VUW - Victoria University of Wellington, New Zealand
Group Blog
 
All Blogs
 

บันทึกจากใต้ ... ระเบิดที่ไก่นาคาราโอเกะ สุไหงโกลก

เรื่องเล่าจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ระเบิดที่ร้านไก่นาคาราโอเกะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส





โตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ป้ายแดง ที่ถูกระเบิดจนพังยับไปทั้งคัน เรื่องราวต่างๆ ถูกเล่าผ่านสุภาพสตรีที่คลุมผผ้า "ฮิญาบ" สีชมพูที่ผมกำลังสัมภาษณ์อยู่
มันเป็นเรื่องราวที่ผมยังจดจำมาได้จนถึงทุกวันนี้
.... "ไก่นาคาราโอเกะ" ....



......

.....

....

...

..

.




วันนั้นผมจำได้ เกิดเหตุระเบิดที่ร้านไก่นาคาราโอเกะ ใน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

ผมรีบนำทีมประชาสัมพันธ์ของผมออกเดินทางจากค่ายสิรินทร อ.ยะรัง จ.ปัตตานีไปทำข่าวทันที

เมื่อเราเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นซอยเล็กๆ รถวิ่งสวนกันแทบไม่ได้ มีร้านคาราโอเกะ และร้านอาหารแบบนั่งดื่มยามค่ำคืนเรียงรายติดกันตลอดสองข้างทาง สังเกตดูร้านรวงส่วนใหญ่ จะเป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียว

ขณะที่ไปถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แถบพลาสติคล้อมบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นรถโดโยต้าไฮลักซ์ วีโก้ป้ายแดง

ระหว่างที่เดินดูสถานที่เกิดเหตุ ผมก็เห็นสุภาพสตรีท่านหนึ่ง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นภรรยาของเจ้าของร้าน "ไก่นาคาราโอเกะ" แหวกแถบพลาสติคของตำรวจ เข้าไปที่ซากรถ เปิดประตูด้านคนขับออกและเข้าไปรื้อของในซากรถโดโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ คันนั้น

ผมจึงเข้าไปพูดคุยกับเธอว่า กำลังทำอะไรอยู่ครับ เธอบอกว่า สามีของเธอเป็นเจ้าของร้านไก่นาคาราโอเกะ และเป็นเจ้าของรถคันนี้ ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด รักษาตัวอยู่ที่ ร.พ. สุไหงโกลก

เธอกำลังหากระเป๋าสตางค์ของสามีที่ติดอยู่ในรถ เพื่อค้นหาบัตรประชาชน เพื่อจะเอาไปแจ้งทำหลักฐานที่โรงพยาบาล

ผมสังเกตเห็นดวงตาและใบหน้าของเธอภายใต้ผ้าคลุมนั้น เต็มไปด้วยคราบน้ำตา สีหน้าอิดโรยเพราะอดนอนมาทั้งคืน

เธอเล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนตอนเกิดเหตุการณ์เวลาประมาณ 2000 น. ผู้คนพลุกพล่าน เพราะเป็นช่วงที่คนกำลังมาเที่ยวกัน ก็มีเด็กวัยรุ่น 2 คนขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดที่บริวเณท้ายรถซึ่งจอดอยู่หน้าร้าน

จากนั้นเด็กวัยรุ่นคนที่ซ้อนท้าย ก็เอากล่องกระดาษกล่องหนึ่งที่หิ้วมาด้วย มาวางที่ท้ายรถกะบะคันนี้

สามีของเธอยืนอยู่หน้าร้านเห็นเหตุการณ์พอดี จึงตะโกนเรียกเด็กวัยรุ่นทั้งสองคนให้หยุด แต่ทั้งคู่เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์หนีไป โดยทิ้งกล่องกระดาษไว้ที่ท้ายรถ

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างตกอกตกใจ ปิดร้านกันพัลวัน นักท่องเที่ยวก็วิ่งหนีออกจากบริเวณนั้น (ย่านนี้เป็นย่านบันเทิงยามราตรีของสุไหงโกลก ผู้คนพลุกพล่านพอสมควร)

เจ้าของร้านจึงโทรแจ้งตำรวจ แล้วมายืนอยู่หน้าร้านไม่ห่างจากรถมากนัก คงเป็นเพราะด้วยความเป็นห่วงรถ เพราะเป็นรถใหม่ เพิ่งถอยออกมาได้ไม่นานนี้เอง

