เมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ได้รับหนังสือแจกฟรีมาหนึ่งเล่มชื่อ "มองลึก นึกไกล ใจกว้าง" ผู้เขียนคือ ว.วชิรเมธี ที่นักอ่านในเมืองไทยคุ้นเคยกันดี แทบจะไม่ต้องอธิบายว่าผู้เขียนคือใคร
ก่อนจะอ่านเนื้อหาภายในเล่ม ก็พลิกหนังสือกลับไปมาดูปกหน้าและปกหลัง อ่านรายละเอียดของหนังสือเกี่ยวกับผู้จัดพิมพ์ พบว่าจัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์ ปราณ ชื่อไม่คุ้นเลย เห็นมีคำนำสำนักพิมพ์ด้วย จึงลองอ่านดูซะหน่อย
ขอเก็บคำนำที่น่าสนใจมาให้อ่านครับ "นับแต่ลืมตาขึ้นมาดูโลก สิ่งหนึ่งที่เราขาดมิได้นั่นคือ ลมหายใจ
หากเรามีเวลาหยุดนิ่งอยู่กับตัวเอง ก็จะสัมผัสได้กับลมหายใจ เข้า-ออก ที่ทำงานอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แม้เวลานอนหลับร่างกายของเราก็ไม่เคยที่จะหยุดหายใจ
สำหรับหนังสือ บางคนอาจจะเห็นว่าไม่สำคัญ แต่สำนักพิมพ์กลับเห็นว่า จำเป็นต่อการดำรงชีวิตพอๆกับลมหายใจ
ทุกช่วงขณะของชีวิต หนังสือมีความจำเป็นต่อเราเสมอ"
แล้วคำนำสำนักพิมพ์ก็บรรยายช่วงชีวิตของคนเราว่ามีความเกี่ยวข้องกับหนังสืออย่างไร เริ่มตั้งแต่วัยเด็ก วัยเรียน วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ และวัยชรา
โดยเฉพาะวัยชราเขียนน่าสนใจคือ "แม้หูตาฝ้าฟาง ใช่ว่าหนังสือจะหมดบทบาท กลับทำหน้าที่ถ่ายทอดข้อคิด หลักธรรม ปรัชญาชีวิตอันเป็นหลักแห่งการดำเนินชีวิคสู่คนรุ่นหลัง"
ผมเองในวัยสูงอายุก็โหยหาอยากอ่านหนังสือ เหมือนที่เคยอ่านมาตลอดชีวิต แต่ด้วยสังขารโดยเฉพาะตา มันไม่เอื้ออำนวยที่จะให้อ่านหนังสืออย่างมีความสุขเลย เพราะอ่านเพียงไม่กี่นาทีตาก็จะอ่อนล้า ทำให้ไม่อยากอ่านต่อ
ปีที่แล้วเมื่อตอนหนีน้ำท่วมบ้านไปพักอาศัยอยู่ที่รีสอร์ทของลูกชายคนเล็ก ที่ปราณบุรี อุตส่าห์ซื้อหนังสือไปเพื่อจะอ่านหลายเล่ม วันนี้ยังอ่านไม่จบสักเล่ม....ฮา