ไปฝึกภาษาจีนที่ ฮ่องกง-เซินเจิ้น #3
ตอนที่3 นี้ยังคงเป็นวันที่ 2ของการเดินทางของพวกเราอยู่ รถไฟที่นั่งไปเซินเจิ้นเรียกว่า สาย KCR ต้นทางอยู่ สถานี Tsim Sha Tsui ปลายทางคือ สถานี Lowu การจะไปเซินเจิ้นจึงต้องนั่งรถไฟสายนี้เท่านั้น รถไฟขบวนนี้นยาวมาก มีหลายตู้รถไฟ บรรยากาศภายในรถไฟผู้คนไม่เยอะ ขณะที่นั่งไปเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ
ภายในรถไฟจะมีจอทีวี และเสียงบอกตลอดสายว่า ถึงสถานีไหนแล้ว และ สถานีหน้าคือสถานีอะไร ที่ทีวีจะเป็นตัวหนังสือบอก ด้านล่างของจอภาพ เราก็นั่งดูทีวีไปเพลินๆ ก็มีข่าวคนหน้าตาคุ้นๆ โผล่ในจอทีวี ท่านอดีตนายกฯ บ้านเรา ท่าน พตท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นข่าวที่ฮ่องกง คือท่านเดินทางมาฮ่องกงในช่วงที่เราไปพอดี ดังไปทั่วโลกเลยนะครับ ถ้ารู้ล่วงหน้าจะไปขอพบท่านสักหน่อย
เรานั่งรถไฟจาก สถานีMongkok East มาสุดสายที่ สถานี Lowu ใช้เวลาประมาณ 40นาที เมื่อลงจากรถไฟได้ก็เดินตามผู้คนเลยครับ จะมีป้ายบอก To Shenzhen เมื่อเดินมาถึงทางเข้าอาคารก็จะมีป้ายบอกประเภทของผู้คน พวกเราคนไทยหรือชาติอื่นๆทีไม่ใช่ชาวจีน ฮ่องกง มาเก๊า ให้ไปทาง ป้ายสีชมพู Visitors อย่าเข้าผิดช่องเหมือนผมนะครับ ถ่ายรูปจนลืมอ่านป้าย ไปถึงช่องของคนจีนเลยครับ ต้องเดินย้อนกลับทางเดิม
ขั้นตอนขาออกของ ตม. ฮ่องกง ไม่ยุ่งยากอะไรเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ๆ ก็มองหน้ากับดูรูปที่พาสปอร์ตว่าหล่อเหมือนกันหรือไม่ ถ้าหล่อเหมือนกันโอเค ผ่านได้ กระเป๋าก็ไม่มีการตรวจ ออกจากด่านตม. ฮ่องกงแล้ว ต้องเดินข้ามสะพานระหว่างตึก ก็จะมาเจอป้ายในรูป อย่าลืมนะครับ Visitors ให้ไปทางด้านซ้ายมือ ก่อนเข้าเมืองจีนต้องเขียนใบผ่าน Immigration ของจีน การเข้าเมืองจีนต้องขอ VISA ก่อนนะครับ พวกเราได้ขอVISA มาจากเมืองไทยแล้วโดยไปขอที่ สถานฑูตจีน รัชดา ซอย3 หลักฐานการขอก็คือ พาสปอร์ต กับ รูปถ่าย 1 ใบ 4 วันทำการได้ค่าขอ 1000 บาท แต่ถ้าไม่ได้ขอมาจากเมืองไทยก็สามารถขอได้ที่หน้าด่าน ค่าขอคนละประมาณ 750บาท
หลังจากผ่าน ตม. ของจีนเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไร และเมื่อเดินออกมาก็ไม่ได้ขอตรวจกระเป๋า เมื่อเดินออกมาถึงหน้าประตูทางเข้าอาคาร จะเจอผู้คนชาวจีนยืนเต็มไปหมด ให้เราเดินไปทางขวามือเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ถ้าต้องการต่อรถไฟไปยังเมืองอื่นๆ เช่น กวางเจา ฯลฯ ให้เดินไปทางซ้ายแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอสถานนีรถไฟ เจอที่ขายตั๋ว ส่วนทางด้านขวามือสุดคือ ห้าง Lowu หรือที่คนไทยมักเรียกว่า มาบูญครองเซินเจิ้น
