Bloggang.com : weblog for you and your gang
เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [
?
]
Group Blog
Good morning "Vietnam"
Welcome & Next Trips
"ปาย"...รักจัง
โซฟิเทล เซ็นทรัล หัวหิน
สะบายดี หลวงพระบาง
ไปเที่ยวง่ายๆ สบายๆ ...ที่ สิงคโปร์
เดินเล่น.... เกาะเกร็ด
มาเก๊า-ฮ่องกง 4วัน 3คืน
ไปฝึกภาษาจีนที่ ฮ่องกง-เซินเจิ้น
แบกเป้เที่ยวปักกิ่ง
แชงกรีลาแดนในฝัน.
เท็นเดย์อิน เนปาล
ตลาดคลองสวน 100 ปี
สิงคโปร์ กับ โปรฯ 0 บาท
สำรวจ... มาเลเซีย
มนต์เสน่ห์.. บาหลี
พม่า. ไหว้พระทำบุญ
ไหว้พระทำบุญ เชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน
คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์
เที่ยว เชียงคาน ภูเรือ จ.เลย
ใคร ใคร ก็ไปเกาหลี
All Blogs
Good morning "Vietnam" #8 (วันที่สี่)
Good morning "Vietnam" #7 (วันที่สี่)
Good morning "Vietnam" #6 (วันที่สาม)
Good morning "Vietnam" #5 (วันที่สาม)
Good morning "Vietnam" #4 (วันที่สอง)
Good morning "Vietnam" #3 (วันที่สอง)
Good morning "Vietnam" #2 (วันแรก)
Good morning "Vietnam" #1 (วันแรก)
Friends' blogs
kateking
mamminnie
smo
tsubai
Hot Vanilla
หมอหมู
DogRobo
liminghui
พี่ถึก
nenenery
Lady Formosa
nokparichad
มิสเตอร์ฮอง
Webmaster - BlogGang
[Add 's blog to your web]
Links
BlogGang.com
Good morning "Vietnam" #8 (วันที่สี่)
เที่ยววัดเสาเดียวเสร็จก็เดินไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ซึ่งอยู่ในละแวกเดียวกัน เดินได้สบายมาก เรามาถึงพิพิธภัณฑ์ฯ ประมาณเที่ยงกว่า ๆ เค้าปิดอยู่จะเปิดอีกครั้งเวลา บ่าย 2 โมง (ที่นี่เค้าพักกลางวันกันตั้ง 2 ชั่วโมงแน่ะ...ดีจัง) เราเลยต้องนั่งรอบริเวณนั้น มีคนนั่งรอรอบ ๆ เยอะมาก พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์เป็นที่เก็บสิ่งของ และเล่าเรื่องราวชีวิตของลุงโฮ
บ่าย 2 โมงตรง ประตูเปิด คนต่างชาติอย่างเราต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 10000 ดอง คนเวียดนามไม่ต้องเสีย ก่อนเข้ามีการตรวจอาวุธ (เดินผ่านประตูตรวจโลหะเหมือนที่ตรวจที่สนามบิน) ตรวจกระเป๋า และไม่ให้นำกระเป๋าเข้า เราไหวตัวไม่ทันเลยหยิบฉวยติดมือเข้าไปได้แค่กล้องถ่ายรูปเท่านั้น ขาตั้งกล้องอุตส่าห์พกมาโดนยึดไปอีกแล้ว
ภายในเป็นอาคารติดแอร์ 2 ชั้น ชั้น 1 ส่วนที่ใช้เล่าเรื่องราวการทำงาน และเก็บสิ่งของเครื่องใช้ของลุงโฮ
