Bloggang.com : : B.F.Pinkerton : Francis Fukuyama

Francis Fukuyama

ไม่ได้มาเล่าหน้านี้เลย มันแต่เห่อทำหน้า Running log กับ Music Corner อยู่ว่าง ๆ ลองเข้าไปดูกันนะ ทางซ้ายมือของคอลัมน์นี้

Francis Fukuyama
จะขอเล่าเรื่อง Frank Fukuyama ต่อแล้วกัน จะพูดย่อ ๆ ถึงทัศนะเกี่ยวกับ Fukuyama แต่ไม่ขอลงเนื้อหามาก เพราะเราก็ไม่ได้เชี่ยวชาญด้านนี้แต่อย่างไร แค่คนผ่านทางตามมาฟังแบบอยากรู้อยากเห็นเท่านั้น

วันนั้นก็ไปที่ห้องเลคเชอร์ปกติ ปรากฏว่าคนเบียดเสียดกันมาก เทียบจะล้นออกมา บางคนก็ถึงกับต้องขึ้นไปนั่งบนหน้าต่าง เต็มไปหมด ที่นี่ก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอเวลามีคนที่มีชื่อเสียงมาแวะเวียน จำได้ว่าครั้งแรกที่เราจะไปนั่งฟัง James D. Watson ศิษย์เก่า มาพูดเรื่อง DNA คนสนใจฟังเต็มตึกจนในที่สุดไม่สามารถ เข้าไปนั่งในหอประชุมได้ ทั้งที่มาก่อนเวลาด้วยซ้ำไป

แต่ครั้งนี้ก็โชคดีเบียดเสียดได้ไปนั่งแถวที่สาม ก็ค่อนข้างใกล้ชิดพอควร มีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเข้ามาฟังกันหลายคนเช่น อ. Robert Pippen, John Mearsheimer โดยผู้แนะนำคือ Prof. Nathan Tarcov ผู้อำนวยการของ Olin Center ซึ่งเคยเป็นอาจารย์ของ Fukuyama ที่ ฮาวาร์ดมาก่อน แต่อายุคงไม่ห่างกันเท่าไร ที่สำคัญทั้งสองคนล้วนต่างจบ ป.ตรี จากคอแนลและเอกที่ฮาวาร์ด เช่นเดียวกัน โดยคาดว่าคงได้รับอิทธิพลจาก Allan Bloom (Cornell) มาเหมือนกัน คนไทยที่เคยเขียนว่าเป็นศิษย์ Bloom ก็มีเช่น ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ,อ. สมบัติ จันทรวงศ์ สำหรับ Allan Bloom นั้นก็ถือว่าเอกอัครสาวกคนสำคัญของ Leo Strauss ผู้เป็นต้นกำเนิดของลัทธิ Straussian (ถ้าอยากรู้ หารายละเอียดได้จาก google).

จริง ๆ แล้ว Title สำหรับงานนี้ควรจะเป็น The End of History 16 Years After มากกว่า เพราะเป็นเรื่องบังเอิญที่ Fukuyama ได้มาเสนอ Workshop ในเรื่องนี้ ในห้องเดียวกันนี่แหละ ณ. วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 1989 พอดี ก่อนจะตีพิมพ์เป็นหนังสือในกาลต่อมา วันที่เขาพูดเรื่องนี้อีกครั้งก็ 6 กุมภาพันธ์ 2005 สำหรับ Frank Fukuyama จริง ๆ ก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาเกิดใน Chicago นั่นเอง ในตอนนั้นพ่อของเขาก็เป็นนักเรียน Divinity School ของที่นี่ เรียกว่าเป็นเด็ก Hyde Park โดยกำเนิด

วันนี้เขาไม่ได้พูดลงไปลึกถึงระดับปรัชญาของทฤษฏีของเขามากนัก แต่จะพูดในเรื่องราวใหม่ ๆ ตั้งแต่หลัง 911 เช่นเรื่อง Biotechnology, Biogenetics ว่าจะมีผลกระทบต่อสังคมในทิศทางใด โดยหลัก ๆ แล้วเขายังเชื่อว่าทฤษฏีของเขาคือสังคมจะก้าวไปในทาง Capitalist Democrat อยู่นั่นเอง แต่เขาก็คิดว่าหลังจาก นี้อีกไม่นานเขาจะเขียนหนังสือ The End of History ใหม่ โดยคงจะมีการ นำความคิดใหม่ ๆ และการอธิบายปรากฎการณ์ของโลกหลังจากฉบับแรก เพิ่มเติมลงไป

รวมความแล้วก็คิดว่าดี ในฐานะคนผ่านทางเข้าไปฟังก็ได้ความรู้ครับ เรียกว่าได้ฟังทัศนะอาจจะตรงกว่า

