Good morning "Vietnam" #2 (วันแรก)
หลังจากเดินชมสิ่งต่าง ๆ ที่บริเวณทะเลคืนดาบ จนท้องเริ่มส่งเสียงร้องจ๊อก ๆ แล้ว ก็เลยต้องหาอะไรกินสักหน่อย แล้วจะกินอะไรดีล่ะ..เริ่มต้นที่ "เฝอ" แล้วกัน อาหารยอดฮิตของคนเวียดนาม (สามารถกินได้ทุกมื้อ) เอาหละลองกินแบบรสชาดต้นตำรับสักหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็เดินไปเจอร้านข้างทางอยู่ร้านนึง คนกินเยอะอยู่เหมือนกัน..ต้องอร่อยแน่ ว่าแล้วก็เดินไปที่แม่ค้า แล้วชู 2 นิ้ว เสร็จแล้วเดินมาหาที่นั่ง เก้าอี้ที่ร้านเค้าใช้เก้าอี้เล็ก ๆ แบบเก้าอี้ซักผ้าตามบ้านน่ะ ส่วนโต๊ะก็สูงไม่พ้นเข่าเมื่อนั่งบนเก้าอี้แล้ว
สักพัก "เฝอ" 2 ชามก็มาวางบนโต๊ะ โอ้โห้..ทำไมชามจึงใหญ่ขนาดนี้ เรียกว่า 1 ชามกินกัน 2 คนก็จุกเลยนะ นี่สั่งมาตั้ง 2 ชามจะหมดมั๊ยเนี่ย
ไม่เป็นไรเราคนไทยใจสู้อยู่แล้ว ชิมสักหน่อยซิว่าจะแซ่บหรือเปล่า..รสชาดไม่เหมือนเฝอที่ขายที่ไทยนะ ที่ไทยจะออกนุ่ม ๆ เหมือนน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว แต่ที่นี่รสชาดเค้าจะเข้มข้นออกเค็มนำแบบมีกลิ่นกะปิหน่อย ๆ (ไม่รู้ว่าอุปาทานไปหรือเปล่านะว่าเค้าใส่กะปิ) เครื่องเคราเยอะแยะมากมาย มีทั้ง เต้าหู้ทอดกรอบเหลือง หมูยอเส้น ขาหมูหันบาง ๆ ตามขวาง ลูกชิ้นลูกโต เลือดหมู (มั๊ง) เส้นก็ให้มาเยอะมาก ผักอีก 1 กระจาด (แต่ไม่กล้าใส่ เพราะกลัวจุกซะก่อน) ร้านนี้ไม่มีเครื่องปรุงใด ๆ กินกันได้เลย
สรุปว่า..กินไม่หมด เพราะเยอะมากจริง ๆ งานนี้ 2 ชาม รวมเป็นเงิน 30000 ดอง
กินอาหารคาวเสร็จแล้ว ต้องหาอาหารหวานมาล้างปากซะหน่อย...คิดขึ้นได้ว่าอยู่ใกล้ ๆ มีร้านไอติมยอดนิยมที่คนเวียดนามชอบมากินกัน ก็เลยเดินเล่น ๆ ไป ผ่านห้างสรรพสินค้าชื่ออะไรไม่รู้ ก็ลองเดินผ่านเข้าไปดู (จริง ๆ แล้วเดินเข้าไปตากแอร์อ่ะ..อิอิ) เหมือน ๆ เซ็นทรัลบ้านเรา สินค้าที่วางขายอยู่เห็นก็มีพวก นาฬิกา เสื้อผ้า เครื่องประดับต่าง ๆ แต่ดูแล้วค่อนข้างจะแพง และไม่ค่อยมีคนเวียดนามเดินกันสักเท่าไร
เดินผ่านออกจากห้างมาด้านข้างอีกฝั่งถนน เป็นทิวแถวของร้านขายโทรศัพท์มือถือก็เลยส่องดูซะหน่อยว่าที่นี่เค้าขายกันเท่าไร ราคา Nokia N95 11,450,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 24,000 บาท ราคาไม่หนีเมืองไทยมาก
