|
.เป็นว่านหางช้าง (กล้วยไม้..ที่ใหญ่ที่สุดใน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Belamcanda chinensis DC.
ชื่ออื่น ๆ ว่านมืดยับ ว่านหางช้าง เชื่อกัง(จีน) , Black Berry Lily, Leopard Flower กล้วยไม้เพชรหึง หรือว่านเพชรหึง (ภาคใต้)
วงศ์ IRIDACEAE
ลักษณะทั่วไป :
ต้น เป็นพรรณไม้ขนาดเล็ก ลำต้นกลมเป็นข้อ ๆ มีความสูงประมาณ 50-120 ซม. ลำต้นนั้นจะเป็นสีเหลือง และมีรากฝอยอยู่เป็นจำนวนมาก
ใบ จะออกสลับกันเป็น 2 แถว มีลักษณะเป็นแผ่นแบนคล้ายใบว่านน้ำ ตัวใบจะเป็นตรงยาว ตรงปลายแหลม
ดอก จะออกเป็นช่อ ตรงยอด และจะแตกแยกเป็น 2-3 ช่อมีกลีบรองดอกเป็นแผ่นยาว และบานตรงปลายแหลม ดอกไม้วัดผ่าศูนย์กลางได้ 3-5 ซม. ดอกหนึ่งจะมี อยู่ประมาณ 5 กลีบ เป็นดอกสีเหลือง มีจุดเป็นสีแดงเข้ม มีเกสรตัวผู้อยู่ 3 อัน เกสรตัวเมียมี 1 อัน มีลักษณะเป็นเส้นยาวหนา ที่ตรงปลายจะแยกเป็นรอยตื้น ๆ ประมาณ 3 รอย และมีรังไข่อยู่ประมาณ 3 ห้อง
ผล จะมีลักษณะเป็นผลยาวมี 3 พู เมื่อผลสุกก็จะแตกออกเป็น 3 กลีบ ภายในจะมีเมล็ดกลมเป็นสีดำ การขยายพันธุ์ โดยการเพาะเมล็ด
ส่วนที่ใช้ ใบ และเหง้า ใช้เป็นยา
สรรพคุณ ใบ โดยนำเอาใบมา 3 ใบ แล้วปรุงเป็นยาต้ม ใช้เป็นยาระบายอุจจาระและ รักษาระดูพิการของผู้หญิงได้ดี
เหง้า ใช้แห้งประมาณ 5-10 กรัม นำไปต้มหรือบดเป็นผงกิน หรือใช้สด โดยการตำคั้นเอาแต่น้ำกิน ใช้สำหรับภายนอก โดยการนำไปบดให้เป็นผงเป่าคอ หรือใช้ผสมทา เหง้าจะมีรสขม และเย็นจัด แต่มีพิษ ใช้เป็นยารักษาอาการต่าง ต่าง ดังนี้คือ
1. รักษาโรคคางทูม โดยใช้เหง้าสดประมาณ 10-15 กรัม นำไปต้มกินหลังอาการวันละ 2 เวลา 2. รักษาอาการท้องมาน โดยใช้เหง้าสด นำมาคั้นเอาแต่น้ำกินบ่อย ๆ 3. รักษาอาการไอ หรืออาการหอบหืด ใช้เหง้าแห้งประมาณ 6 กรัม มั่วอึ้งแห้งประมาณ 3 กรัม ขิงแห้งประมาณ 3 กรัม โส่ยชินแห้งประมาณ 2 กรัม โงวบี่จี้แห้งประมาณ 2 กรัม จี่อ้วงแห้ง 10 กรัม และลูกพุทราจีนประมาณ 4 ผลนำมาต้มรวมกันเอาแต่น้ำกิน 4. รักษาอาการ เจ็บคอ โดยใช้เหง้าสดประมาณ 15 กรัม ผสมกับน้ำส้มสายชู ตำคั้นเอาช้ำชุบสำลีอมกลืนแต่น้ำช้าๆ 5. รักษาฝี ที่เต้านมบวมมีหนองในระยะเริ่มแรก ให้ใช้เหง้าแห้ง 1 เหง้า รากดอกไม้จีนแห้งประมาณ 10 กรัม นำมารวมกันบดให้เป็นผง แล้วผสมน้ำผึ้งกิน 6.รักษาฝีประคำร้อยให้ใช้เหง้าแห้งเหลี่ยงเคี้ยว แห่โกวเช่าแห้ง อย่างละเท่า ๆ กัน นำไปบดเป็นผง ผสมทำเป็นยาเม็ด กินครั้งละ 6 กรัม หลังอาหาร 7. รักษาอาการผื่นคืนมีน้ำ เหลืองที่ขาจากการทำนา ใช้เหง้าแห้ง ใส่น้ำแล้วต้มให้เดือดผสมเกลือแกงเล็กน้อย แล้วทาตามบริเวณที่เป็น ทาวันละ 2 เวลาเช้า-เย็น
