คูน
ดอกคูน ใช้สดหรือตากแห้งเป็นยาสมุนไพร ใช้เป็นยาถ่าย สำหรับหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร และแผล เรื้อรัง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula Linn.
ชื่อสามัญ : Golden Shower, Indian Laburnm, Puddingping Tree, Purging Cassiai
ชื่อวงศ์ : CAESALPINIACEAE
ชื่อสมุนไพรอื่น ๆ : ลมแล้ง ( ภาคเหนือ ) , ชัยพฤกษ์, ราชพฤกษ์ (ภาคกลาง), ลักเคย , ลักเกลือ (ปัตตานี ), กีเพยะ (กะเหรี่ยง), ปูโย, ปีอยู, เปอโช, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เช็งเชียชัวเพียงเต่า, อาเหล็กปก(จีน)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ต้น : คูนเป็น พรรณไม้ยืนต้น มีความสูงประมาณ 15 เมตร
ใบ : ใบคูนเป็นใบประกอบ ตรงปลายก้านของมันจะเป็นใบคู่ ใบย่อยมี 4-8คู่ใบย่อยนั้นจะมีลักษณะเป็นรูปไข่มีความยาวประมาณ 6-15 ซม. และกว้างประมาณ3.5-5 ซม. ปลายใบจะแหลมส่วนโคนก้านใบร่วมบริเวณที่ติดกับกิ่งจะพองออกเล็กน้อย
ดอก : ดอกคูนนี้ จะออกเป็นช่อห้อยระย้าลงมาจากง่ามใบ ดอกจะมีสีเหลือง ปลายมน จะเห็นลายเส้นเจน ดอกมีเส้น ผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ซม.
รังไข่ : รังไข่นั้นจะมี ลักษณะเป็นเส้นยาวและงอขึ้น
เมล็ด (ผล) : ผลคูนมี ลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกยาว ตรงปลายของมันจะแหลมและสั้นเมื่อฝักยังอ่อนจะมีสีเขียวเมื่อแก่เต็มที่ก็จะ เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีดำจับดูเปลือกนอกจะแข็งเหมือนไม้ มีความยาวประมาณ 30-60ซม. มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 1.5-2 ซม. ภายในฝักนั้นจะมีแผ่นกั้นเป็นห้องๆ ตามขวาง ในแต่และห้อง จะมีเมล็ดอยู่ 1 เมล็ด จะมีลักษณะกลมแบนส่วนผิวนอกมีสารอ่อนนุ่มสีดำหุ้มเมล็ด
การขยายพันธุ์ : คูนขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ฝัก ใบ ดอกเปลือกราก แก่น เนื้อในฝัก และรากเป็นยา
สรรพคุณของสมุนไพร :
ฝัก ควรเก็บเมื่อแก่มีสีดำ นำมาตากให้แห้งเก็บไว้ใช้ ฝักนั้นจะมีรสหวานขมเปรี้ยวเล็กน้อย มีกลิ่นเหม็น เอียน ๆ เฉพาะตัว ฝักที่ดีควรสมบูรณ์ไม่มีก้าน เมื่อแห้งแล้วเขย่าจะไม่มีเสียง ควรใช้ฝักประมาณ 30 กรัมต้มกับน้ำกิน ในฝักจะมีสาร anthraquinone อยู่ ใช้ทำเป็นยาระบายสำหรับผู้ที่ท้องผูกเป็นประจำ หญิงมีครรภ์ใช้ฝักคูนเป็นยาระบายได้นอกจากนี้ยังใช้ขับเสมหะ ขับพยาธิ รักษาเด็กที่เป็นโรคตานขโมย และโรคไข้มาลาเรียด้วย
ใบ ใช้ใบคูนสด หรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาตและใช้รักษาโรคเกี่ยวกับสมอง ส่วนใบอ่อนใช้เป็นยา รักษาไข้รูมาติค(Rheumatic fever) ใช้สำหรับภายนอก นำมาตำพอกหรือใช้คั้นเอาน้ำมาทารักษาโรค กลากเกลื้อน ทาถูนวดบรรรเทาอาการปวดข้อและรักษากล้ามเนื้อบางส่วนบนใบหน้าเป็นอัมพาต (Facial paralysis)
ดอก ใช้สดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย สำหรับหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร และแผล เรื้อรัง
เปลือกราก ใช้สดหรือแห้ง ทำเป็นยาระบาย รักษาโรคไข้มาลาเรีย
แก่น ใช้หรือตากแห้งใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน
เนื้อในฝัก ใช้ฝักแก่ของคูนแกะเปลือกนอกและเมล็ดออก สกัดด้วยนำร้อนที่กรองและระเหยน้ำออกในที่ มีความดันต่ำจะได้สีดำข้นเหลวนำมาใช้ เนื้อในฝักนั้นจะมีรสหวานเอียน ใช้เป็นยาถ่ายและยาระบายในคนที่ท้องผูก เป็นประจำรักษาใข้มาลาเรีย บิดใช้สำหรับภายนอกพอกรักษาอาการปวดข้อ
เมล็ด ใช้ประมาณ 5-6 เม็ดนำมาบดเป็นผงกิน เป็นยาระบาย และเป็นยากระตุ้นช่วยให้อาเจียน
เปลือกต้นใช้เป็นยาช่วย เร่งคลอดรักษาอาการท้องร่วงนอกจากนี้ยังใช้ย้อมหนังสัตว์ก็ได้
