VUW - Victoria University of Wellington, New Zealand
Group Blog
 
All Blogs
 
ยุุทธการรุ่งอรุณแดง (ซัดดัม ฮุสเซน) ตอนที่ 5

“ยุทธการรุ่งอรุณแดง” (OperationsRed Dawn)

ตอนที่  5

จากหนังสือเรื่อง "ยุทธการขจัดทรราช"

โดย พันเอกศนิโรจน์ ธรรมยศ

Master of International Relations (with merit)

Victoria University,  New Zealand

ข้อเขียนนี้สงวนลิขสิทธิ์ตาม พรบ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 

ห้ามทำซ้ำเพื่อการพาณิชย์ ให้ใช้เฉพาะเพื่อการศึกษาหรือค้นคว้าเท่านั้น



ในวันที่ 
30 มิถุนายน ค..2004 ซัดดัม ฮุสเซนถูกนำตัวขึ้นดำเนินคดีที่ค่าย "ครอปเปอร์" (Camp Cropper) ซึ่งเป็นฐานของทหารสหรัฐฯ ในอิรัก พร้อมกับสมาชิกพรรคบาธอีก 11 คน ในข้อหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และในอีกไม่กี่อาทิตย์ต่อมาคณะตุลาการพิเศษของอิรักก็ตัดสินว่าเขามีความผิดในการสังหารหมู่ที่เมือง "ดูจาอิล" (Dujail massacre)

เมืองดูจาอิลเป็นเมืองที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ อยู่ห่างจากกรุงแบกแดด 53 กิโลเมตร  การสังหารหมู่ดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังจากความล้มเหลวในการลอบสังหารซัดดัม ฮุสเซนเมื่อวันที่  กรกฎาคม ค..1982 โดยในวันนั้นเขาเดินทางมาที่เมืองดูจาอิลเพื่อกล่าวสุนทรพจน์สรรเสริญทหารที่เดินทางไปจากเมืองนี้ เพื่อต่อสู้กับกองทัพอิหร่านอย่างห้าวหาญ ขณะที่กำลังเดินทางกลับกรุงแบกแดด ขบวนรถของซัดดัม ฮุสเซนได้ถูกซุ่มโจมตีจากกลุ่มมือปืนจำนวน 12 คนที่หลบซ่อนอยู่สองข้างทางที่เต็มไปด้วยต้นอินทผาลัม 

การยิงต่อสู้ดำเนินไปกว่า ชั่วโมง  ก่อนที่กลุ่มมือปืนจะถูกสังหารเกือบทั้งหมด  มีบางคนถูกจับเป็นเชลย  ซัดดัม ฮุสเซนสอบสวนมือปืนสองคนที่รอดชีวิตด้วยตัวเอง ก่อนที่จะสั่งการให้จับชาวเมืองดูจาอิล ที่เป็นชายอายุตั้งแต่ 19 ปีขึ้นไปจำนวน 393 คน  ผู้หญิงและเด็กอีก 394 คนไปคุมขังที่เรือนจำอาบู กาหลิบ (AbuGhraib) ชานกรุงแบกแดด  มีการทรมานบุคคลเหล่านี้อย่างทารุณในจำนวนนี้ 138 คนถูกประหารชีวิตในปี ค.. 1985 และอีก 10 คนถูกสังหารอย่างลับๆ ในปี  ค..1989 รวมผู้เสียชีวิตทั้งหมด 148 คน

ในวันที่ พฤศจิกายน ค..2006 ศาลพิเศษของอิรักได้พิจารณาพิพากษาตัดสินให้ซัดดัม ฮุสเซนมีความผิดในคดีสังหารหมู่ที่เมืองดูจาอิลดังกล่าว  และมีโทษถึงประหารชีวิต จนกระทั่งในวันที่ 30 ธันวาคม ค..2006 รัฐบาลชั่วคราวของอิรักก็สั่งการให้ประหารชีวิตเขา ด้วยการแขวนคอนับเป็นการสั่งการอย่างปัจจุบันทันด่วน และไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าแต่อย่างใด  ในช่วงแรกนั้นสหรัฐฯ ต้องการให้ยืดเวลาการประหารชีวิตซัดดัม ฮุสเซนออกไปอีก 15 วันเพื่อดำเนินการพิจารณาคดีตามขั้นตอนให้ถูกต้อง 

