someday we write , someday we wrong









[2] ห้องอสรพิษชวนผวา : สำรับกับแกล้ม



• ห้องอสรพิษชวนผวา : เล่มที่ 2 ของหนังสือชุดอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย •
• เลโมนี สนิกเก็ต (เขียน) : อาริตา พงศ์ธรานนท์ (แปล) : สำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่น : ราคา 85 บาท •



โดยไม่ต้องสังเกตเราจะพบว่าคนที่ชื่นชอบการอ่านหนังสือบางคน...ชอบทำตัวเหมือนรถยนต์
แต่แทนที่พวกเขาจะขับเคลื่อนความคิดของตัวเองด้วยการเผาผลาญน้ำมัน
พวกเขากลับเลือกที่จะจิบกาแฟเป็นระยะตลอดเส้นทางที่สายตาเคลื่อนตัวไปตามแนวยาวของประโยคแทน


ไม่มีสถาบันไหนการันตี…
แต่ดูเหมือนกาแฟจะเข้ากันดีกับกิจกรรมการพูดคุยในหัวสมองของตัวเอง
และที่ผ่านมายังไม่มีงานวิจัยใดที่ยืนยันว่า “กาแฟเหมาะกับการจิบในระหว่างการอ่านหนังสือทุกเล่มไหม”
แต่วันนี้มีแล้วครับ “งานวิจัยของโครงการชุดนอนเหมาๆ เอาว่าใช่” กล้ายืนยันเล็กๆ ว่า
“กาแฟไม่เหมาะกับความหดหู่ของหนังสือชุดนี้”
เพราะนอกจากความขมของกาแฟจะยิ่งไปชูรสชาติชีวิตอันขมขื่นของพวกเด็กกำพร้าโบดแลร์แล้ว
สารคาเฟอีนจะทำให้คุณข่มตาไม่หลับจนต้องทนอ่านเรื่องราวอันอุดมไปด้วยโชคร้ายฆ่าเวลา
และเรื่องราวที่อุดมไปด้วยโชคร้ายที่ว่า...จะทำให้คุณง่วงนอนแบบซึมเศร้า นอนหลับแบบไม่สนิท และฝันร้ายไปตลอดทั้งคืน



เล่มที่ 2 ของหนังสือในชุดอยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้ายได้วาด “แพ็ทเทิรน์” คราวๆ ของหนังสือทั้งชุดเอาไว้
นั่นคือ เรื่องราวในเล่มต่อๆ ไปของพวกเด็กกำพร้า จะเริ่มต้นจากการที่พวกเขาถูกส่งไปอยู่ที่บ้านญาติคนใหม่ๆ
ตามด้วยการถูกเคาต์โอลาฟที่จะปลอมตัวมาในรูปแบบต่างๆ ตามรังควาน
โดยจะมีลูกสมุนจากคณะละครโฉดที่ประกอบไปด้วย ชายที่มีมือเป็นตะขอ
ผู้หญิง 2 คนที่ทาหน้าสีขาวตลอดเวลา ชายร่างสูงหัวล้านจมูกใหญ่
และคนที่ดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
สลับกันมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในแผนการชิงมรดกของตระกูลโบดแลร์

ส่วนพวกเด็กๆ ...นอกเหนือไปจากความสามารถเฉพาะตัวแล้ว (การประดิษฐ์ ความรู้ และการกัด)
พวกเขามีเพียง มิสเตอร์โพ ผู้จัดการมรดกแย่ๆ ที่พึ่งพาไม่ได้ วางแผนแก้เกมไม่เป็น และตามใครไม่ทันเอาเสียเลย
แต่ที่แย่กว่าคือ เกมชีวิตนี้ไม่มีตัวสำรองข้างสนามให้เปลี่ยนแทน
ไม่มีกรรมการคอยแจกใบแดงเหล่าตัวร้าย และไม่มีการเป่าหมดเวลาเจ้าเกมที่มีแต่ความโชคร้ายเกมนี้



