Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนพาเที่ยวเหนือสุดแดนสยาม - เชียงราย - วัดร่องขุ่น เชียงราย สถานที่ท่องเที่ยว : วัดร่องขุ่น เชียงราย, เชียงราย Thailand พิกัด GPS : 19° 49' 27.22" N 99° 45' 47.60" E ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหารในซีรี่ย์นี้จะเป็น ที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว และร้านอาหาร จากทริปเชียงรายเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่แล้วนะครับ จริงๆแล้วร้านอาหารจากทริปเขาใหญ่ยังไม่หมดนะครับ แล้วยังต่อด้วยทริปหัวหินอีก แต่ที่เอาทริปเชียงรายมาคั่นก็เพราะว่าช่วงนี้เป็นหน้าหนาว (น้อย) คนนิยมขึ้นเหนือกันมาก เลยเอาที่พัก สถานที่ท่องเที่ยวและร้านอาหารมาโพสซะก่อน เผื่อว่าจะเป็นแนวทางให้คนที่จะวางแผนไปเที่ยวเชียงรายไม่มากก็น้อยครับ วันนี้จะพาไปเที่ยววัดกันตามปกตินะครับ เป็นวัดที่มีชื่อเสียง เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดเชียงรายด้วยครับ ***** เจ้าของบล็อกได้แต่ถ่ายรูปด้านหน้ามานะครับ เจ็บกล้ามเนื้อขาเลยไม่ได้เดินเข้าไปดูข้างในพระอุโบสถครับ **** วัดร่องขุ่น เชียงราย วัดร่องขุ่น เป็นวัดในพุทธศาสนา ตั้งอยู่ที่ริมถนนพหลโยธิน ต. ป่าอ้อดอนชัย อ. เมือง จ. เชียงราย ที่วัดร่องขุ่นมีชื่อเสียงมากมายก็เพราะว่าเป็นการออกแบบก่อสร้างและตกแต่งโดย อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ในปี พ.ศ. 2554 สร้างขึ้นด้วยแรงปณิธานที่มุ่งมั่นรังสรรค์งานศิลปะที่งดงามแปลกตา ผสานวัฒนธรรมล้านนาได้อย่างกลมกลืน ทั้งลวดลายปูนปั้นประดับกระจกและจิตรกรรรมฝาผนังขนาดใหญ่ ความงดงามของอุโบสถสีขาวประดับด้วยกระจกสีเงินแวววาว และลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงประดับด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงามประณีต โดยเริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่ พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน เมื่อประมาณ พ.ศ. 2430 มีชาวบ้านเข้ามาจับจองที่ดินทำไร่ทำนาบริเวณบ้านร่องขุ่นในปัจจุบันเพียงไม่กี่หลังคาเรือน โดยอาศัยลำน้ำสายเล็กๆ ที่ไหลลงสู่แม่น้ำแม่ลาวซึ่งมีลักษณะสีขุ่นเลี้ยงชีพ ชาวบ้านจึงเรียกกันติดปากว่า “บ้านฮ่องขุ่น” หรือ “ร่องขุ่น มาโดยตลอด ต่อมาขุนอุดมกิจเกษมราษฎร์ (ต้นตระกูล เกษมราษฎร์) นำครอบครัวญาติมิตรเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจนเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่า 50 หลังคาเรือน ท่านจึงได้ดำริที่จะสร้างสำนักสงฆ์ขึ้นภายในหมู่บ้านเพื่อจะได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชน วัดร่องขุ่น จึงถือกำเนิดครั้งแรก ณ ริมฝั่งน้ำแม่ลาวด้านทิศตะวันตกใกล้กับลำน้ำแม่มอญ ซึ่งอยู่เลยลำน้ำร่องขุ่นไปทางทิศใต้ประมาณ 500 เมตร คณะศรัทธาจึงได้ร่วมใจกันสร้างศาลาและกุฏิเป็นเรือนไม้แบบง่ายๆ เพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ โดยชาวบ้านได้อาราธนานิมนต์พระทองสุข บาวิน จากวัดสันทรายน้อย หมู่ 13 มาเป็นเจ้าอาวาส ต่อมาเกิดน้ำเซาะตลิ่งพังจนไม่สามารถรักษาศาสนสถานที่อยู่ริมแม่น้ำไว้ จนถึงสมัยของคุณพ่อหมี