อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
อาหารไหว้ตรุษจีน กินอย่างไร ไม่ทำให้ป่วยเพิ่ม



อาหารไหว้ตรุษจีน

อาหารไหว้ตรุษจีนที่แฝงไปด้วยความหมายมงคล หากกินเน้นความอร่อยมากกว่าการคำนึงถึงประโยชน์ที่ควรได้รับ อาจเป็นการสะสมโรคเพิ่มได้ โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัว

คำอวยพรในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปีนั้น คงหนีไม่พ้นเรื่องการขอให้สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เพราะหากมีสุขภาพดีแล้ว เราย่อมทำอะไรได้อีกหลายอย่าง และเป็นที่รู้กันดีว่า อาหารไหว้ตรุษจีนนั้น ส่วนใหญ่เน้นหนักไปทางน้ำมัน แป้ง และน้ำตาล ซึ่งคนรักสุขภาพอาจทำใจยากสักหน่อยหากต้องกินเลี้ยงกับครอบครัว­­­ในช่วงเทศกาลนี้ แต่ก็อย่ากังวลไป ลองมาอ่านคำแนะนำของกรมอนามัยกันก่อน ว่ามีหลักในการเลือกกินอย่างไรบ้าง หรือ ถ้าหากคนในครอบครัวของเรามีใครเป็นโรคประจำตัว เราก็จะได้แนะนำวิธีกินได้อย่างถูกต้องอีกด้วย
อาหารไหว้ตรุษจีน ที่คนมีโรคประจำตัวควรเลี่ยง

          สำหรับในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ฝ่ายโภชนาการกองส่งเสริมสาธารณสุข สำนักอนามัย ได้พูดถึงอาหารไหว้ตรุษจีนว่า ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง แต่ก็ใช่ว่าต้องงดกินไขมันอย่างเด็ดขาดเลย ความจริงแล้ว กินได้ แต่ควรอยู่ในประมาณที่เหมาะสม นั่นคือ อย่างน้อยร้อยละ 15–20 เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมนำไปใช้ในการรักษาสุขภาพและการทำงานขอ­­­งร่างกาย เช่น นำไปใช้ในการทำงานของวิตามินเอ ดี อี และ เค ที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในวัยเด็ก และการรักษาสุขภาพผิวพรรณของผู้ใหญ่ เป็นต้น 

ในขณะเดียวกัน หากเราบริโภคไขมันมากเกินที่ร่างกายต้องการ ก็จะถูกสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ได้แก่ โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด ข้อเข่าอักเสบ โรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ควรเพิ่มความระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารมากเป็นพิเศษ เพราะส่วนประกอบหรือสารประกอบบางอย่างในอาหาร มีผลต่ออาการของโรคให้เป็นหนักขึ้น โดยเฉพาะอาหารต่อไปนี้

1. กุนเชียง

          - มีส่วนผสมของเกลือไนไตรท์ (Nitrite) และ มันหมู 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคตับอักเสบ และกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง 

2. มันหมู หนังเป็ด และหนังไก่

อาหารไหว้ตรุษจีน กินอย่างไร ไม่ทำให้ป่วยเพิ่ม

          - มีส่วนผสมของ คอเลสเตอรอล และให้พลังงานสูง
          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคตับอักเสบ และกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง 

3. เห็ด

          - มีส่วนผสมของพิวรีน 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเก๊าท์ 

4. ขนมเทียน ขนมเข่ง และขนมมัดไต้ 

อาหารไหว้ตรุษจีน กินอย่างไร ไม่ทำให้ป่วยเพิ่ม

          - มีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล กะทิ และเกลือ 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน โรคไต และโรคตับอักเสบ 

5. ขนมเทียน ขนมเข่ง (ชนิดมีไส้) และขนมมัดไต้

          - มีส่วนผสมของพิวรีน (ในถั่วที่ใช้ทำไส้) 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเก๊าท์ 

6. ผัดหมี่ซั่ว

อาหารไหว้ตรุษจีน กินอย่างไร ไม่ทำให้ป่วยเพิ่ม

          - มีส่วนผสมของเกลือ (พบในเส้นหมี่ซั่ว) 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคความดันโลหิต โรคไต และโรคเบาหวาน 

7. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

          - มีส่วนผสมของพิวรีนสูง และให้พลังงานสูง 

          - ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคเก๊าท์ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคตับอักเสบ 

นอกจากนี้แล้ว กรมอนามัยยังบอกอีกด้วยว่า ไม่ใช่แต่เฉพาะเทศกาลตรุษจีนเท่านั้นที่ควรระมัดระวังเรื่องการ­­­บริโภคอาหาร การกินเลี้ยงในเทศกาลอื่น ๆ ก็เช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งคนที่มีสุขภาพแข็งแรงดีแล้ว และมีโรคประจำตัว ก็ควรจะใส่ใจถึงข้อปฏิบัติโภชนบัญญัติ 9 ประการ ดังต่อไปนี้ 

1. กินอาหารครบ 5 หมู่ กินแต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว 
2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ 
3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ 
4. กินปลา เนื้อสัตว์ ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ 
5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย 
6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร 
7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัดและเค็มจัด 
8. กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อน 
9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 

การกินเลี้ยงฉลองเทศกาลตรุษจีนกับครอบครัวจะไม่ทำให้สุขภาพของเ­­­ราแย่ลงเลย ถ้าหากเราใส่ใจเรื่องโภชนาการเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น ลดปริมาณการใช้น้ำมัน และเกลือในการปรุงอาหาร เช่น เมนูไก่รวน จิบชาร้อนเพื่อกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน เน้นกินเนื้อปลา เห็ด และไก่ มากกว่าเนื้อหมู รวมถึงการกินขนมหวาน เช่น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมสาลี่ ซาลาเปาอย่างพอดี อย่างน้อยวันละ 1-2 ชิ้นก็พอแล้ว เพียงเท่านี้เราก็ได้ทั้งความอร่อยและไม่ทำร้ายสุขภาพด้วย 



Create Date : 28 มกราคม 2560
Last Update : 28 มกราคม 2560 15:16:29 น. 1 comments
Counter : 1160 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3773459 วันที่: 29 มีนาคม 2560 เวลา:11:12:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.