แต่รัฐบาลชั่วคราวของอิรักยังคงยืนยันที่จะให้มีการประหารชีวิตในวันดังกล่าว  ส่งผลให้สหรัฐฯ ไม่ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมสังเกตุการณ์การประหารชีวิตครั้งนี้แม้แต่คนเดียว รวมทั้งพลตรี วิลเลี่ยม คาลด์เวล  (MajorGeneral William Caldwell)  โฆษกกองกำลังสหรัฐฯในอิรักได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า กองกำลังสหรัฐฯและนานาชาติไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับการประหารชีวิตอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนในครั้งนี้

ในวันประหารชีวิตผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์กล่าวว่า ซัดดัม ฮุสเซนซึ่งสวมเสื้อคลุมยาวสีดำทับเสื้อเชิ้ตสีขาว เดินออกจากห้องขังเข้าสู่หลักประหารด้วยท่าทางที่สงบนิ่งขรึม ไม่มีท่าทีตะหนกแต่อย่างใด เขามีคัมภีร์อัลกุรอานอยู่ในอ้อมกอดราวกับพร้อมที่จะพบกับวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิต คัมภีร์เล่มนี้ซัดดัมฮุสเซนได้นำติดตัวไปตลอดช่วงเวลาที่เขาต้องขึ้นศาลพิจารณาคดี เมื่อซัดดัม ฮุสเซนก้าวขึ้นยืนบนตะแลงแกงแขวนคอ เพชฌฆาตได้ใช้ผ้าสีดำพันรอบคอของเขาก่อนที่จะนำเชือกมาคล้องรอบคอของเข าและจะใช้ถุงผ้าสีดำคลุมศีรษะเพื่อปิดใบหน้าของเขา แต่ซัดดัม ฮุสเซนปฏิเสธมีคนถามว่า เขากลัวหรือไม่ซัดดัม ฮุสเซนตอบว่า

".. ไม่ .. ฉันคือทหารผู้ไม่มีความกลัวใดๆ .. ฉันได้ใช้ชีวิตทั้งชีวิตในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ .. ใครก็ตามที่เดินบนเส้นทางเดียวกับฉันไม่ควรจะหวั่นเกรงใดๆ  ..”

ในขณะที่เชือกเส้นใหญ่ถูกพันรอบคอของซัดดัม ฮุสเซน พยานที่เป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์คนหนึ่งตะโกนใส่เขาด้วยความโกรธแค้นว่า ".. ไปลงนรกเสียเถอะ .." 

ซัดดัม ฮุสเซนตะโกนสวนตอบกลับไปว่า ".. อิรักนี่แหละคือนรก .." 

ในช่วงนี้มีเสียงตะโกนดังอื้ออึงขึ้นจากผู้คนที่อยู่รอบๆ เพราะไม่พอใจคำพูดของซัดดัม ฮุสเซน ทำให้หนึ่งในเจ้าหน้าที่ควบคุมการประหารต้องตะโกนขึ้นว่า ".. โปรดเงียบ .. บุคคลผู้นี้กำลังจะถูกประหารชีวิต ..” 

เสียงอื้ออึงเหล่านั้นจึงเงียบสงบลงพร้อมๆ กับเพชฌฆาตที่คลุมหน้าด้วยผ้าสีดำก็พันธนาการเชือกที่พันรอบคอของซัดดัม ฮุสเซนให้กระชับแน่น

จากนั้นในเวลาประมาณ 06.00 ของเวลาท้องถิ่นทุกอย่างในห้องประหารชีวิตที่คับแคบมืดทึมและอับชื้นก็เข้าสู่ความเงียบสงัด  กล่าวกันว่ามันเป็นช่วงนาทีที่เงียบจนสามารถได้ยินเสียงหายใจของผู้คน  โดยเฉพาะลมหายใจของซัดดัม ฮุสเซนที่ใกล้จะขาดช่วงลง  ความสนใจของทุกคนในห้องต่างมุ่งไปยังร่างที่ยืนสงบนิ่งรอคอยการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอบนตะแลงแกงที่เป็นแผ่นไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก  เช่นเดียวกับพยานทุกคนกำลังรอคอยห้วงเวลาอันระทึกขวัญที่จะถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์โลก