แก้วเลื่อมใส เป็นผู้นำชุมชน ได้ร่วมกันกับชาวบ้านย้ายวัดร่องขุ่นมาตั้งอยู่ในบริเวณหัวนาของท่าน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนด้านทิศตะวันตกติดกับลำน้ำร่องขุ่น จากนั้นไม่นานพระทองสุขได้ย้ายออกจากวัดจึงเหลือเพียงสามเณร 3 รูป ในจำนวนนี้มีสามเณรทา ดีวรัตน์ ได้ลาสิกขาออกมาเป็นฆราวาส นายทาเป็นผู้ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือจึงได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านและสุดท้ายได้เป็นกำนันประจำตำบลบัวสลี (กำนันคนแรกของหมู่บ้านร่องขุ่น) กำนันทา ดีวรัตน์ เห็นว่าหมู่บ้านใหญ่ขึ้นผู้คนมากหลาย วัดวาคับแคบอีกทั้งเป็นที่ลุ่มใกล้ลำน้ำ เมื่อถึงฤดูน้ำหลากสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้าน กำนันและคณะศรัทธาจึงได้ทำการย้ายวัดมาตั้งอยู่บนที่ดินในปัจจุบันนี้โดยนางบัวแก้ว ภรรยากำนันทา เป็นผู้ยกที่ดินให้สร้างวัดจำนวน 4 ไร่เศษ คณะศรัทธาได้ร่วมกันสร้างศาลาเรือนไม้ 1 หลัง เมื่อแล้วเสร็จจึงร่วมกันเดินทางไปอาราธนานิมนต์พระดวงรส อาภากโร จากวัดมุงเมือง อำเภอเมืองเชียงราย มาเป็นเจ้าอาวาส โดยมีพระครูพุทธิสารเวที (แฮด เทววํโส) เป็นผู้แนะน ซึ่งในยุคสมัยพระดวงรส อาภากโร เป็นเจ้าอาวาส วัดเจริญรุ่งเรืองมากมีพระจำพรรษาถึง 4 รูป สามเณรเกือบ 10 รูป แม่ชี 2 คน ต่อมาพระดวงรสได้ย้ายไปอยู่วัดอื่นทำให้วัดร่องขุ่นขาดผู้นำคณะสงฆ์ คณะศรัทธาจึงได้ร่วมกันเดินทางไปพบเจ้าคณะอำเภอเมืองเชียงรายเพื่อขอพระภิกษุมาเป็นเจ้าอาวาส เจ้าคณะอำเภอฯ ได้ส่งพระอินตามาอยู่จำพรรษา แต่อยู่ได้เพียงพรรษาเดียวพระอินตาก็ย้ายไปอยู่วัดอื่น คณะศรัทธาชาวบ้านจึงได้เดินทางไปวัดสันทรายน้อยอีกครั้งเพื่อขออาราธนานิมนต์พระไสว ชาคโร มาเป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ.2499 พระไสว ชาคโร เป็นพระที่คณะศรัทธาในหมู่บ้านและต่างแดนเลื่อมใสมาก ท่านได้สร้างอุโบสถในปี พ.ศ.2507 ต่อมา พระไสว กำนันเป็ง ไชยลังกา พร้อมคณะศรัทธาอาราธนาพระพุทธรูปหินโบราณ จากหมู่บ้านหนองสระ อำเภอแม่ใจ มาเป็นพระประธานในอุโบสถ ในปี พ.ศ.2520 ได้รับวิสุงคสีมา ปี พ.ศ.2529 ได้บูรณะซ่อมแซมกำแพงวัด และปี พ.ศ.2533 สร้างหอฉันและซุ้มประตูวัดด้านข้าง ขณะที่วัดร่องขุ่นเจริญรุ่งเรืองด้วยคณะศรัทธาชาวไทยและชาวจีนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน และบ้างก็แยกย้ายกันออกไปอยู่ต่างถิ่น เมื่อร่ำรวยแล้วก็หวนกลับมาช่วยกันทำนุบำรุงรักษาวัดตามอัตภาพ ทั้งยังมีคณะศรัทธาต่างถิ่นที่เลื่อมใสศรัทธาในพระไสวเป็นจำนวนมากได้เดินทางมาร่วมทำบุญในการก่อสร้างศาสนสถานจนแล้วเสร็จทั้งหมด ด้วยความเป็นพระนักพัฒนา ในปี พ.ศ.2537 พระไสวได้รับแต่งตั้งสมณศักดิ์เป็นพระครูชาคริยานุยุต ในปี พ.