ในเล่มนี้เด็กๆ ถูกมิสเตอร์โพพาไปอาศัยอยู่กับ ลุงมอนตี้ นักอสรพิษวิทยาที่เก็บสัตว์เลื้อยคานไว้เต็มบ้าน
ในห้องอสรพิษที่เด็กๆ ต้องอาศัยอยู่จึงเต็มไปด้วยงูที่อันตรายขนาดหัวใจของเราจะหยุดเต้นก่อนที่จะรู้ตัวว่าถูกกัด
งูที่อ้างปากกว้างจนกลืนพวกเด็กๆ กับลุงมอนตี้ได้ในคราวเดียวกัน และงูคู่หนึ่งที่เรียนขับรถได้
แต่พวกมันขับรถแย่มากจนอาจจะชนเราบนถนนโดยไม่หยุดขอโทษเลยสักคำ(?)

งานที่ลุงมอนตี้สอนให้พวกเด็กๆ ทำจึงมีทั้งการดูแลจิ้กจกวัวอลาสก้าที่ให้นมแสนอร่อย
กับคางคกเสียบแหบที่สามารถเลียนเสียงพูดของคนได้ด้วยเสียงแปร่งๆ
โดยลุงมอนตี้ไม่ลืมที่จะสอนเทคนิคการเอาตัวรอดในห้องอสรพิษให้พวกเด็กๆ
เช่น วิธีการจับตัวซาลามานเดอร์หมึกยังไงไม่ให้นิ้วถูกหมึกของมันย้อมเป็นสีดำ
การจะดูให้รู้ว่าเมื่อไหร่งูหลามกำลังอารมณ์ไม่ดีและควรจะปล่อยให้มันอยู่ตามลำพัง
และอย่าปล่อยให้งูหม่าป่าเวอร์จิเนียเข้าใกล้เครื่องพิมพ์ดีดเด็ดขาด ไม่ว่ากรณีใดๆ(?)


ในส่วนของสนิกเก็ต – ผู้เขียน เขายังทำตัวเป็นพจนานุกรมต่อไปในทุกๆ ระหว่างบรรทัดของเรื่องราว
ในเล่มนี้ เขาเพิ่มมิติของการแปลขึ้นอีกระดับ ด้วยการแปลภาษาเด็กทารกของซันนี่ให้ชนิดคำต่อ(ยอดเป็นอีก)คำ
เช่น เมื่อซันนี่พูดว่า “ทาดู” สนิกเก็ตแปลว่าซันนี่กำลังพูดว่า “เราตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าขยะแขยงจัง”
หรือ “โอกิปี้” ที่แปลว่า “ซันนี่เห็นด้วยกับที่ทุกคนเพิ่งกล่าวมา” (แปลเข้าไปได้ยังไงเนี่ย!!)
(ที่แอบไม่สมจริงแต่แนบเนียนก็คือ ทั้งไวโอเล็ตและเคลาส์ก็สามารถเข้าใจคำพูดของซันนี่ได้ทุกคำ...เลือดข้นกว่าความสมจริงจริงๆ แฮะ)



เนื้อหาในเล่มที่ 2 ยังคงความหดหู่หม่นหมอง สับสนวุ่นวาย และโศกเศร้าเคล้าน้ำตาไว้ครบถ้วน
แถมยังเพิ่มระดับ “ความเซ็งเป็ด” ในตัวมิสเตอร์โพขึ้นไปอีก 5 ขั้นครึ่ง
จนคนอ่านพาลเซ็งแทนพวกเด็กๆ ที่มีคนดูแลห่วยๆ (ที่มีประโยชน์แค่ในทางอ้อมเสมอ) แบบนี้

ฉะนั้นก่อนอ่านหนังสือเล่มนี้
ใครที่ยืนกรานจะชงกาแฟจิบแกล้มเรื่องราวใน “ห้องอสรพิษชวนผวา”
ผมขอแนะนำให้หาคุ้กกี้หวานๆ มาไว้ขโมยความสนใจของคุณให้ออกห่างจากความเวทนา
เตรียมเค้กหน้าตาน่าทานไว้เพื่อบรรเทารสชาติขมๆ ของกาแฟ
หรือหาใครสักคนมานั่งข้างๆ ไว้สำหรับคอยช่วยกุมมือปลอบขวัญและเป็นกำลังใจ ^^



Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 6 ธันวาคม 2552 15:25:35 น. 16 comments
Counter : 1464 Pageviews.