ครู่เดียวก็ได้รับแจ้งว่าเจ้าหน้าที่กำลังเดินทางมาที่เกิดเหตุ

ทันใดนั้น ... ระเบิดก็ระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น เจ้าของร้าน สามีของเธอถูกแรงระเบิดอัดจนกระเด็นจากประตูหน้าร้าน เข้าไปจมกองเลือดอยู่เกือบในสุดของร้าน ตอนที่ผมไป กองเลือดกองใหญ่ที่บ่งบอกว่าเป็นจุดที่คนเจ็บนอนอยู่ ยังแห้งกรังอยู่กับพื้นปูนขัดมัน

พอตั้งสติได้ ผู้ประสบเหตุก็ช่วยกันพาเจ้าของร้านผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาล ผมดูจากรอยเลือด ทำให้เห็นภาพการลากคนเจ็บออกไปแบบถูลู่ถูกัง เพราะรอยเลือดถูกลากยาวไปตลอดทาง เหมือนใช้แปรงทาสีที่สะบัดแปรงไปมา

ผมถามเธอว่า มีอะไรอยากจะบอกคนที่ก่อเหตุการณ์นี้ขึ้นมาบ้าง เธอกล่าวสั้นๆว่า ... หยุดเสียที พอได้แล้ว คนบริสุทธิ์จะต้องเจ็บ ต้องตายไปอีกเท่าไรจึงจะหยุดได้ ไม่ว่าพุทธ หรืออิสลาม ก็คือ "มนุษย์" เหมือนกัน ต่างมีชีวิต มีจิตใจ มีลูก มีภรรยา มีคนที่รัก ...

... หยุดได้แล้วกับการเอาชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ ...

พูดจบ เธอก็ร้องไห้ ก่อนที่จะขอตัวไปรื้อค้นกระเป๋าสตางค์ของสามีที่ติดอยู่ในซากรถโยต้าคันนั้นต่อไปทั้งน้ำตาที่นองอยู่เต็มใบหน้า

ผมถอนหายใจออกมาไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนมีน้ำอุ่นๆ เอ่อนองอยู่ในนัยน์ตาของผม ก่อนที่จะเดินเข้าไปช่วยสุภาพสตรีท่านนั้นค้นหากระเป๋าสตางค์ในซากรถอีกแรงหนึ่งจนเจอ

เย็นวันนั้น ผมนั่งรถกลับจากสุไหงโกลก ไปยังปัตตานีด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย และใช้เวลาทำใจอยู่นาน กว่าจะเขียนบันทึกฉบับนี้ ...

"บันทึกจากสุไหงโกลก" .... บันทึกที่ทำเอาผมอยู่ในภาวะหงอยเหงาไปเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว


ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องไทยทุกคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จงแคล้วคลาดและปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวงเถิด ... เหล่าผู้กล้าของชาวไทย ...




บันทึกโดย

พันโท ศนิโรจน์ ธรรมยศ




-----------------------------------




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 15:18:25 น.
Counter : 1690 Pageviews.  

บันทึกจากใต้ - ธงไตรรงค์ที่ รร.บ้านลือมุ จ.ยะลา

บันทึกจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

ธงไตรรงค์ที่ โรงเรียนบ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา





ภาพโรงเรียนบ้านลือมุ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา

.... ภาพนี้มีจุดที่น่าสนใจมากที่สุดอยู่จุดหนึ่ง .... คือธงไตรรรงค์บนยอดเสา

.... อยากทราบหรือไม่ครับว่า ธงผืนนั้นขึ้นไปอยู่บนยอดเสาได้อย่างไร ....

ทั้งๆ ที่ควันไฟยังไม่จางไปจากซากอาคารเรียนเลย ....

ตามผมมาสิครับ .... ผมจะเล่าความทรงจำในวันนั้นให้ท่านได้ฟัง ....



....

...

..

.


ภาพที่ปรากฏอยู่ข้างบนคือซากอาคารเรียน 2 ชั้นของโรงเรียนบ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ที่ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางเพลิงกลางดึกคืนวันหนึ่ง

ภาพนี้ถ่ายในเวลาประมาณ 0730 น. ในขณะที่ผมนำชุดปฏิบัติงานของผมเข้าไปทำข่าว

... จะเห็นได้ว่า ... ตัวอาคารถูกเปลวเพลิงเผาผลาญจนเหลือแต่ซาก ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นสองเป็นไม้ อาคารชั้นสองพังลงมากองอยู่กับชั้นแรก ควันไฟยังคงลอยออกมาจากไม้คานที่กองอยู่กับพื้น

พื้นดินบริเวณนั้นร้อนระอุ ซากอาคารยังคงแผ่ความร้อนออกมา เพราะไฟไหม้มาตั้งแต่เที่ยงคืน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนยืนอยู่หน้าเตาไฟ จนเหงื่อไหลออกมาชุ่มทั้งตัว

... ที่โรงเรียนบ้านลือมุ ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับอนุบาลและประถมศึกษาแห่งนี้ นักเรียนทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลาม ... ไม่มีเด็กพุทธแม้แต่คนเดียว ... ครูเกือบทั้งหมด เป็นครูที่นับถือศาสนาอิสลามเช่นกัน ...