ศ.2538 พระครูชาคริยานุยุต ได้ทำการก่อสร้างศาลาอบสมุนไพรขึ้นเพื่อหวังให้การบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดซึ่งเป็นโครงการใหญ่ของวัดเพื่อสังคม แต่ท่านได้อาพาธด้วยโรคอัมพฤกษ์และอัมพาตเสียก่อนจึงล้มเลิกโครงการไป และในปีเดียวกันนี้คณะศรัทธาวัดร่องขุ่นมีความเห็นว่าอุโบสถที่สร้างมาร่วม 38 ปี อยู่ในสภาพทรุดโทรมมากใช้ทำสังฆกรรมไม่ได้ กลับเป็นที่อยู่ของค้างคาวฝูงใหญ่จึงคิดจะสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2538 จึงได้ทำพิธีรื้อถอนอุโบสถ และประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ในการก่อสร้างเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2539 ได้เริ่มลงมือก่อสร้างอุโบสถหลังปัจจุบันแต่เสร็จเพียงแค่โครงสร้างตัวอุโบสถองค์กลางเท่านั้นเพราะปัจจัยของวัดเริ่มขาดแคลนเพราะภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ในปี พ.ศ. 2540 อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรผู้มีชื่อเสียงระดับชาติซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนบ้านร่องขุ่นโดยกำเนิด ได้ปวารณาตนเข้ามาสานต่อเพื่อสร้างอุโบสถถวายเป็นพุทธบูชาหวังให้เป็น “งานศิลป์เพื่อแผ่นดิน” ด้วยปัจจัยของท่านเอง โดยพระครูชาคริยานุยุตและคณะศรัทธาชาวบ้านไม่ต้องลำบากในการหาเงินมาสร้างวัดในภาวะเศรษฐกิจของชาติที่กำลังตกต่ำ อาจารย์เฉลิมชัย ได้เข้ามาทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมแบบแปลนตามปรารถนาของท่าน จนทำให้วัดร่องขุ่นสวยงามประทับใจผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มาเยี่ยมชม จากวัดร่องขุ่นที่ไม่มีใครรู้จักกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียงเป็นที่เชิดหน้าชูตาของจังหวัดและประเทศชาติ โครงการก่อสร้างวัดเมื่อเสร็จสมบูรณ์แล้วจะประกอบด้วยหมู่สถาปัตยกรรมทั้งสิ้น 4 หลัง มีอุโบสถ ปราสาทบรรจุพระธาตุ พิพิธภัณฑ์ศาลาราย เมรุ หมู่กุฏิ ศาลาการเปรียญ และศาลารับรองแขกที่มาเยี่ยมชมวัด อาจารย์เฉลิมชัย ได้ทำการซื้อที่ดินเพิ่มเพื่อขยายบริเวณวัดทางด้านทิศใต้จำนวน 1 ไร่ 200 ตารางวา และคุณวันชัย วิชญชาคร จากกรุงเทพฯ บริจาคที่ดินเพิ่มต่อจากที่ซื้ออีก 5 ไร่ 300 ตารางวา รวมที่วัดในปัจจุบันเป็นจำนวน 10 ไร่ 100 ตารางวา อาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างวัดมาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้คือ ชาติ : ด้วยความรักบ้านเมือง รักงานศิลป์ จึงหวังสร้างงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ไว้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ศาสนา : ธรรมะได้เปลี่ยนชีวิตของอาจารย์เฉลิมชัยจากจิตที่ร้อนกลายเป็นเย็น จึงขออุทิศตนให้แก่พระพุทธศาสนา พระมหากษัตริย์ : จากการเข้าเฝ้าฯ ถวายงานพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หลายครั้งทำให้เฉลิมชัยรักพระองค์ท่านมาก จากการพบเห็นพระอัจฉริยะภาพทางศิลปะและพระเมตตาของพระองค์ท่าน จนบังเกิดความตื้นตันและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ จึงปรารถนาที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ถวายเป็นงานศิลปะประจำรัชกาลพระองค์ท่าน อาจารย์เฉลิมชัยได้กล่าวไว้ว่า “ผมหวังที่จะสร้างงานพุทธศิลป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของผม ให้ปรากฏเป็นงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ชิ้นหนึ่งของโลกมนุษย์นี้ให้ได้เพื่อ ประกาศความยิ่งใหญ่ของประเทศชาติของผมไปสู่มวลมนุษยชาติทั้งโลก ผมจึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิตใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลที่ 