 
กดอ่านการตอบ Comment ย้อนหลังได้ที่ “คำนำ” และ “เล่มที่ 1” นะครับ
กดอ่านการตอบ Comment ย้อนหลังได้ที่ “คำนำ” และ “เล่มที่ 1” นะครับ
กดอ่านการตอบ Comment ย้อนหลังได้ที่ “คำนำ” และ “เล่มที่ 1” นะครับ
กดอ่านการตอบ Comment ย้อนหลังได้ที่ “คำนำ” และ “เล่มที่ 1” นะครับ
กดอ่านการตอบ Comment ย้อนหลังได้ที่ “คำนำ” และ “เล่มที่ 1” นะครับ


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:17:23:52 น.  

 
"คนที่เราไม่เราไม่รัก ทำอย่างไร..ก็ไม่รัก"เข้าอารมณ์เพลงนิดหน่อย
ว่าแต่ว่า..เพลงนี้ชื่อเพลงอะไรคะ?..ร้องติดปากแต่ไม่รู้จักชื่อเพลง
ขออภัย..ที่ต้องบอกกันตามตรงว่า..เวลาที่บอกว่าอ่านแนวนี้..ไม่สนุก ถึงอย่างไร...ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดนะคะ

ไปอ่านเม้นตอบมาแล้วค่ะ...อ้อ..สรุปว่าแจงแปลไทยเป็นไทยผิดไปเอง ผิดเจตนาที่ต้องการสื่อสารของคุณชุดนอนฯ ขอโทษคร้าบ..บ..บ..บ
อ่านแล้ว...เข้าใจแล้วค่ะ แหม..อ่านจบ ดีกรีความน่ารักของคุณชุดนอนฯพลุ่งปรี๊ด..ด..ด...เลย น่ารักได้อีกค่ะ
เป็นผู้ชายที่โรแมนติกจัง..(หรือแค่ตัวอักษรก็ไม่รู้นะ..ตัวจริงอาจเป็นพวก รักนะ แต่ไม่แสดงออก..หรือว่าไงคะ?)

"ปล. ภาษาของผมอ่านยากหรอครับ T-T (เศร้า)
รบกวนช่วยติชมด้วยนะครับ จะได้นำไปพยายามปรับปรุงต่อไปครับ"

ไม่ได้ตั้งใจหมายความว่าอย่างนั้นนะคะ..ไม่ต้องเศร้า
เพียงแต่บอกว่า(ไม่ใช่รีวิวหนังสือชุดนี้นะคะ หมายถึงรีวิวเรื่องๆอื่นๆด้วย อย่างเช่นจดหมายรัก)
ที่บอกว่า..อ่านยาก หมายถึงการเรียบเรียงน่ะค่ะ
(อธิบายไม่ถูกแฮะ..เขียนวิจารณ์ไม่ค่อยเก่ง)จะมีการใช้ภาษาที่ค่อนข้างพิเศษหน่อย
ไม่ใช่การเขียนทั่วๆไป..อย่างเช่นุถ้าบอก..ขนมอร่อย คุณชุดนอนอาจประดิษฐ์คำว่า ขนมอร่อย
ให้มันฟังดูสวยงาม และไม่ซ้ำกับคนทั่วไปเท่าไหร่
ที่พูดไป...ไม่ได้บ่นนะคะ จะบอกว่าชอบ เวลาอ่านแล้ว
แต่ละประโยค..จะอ่านข้ามไม่ได้เลย ต้องค่อยๆทำความเข้าใจกับมันค่ะ

