หนังสือประสบการณ์จากธรรมชาติบำบัด ในการฟื้นฟูสุขภาพ

แต่ละปีที่ผ่านมา ผมมักได้รับหนังสือแจกฟรีจากใครต่อใครเสมอมา หนังสือที่ได้รับแจกมานั้นผมมักจะอ่านด้วยความสนใจเสมอ และได้รับความรู้และเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจเสมอ หนังสือที่ผมได้รับแจกนั้นมักจะเป็นหนังสือแนวธรรมะเป็นส่วนใหญ่
เมื่อประมาณสองหรือสามปีมานี้ ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่จัดทำขึ้นอย่างเรียบง่าย ด้วยการถ่ายสำเนาจากต้นฉบับ ขนาดหนังสือใช้กระดาษ เอ 4 พับครึ่ง มีจำนวน 28 หน้า ไม่รวมปก หากดูอย่างผิวเผินแล้วไม่มีจุดที่น่าสนใจอะไรเลย ผมได้รับมาแล้วก็ไม่ได้อ่านทันที เวลาผ่านไปหลายวันจึงหยิบขึ้นมาอ่าน เมื่ออ่านแล้วจึงเห็นว่าดีเป็นหนังสือที่มีสาระประโยชน์มากกว่ารูปลักษณ์ของหน้าตาหนังสือ เปรียบเหมือนคนที่มีหน้าตาขี้เหร่ขี้ริ้ว แต่เป็นคนดีมีคุณธรรมทำนองนั้น
หนังสือเล่มที่กล่าวถึงนี้ชื่อ "ประสบการณ์จากธรรมชาติบำบัด ในการฟื้นฟูสุขภาพ" เขียนโดย นายศุภกิจ นิมมานนรเทพ อดีตรองอธิบดีกรมทะเบียนการค้า และอดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในหนังสือนี้ผู้เขียนแสดงแบบการออกกำลังกายท่าต่างๆด้วยตนเอง (ซึ่งภาพไม่ชัดเจนนัก)
ผมจะถ่ายทอดเนื้อหาสาระจากหนังสือโดยมิได้ตัดทอนแต่ประการใด เพื่อคงเนื้อหาสาระไว้ให้มากที่สุด



นายศุภกิจ นิมมานนรเทพ

(1) เมื่อเด็กๆผมผอมเก็งแต่แข็งแรงและซุกซนมากพอดู ผมมีอาการของโรคภูมิแพ้อยู่ด้วยเมื่อกินขนมจีนและแตงกวา (รวมทั้งแตงอื่นๆ) ผมจะเกิดผื่นคัน "ลมพิษ" ขึ้นทั้งตัว กินยาเม็ดเดียวแล้วไปนอนห่มผ้าให้เหงื่อออกและหลับไปสักพักใหญ่ก็หายเป็นปกติ ผมไม่กล้ากินขนมจีนน้ำยาที่ผมชอบมากนานกว่า 10 ปี

(2) ครั้นอายุ 13 ปี อาการภูมิแพ้ได้แรงขึ้นเป็น "หอบหืด" ทรมานมาก ปีหนึ่งๆจะป่วยอย่างน้อย 1 ครั้ง อาจจะหลายครั้งเมื่อ "แพ้ฝุ่น" เมื่ออากาศ "เปลี่ยนฤดู" เข้าสู่ฤดูหนาว ผมป่วยตลอด 22 ปีที่อยู่ลำปาง

ต่อมาเมื่ออายุ 29-33 ปี รับราชการอยู่ที่จังหวัดพิจิตร เชียงใหม่ และน่าน มีอาการแพ้อากาศบ่อยมากถึงขนาดถูกนำส่งห้อง ไอซียู กลางดึกที่โรงพยาบาลมหาราช เชียงใหม่ เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2515 หลังจากนั้นได้ไปรับราชการที่จังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ในหุบเขา อากาศในฤดูหนาวแปรปรวนมาก ผมจึงป่วยทุกสัปดาห์ ช่วงนั้นข้าราชการชั้นโทขึ้นไปมีสิทธิ์เบิกค่ารักษาพยาบาลได้เพียงครึ่งหนึ่ง ผมต้องจ่ายค่ารักษาตัวเองเท่ากับเงินเดือน 4 เดือน