//maroon.uchicago.edu/news/articles/2005/02/12/end_of_history_schol.php

มีอีกเรื่องนึงคือเมื่อสองวันก่อนมีเรื่องโด่งดังมากในชาว Blogger และพวกชาว online Econ ทั้งหลายเมื่อเจ้าพ่อแห่งเวป Becoming an Economist , Christ Silvey ประกาศตัวขอลาออกจาก Department of Economics, Cornell ผ่านทาง weblog หลังจากเข้าเรียนไปเพียงแค่ 1 เทอม เท่านั้น เรายังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงครั้งนี้ (เขาอ้างว่าภรรยาของเขาทนกับความน่าเบื่อแห่ง Ithaca ไม่ไหว) แต่ก่อนไปเขาได้แนะนำเวปที่มีเฉลย solution ของ textbooks ดัง ๆ หลายเล่มเลย คาดว่าคงผิดกฎหมายด้วย ไม่รู้จะโดนจับหรือเปล่า (เราดาวโหลดเก็บไว้แล้ว) เพื่อนบอกว่า งง มี(ของดี)แบบนี้ด้วยหรือ ต้องติดตามกันต่อไป ชาว Blogger ต่างล้มหายตายจากกันไปทีละคน ๆ น่ากลัวจริง ๆ สงสัยจะเอาเวลามาทำเวปมากเกินไปหรือเปล่า....ต้องเตือนตัวเองให้ดีนะครับ..เล่นเนตต้องมีสติ เราต้องเป็นนายมัน ไม่ใช่ให้มันมาเป็นนายเรา..Self-Discipline สำคัญมากที่สุดครับสำหรับการดำรงชีวิตที่ประสบความสำเร็จ

เราเองก็ต้องหมั่นเตือนตัวเองบ่อย ๆ

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2548

Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2548 7:36:00 น.

8 comments

Counter : 943 Pageviews.

ขอบคุณที่เตือนค่า (ทำไม่ได้ซะที)

โดย: yodmanud^ying IP: 217.44.163.98 วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:22:57:12 น.

อืมม์... blog นี้ทำให้นึกถึงประสบการณ์ในวัยเรียนอันแสนเศร้าเลยค่ะ..................

Frank Fukuyama และหนังสือของเขา "The End of History and the Last Man" เคยถูกอาจารย์สั่งให้อ่านค่ะ แต่ไม่ได้อ่านทั้งเล่มนะคะ ความสามารถไม่ถึงค่ะ ก็เกือบ 10 ปีได้มั้งค่ะ จำได้ว่าตอนอ่านครั้งแรกนั้น ไม่ค่อยเข้าใจค่ะ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ Philosophy of History ด้วยแล้ว ยอมรับว่างงมากค่ะ อ้อ! ตอนนั้นอาจารย์ให้อ่าน "Theories and Narratives: Reflections on the Philosophy of History" ด้วยค่ะ แถมยังต้องอ่านอะไรที่มันเกี่ยวกับแนวคิด Discourse, Power/Knowledge ของ Foucault ด้วย ยิ่งไปกันใหญ่ และเมื่อยิ่งเรียนยิ่งไม่เข้าใจ สุดท้ายก็ต้องลงเรียนวิชานี้ใหม่อีกครั้ง

ว่างๆ จะแวะเข้ามาเยี่ยมชม(อ่าน)เรื่อยๆ นะคะ

โดย: Rainbow Gecko

วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:36:39 น.

yodmanud^ying- สู้ ๆ ครับ
Rainbow Gecko - หมายถึงตอนเรียนที่ มธ หรือเปล่าครับ ? (เดาเอา) วิชาอะไรเอ่ย

โดย: B.F.Pinkerton

วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:0:25:04 น.

แวะเข้ามาฟังเลคเชอร์ด้วยคนค่ะ : )

โดย: แดดเช้า

วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:16:26:07 น.

เราเองก็ต้องคอยเตือนเหมือนกัน ว่าจะหัดทำเวบๆๆๆ มัวแต่มาบ้าบลอกอยู่เนี่ยแร่ะ เฮ้อ.....

โดย: prncess

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:48:03 น.

เอ่อ อยากฟังมั่งจัง แหะๆ

โดย: buibui

วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:23:47:51 น.

ตอนนั้นเรียนวิชาปรัชญาประวัติศาสตร์ค่ะ เป็นวิชาบังคับด้วยค่ะ

อืมม์...คุณ B.F.Pinkerton คงเป็นศิษย์เก่า มธ. แล้วตอนเรียน ป.ตรี ปี 1 ต้องไปเรียนที่ศูนย์รังสิตไหมคะ และ ก่อนเรียนจบ ป.ตรี ได้ทันใช้หอสมุดกลางที่เก่าไหมคะ (ก็แค่อยากทราบว่าอยู่ร่วมสมัยเดียวกันหรือเปล่าค่ะ)

ปล. ไม่เคยฟังเพลง All you need is love ของ beatles ค่ะ เกิดไม่ทันยุคนั้น และก็ไม่ใช่แฟนเพลงของ the beatles ด้วยค่ะ

โดย: Rainbow Gecko IP: 161.246.1.34 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:8:50:29 น.

ผมเข้า มธ ตอนเขาเพิ่งสร้างหอสมุดใหม่พอดีครับ เรียน มธ รังสิตด้วย 1 ปี ปรัชญาประวัติศาสตร์รู้สึกผมก็เคยเรียนนะ HS370 ถ้าจำไม่ผิด

All you need is love, ท่อนขึ้นต้นมันใช้เพลงนั้นขึ้นต้นครับ

โดย: BF IP: 68.21.14.141 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:20:01:43 น.