เดินกันเรียบ ๆ ข้างห้างฯ ไปทาง Opera House ก่อนถึงสี่แยกจะเป็นร้านขายไอติม ถ้ากลางวันต้องเข้าไปซื้อข้างใน แต่ถ้าเป็นกลางคืน ให้ซื้อที่ข้างถนนได้เลย คนซื้อเยอะมา ยืนกินกันเต็มไปหมด อร่อยดี เหมือนไอติมแท่งบ้านเรา ราคาก็ตามป้าย
ไม่รู้ว่ามีรสอะไรบ้าง และไม่รู้ว่าจะสั่งเค้าว่ายังไง พอดีเหลือบเห็นที่ป้ายมีอยู่เมนูนึงเขียน "Kem KaKao" เดาว่าเป็นรสโกโก้ ก็มั่วนิ่มไปสั่งเค้าเลยบอก "KaKao" แล้วชู 2 นิ้ว ... ว่าแล้วเจ๊คนขายก็เปิดตู้หยิบรส "KaKao" มา 2 อัน แล้ววางแหมะบนถาดหน้าตู้ ให้เราหยิบไปได้เลยไม่ต้องใส่ถุงให้เปลือง จ่ายเงินไป 5000 ดอง (2 แท่ง 10 บาท)
ชิมซะหน่อยดีกว่าว่ารสอะไรกันแน่..อืม..รสโกโก้จริง ๆ "Verb to เดา" ใช้ได้ผลแฮะ รสชาดก็อร่อยดีนะ
(ไม้ไอติมที่นี่เค้าไม่ทำแบน ๆ แบบบ้านเรา แต่จะเป็นไม้เนื้อขาว ๆ ที่กลึงให้กลมเรียบไม่มีเสี้ยนเลย ขนาดตะเกียบที่กินเฝอตะกี้อ่ะ)
กินไอติมกันแล้วเดินออกจากตรอก มองไปไกล ๆ สุดถนนจะเห็น Opera House เป็นโรงละครของเวียดนาม สถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส
เดินต่อมาชมเมืองย่าน ร้านค้าต่าง ๆ ต้องเดินย้อนกลับมาทาง ทะเลคืนดาบ แวะถ่ายรูปเล่น ๆ ซักนิด เพื่อรอเวลาดูการแสดงหุ่นกระบอกน้ำรอบ 18.30 น.
เดินหลายชั่วโมงแล้ว หน้าเริ่มมันเยิ้มเชียว และอีกนานกว่าจะถึงเวลา ถ่ายรูปเก็บบรรยากาศรอบ ๆ ทะเลสาบแล้ว เดี๋ยวคงต้องกลับไปอาบน้ำที่โรงแรมให้สบายตัวก่อนมาดูหุ่นกระบอกน้ำดีกว่า
เดินไปเดินมาหมดแรง ช่างภาพก็เริ่มตาลาย ๆ ...เอ้ยยย...ไม่ใช่ นี่เป็นมุมกล้องนะตั้งใจโฟกัสไปที่ "เจดีย์กลางน้ำ" เป็นของคู่เมืองเวียดนามอีกอย่างหนึ่ง
ภาพนี้ตั้งใจโฟกัสที่คน เจดีย์เลยเบลอ ๆ หายไปเลย
ขอถ่ายภาพคู่กับสะพานสีแดง แบบมุมไกลอีกสักภาพก่อนดีกว่า
ทางเดินรอบ ๆ ทะเลสาบคืนดาบ จะมีผู้คนมาเดินเที่ยว นั่งพักผ่อน วิ่งออกกำลังกายอยู่มากพอสมควร