ผมมองเห็นเด็กๆ หลายคน ยืนร้องไห้กับครูผู้หญิงที่คลุมผ้าฮิญาบอยู่ข้างๆ อาคารเรียน

... ก่อนโรงเรียนถูกวางเพลิงเพียงหนึ่งวัน ... เป็นวันที่โรงเรียนกำลังจะเปิดเทอม ...

คณะครูต่างขนอุปกรณ์การเรียนมาเตรียมรับเด็กๆ ตอนเปิดเทอม หวังจะให้เด็กๆ ตื่นเต้นกับวันเปิดเรียน ... ผมมองเห็นซากหมวกกระดาษที่ใช้สวมใส่ในงานปาร์ตี้ ตกแต่งอย่างสวยงาม ... ถ้วยกระดาษสีสดใส ... แผ่นโปสเตอร์ "ยินดีต้อนรับวันเปิดเทอม" ... ตกแต่งด้วยมิคกี้เมาส์ โดนัลดั๊ก ... ทุกอย่างเหลือเพียงเศษซาก ... อยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น




ขณะสัมภาษณ์ครูใหญ่ของโรงเรียนและเด็กๆ นักเรียนโรงเรียนบ้านลือมุ



ผมคุยกับครูคนหนึ่ง จำได้ว่าเธอคลุมผ้าฮิญาบสีม่วงอ่อนๆ เธอพูดไปก็ร้องไห้ไป ... ร้องไห้ไม่หยุด

เธอบอกว่า เธอโตมาที่นี่ เรียนจบชั้นประถมจากโรงเรียนบ้านลือมุแห่งนี้ ก่อนที่จะไปเรียนต่อในเมืองยะลา แล้วกลับมาเป็นครูสอนอยู่ที่นี่อีก ... ความผูกพันกับโรงเรียนมีมากเกินบรรยาย ...

ขณะที่คุยกัน ผมสังเกตุเห็นภายในอาคารชั้นเดียวเล็กๆ ที่เหลืออยู่ พวกครูผู้หญิง คลุมผ้าฮิญาบ 4-5 คน กำลังจับกลุ่ม ช่วยกันเขียนแผนการเรียนการสอน ลงบนเศษกระดาษ เศษสมุดที่เหลือจากกองเพลิง

... บางเล่ม ถูกไฟไหม้ไปเกือบครึ่ง ... บางเล่ม ขอบไหม้เกรียม บ่งบอกว่า ถูกหยิบออกมาจากกองเพลิง

ผมถามว่า กำลังทำอะไรครับ ... พวกเธอตอบผมว่า แผนการเรียนการสอนที่ทำไว้ ... ถูกไฟไหม้หมดแล้ว ...

ตอนนี้ทุกคนกำลังพยายามดึงแผนการเรียนที่ทำไว้ ออกมาจากความทรงจำ เพื่อเตรียมไว้สอนนักเรียนในวันพรุ่งนี้ ... เพราะจะให้เด็กๆ เสียเวลาเรียนไม่ได้

... คำตอบนี้ทำให้ผมนิ่งอึ้งไปครู่ใหญ่ๆ ... รู้สึกเหมือนอะไรมาจุกอยู่ที่ลำคอ

จากนั้นก็หันกลับไปมองนักเรียนตัวเล็กๆ กลุ่มหนึ่งที่ยืนจับกลุ่มมองดูผมอยู่

... ผมดีใจ และภูมิใจ ... อยากบอกเด็กๆ เหล่านั้นเหลือเกินว่า พวกหนูช่างโชคดีอะไรอย่างนี้ ที่ได้ครูที่มีความตั้งใจทำเพื่อพวกหนูจริงๆ

ควันไฟยังคงคุกรุ่น ... ไอร้อนยังคงแผ่ออกมาจากพื้นดินที่ร้อนระอุจากเปลวไฟมาตลอดทั้งคืน ... ร้อนจนเหงื่ออกมาเต็มหน้าเต็มตาของผม

... ผมมองไปที่ตัวซากอาคาร แล้วหันกลับไปมองกลุ่มครู แล้วก็ตระหนักดีว่าเปลวเพลิงที่บ้านลือมุ ... มันเผาได้เพียงแต่อาคารเรียนเท่านั้น ...

