงปกติน้ำอยู่ไกลจากตรงนี้มาก มีที่วัดระดับน้ำด้วยล่ะและนักข่าวทีวีช่องต่างๆ มักมาถ่ายระดับน้ำกันที่นี่ วันนี้น้ำขึ้นเกือบ 2 เมตรเยอะมากโป๊ะลอยสูงกว่าริมฝั่งล่ะ
ยังไงก็ขอส่งกำลังใจให้กับคนที่ประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วมในหลายๆ จังหวัดนะคะและเสียใจกับผู้ประสบภัยทุกๆ คนสู้ๆ ค่ะตราบที่ชีวิตคนเราไม่สิ้นก็ต้องสู้ไปด้วยใจที่อดทน ความสูญเสียครั้งนี้แม้เจ็บปวดแต่เป็นพลังทำให้คนเราได้มีประสบการณ์ที่จะคิดและทำให้ชีวิตรอดและดีขึ้นค่ะขอส่งกำลังใจอีกครั้งหนึ่ง
ไม่เอาล่ะเครียด...พักนี้ปวดหัวบ่อยส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียดนี่เอง งั้นต้องให้วิกฤตเป็นโอกาส บนความเครียดเกี่ยวกับน้ำท่วมก็ยังพอมีเรื่องฮาๆ ให้พอได้ยิ้มกัน
ปิดท้ายด้วยเรื่องราวของความรักซึ่งไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิตคนเราเพราะชีวิตของคนเรายังมีอะไรอีกเยอะแยะมากมาย เมื่อมีความรักก็ย่อมมีผิดหวังเกิดขึ้นได้คู่กับความสมหวัง ต้องเผื่อใจไว้บ้างอย่าไปคาดหวัง ถึงแม้การคาดหวังจะทำให้คนเรามีความสุขในตอนแรกก็ตาม การคาดหวังก็เหมือนคนเราตกอยู่ในความฝัน ความฝันก็คือความฝัน ถ้าเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วไม่ทำให้ความฝันเป็นความจริงตามที่หวังแล้วก็ยากจะพบสิ่งที่คาดหวังและต้องการได้ เมื่อผิดหวังอย่าคิดอะไรมาก อย่าคิดว่าเราคงไม่ดี หรือดีไม่พอเป็นเพียงแค่คนๆ นั้นเค้าไม่ได้เกิดมาเพื่อเรา เราและเค้าไม่เหมาะสมกัน สำหรับคนที่พบกับความผิดหวังเรื่องความรักซ้ำๆ ซากๆ จงจำไว้ว่าความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่าที่เกิดไม่ได้หมายความว่าเราต้องจบกับความรัก หรือหมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ร้องไห้ได้ร้องไห้ไป ร้องเพื่อระบายสิ่งที่ทุกข์ออกมา แต่อย่าเสียใจจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือบางคนถึงขั้นทำร้ายตัวเอง คนรอบข้างหรือคนที่รัก อย่างที่เป็นข่าวหน้าหนึ่งอยู่บ่อยๆ เมื่อเราล้มลงเราสามารถลุกขึ้นได้ใหม่ตราบใดที่ยังมีความรักอยู่บนโลกใบนี้ ถ้าหากเหนื่อยกับความรักนักก็จงหยุดพักและคิดทบทวน เอาอดีตมาเป็นบทเรียนแล้วเริ่มต้นใหม่ จงเติมกำลังใจให้ตัวเองและคิดบ้างว่าตราบใดที่โลกนี้ยังมีวันนี้และพรุ่งนี้ ทุกอย่างบนโลกใบนี้ย่อมมีทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอแม้ใจของคนเราก็ตาม แค่หยุดพักใจและกายด้วยการเติมกำลังใจให้ตัวเอง สักวันทุกอย่างก็คงจะเป็นวันของเราของคนที่อดทนที่มีหัวใจเข้มแข็ง..เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังมีหัวใจอ่อนล้าทุกคนค่ะ...
เพลง ปฏิเสธไม่ได้ว่ารักเธอ
ศิลปิน Kal Feat Clash
หยุดตัวเองอย่างไง ฉันไม่ควรปล่อยใจให้รัก
หักใจอย่างไง ไม่ให้โบยและบินไปกับเธอ
รู้ว่าไม่ควรรัก รักคนอย่างเธอ
แต่ฉันไม่รู้ จะยื้อจะทนและฝืนอย่างไง
อยากจะลืมนาที ช่วงที่เธอผ่านพ้นเข้ามา
หลับตาใจ แอบมองเห็น เธออยู่ดี
ทรมาน รักไปก็ช้ำไป ทุกที ชีวิต ไร้ทางจะไป
ใจ มันรักเธอ คนเดียว แม้ร่างกาย ฉันเอง ตอนนี้จะอยู่กับเขา
จิตใจ มีเสียงเตือนเบาเบา ว่าเรื่องราว รักของเรา มันผิด แต่ฉันยอม ไม่เป็นไร
หากว่าฉันนั้นรู้ ว่าสักวันจะได้พบเธอ
ก็คงบอกรอก่อน ไม่เผลอไปกับใคร
ทรมาน รักไปก็ร้าวไป ทั้งใจ มันสาย ที่ได้เจอเธอ
ใจ มันรักเธอ คนเดียว แม้ร่างกาย ฉันเอง ตอนนี้จะอยู่กับเขา
จิตใจ มีเสียงเตือน เบาเบา ว่าเรื่องราว รักของเรา มันผิด แต่ฉันยอม ไม่เป็นไร
ใจดวงนี้ทรมาน ฉันรักเธอเหลือเกิน แต่เธอต้องอยู่กับเขา
เมื่อใจทำได้เพียงแต่เงา เข้าใกล้เธอเมื่อพบเจอ
ไม่อาจกอดยื้อเธอไว้ข้างกาย
ใจมันรักเธอคนเดียว แม้ร่างกายฉันเองตอนนี้จะอยู่กับเขา
จิตใจมีเสียงเตือนเบาเบา ว่าเรื่องราวรักของเรามันผิด
จะรักเธอ ไปจนตาย