นักท่องเที่ยวกลุ่มทัวร์ญี่ปุ่นนั่งรถสามล้อชมเมืองเป็นทิวแถว พูดถึงรถสามล้อ...เวลาเดินไปตามถนนมักจะเจอคนปั่นสามล้อถามว่า One Hours 40000 ดอง เค้าหมายความว่า "สนใจจะนั่งรถชมเมือง 1 ชั่วโมงคิด 40000 ดอง เอามั๊ย" เราก็ตอบเค้าไปประมาณว่า "ไม่หละขอบคุณ เราอยากจะเดินดูไปรอบ ๆ ก่อน" (จริง ๆ เมื่อยขาจะแย่แล้วหละ แต่กลัวจะกลับมาไม่ทันดูหุ่นกระบอกน้ำน่ะสิ อากาศวันนั้นร้อนพอสมควรเหมือนฝนใกล้จะตก ก็เลยอบอ้าวจนเนื้อตัวรู้สึกเหนียวหนึบหนับไปหมด...ไม่ไหวแล้ว ไปอาบน้ำก่อนมาดูละครดีกว่า)
อาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกจากโรงแรมที่พักไม่ไกลนักก็ถึงโรงแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ถ้าจำไม่ผิดการแสดงจะมีเป็นรอบ ๆ คือ 17.00 น., 18.30 น., 20.00 น. และ 21.30 น. ทัวร์จากที่ต่าง ๆ มาชมกันเยอะมาก เมื่อเดินมาถึงหน้าโรงละครก็แทบไม่มีที่จะยืน เพราะคนมายืนรอกันแน่นไปหมด
ก่อนถึงเวลา 18.30 น. รอบก่อนหน้านี้ก็เริ่มทยอยออกจากโรงละคร พอคนออกหมด เค้าก็ให้คนรอบต่อไปเข้าไปชม ถ้าเอากล้องเข้าไปจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 5000 ดอง
ทดสอบถ่ายภาพในโรงละครซักหน่อย ก็ได้ภาพ "สาวตาเหลือก" กับ "หนุ่มตาโรย" ไปคนละภาพ
เวลา 18.30 น. การแสดงก็ได้เริ่มขึ้น มีนักดนตรีมาบรรเลงเพลง และขับร้องเพลงเวียดนามให้ฟังก่อน และตามด้วยการแสดงของหุ่นกระบอกน้ำ
นักดนตรีผู้หญิงเสื้อสีแดง ไม่รู้เล่นเครื่องดนตรีชื่ออะไร เป็นสายเสียงเพราะมาก ๆ (ลักษณะเหมือนใช้มือซ้ายเล่นซอด้วง ผสมมือขวาเล่นจะเข้) ส่วนเสื้อสีเหลืองเป็นนักร้องเค้าจะมีอุปกรณ์เหมือนกรับเล่นประกอบระหว่างการร้องของเค้าด้วย
ลีลาการเล่นดนตรี
เนื้อหาของละครหุ่นที่เล่นเริ่มต้นก็จะแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนาม เช่น มีการเพาะปลูก จับปลา ทำสวน ทำไร่ ปลูกข้าว ฯลฯ จากนั้นก็จะเล่าถึงประวัติเกี่ยวกับ "ทะเลคืนดาบ" หุ่นที่นำมาแสดงมีหลายแบบมาก ทั้งคน พืช สัตว์ สิ่งของ ตลอดการบรรยายภาพรวมเป็นภาษาอังกฤษ แต่เวลาตัวละครสนทนากันจะเป็นภาษาเวียดนาม
ถึงฉากนี้เป็นฉากที่พระจักรพรรดิ์ถือดาบมาที่ทะเลสาบ
เต่าศักดิ์สิทธิ์ มาคาบดาบคืนจากพระจักรรพรรดิ์
เมื่อการแสดงจบลง คนเชิดหุ่นกระบอกน้ำก็ออกมาโชว์ตัว ใช้เวลาในการแสดงทั้งหมด ประมาณ 1 ชั่วโมง