อย่างเช่น..รีวิวหนังสือของบางคน อาจธรรมดา
เห็นหัวข้อ เห็นหน้าปก เห็นความเห็นนิดหน่อย ก็พอจะเดาได้ ว่าเค้าต้องการสื่ออะไร
แต่เวลาอ่านรีวิวบล็อกนี้ ต้องอ่านแล้วค่อยดูไปที่ละบรรทัด
เพราะอาจมีการหักมุมเล็กๆ มีการเขียนให้เราคิดอย่างนึง แล้วสุดท้ายมาหักกลับเป็นอีกอย่างนึง..อะไร แบบนี้ค่ะ
แต่ไม่ต้องเผลี่ยนแปลงอะไรหรอกค่ะ...เป็นตัวของตัวเองอย่างนี้ดีแล้ว
เข้ามาอ่านบล็อกนี้..อยู่เรื่อยๆก็เพราะติดมจการเขียนบล็อกแบบนี้นี่แหล่ะค่ะ


ไม่แสดงความคิดเห็นเรื่องหนังสือ แต่มาคุยเรื่องอื่นไร้สาระ ไม่ว่ากันนะคะ


โดย: nikanda วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:21:31:23 น.  

 
น่าสนใจอ่า


โดย: FreakGirL วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:21:40:19 น.  

 
ลงชื่อไว้ก่อน
มีธุระด่วน
เดี๋ยวค่อยมาอ่าน + เม้นท์นะ


โดย: Jevanni วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:22:00:07 น.  

 
เมื่อคืนเหนื่อยจัด ...เปิดอ่านเล่ม 2 ได้หน่อยนึง ก็หลับ
มาต่อตอนเช้า ระหว่างเดินทางไปทำงาน ได้อีกนิด ....

คุณลุงมอนตี้ เข้าตำรา "หมองูตายเพราะงู" จริงเนอะ ..
ส่วนอีตามิสเตอร์โพ เนี่ยก็ ไม่มีไหวพริบเอาซะเลย
ผู้ร้ายก็ฉลาดอะไรเช่นนี่
น่าสงสาร เด็กกำพร้าทั้ง 3 ที่ต้องผจญเวรผจญกรรมกันต่อไปอีก

เราชอบวิธีเกริ่นเรื่องของเล่มต่อไป ที่ผู้เขียนทำเป็น จดหมายถึงบรรณาธิการอ่ะ
เข้าท่าดีนะ

อ้อ ...คุณรึยังว่า คนเขียนเค้าตั้งอกตั้งใจให้เรื่องนี้ "โชคร้ายมากกกกกกกกกกกก" ยังไง


ปล. ...มือถือใน blog ที่แล้ว น่าจะถ่ายรูปได้สวยนะ เราใช้ Z6 - 2 ล้านพิกเซล ก็ได้ภาพออกมาสวยสั่งอัด ได้เลยละ อยากเปลี่ยนเป็นฝาพับรุ่นนี้เหมือนกัน ติดอยู่แต่ว่า ...ตัวปัจจุบัน ยังไม่ครบปีเลยค่ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:22:15:08 น.  

 
ปล.อีกที
ทำไมช่างสรรหาภาพมายั่วน้ำลายเช่นนี้
เห็นแล้วหิวรอบดึกล่ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:22:17:50 น.  

 
ปล. ไว้อีกครั้ง
ถ้าเห็นว่า comment เราสปอยมากไป ก็ลบออกไปเลยนะ
อ่านแล้วมาออกความเห็น ..กลัวหลุดสปอยเหมือนกันล่ะ


โดย: นัทธ์ วันที่: 18 มิถุนายน 2551 เวลา:22:21:29 น.  