9 ให้ได้และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด ” เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 18.05 น. เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 มีศูนย์กลางอยู่ที่อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย และแผ่นดินไหวตามหลายครั้ง สร้างความเสียหายให้กับวัดร่องขุ่นเป็นอย่างมาก เช่น ผนังโบสถ์ปูนกระเทาะออก กระเบื้องหลุด ยอดพระธาตุหัก ภาพเขียนเสียหายหมด ทำให้ต้องปิดวัดเพื่อซ่อมแซมตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ปีเดียวกัน ด้านหน้าทางเข้าจะเจอสระน้ำขนาดใหญ่ มีสะพานทางเดินเข้าสู่ตัววัด หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ครึ่งวงกลมเล็ก หมายถึง โลกมนุษย์วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์ ผู้ที่จะเข้าเฝ้า พระพุทธเจ้าใน พุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้น ไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา สระน้ำด้านล่าง หมายถึง สีทันดรมหาสมุทร มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6 เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ โบสถ์ เนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้โบสถ์ เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้าสีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า กระจกขาว หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์และจักรวาล เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น. อีกช่องทางหนึ่งในการติดตาม “ทนายอ้วนพาเที่ยว” Chubby Lawyer Tour - ทนายอ้วนพาเที่ยว https://www.facebook.com/ChubbyLawyerTour/ Chubby Lawyer Tour ………………….. เที่ยวไป ............. ตามใจฉัน เคยไปวัดร่องขุ่นครั้งเดียวเองค่ะ จำได้ว่างดงาม อ่อนช้อยมากๆ ยังอยากกลับไปอีกครั้งถ้ามีโอกาส
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:12:55:57 น.
สวยงามหยดย้อย วิจิตรตระการตามากค่ะ
ภาพตัดกับท้องฟ้า ราวกับวิมานบนสวรรค์ก็ไม่ปาน (พูดยังกับเคยขึ้นไป 555) โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:04:24 น.
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต ทนายอ้วน Travel Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น โดย: Brighten your day วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:17:39 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ภาพสวยมากค่ะ ยิ่งดูรายละเอียด ยิ่งสวยค่ะ ไปมาเมื่อต้นเดือนธ.ค. ยังไม่ได้อัพบล็อคเลย คอมพ์เสียค่ะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:32:15 น.
เคยไปแล้วค่ะ
ด้านหน้านี่แหละสวยที่สุดแล้ว ขอบคุณที่เป็บภาพมาให้เสียจุใจนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:32:25 น.
ตามมาชมความสวยงามของวัดร่องขุน เคยไปที่นี่มาเหมือนกันครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:14:01:14 น.
งดงามค่ะ ที่นี่เคยไปแต่ไม่เคยได้รูปสวย ๆ เลย
คนเยอะม๊ากกกกกก โดย: เนินน้ำ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:14:31:27 น.