แต่มันไม่สามารถที่จะเผาจิตสำนึกของความเป็นครูแห่งโรงเรียนบ้านลือมุ ที่ตั้งใจจะประสิทธิประสาทวิชาให้กับเด็กๆ นักเรียนผู้เป็นลูกศิษย์ไปได้

เวลา 0800 น. เสียงเพลงชาติดังแว่วมาจากวิทยุของใครคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลนัก ...

ผมเห็นเด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง คลุมผ้าฮิญาบสีขาว วิ่งเอาธงชาติมาผูกคล้องกับเสาธง และชักขึ้นสู่ยอดเสา ...

ทุกคนที่อยู่รอบๆ เหมือนโดนสะกดจิต ... ธงไตรรงค์โบกสะพัดพริ้ว ... สายตาทุกคู่ ดวงใจทุกดวง ... พุทธ ... มุสลิม ... ล้วนจับอยู่ที่ผืนธง ... แดง ... ขาว ... น้ำเงิน ... ขาว ... แดง ... ธงชาติไทย ...

ผมไม่มีวันลืมภาพนี้ไปได้ ... แม้เวลาผ่านมานานนับปี ... ภาพนี้ บรรยากาศนี้ ... ความรู้สึกนี้ ... ยังอยู่กับผม ... และจะคงอยู่ตลอดไปตราบชีวิตจะสูญสิ้น ...

ผมรีบถ่ายภาพธงไตรรงค์บนยอดเสาหน้าอาคารเรียนนี้เอาไว้ มันเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนว่า ที่นี่คือผืนแผ่นดินไทย

ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด พูดภาษาใด ทุกคนรู้ว่า ตนคือคนไทย ผมย้ำว่า "ทุกคน" ไม่เว้นแม้แต่เด็กนักเรียนตัวน้อยๆ แห่งบ้านลือมุแห่งนี้

... ทำไมผมถึงคิดถึงเหตุการณ์ที่โรงเรียนบ้านลือมุขึ้นมาอีกครั้ง ... ทั้งๆที่เวลาผ่านมานานนับปี ... ไม่แน่ใจเหมือนกัน ...

อาจจะเป็นเพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองขณะนี้ก็เป็นได้

อาจจะเป็นเพราะคนไทยกำลังจะนำเอาธงไตรรงค์ผืนเดียวกัน ... สีเดียวกันกับที่บ้านลือมุ ... มาใช้เป็นเครื่องแบ่งฝ่าย เครื่องปลุกกระแสความเกลียดชัง ... ทั้งๆ ที่เป็นธงไตรรงค์ผืนเดียวกัน ...

... นึกถึงเด็กนักเรียนมุสลิมตัวเล็กๆ ที่ชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาที่โรงเรียนบ้านลือมุในวันนั้น ...

... นึกถึงคณะครูผู้หญิง ... ที่เอาเศษกระดาษจากกองไฟ มาเขียนแผนการสอนให้เด็กๆ เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้พวกเขา ...

... นึกถึงไอร้อนจากเปลวเพลิงในวันนั้น ...

... นึกถึงความภูมิใจในความเป็นคนไทยของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่บ้านลือมุ ...

... นึกถึงวันที่พวกเรา เอาเลือด เนื้อ และชีวิต ไปแลกกับความสงบสุขของประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ... เพื่อด้ามขวานทองของคนไทยทั้งแผ่นดิน ...

... ผมได้แต่หวังว่า ... บทเรียนบทนี้คงมีคุณค่าต่อคนไทยบ้าง ... ไม่มาก ก็น้อย ...



บันทึกโดย

พันโท ศนิโรจน์ ธรรมยศ


------------------------------------




 

Create Date : 15 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 15 กรกฎาคม 2552 20:27:16 น.
Counter : 1392 Pageviews.  