และแล้ววินาทีแห่งการประหารชีวิตก็เดินทางมาถึง เพชฌฆาตผู้หยิบยื่นความตายให้กับซัดดัม ฮุสเซนทำการปลดล็อคพื้นไม้กระดานแผ่นกว้างที่เขายืนอยู่ และในพริบตาแผ่นไม้ก็พับลงร่างของอดีตประธานาธิบดีแห่งอิรักร่วงหล่นตามแรงโน้มถ่วงของโลกอย่างรวดเร็ว  รอบคอถูกกระตุกด้วยเชือกที่มัดแน่นอย่างแรง  พยานที่สังเกตุการณ์การประหารชีวิตสามารถได้ยินเสียงกระดูกคอของซัดดัม ฮุสเซนหักจากแรงกระชากดังสนั่นอย่างชัดเจน  พร้อมๆกับวิญญานของอดีตประธานาธิบดีผู้เกรียงไกรแห่งโลกอาหรับวัย 69 ปีที่หาญกล้าท้าทายมหาอำนาจของโลก ก็หลุดลอยออกจากร่าง  เขาถูกแขวนห้อยอยู่บนตะแลงแกงนานหลายอึดใจ  เพื่อให้แน่ใจว่าเสียชีวิต  จนกระทั่งแพทย์เดินเข้าไปตรวจชีพจรและลงความเห็นว่าซัดดัม ฮุสเซนได้เสียชีวิตแล้ว จึงมีการปลดเชือกเพื่อนำศพใส่โลงที่เตรียมเอาไว้

ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 31 ธันวาคม ค..2006 เวลา 04.00 ร่างอันไร้วิญญานของซัดดัม ฮุสเซนก็ถูกนำไปฝัง ณสุสานในเมืองอัลญะห์ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดของเขาและอยู่ห่างจากหลุมศพของบุตรชายทั้งสองคือ อูเดย์ และ คูเซย์ ประมาณ กิโลเมตร แม้จะมีข่าวลือว่าร่างอันไร้วิญญานของเขาถูกกระหน่ำแทงอีก ครั้ง เพื่อเป็นการระบายความแค้นของญาติที่เสียชีวิตจากการกระทำของซัดดัม ฮุสเซน แต่ข่าวนี้ก็ได้รับการปฏิเสธจากรัฐบาลอิรักและผู้นำศาสนาของเมืองอัลญะห์ว่าไม่เป็นความจริง

การประหารชีวิตซัดดัม ฮุสเซนในครั้งนี้ นับเป็นการรูดม่านปิดฉากตำนานของผู้นำเผด็จการที่สำคัญอีกคนหนึ่งของโลก จุดจบของเขากลายเป็นข้อถกเถียงในสังคมโลกอยู่หลายประเด็น เช่น  ประเด็นความชอบธรรมของสหรัฐฯ ในการรุกรานประเทศอิรัก เพื่อยุติโครงการสร้างอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ซึ่งแม้จนทุกวันนี้ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานของอาวุธดังกล่าวได้

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าชัยชนะของสหรัฐฯ ในสงครามครั้งนี้ เป็นการสถาปนาระบอบประชาธิปไตยของโลกตะวันตกขึ้นในประเทศอิรัก หรือเป็นการนำประเทศอิรักไปสู่จุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองและการสิ้นชาติในอนาคตอันใกล้นี้ ดังที่ชาวอิรักบางคนได้สรุปผลของเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า ".. จุดสิ้นสุดของซัดดัม ฮุสเซนคือจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมืองในอิรัก .."  




Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2556 9:53:14 น. 1 comments
Counter : 3270 Pageviews.

 
ซัดดัมคือวีรบุรุษ


โดย: อกลักษณ์ IP: 61.90.22.140 วันที่: 10 เมษายน 2558 เวลา:12:12:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

unmoknight
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]




ฉันจะบิน ... บินไป ... ไกลแสนไกลไม่หวั่น
เก็บร้อยความฝันที่มันเรียงราย ...
ให้กลายมาเป็นความจริง ...
New Comments
Friends' blogs
[Add unmoknight's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.