ออกจากโรงละครหุ่นกระบอกน้ำ ก็เริ่มจะหิวนิด ๆ (อีกแล้ว) แต่ไม่อยากกินเยอะ เลยเดินมองหาอะไรเบา ๆ กิน ย่านที่เดินมีร้านขายอาหารเยอะมาก ส่วนมากจะเป็น Sea Food เดินหาอะไรเบา ๆ อยู่นานก็ไม่เจอ ไปเจอร้านขายบะหมี่คล้าย ๆ บ้านเรา เอ้า...ลองสักหน่อยดีกว่า ไปถึงสั่งเลย ชี้ไปที่เส้นบะหมี่ในตู้ แล้วยกนิ้วขึ้น 2 นิ้ว (มุขเดิม) คนขายผู้ชายพยักหน้า เป็นอันเข้าใจ แต่เราเกิดเปลี่ยนใจ อยากกินน้ำชาม แห้งชาม เลยไปสั่งใหม่ ชี้ไปที่หม้อต้มน้ำชุบ แล้วยก 1 นิ้ว คนขายพยักหน้าแล้วเอาชามมาให้ดู 1 ชาม กับ เอาจานมาให้ดู 1 จาน ตอนแรกก็ไม่เข้าใจคิดว่าเขาจะเอาจานมารองชาม จึงยกนิ้วชู 2 นิ้ว เพื่อจะบอกเค้าว่า เอา 2 ชาม เค้าพยักหน้าอีก เค้าเข้าใจ...แต่เราไม่เข้าใจ เค้าก็เลยพูดว่า Soup One, No Soup One โอ้ว..ใช่เลย เราก็ได้แต่หัวเราะแล้วคิดในใจ..เออ เราไม่ดีเอง พูดกับเค้าแต่ทีแรกก็ไม่ต้องเมื่อยมือแล้ว
เป็นสิ่งที่แปลกจากบ้านเราอีกอย่าง คือ บะหมี่แห้งที่นี่จะใส่จาน ไม่ใส่ชามเหมือน บ้านเรา แล้วเครื่องปรุงจะมี 3 อย่าง คือ ซอสพริก น้ำส้มใส ๆ และเกลือ ไม่มีน้ำตาลเหมือนที่บ้านเรา (ถึงว่าสิคนที่นี่หุ่นดีจัง)
บะหมี่น้ำก็น่ากิน รสชาดดีเหมือนกัน เครื่องก็คล้าย ๆ บะหมี่บ้านเรา แต่เค้าเพิ่มไข่ต้มมาให้ 1 ชิ้น (ขนาดประมาณเศษ 1 ส่วน 8 ฟอง) แล้วก็มีตับหมูต้ม (เป็นบะหมี่หมูแดงที่ใส่ตับด้วย จะเป็นตับหมูต้มกับเกลือแล้วหั่นบาง ๆ แต่ก็อร่อยดีนะ)
บะหมี่แห้งยิ่งน่ากินเข้าไปใหญ่ เครื่องที่ใส่มาเหมือนบะหมี่น้ำเปี๊ยบแล้วไม่เติมน้ำในชาม แต่ใส่น้ำซอสรสชาดเหมือนน้ำที่ราดข้าวหน้าเป็ด แล้วเค้าจะมีน้ำซุปให้ มีเกี๊ยวใส่มาให้ด้วย (โห..สั่งแห้ง 1 แต่ได้กินทั้งแบบแห้งและแบบน้ำเลย...ตกลงนี้อาหารเบา ๆ มากเลยนะเนี่ย)
อิ่มท้องแล้วกลับโรงแรมดีกว่า รีบนอนออมแรงไว้ผจญภัยพรุ่งนี้ต่อ
ภาคต่อไปเป็นการใช้ชีวิตอยู่ในเวียดนามเป็นวันที่ 2 ต้องเดินทางไกลไปเที่ยว "ฮาลอง เบย์ " ชมความสวยงามของธรรมชาติ ผสมความวุ่นวายอะไรบ้าง...โปรดติดตามกันต่อไปนะจ๊ะ
Create Date : 06 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 16:20:35 น. |
Counter : 1643 Pageviews. |
| |
|
|
|