เรื่องเล่าจากชายแดนใต้ ... มหัศจรรย์ที่แยกท่าสาป ยะลา

เรื่องเล่าจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้

มหัศจรรย์ที่แยกท่าสาป จ.ยะลา





เมื่อครั้งเกิดเหตุระเบิดที่จุดตรวจแยกท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ในเวลาประมาณ 0800 น. ผม (เสื้อคลุมสีดำคอปกเสื้อสีขาว ขวามือของภาพ) เป็นเจ้าหน้าที่ชุดแรกๆ ที่เข้าถึงพื้นที่

สภาพที่เห็นคือรถของ ส.ต.ท. อาบีดิน หมานฝา ตำรวจประจำ สภอ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถูกระเบิดที่ซุกมาใต้ท้องรถ ระเบิดขาดจนเหลือแต่ส่วนหน้ารถ (จะเห็นซากรถอยู่ขวามือของป้าย ล้อหน้ารถสีขาว เห็นได้ชัดเจน ส่่วนตัวถังรถหงายท้องขาดครึ่ง)

เศษรถกระจัดกระจายไปทั่วพื้นที่

แต่ ส.ต.อ. อาบีดิน ได้รับบาดเจ็บเพียงไหล่หักเท่านั้น

ส.ต.ท.อาบีดิน เล่าให้ฟังว่า ขณะขับรถปิคอัพคันดังกล่าวจะไปทำงานที่ปัตตานี พอผ่านจุดตรวจท่าสาปที่เป็นจุดเกิดเหตุ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจหลายนาย ทั้งทหารและตำรวจ

ทันใดนั้นก็มีมอเตอร์ไซค์แซงขึ้นหน้าไปอย่างรวดเร็ว วัยรุ่นคนที่ซ้อนท้ายเหลียวหันมามองอาบีดิน แล้วเร่งเครื่องหายลับไป

จึงเชื่อทั้งสองคนเป็นคนร้ายที่แซงขึ้นไปเพื่อใช้โทรศัพท์มือถือจุดระเบิด พอรถแล่นไปได้อีกเล็กน้อย มีรถบรรทุกทุเรียนแล่นช้าๆ ขวางทางอยู่ อาบีดินจึงตัดสินใจแซงรถบรรทุกทุเรียน เป็นเวลาเดียวกับที่รถเกิดระเบิดขึ้น

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

ดังชนิดที่ว่า ผมนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่ค่ายสิรินทร ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลมตร ยังได้ยินเสียวดัง ... ตึง ... เหมือนโต๊ะตัวใหญ่ล้มลงบนเพดานเหนือศีรษะ กระจกห้องทานอาหารสะเทือนเหมือนมีใครเขย่า

อาบีดินเล่าให้ผมฟังต่อว่า ตอนแรกเข้าใจว่า รถบรรทุกทุเรียนชนท้ายรถตัวเอง จึงค่อยๆ คลานออกมาจากซากรถที่ขาดกลาง หงายท้อง เละแบบไม่มีชิ้นดี

แล้วคว้าโทรศัพท์มือถือออกมา เพื่อบอกภรรยาว่า ... รถชน ... รถชน ...

ผมถามว่าทำไมไม่คิดเลยหรือว่า โดนระเบิด ...

อาบีดินตอบว่า ... ผมเป็นคนมุสลิม เกิดในยะลา โตในยะลา ที่นี่คือบ้านของผม แฟนผมก็เป็นครูสอนโรงเรียนอิสลามมานานนับสิบปี ลูกศิษย์ลูกหาเต็มเมือง ... ไม่เคยคิดว่า จะมีใครมาทำร้ายผม เพราะที่นี่คือบ้านของผม ผมไม่เคยทำอะไรให้ใคร

อาบีดินนอนเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา เขาบาดเจ็บเพียงแค่ไหล่หัก และรอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งคือ ตำรวจที่จุดตรวจที่มีเกือบสิบนาย เนื่องจากเป็นช่วงแปดนาฬิกา ผู้คนพลุกพล่าน จึงมีเจ้าหน้าที่เต็มกำลัง แต่ทุกคนก็ปลอดภัย

ทั้งนี้เพราะรถบรรทุกทุเรียนคันนั้น ได้บังสะเก็ดระเบิดจากรถของอาบีดินเอาไว้จนหมดสิ้น

เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องของความมหัศจรรย์ที่เล่ากันไม่จบทีเดียว

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จงปลอดภัย และขอให้สิ่งมหัศจรรย์ที่แยกท่าสาปจงปกป้องพวกท่านทุกนาย ... วีรบุรุษของคนไทย ...




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2552    
Last Update : 14 กรกฎาคม 2552 19:07:30 น.
Counter : 2551 Pageviews.  


unmoknight
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 49 คน [?]




ฉันจะบิน ... บินไป ... ไกลแสนไกลไม่หวั่น
เก็บร้อยความฝันที่มันเรียงราย ...
ให้กลายมาเป็นความจริง ...
New Comments
Friends' blogs
[Add unmoknight's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.