(3) ผมได้ย้ายลงมารับราชการในภาคกลางและตะวันออก คือ สุพรรณบุรี สมุทรปราการ และชลบุรี ช่วงปี 2517-2526 สุขภาพดีขึ้นมาก คือป่วยน้อยลงเหลือปีละ 1-2 ครั้ง น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจาก 50 กก.เป็น 55-60 และ 63-64 กก.เมื่อช่วงอยู่ที่จังหวัดชลบุรี

(4) ปลายปี 2526 ผมย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เพียงไม่กี่วันก็ป่วยเพราะ "แพ้อากาศ"ในกรุง ซึ่งนอกจากมลพิษเข้มข้นมากกว่าอากาศชายทะเลชลบุรีแล้ว ปีนั้นอากาศยังวิปริตฝนตกชุกเกินเหตุจนเกิดน้ำท่วมใหญ่กระจายรอบกรุงเทพฯ อากาศช่วงปลายปี 2526จึงทั้งชื้นและเย็นกว่าปีก่อน

และหลังจากนั้นผมมีอาการหอบ หายใจไม่เต็มปอดตลอดเวลาเกือบ 2 เดือน ในช่วงพฤศจิกายน - ธันวาคม 2526
(5) ช่วงปี 2527-2530 ผมได้ไปร่วมงานที่ศูนย์อาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง กอ.รมน.สวนรื่นฤดี เป็นเวลา 3 ปีครึ่ง
มีภารกิจต้องออกตระเวณไปกับคณะผู้แทน ศอพป. ไปตรวจเยี่ยมหมู่บ้าน อพป.ตามชนบทป่าเขาต่างๆทั่วประเทศ ผมต้องเดินย่ำตามคณะตรวจเยี่ยม ซึ่งแข็งแรงเดินเก่งโดยเฉพาะทหารเข้มแข็งมาก ผมพลอยแข็งแรงตามคณะไปด้วย

(6) ครั้นกลับมาทำราชการตามปกติ ผมมีเวลาว่างจึงสอบเข้าเรียนปริญญาโท ภาคค่ำที่คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) การเรียนหนังสือในยามแก่อายุ 46 ปี กว่าจะจบก็ต้อง "ผ่านความเครียด" ไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยครั้ง ดังนั้นเมื่อเรียนจบจึงได้ "โรคหัวใจ" แถมพกนอกจากปริญญาโท ต้องเข้าไปนอนในโรงพยาบาลราชวิถี เมื่อต้นปี 2534 นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ชีวิตผมต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 สัปดาห์

หมอตรวจพบว่าอาการความดันโลหิตสูง (เฉพาะตัวบน) เช่น 180-80 / 190-90 นั้นมีสาเหตุมาจาก "ลิ้นหัวใจรั่ว" แต่ยังไม่ร้ายแรงถึงขนาดต้องผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (ใช้ลิ้นหัวใจเทียมใส่แทน) จึงใช้การบำบัดรักษาด้วยยาเพื่อควบคุม "ความดันโลหิต" มิให้สูงเกินไป แต่คุณหมอสองสามท่าน ที่รักษาผมแจ้งให้ทราบว่า การกินยาเป็นเพียงการประคองหรือยืดอายุให้ใช้ลิ้นหัวใจของแท้ที่ชำรุด หรือรั่วนั้นให้อยู่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถึงอย่างไร "ลิ้นแท้" ก็ย่อมดีกว่า "ลิ้นเทียม" แน่นอน


เขียนเมื่อวันที่ 11 กรกฏาคม 2549 ข้อเขียนนี้ย้ายมาจากห้องสิ่งของสะสม

Create Date : 31 ตุลาคม 2551 Last Update : 31 ตุลาคม 2551 21:33:03 น. Counter : 1806 Pageviews.		1 comments
Share Tweet