ไม่รู้ว่าเป็นโล่ หรือจาน มีภาพถ่ายร่วมกันเพื่อแสดงสัมพันธไมตรีระหว่าง 2 ประเทศ คือ ปรีดี พนมยงค์ (นายกรัฐมนตรีของไทยในสมัยนั้น) นั่งคุยกับลุงโฮ (ประธานาธิปดีของเวียดนาม)
เดินชั้น 1 ไม่ค่อยมีอะไรมาก พอเดินขึ้นบันไดมาชั้น 2 เจอรูปปั้นลุงโฮใหญ่มาก เลยขอถ่ายรูปไว้หน่อย
ภายในชั้น 2 ตกแต่งในลักษณะศิลปะสมัยใหม่ที่คงไว้ซึ่งความเป็นชนชาติเวียดนามได้สวยงามมาก แสดงถึงความเป็นอยู่ และสงครามในเวียดนาม
อาวุธ และอุปกรณ์เครื่องใช้ยามเกิดศึกสงครามในยุคต่าง ๆ ของเวียดนาม
รถที่ยิยมใช้กันมากที่สุดในช่วงสงครามเวียดนามคือ "จักรยาน" พาหนะยอดนิยมที่สามารถบรรทุกอะไรได้เยอะมาก
อาวุธที่มีร่องรอยการผ่านสงครามมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถถัง ลูกระเบิด จรวด เครื่องยิงลูกระเบิด กับระเบิด มีการนำมาจัดโชว์ได้สวย และยังคงไว้ซึ่งความขลังของสงครามสมัยนั้น
เป็นแผนที่จริงที่ใช้สำหรับวางแผน บุกยึดเมืองไซง่อน เวียดนามใต้ ดูยุทธศาสตร์การทหารของลุงโฮ แล้วทึ่งมาก กับแผนการบุก มีการวางแผนเป็นอย่างดี เป็นขั้นเป็นตอน โจมตีทุกด้านของเมือง โดยค่อย ๆ ยึดเมืองรอบ ๆ ก่อนบุกเข้าสู่ศูนย์กลาง
อุปกรณ์ในการทำสงคราม เช่น กับดักไม้ไผ่ กับดักเหล็กแหลม กิโยตินที่ใช้ตัดศีรษะข้าศึกหรือเชลย ซึ่งดูใกล้ ๆ น่ากลัวมาก เพราะทุกอย่างดูแล้วล้วนเป็นของจริงที่เคยผ่านการใช้งาน...บรึ๋ยยย
ใช้เวลาในการชมพิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ ประมาณ 1 ชั่วโมง เราก็ได้เดินตรงจากหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ฯ ผ่าน 2 สี่แยก แล้วเลี้ยวขาว เพื่อมุ่งหน้าไปชมร่องรอยสงครามเวียดนามที่พิพิธภัณฑ์อีกแห่ง
"พิพิธภัณท์สงครามเวียดนาม" เป็นที่จัดแสดงเรื่องราว เก็บรวบรวมอุปกรณ์ อาวุธต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำสงคราม ไม่ว่าจะเป็นของเวียดนามเอง หรือฝ่ายกองทัพพันธมิตร ซึ่งนำโดยประเทศสหรัฐฯ เสียค่าเข้าชมคนละ 20000 ดอง และต้องฝากกระเป๋าอีกแล้ว
เดินเข้าอาคารพิพิธภัณฑ์มาเจอรูปปั้นลุงโฮ ประดับฉากหลังด้วยสัญลักษณ์ค้อน เคียว และดาว 5 แฉก บนผืนผ้ากำมะหยี่สีแดงสดทำให้รูปปั้นลุงโฮดูเด่นยิ่งขึ้น เลยขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักภาพก่อนเดินทางต่อไปห้องอื่น ๆ ซึ่งจะจัดแบ่งเป็นห้อง ๆ ไว้ถ้าจะเดินให้ทั่วทุกห้องโดยไม่หลงจะต้องดูไปตามแผนที่ที่เค้าแจกให้ตอนซื้อตั๋วเข้าชม
ห้องจัดแสดงอาวุธ และเรื่องราวของผู้นำในการรบ