 
ประกาศ ประกาศ ประกาศ
เจ้าของบ้านขอแจ้งให้ทราบว่า เพื่อนๆ ทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิว
ทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับหนังสือหรือภาพยนตร์ “สามารถทำการสปอในคอมเม้นต์ได้เต็มที่เลยครับ”
เพราะหน้าที่รีวิว ชวนให้อ่าน และปกปิดเรื่องราวควรจะเป็นหน้าที่ของเจ้าของบ้าน
แต่แขกที่มาเยี่ยมชมควรที่จะสามารถสปอยได้เต็มที่ เพื่อที่จะได้คุยกันสนุกไม่ต้องมีกั๊ก

เพราะเมื่อเข้ามาอ่านรีวิวที่เจ้าของบ้านเขียนตามใจชอบแล้ว
แขกทุกท่านก็ควรจะเขียนคอมเม้นต์ได้ชนิดตามใจตัวเองเช่นกัน

ดังนั้นทุกคนที่กลัวสปอย ขอยืนยันว่าสามารถอ่านรีวิวได้อย่างสบายใจ
แต่ขอให้โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านคอมเม้นต์ 555+

จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ด้วยความเคารพทั้งชุดนอน



คุณ nikanda
เออ...อ่า...เพลงชื่ออะไรผมก็คิดไม่ออกเหมือนกันครับ -*-
มาบ้านชุดนอนไม่เลือกไม่ซื้อหนังสือหนังหาไม่ว่ากันครับ แค่แวะมาเยี่ยมกันก็ปลื้มใจแล้ว
และไม่ว่าคุณจะคุยเรื่องอะไรก็ไม่มีทางไร้สาระไปกว่าตัวหนังสือของเจ้าของบ้านคนนนี้หรอกครับ 555+

พูดถึงที่ตอบเม้นต์ไว้ ทีนี้เข้าใจความลับเล็กๆ ของผู้ชายแล้วสินะครับ ^^
ที่เราต้องพร้อมถึงจะลุยจริงๆ ได้ ก็ด้วยความที่พวกเรา(ผู้ชาย)เป็นมนุษย์ที่พิกรพิการครับ
เราเกิดมาแล้วมีร่างกาย ความรู้สึก และวิญญาณเพียงครึ่งขวาเพียงครึ่งเดียว
เราก็เลยใช้ร่างกายด้านขวาอันทรงพลังทำตามสัญชาตญาณดิบๆ ไปวันๆ
มีแต่ความรู้สึกหิว โกธร และเข้มแข็งไปวันๆ และโหยหาวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งที่จะมาช่วยเติมเต็มใพวกเราทุกวี่วัน

เราโหยหาไปทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของความต้องการนั้น
จนมันถูกตอบรับจากฝ่ายหญิง ความต้องการที่ว่าจึงจะได้ชื่อใหม่ว่า ความรัก
และเมื่อนั้น ผู้ชายก็จะได้ดวงวิญญาณครบดวง มีครบทุกความรู้สึก(เหงา เศร้า งอน)
และได้ร่างกายซีกซ้ายที่มีหัวใจอุ่นๆ เต้นตุบๆ ให้ได้รู้ว่าชีวิตนี้ถูกเติมเต็มแล้ว

เป็นไงครับ...บอกแล้วว่าตัวหนังสือของผมไร้สาระ ออกนอกเรื่องที่รีวิว และปัญญาอ่อนกว่าของคุณเยอะ 555+


คุณ FreakGirL
ผมก็ตอบเม้นต์ไม่ถูกใบ้คีย์บอร์ดรับประทานเลย...
เอาเป็นว่าดีใจที่คุณสนใจก็แล้วกันครับ ^^

คุณ Jevanni
เห็นว่ายังมีงานต้องแก้ไขอยู่
ถ้าอย่างนั้นอย่าเพิ่งแวะมาที่นี้ดีกว่าครับ
เพราะตัวหนังสือของผมมีสารทำลายเซลล์สมอง -*-
อ่านมากเด๋วทำงานแล้วมึนๆ 555+

