ต้นไม้ใต้โลก : ไปทำอะไรมา เปล่าซะหน่อย (หมายถึงทำแต่ไม่อยากบอก หรือ ถ้าบอกแล้วห้ามโกธรนะ)
จะเป็นยังไงนะ ถ้าโลกใบนี้มีผมหลายคน? ผมหมายถึงมี ขอรบกวนทั้งชุดนอน หลายคนน่ะครับ ถ้าเหตุการณ์ณ์นี้เกิดขึ้นจริงมีหวังคงจะมีคนใช้ชื่อนี้เป็นชื่อ Login ไปอีกหลายเว็บบล็อก อย่างที่ bloggang ก็มีผม แล้วไปมีขอรบกวนทั้งชุดนอนอีกคนที่ exteen มีอีกคนที่ wordpress อีกคนที่... ฯลฯ
คิดถึงความบั่นทอนปัญหาที่จะเกิดหาก ขอรบกวนทั้งชุดนอน ทุกคนพร้อมใจกันอัพบล็อกสิครับ... (คงเกิดเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เมื่อเซลสมองถูกเข่นฆ่าอย่างเลือดเย็น)
โดยไม่ต้องให้มันเกิดขึ้นจริง ทำการทดลองวิจัย หรือวินิฉัยหาสาเหตุ เรื่องบางเรื่องเราก็สามารถรู้ได้เองว่า มันไม่ควรจะเกิดซ้ำย้ำสอง (อย่างเช่นคนอย่างขอรบกวนทั้งชุดนอนนี่...ทั้งโลกมีคนเดียวก็(หนักโลก)พอแล้ว) แต่ทุกวันนี้เราก็ยังมีเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ในแบบที่ซ้ำแล้วไม่น่ายินดีเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?
ในหนังสือต้นไม้ใต้โลกเล่าให้ฟังว่า เหตุที่เป็นอย่างนั้น มันเกิดจากมนุษย์เราเอาแต่พูดถึงเรื่องที่ประสบความสำเร็จกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการวิทยาศาสตร์ ซึ่งถือเป็นเส้นเลือดสำคัญที่หล่อเลี้ยงความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์ แต่งานวิจัยทั้งหลายที่ได้รับการตีพิมพ์หรือเผยแพร่กลับมีแต่งานที่ค้นพบอะไรใหม่ๆ ให้ผลทดลองที่ประสบความเร็จตามสมมุติฐาน หรือสร้างความก้าวหน้าให้กับวงการวิทยาศาสตร์เท่านั้น
...แล้วงานวิจัยที่จะช่วยให้วงการวิทยาศาสตร์ไม่ก้าวถอยหลังล่ะ ไปอยู่ซะที่ไหน...
กล่าวในความหมายของหนังสือต้นไม้ใต้โลกก็คือ ในขณะที่เราเอาแต่เผยแพร่งานที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนกลับละเลยการเผยแพร่งาวิจัยที่ล้มเหลว อันนี้ก็เข้าใจว่ามันน่าอับอายและเสื่อมเสียชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่การที่เราอุบความล้มเหลวเงียบไว้คนเดียวแบบนี้ ส่งผลให้เด็กรุ่นหลังต้องมาผิดซ้ำรอยเราอยู่ร่ำไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีนักวิจัยกลุ่มนึงลองค้นคว้าเรื่องรังสีแกรมม่า พวกเขาลงทุน ลงแรง และเผาผราญเวลาไปยาวนาน แต่ปรากฏว่าผลที่ได้ออกมาล้มเหลว จนเงินที่ลงไปสูญเปล่า แรงที่ทุ่มเทไร้ค่า เวลาที่หายไปไม่ได้อะไรตอบแทน...แล้วพวกเขาก็อุบเรื่องนี้เงียบไว้... 10 ปีผ่านไปเด็กรุ่นใหม่เกิดอยากจะทำการค้นคว้าเรื่องรังสีแกรมม่าบ้าง แล้วพวกเขาก็ใช้เงิน แรงงาน เวลาทุ่มไปเสียเปล่าแบบเดียวกันอีก เป็นแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา
ลองคิดดูว่าถ้าทุกประเทศมีเด็กจบใหม่ออกมาค้นคว้าเรื่องรังสีแกรมม่ากันทุกปี
โลกเราจะมีคนที่พลาดไปอาบรังสีจนกลายเป็นเจ้าตัวเขียวเต็มบ้านเต็มเมืองขนาดไหน
ในหนัง เรื่องอาจจะไม่ต้องจบลงด้วยการให้ยักษ์เขียวกับยักษ์เหลืองตีกันก็ได้ ถ้าพระเอกตีพิมพ์ความการทดลองรังสีแกรมม่าที่ล้มเหลวบ้าง...เอ หรือว่าจะกลายเป็นว่ามียักษ์เหลืองมากกว่าเดิม? เอาน่าอย่าไปคิดเยอะ มันเป็นแค่หนัง ขอร้องอย่าอิน(!?)
แล้วอย่างเวน่อมในสไปเดอร์แมนล่ะ? ไม่ควรมีใครตีพิทม์ลงหนังสือบ้างหรอว่า ให้ออกห่างจากน้ำเมือกสีดำๆที่อาจจะห่อหุ่มคุณทั้งตัว แต่ก็ไม่มีใครเอามาบอกต่อกัน...แล้วพอพลาดแล้วเป็นไง เกิดเป็นวายร้ายเวน่อมขึ้นมาจับตัวนางเอกไปโยนไว้บนตึกระฟ้า เป็นกับดักล่อสไปดี้มาโดนตบดิ้นไปดิ้นมา สไปดี้ก็เจ็บเป็นนะถึงเป็นพระเอกก็เจ็บเป็นนะ!! (ชุดนอนใจเย็นๆ เป็นไรมากเปล่าพี่) หรืออย่างดาร์ค เวเดอร์ น่าจะมีระบุในคู่มือของอัศวินเจไดออกว่า ให้ระวังการตกไปสู่ด้านมืดของพลัง พลางกำชับให้ระวังการถูกโน้มน้าวโดยใช้คนที่เรารักเป็นเหยื่อล่อ ถ้าเราตีพิมพ์อะไรที่ผิดพลาดแบบนี้บ้าง ลองคิดดูสิว่าโลกและจักรวาลของเราจะสงบสุขขึ้นขนาดไหน
...ไม่เอาน่า มันเป็นแค่หนังขอร้องอย่าอิน...(อ่าว แล้วย่อหน้าที่แล้ว แกจะอินไปหาพระแสงด้ามสั้นที่ไหน)
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้อาจจะคิดในใจว่า น่าจะมีตีพิมพ์นะว่า ไม่ต้องถึงขั้นมีหลายคน อย่าให้ไอ้ขอรบกวนทั้งชุดนอนมันได้เกิดสักคนเลยดีกว่า
เล่นปัญญาอ่อนซะขนาดนี้ 555+
เรื่องแบบนี้เอามาพูดเล่นกันในบล็อกได้ครับ...แต่ เฮ้! อย่าย้อนเวลาเอาไปบอกพ่อแม่ผมนะ!
Create Date : 18 ตุลาคม 2551 |
|
23 comments |
Last Update : 6 ธันวาคม 2552 15:22:13 น. |
Counter : 1293 Pageviews. |
|
|
|