ยังไม่เคยไปชมด้วยตัวเอง แต่ที่นี่สวยมากจริงๆ ครับ เห็นที่นี่ผมนึกถึงอาจารย์เฉลิมชัยก่อนเลย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:15:11:54 น.
สวัสดีคะ..
วัดร่องขุ่น..ไปเมื่อไหร่ก็สวย งดงาม ทุกครั้ง เป็นสิ่งที่คนเชียงราย และคนไทยภาคภูมิใจ... สุดยอดคะ..อาจารย์เฉลิมชัย โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:15:13:02 น.
มาเที่ยวกับคุณบอลค่ะ เคยไปมาสองปีก่อน ชอบมากได้เจออาจารย์เฉลิมชัยด้วย
โดย: sawkitty วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:15:48:54 น.
แวะมาลงชื่อก่อน แหม เน้นตรงท่องนรก
หลายภาพเลยนะคุณทนายบอล 55 โดย: หอมกร วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:10:54 น.
ยังไม่ได้ไปวัดนี้เลยค่า แพลนจะไปเที่ยวเชียงราย โควิทมาพับโครงการก่อนเลย
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:27:57 น.
สวัสดี จ้ะ น้องบอล
วัดร่องขุ่น ครูก็เคยไปเที่ยวมาแล้ว จะ สวยมาก ๆ สีขาว ดู สะอาดบริสุทธิ์มาก ๆ เคยไปอยู่สองครั้ง ครั้งแรก กล้องแบตหมด หมดท่าเลย ครั้งที่สอง จึงได้ถ่ายรูปมาได้มาก อิอิ โหวดหมวด ท่องเที่ยว โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:17:38:47 น.
สวัสดีครับ
ตามมาเที่ยววัดร่องขุ่นด้วยครับ ถ่ายภาพเยอะดี สวยมากครับ ผมยังไม่ได้ไปเลย ต้องหาโอกาสไปครับ โดย: Sleepless Sea วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:18:23 น.
วัดร่องขุ่นสวย.. ถ้าไปกลางวันแดดจัดถ่ายภาพยากหน่อย เพราะสี
ขาวโพลน นักท่องเที่ยวสายวัด เห็นโบสถ์หรืออะไรพวกหนี้ จะยกมือไหว้เมื่อเห็น ผมยืนอยู่ ใกล้ ๆ อาคารสีเหลืองทองเขาก็ รีบยกมือไหว้ ผมเห็นก็ อดอมยิ้มไม่ได้ 555 ส้วมนะครับสวยพิจิตรซะแบบนั้น ทำเอาเขวไป .. คุณบอลคงไประยองบ่อย เป็นถิ่นเก่าเหรอครับ.. เมื่อก่อนผมทำงาน ที่นั่นนาน ๆ มากแล้ว ตอนนั้นยังมีโรงหนังเทศบันเทิง กับโีรงไฟฟ้า ดีเซลอยู่ติดบริษัท เวลานอนเหรอ ไปใหม่ ๆ นอนไม่หลับ พออยู่ไป เพลินดี.. เมื่อกลับบ้าน ที่ กท.ดันนอนไม่หลับไม่ได้ยินเสียงโรงไฟฟ้า 555 โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:20:59 น.
วัดร่องขุ่นเป็นวัดนึงที่ผมมีความทรงจำในตอนเริ่มต้นเลยครับ
หลายปีก่อนตอนที่วัดยังไม่ได้บูรณะ ผมขับผ่านเข้าไปแวะในวัดครับ เป็นวัดเล็กๆดูร้างๆ ต่อมาอาจารย์เฉลิมชัยจึงเริ่มสร้างเริ่มปรับปรุง สามสี่ปีแรกผมไปถ่ายภาพทุกปีเลยครับ แต่ช่วงหลังวัดดังมกานักท่องเที่ยวเยอะจริงๆ จนฝ่านคนเข้าไปไม่ไหว เลยไม่ได้แวะอีกเลยครับ เป็นวัดที่ถ่ายภาพสนุกดีนะครับ มีหลายมุมที่สวยงามมากๆเลย ผมเป็นพ่อที่ดุมากตอนที่ลูกยังเด็ก แต่ตอนนี้ลูกโตแล้ว ผมกลายเป็นพ่อที่ใจดีและตามใจลูกมากครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:58:00 น.