เดินเข้าไปในห้องนี้ จัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้ของทหารฝรั่งเศส แสดงหลักฐาน และร่องรอยการต่อสู้ในค่ายเดียนเบียนฟู ซึ่งเป็นค่ายของทหารพันธมิตร ที่ถูกทหารเวียดนามตีแตก ทหารตายเป็นจำนวนมาก สังเกตหมวกเหล็กบนแท่นไม้ก็รู้ว่าทหารเจ้าของหมวดจะรอดหรือไม่
ป้อมหอคอยสูง ที่เอาไว้ตรวจตราข้าศึก
ซากเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ ที่ใช้ในสงคราม ก็มีการนำมาจัดแสดงให้ไว้เป็นที่ระลึก
รถเอนกประสงค์ของชาวเวียดนาม ยามศึกสงคราม เอาปืนครก ไปติดตั้งบนรถจักรยาน ขับไปยิงข้าศึก นับเป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่ง เพราะปืนชนิดนี้มีความแรงมาก จึงมีการถ่วงน้ำหนักที่จักรยานด้วยกระสอบใส่หินหรือทรายทั้ง 2 ข้างเพื่อไม่ให้รถกระเด็นถอยหลัง
นี่ก็นับเป็นภูมิปัญญาในการทำสงครามอีกอย่างของทหารเวียดนาม ที่ขุดอุโมงค์มีความยาวนับสิบ ๆ กิโลเมตร เพื่อพักอาศัยและหลบลูกระเบิด ข้างในจะแบ่งเป็นห้องมากมายหลายแบบ บ่งบอกถึงความอดทนของทหารเวียดนาม
เดินชมพิพิธภัณท์สงครามเวียดนามเสร็จ เราก็เดินข้ามถนนหน้าพิพิธภัณฑ์ไปฝั่งตรงข้ามเพื่อรถเมล์สาย 09 กลับไปที่ทะเลสาบคืนดาบ ระหว่างรอเห็นรถเมล์มีโฆษณาขนมยอดฮิตของที่เวียดนาม Choco-Pie เลยถ่ายมาให้ดูซะหน่อย ใครอยากชิมที่เมืองไทยก็มีมาขายแล้วเหมือนกันนะ
รถเมล์มาจอดบริเวณทะเลสาบคืนดาบ (เค้าจอดให้ลงที่ป้ายเดิมที่ขึ้นเมื่อตอนเช้านั่นแหละ) รู้สึกหิว ๆ แต่เรามีแผนจะกินอาหารในดวงใจอยู่แล้วเลยไม่รอช้ามุ่งหน้าไปร้านขายที่เราเรียกว่า "ส้มตำ" ที่กินเมื่อวานนี้ไง รีบเข้าไปสั่งอย่างชำนาญ ตั้งใจจะกินแค่จานเดียว เพราะกลัวจะกินไม่หมด แต่มีคนอยากกินอีกเลยสั่งเพิ่มอีก 1 ดูรูปเอาเองแล้วกันว่ารสชาดเป็นอย่างไร คนกินมีความสุขแค่ไหน
สุดท้าย 2 จานก็ไม่เหลือ (นี่ยังเกรงใจนะเนี่ย ไม่งั้นยกซดแล้ว 555)
กินส้มตำเสร็จเดินออกจากร้านไม่ถึง 100 เมตรเจอร้ายขายเฝอ เห็นคนขายสวยมาก แต่งสายเดี่ยวด้วย อดใจไม่ไหว เข้าไปสั่งเฝอไม่ใส่เครื่องใน 2 ชาม
ชามใหญ่มากๆๆๆๆ
อีกคนกินส้มตำมา 2 จานแล้วมาเจอเฝอชามเบ้อเร่อ คงกินไม่หมด ที่ไหนได้ ดูเอาเองแล้วกัน
กินเสร็จจ่ายตังค์ชามละ 15000 ดอง รวมเป็น 30000 ดอง แล้วเดินกลับโรงแรม เปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อย ให้รถไปส่งสนามบิน เพื่อรอขึ้นเครื่อง Air Asia FD3707 เวลา 21.30 น. ไปถึงสนามบินก่อนเวลาเยอะ เลยนอนพักผ่อนสักนิดนึง ไปเวียดนามได้ซื้อของส่วนตัว 1 อย่างคือ เป้ที่สามารถลากได้เพราะมีล้อ Semsonite สีดำแดง ของ copy ที่บ้านเราเคยถามราคา 1800 บาท ที่เวียดนามบอก 1200 ต่อเหลือ 650 บาท ตั้งใจจะเอาไว้ Back Pack ไปหลวงพระบาง