ถิ่นที่อยู่ พรรณไม้นี้ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ หรือขึ้นเองตามหุบเขา
ข้อมูลทางคลีนิค ใช้รักษาโรคผิวหนัง เป็นผื่นคัน มีน้ำเหลืองจากการทำนาให้ใช้เหง้าแห้ง นำไปต้มให้เดือดแล้วกรอง นำไปใส่เกลือแล้วคนจนละลายหมด พอน้ำอุ่น ใช้ชะล้างบริเวณที่เป็นอาการคันก็จะหายไป ชะล้างอีกครั้งหนึ่งในวันรุ่งขึ้น ผลผื่นแดงก็จะยุบและค่อย ๆ หายไป
ข้อมูลทางเภสัชวิทยา 1.มีฤทธิ์รักษาอาการอักเสบ tectoridin และ tectorigenin มีฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของ เอนไซม์ hyaluronidase นอกจากนี้ยังรักษาอาการบวมอักเสบของหนูใหญ่ เนื่องจากเอนไซม์ hyaluronidase
2.สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ หรือด้วยน้ำจากเหง้าของพืชมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ของกระต่าย นอกจากนี้สารสกัดยังมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการสร้างเอสโตรเจนด้วย แต่ไม่สามารถป้องกันอาการอักเสบของหนูเล็กที่เกิดจากการฉายรังสีเอ็กซ์ ในความเข้มสูง และไม่มีฤทธิ์เสริมฤทธิ์ยานอนหลับ พวกฟีโนบาบิโทน ส่วนสารสกัดด้วยแอลกอฮอล์จากเหล้า ฉีดเข้ากระต่ายบ้าน มีผลทำให้ความดันเลือดลดลงได้
3.มีฤทธิ์ในการยับยั้งการ เจริญของเชื้อโรค นำน้ำต้มที่ได้จากการสกัด หรือน้ำแช่สกัดจากเหง้า พบว่ามีฤทธิ์ในการยับยั้งการเจริญของเชื้อกลาก (Tinea) และมีฤทธิ์ในการยับยั้งการ เจริญของเชื้อโรค ที่ทำให้เกิดหนอง และมีเชื้อที่ทำให้คออักเสบ
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างสำหรับคนรักต้นไม้ ทั้งหลาย พืชของไทยส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพรเกือบทั้งสิ้นแต่วิธีที่จะนำมาใช้ ส่วนไหน แก้อะไร ใช้อย่างไร คนรุ่นเราหายากที่จะรอบรู้ น่าเสียดายที่ภูมิปัญญาสมุนไพรพื้นบ้านต้องหายไปที่ละนิดทีละหน่อยในที่สุด จะไม่เหลืออะไรเลย กินแต่ยาแค๊ปซูล ...........กินได้กินดี ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ
Create Date : 03 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 3 กรกฎาคม 2553 18:15:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 686 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|