ภาพสวยงามมากค่ะ เดี๋ยวนี้วัดร่องขุ่นขยายใหญ่โต
สวยงามมากๆด้านใน คุณน้องเราที่อยู่ ชร. ถ่ายภาพมาให้ฃม ส่วนที่สร้างเพิ่มเติมใหม่ โควิดปลอดภัยจะไปเที่ยวอีกเช่นกันค่ะ โดย: Tui Laksi วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:20:43:45 น.
สวยเหมือนเดิม เพิ่มเดิมคือ คนน้อยลง ดีมากเลยค่ะ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:23:38:03 น.
วัดร่องขุ่นสวยมาก มีชื่อเสียง เป็นที่น่าภูมิใจของไทยเราด้วยนะคะคุณบอล
มีโอกาสก็อยากไปอีกค่ะ ภาพสวยจังค่ะ โดย: Sweet_pills วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:23:40:03 น.
มาเที่ยววัดร่องขุ่น ด้วยครับ ไปมา 2 ครั้ง แต่นักท่องเที่ยวเยอะมากๆครับ
เที่ยวยุคโควิด คนน้อยดีครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:23:44:06 น.
มาชมวัดร่องขุ่นด้วยค่ะ วัดร่องขุ่น เคยไปหลายครั้งเหมือนกันค่ะ ไปที่ไรก็สวยงามทุกที่ โดย: newyorknurse วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:4:16:34 น.
วัดร่องขุ่น มีโอกาสไปสองสามรอบแล้วค่ะ เป็นวัดที่สวยมาก
โดย: zungzaa วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:00:32 น.
อลังจริง ๆ ค่ะ
ขนาดไม้ประดับยังตัดเอนย้วยเลย โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:51:02 น.
ไปหลายรอบเลยครับวัดนี้สวยงามมากๆ
รอบล่าสุดเขารีบปิดสี่โมงเพื่อเตรียมงานแสงสีตอนกลางคืน ไม่ได้อยู่ชมเลยครับ ค่าบัตรแพง แหะๆ ช่วงนี้ไม่มีคนจีนแล้ว นักท่องเที่ยวลดไปจมหู แต่ก็ยังแน่นกว่าวัดอื่นๆอยู่ดี โดย: ชีริว วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:21:58:46 น.
เด็กแต่ละคน
ตอบสนองการเลี้ยงดูคนละแบบจริงๆครับ บางคนเลี้ยง่าย ไม่ดื้อ บางคนก็ดื้อ จนเวียนหัวก็มีครับ 555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:22:34:30 น.
สวัสดีครับคุณทนายอ้วน
ตามมาเป็นลูกทัวร์ครับ วัดนี้ผมยังไม่เคยไป แต่ได้เห็นจากรูป รายละเอียดดูวิจิตรและอ่อนช้อยมากครับ ไม่รู้ว่าด้วยสีโทนขาวและสลักลายแบบนี้ การดูแลรัษาจะยากไหมครับ จากรูปนี้ยังดูสวยสะอาดดีครับ โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:0:08:47 น.
เมื่อก่อนผมก็เป็นคนชอบวางแผนครับ
คิดล่วงหน้าไปเยอะมาก พอทำงานจริงๆ ก็จะเครียดเยอะด้วยครับ อย่างจะตำหนิลูกน้องคนนึง คิดล่วงหน้าไปสามวัน 555 พอพูดกันจริงๆก็ไม่มีอะไร ตอนนี้ผมว่าผมผ่อนคลายไปเยอะมาก เวลาไปเที่ยวเมื่อก่อนต้องเตรียมข้อมูลเยอะ เดี๋ยวนี้ไม่เตรียมอะไรเลยครับ 55 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:09:32 น.
|
ทนายอ้วน
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?] Friends Blog
|