23.50 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อย ขากลับเครื่องบิน ๆ เร็วมาก (สงสัยกัปตันง่วงเลยรีบขับจะได้กลับไปนอนไว ๆ อิอิ)
สรุปค่าใช้จ่ายในการไปเที่ยวเวียดนามครั้งนี้เรา 2 ใช้เงินดังนี้
ค่าเครื่องบิน ไป-กลับ 2 คน 7,300 บาท
แลกเงิน us $300 ใช้ไป $269 x 33.8 = 9,093 บาท
ใช้เงินไทยในเวียดนาม 1,400 บาท
ค่า Taxi สุวรรณภูมิ ไป-กลับ 500 บาท
รวม 18,293 บาท
คุ้มจริง ๆ สำหรับประสบการณ์ชีวิตครั้งหนึ่งของคน 2 คน
จบแล้ว...สำหรับเรื่องราวการท่องเที่ยวชุด "Good Morning Vietnam" ขอบคุณที่ติดตามชมกันนะจ๊ะ พบกันใหม่ Trip หน้าเดือนกันยายนปีนี้ สำหรับตอนนี้ บ๊าย บายจ้า
Create Date : 20 สิงหาคม 2550
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 20:48:38 น.
8 comments
Counter : 4538 Pageviews.
Share
Tweet
สุดยอดจริงๆ แล้วจะคอยติดตามตอนต่อไปครับ
โดย: Ja IP: 203.170.231.230 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:16:33:54 น.
อ่านแล้วเพลินเลยอ่ะ เขียนเก่งจริงๆ
โดย: บี IP: 210.213.60.241 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:16:20:17 น.
ขอบคุณพี่จ่า และบีมาก ๆ เลยนะคะที่แวะมาเยี่ยมชม แล้วจะพยายามผลิตผลงานออกมาให้อ่านกันเรื่อย ๆ ค่ะ
โดย: taotao_s IP: 58.8.177.145 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2550 เวลา:20:28:14 น.
ติดตอนจนครบ 8 ตอนละ ขอบคุณครับ
สัปดาห์หน้าก็จะไปฮานอยเหมือนกัน
โดย:
Noumy
วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:9:23:42 น.
Noumy;
- ขอบคุณมากครับ ที่แวะชมบล๊อก
- เที่ยวให้สนุกนะครับ
โดย:
taotao_s
วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:11:19:15 น.
สนุกมากค่ะ ภาพสวยจริง ๆ เลย เข้ามาเยี่ยมหลายหนแล้ว ถ้าเจอคงต้องจำหน้าได้แน่ ๆ
แวะไปชม blog เราได้นะคะ
yingaor
โดย: อ้อ IP: 58.10.36.218 วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:16:10:25 น.
อ้อ
ขอบคุณมากๆ ครับที่แวะมาชมบล็อกอีก แล้วจะตามไปชมบล็อกนะครับ
โดย:
taotao_s
วันที่: 18 กันยายน 2553 เวลา:21:39:50 น.
เที่ยวเห่งจังเลย
ทั้งสนุกทั้งประหยัด
กำลังจะไปเที่ยวเวียดนาม
เลยมาหาข้อมูลทาง Net
ขอบคุณที่ share ประสบการณ์ดีๆนะคะ
โดย: crockerel IP: 125.24.73.153 วันที่: 27 มกราคม 2556 เวลา:21:40:20 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.