ราก เป็นยาบำรุงรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ และโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี และเป็นยาถ่ายอย่างแรงรักษาอาการไข้ ใช้สำหรับภายนอกพอกรักษาอาการปวดตามข้อได้
อื่น ๆ : มักจะพบพรรณไม้ ชนิดนี้ปลูกตามริมถนนเป็นไม้ประดับ มีดอกออกในฤดูร้อนสีเหลืองทั้งต้นดูสวยงามมาก หรือพบขึ้นเองตามป่าโปร่งทั่วไปโดยเฉพาะในภาคอีสานจะมีมาก
ถิ่นที่อยู่ : พรรณ ไม้นี้มีถิ่นกำเนิดในเอเซียเขตร้อน
ตำรับยา:
- ใช้เป็นยาถ่ายหรือยาระบายสำหรับ
ผู้ใหญ่ ใช้เนื้อในฝักประมาณ 8 กรัมนำไปผสมกับน้ำมะขามเปียก หรือน้ำตาลในปริมาณที่เท่ากันถ้าต้องการให้ถ่ายแรง ควรกินในปริมาณ 30-60 กรัมปริมาณสูงอาจจะทำให้เกิดอาการปวดมวนท้องคลื่นไส้ และท้องอืดแน่นได้
- ใช้เป็นยากระตุ้นให้อาเจียน
ใช้เมล็ดประมาณ 5-6 เม็ด นำมาบดเป็นผงกินได้
- ใช้รักษาโรคกลาก
และโรคผิดหนังที่เกิดจากเชื้อรา เอาใบสดตำให้ละเอียดนำไปพอกหรือใช้ถูทาตามบริเวณที่เป็น
ข้อมูลทางคลีนิค :
รักษาโรคกระเพาะอาหาร ให้ใช้ฝักประมาณ 30 กรัมใส่น้ำนำไปต้มให้เหลือประมาณ10 มล. ให้กินครั้งเดียวหมด วันละ 3 ครั้ง ปรากฎว่าได้ผลดีมากนอกจากนี้ยังใช้เป็นยาระบาย รักษาท้องผูก มีกรดในกระเพาะอาหาร มากเกินไปเบื่ออาหาร ใช้ยานี้ต้มให้เดือดพอควรแล้วกิน ถ้าต้มนานเกินกว่า 8 ชั่วโมงยานี้จะไม่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย กลับจะทำให้ท้องผูกยาต้มนี้ถ้ากินมากเกินไปจะทำให้อาเจียนส่วยฝักที่ไม่แก่ จัดให้ใช้เป็นยาระบายได้ดีกว่า
ข้อมูลทางเภสัช :
- เปลือกราก มีฤทธิ์รักษา
อาการอักเสบของหนูใหญ่สีขาวได้อย่างมีนัยสำคัญวิทยา
- น้ำสกัดจากเนื้อในฝัก
นั้นจะมีผลเล็กน้อยต่อความดันโลหิตของสุนัขและแมวที่ ทำให้สลบ ทำให้มีฤทธืยับยังการบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้เล็ก ของกระต่ายและหนูตะเภาเนื้อในฝักที่สกัดเอาน้ำตาลออกมีฤทธิ์ทำให้ถ่าย มากกว่าเนื้อในฝักที่ไม่ได้สกัดน้ำตาลออกนอกจากนี้สารสกัดที่ได้จากใบ เปลือกต้น เนื้อในฝักยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
- ฝักและเปลือกราก
ที่สกัดด้วยแอลกอฮอล์ ยังมีฤทธิ์ ฆ่าเชื้อไวรัส Ranikhetdisease virusและ Vaccinia Virus นอกจากสารนี้แล้วยังมีสารสกัดด้วยอะซีโตน(acetone) จากเปลือกราก เปลือกต้น จะมีฤทธ์ฆ่าเชื้อรา
(Microsporum tonsurans, Trichophyton rubrum, และ T.megninii)
สารเคมีที่พบ :
- เนื้อในฝัก นั้นจะมี
oxymethylanthraquinones 1.05% sfennoside Aและsennoside B aolinbarbaloin rhein (เนื้อในฝักในโรดีเซียใช้แก้ไข้มาลาเรียที่มีต่ออาการปัสสาวะเป็นสีดำ (Black waterfever)
- เมล็ด นั้นจะมี fixed
oil 2.02% มี anthraquinones เพียงเล็กน้อย (เมล็ด ใช้เป็นยาทำให้อาเจียน)
- ใบ นั้นจะมี sennosides
ทั้งหมด 1.80% ประกอบด้วย sennoide A และ sennosideB.rhein carboxylic derivatives 1.23% (ใบใช้เป็นยาถ่ายต้มน้ำจากใบอ่อนใช้รักษากลาก รักษาไข้รูมาติค)
- ดอก ดอกคูนจะมี
rheinglycoside rhein, fistulin rhamnoside, kaempferol leucopelargonidin(ใช้เป็นยาถ่ายและยา หล่อลื่นลำไส้ต้มน้ำกินใช้เป็นยารักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร)
- เปลือกจะ
มีoxymethylanthraquinones 1.2%, rhein glycoside, fistucacidin (เปลือกผักทำให้แท้งลูก และ ยังใช้ขับรกค้าง นอกจากเปลือกฝักแล้วยังมีเปลือกต้นนำมาใช้ย้อมหนัง และยังทำให้เกิดลมแบ่งช่วยในการคลอดลูกด้วย)
- แก่นไม้ ยังมี barbaloin,
rhein และfistucacidin. (แก่นไม้ ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน)
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 | | |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 14:15:52 น. |
Counter : 491 Pageviews. |
| |
|
|
|