แต่ก็แอบปลื้มที่คุณยังอุสาแวะมา
ยินดีต้อนรับด้วยความซาบซึ้งเสมอครับ ^^


คุณนัทธ์
เมื่อคืนผมก็เบลอๆ อ่านเล่ม 3 ไปๆมาๆ ...อ่านจบเฉย...แต่แบบมึนๆ
เลยหันไปดูหนังเรื่องจัมพ์เปอร์แทน 555+ ขอย่อยก่อนค่อยเขียนรีวิวอีกที

เรื่องคนเขียนใจร้ายนี้ผมว่าต้องดูกันยาวๆ ครับ
เพราะคนเขียนก็พูดตลอดว่า “เขาไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย”
(แม้ว่าน้ำเสียงจะเสียดสีขำๆ ก็ตาม 555+)

เรื่องมือถือนี่ อันที่ผมกำลังจะซื้อก็ 2 ล้านพิกเซลเหมือนกันครับ
เกิดมาไม่เคยใช้มือถือแบบฝาเปิดเลย เค้าว่ามันไม่ทน ก็ยังหวั่นๆ อยู่
แต่ก็ชอบแบบนี้มากๆ ก็เลยต้องตามใจตัวเอง

และเรื่องสปอย...ก็อย่างที่แจ้งไว้ในข้างบนนะครับ ^^


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:19:45:17 น.  

 
แอบชอบซันนี่จากเล่มนี้ละ


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:20:14:24 น.  

 
มือถือฝาพับของโมโตเนี่ย รับประกันความคงทน (โดยเราเอง)
เราใช้แต่ โมโต และใช้ฝาพับ มา 2 รุ่น ตกก็บ่อย แต่ไม่เคยส่งซ่อมด้วยเรื่องฝาพับชำรุดนะคะ
เคยซ่อมแต่เรื่องชาร์จแบตไม่เข้า
ตอนนี้เปลี่ยนมาลองแบบสไลด์ ...แต่ก็ยังติดใจภาพลักษณ์ของรุ่นนี้อยู่ดี
ขออวดภาพถ่ายจากกล้องมือถือหน่อยละกัน ตาม link ไปค่ะ

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bookkii&month=18-01-2008&group=2&gblog=54

กลับมาเรื่องหนังสือ ....
เมื่อเช้าติดเล่ม 3 ไปอ่านที่ทำงาน ...อ่านไปอ่านมา ก็พบว่า หนังสือชำรุด ....หน้าหายไป 1 บทอ่ะ (มีเนื้อหาบทที่ 6 ซ้ำอยู่) เซ็งเลย ต้องอ่านข้ามไปก่อน
ร้าน 50% คงช่วยเราได้ ...
กลับมาบ้าน ก็เลยมาไล่พลิกดูเล่มอื่นๆ อีกที เออ...ไม่มีชำรุด
แต่ก็ได้ค้นพบใหม่ว่า เล่ม 1 -3 เราซื้อปี 2549 แต่เล่ม 4 เป็นต้นมา เป็นหนังสือในช่วงปี 49
ล่าสุดเล่ม 12-13 เพิ่งซื้อมาจนได้ วันนี้เอง ....
คราวนี้ก็ขาดแต่ประวัติผู้เขียนแล้วล่ะ

ขอบคุณที่ให้สปอยค่ะ ....จะพยายามไม่สปอยอ่ะนะ ...กลัวตัวเองพลาดเหมือนกัน แล้วเพื่อนๆ จะไปอ่านต่อไม่สนุก
เป็นอันว่าตอนนี้ เราอ่านเรื่องนี้ไปพร้อมๆ กับคุณ
หนังสืออีก 5 เล่มในโครงการ TBR ของเราก็....พักไว้ชั่วคราว


โดย: นัทธ์ วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:22:05:47 น.  

 
พิมพ์ไวไปอีกแล้ว จะบอกว่าเล่ม 1-3 ซื้อปี 2545 คงเป็นการซื้อหนังสือเต็มราคา
ส่วนหลังจากนั้นก็เริ่มใจเย็น รอคอย ....

อ้อ ...ที่เราบอกว่า คนเขียนตั้งใจให้เรื่องนี้โชคร้ายก็เพราะ
หนังสือ มี 13 เล่ม
แต่ละเล่ม มี 13 บท
เลข 13 เป็นเลขนำโชคร้ายของพวกฝรั่งเค้าเลยล่ะ .....


โดย: นัทธ์ วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:22:09:41 น.  

 
เท่าที่อ่าน

สงสัยตัวหนังจะรวมเอาหนังสือหลายๆ ภาคไว้นะคะนี่


ปกติเวลาอ่านหนังสือ เราไม่ค่อยดื่มอะไรค่ะ ยกเว้นหิวจริงๆ แหะๆ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:9:44:02 น.  

 
เป็นหนึ่งในจำนวนคนไทยที่ไม่ค่อยจะอ่านหนังสือ
"อ่านหนังสือแล้วปวดตา
ดูหนังแล้วปวดใจ"
รักษาโรคนี้ได้ที่ไหนล่ะ..... เศร้า


โดย: Xenosaga วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:10:22:56 น.  

 
โอกาสที่จะทำเล่มที่สองให้เป็นหนังนี้คงน่าจะอีกนานนะครับ (เสียดายจัง) เพราะยังไม่เห็นวี่แววที่เคาท์โอลาฟอย่างนายจิม แคร์รี่ จะสนใจกลับมารับบทเลย (ดูคิวโปรเจ็คแกแล้ว บุ๊คจนถึง 2010 เลย)

ส่วนที่คุณชุดนอนถามไว้ที่บล็อคผม ผมตอบเอาไว้ที่นี้เลยนะครับ

1. ใช้โค๊ท ครับ มันจะทำการเว้นบรรทัดได้หนึ่งบรรทัด แต่ถ้าใช้

ก็จะเว้นไปหนึ่งย่อหน้าเลย (ประมาณสองบรรทัด)

2. เรื่องนั้นชื่อว่า It's All About Love (2003) ครับ เป็นหนังที่ดำเนินเรื่องได้แปลกดีเหมือนกัน เกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ที่อย่างที่คุณชุดนอนบอก คือใครรู้สึกเศร้าเหงาก็จะตายแบบไม่มีคนสนใจ หรือสภาพอากาศก็แปรปรวนผิดปกติ แต่เนื้อเรื่องหลักจริงๆแล้ว ก็คือการตามหารักแท้ของทั้งพระเอกและนางเอก ทั้งที่จริงๆแล้ว มันอาจจะมีอยู่ในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ตั้งแต่ต้นแล้วก็ได้ หนังเรื่องนี้ผมยังเห็นมีขายตามร้านทั่วไป (อย่างบูมเมอแรง) นะครับ



โดย: BloodyMonday วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:10:58:26 น.  

 
^
^
กรำ ผมนี้ฉลาดน้อยจัง คือพอเขียนโค๊ทลงไปแล้ว มันเปลี่ยนเป็นผลลัพท์ในคอมเม๊นต์เลย 555+

เว้นหนึ่งบรรทัดใช้ <บี> ครับ ส่วนเว้นหนึ่งย่อหน้าใช้ <พี> ครับ


โดย: BloodyMonday วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:11:02:32 น.  

 
^
^
เว้นหนึ่งบรรทัดต้อง <บีอาร์> ครับ แหะๆๆ (เช้านี้มีอะไรมาประดังประเดเยอะ เลยมึนๆมั่วๆครับ ขอโทษด้วย)


โดย: BloodyMonday วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:11:05:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอรบกวนทั้งชุดนอน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ขอรบกวนทั้งชุดนอน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.