จุดมุ่งหมายของเราคือ สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Lowu หรือที่ เซินเจิ้นเรียกว่า Metro เพื่อเดินทางต่อไปยัง สถานี Jao Jie โรงแรมที่เราจองไว้อยู่ใกล้ๆ สถานีนี้
เดินลงบันไดเลื่อนมาก็จะมาเจอทางเข้า สถานี Lowu ทางเข้า A ให้เดินลงบันไดเลื่อนอีกที ก็จะเจอที่ขายตั๋ว
การซื้อตั๋วรถไฟก็ไม่ยาก เหมือนๆ ที่บ้านเราและฮ่องกง เลือกดสถานีที่ต้องการไปเครื่องจะบอกราคาแล้วเอาเหรียญหยอด ตั๋วซึ่งเป็นลักษณะเหมือนเหรียญแต่เป็นสีเขียวจะหล่นมาตรงช่องเดียวกับช่องทอนเงิน(ด้านล่างของภาพที่มีลูกศรชี้) สามารถใส่เงินเกินได้เครื่องจะทอนให้ เมื่อตั๋วและเงินหล่นมาที่ช่อง ก็ให้เอามือหงายขึ้นแล้วเอานิ้วดัน เงินกับตั๋วก็จะหล่นออกมาใส่มือเรา (ที่อยากจะบอกวิธีเพราะว่าเรากว่าจะเอาออกได้งงๆ อยู่ตั้งนาน)
นังรถไฟฟ้าได้ดินไปอีก 2สถานีก็จะถึง สถานี Lao Jie ค่าโดยสาร 2ยวน ( 两云 อ่านว่า เหลี่ยงไคว่) เวลาพูดต้องบอกหน่วยของเงินเป็นไคว่ ก็คือ หยวน ที่เราเรียกกันครับ ส่วนความหมายของ เหลี่ยง ก็คือ 二 (เอ้อ) หรือ 2 ครับ ใช้ในการบอกจำนวน เค้าจะไม่พูดว่า เอ้อ
ถึงสถานี Lao Jie ให้เดินออกทาง Exit B เมื่อเดินขึ้นมาถึงหน้าทางเข้า ให้เดินกลับไปทางหลังจะเห็นป้านทางเข้า โรงแรม Days Inn เราได้จองโรงแรมผ่านเว็บไซค์ //www.agoda.co.th วิธีการจองก็เข้าไปเลือกโรงแรมที่เราจะพัก เลือกวัน เวลาที่จะเข้าพัก ใส่ชื่อผู้พัก ผู้จอง ใส่หมายเลขบัตรเครดิต แล้วทำการยืนยัน เป็นอันเสร็จวิธี เมื่อเราจองเสร็จจะมีการเรียกตัดเงินเราทันที เต็มจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของการจอง แล้วให้พิมพ์ใบยืนยันไปยื่นเมื่อเวลา Check-in เมื่อเราไปถึงโรงแรมก็ไม่ต้องจ่ายเงินนะครับ เพราะเราจ่ายให้ agoda แล้ว เค้าจะไปเรียกเก็บกันเอง
ถึงเคาร์เตอร์เช็คอินที่โรงแรมเจอพนักงานหน้าตาน่ารัก ต้นฉบับของชาวจีนคือ ขาว ตาตี่ ผมส่งยิ้มพร้อมกับพูดคำว่า " หนีห่าว อว่อ ชื่อ ..... (เติมชื่อของคุณ) อว่อ ติ้ง ฝั่ง เจียน เลอ" (สวัสดีครับผมคือ.... ได้จองห้องพักไว้แล้วครับ) พร้อมกับยื่นใบยืนยันการจองห้อง ที่พิมพ์มาแล้วให้เจ้าหน้าที่ฯ ทำการตรวจเช็คแล้วถามผมกลับมาว่า "เหลี่ยง หว่าน ซ่าง มา" (2 คืนใช่ไหมค่ะ) ผมตอบว่า " ตุ้ย " (ใช่ครับ) เจ้าหน้าที่สาวพูดอีกว่า " อว่อ เสี่ยง คั่น ฮูเจ้า" (ขอดูพาสปอร์ตหน่อย) เอาพาสปอร์ตผมไปเพื่อเขียนชื่อ รายละเอียดต่างๆ แล้วส่งใบมาให้ผมเซ็นต์ชื่อ " เซียน หมิง" และพูดอีกว่า "ยา จิน ซาน ไป่" (ค่ามัดจำห้อง 300 หยวนค่ะ) ทำการจ่ายตังส์ไป 300 หยวน เจ้าหน้าที่ได้ยื่นการ์ดสำหรับเข้าห้องให้ เราได้ห้องหมายเลข 512 ชั้น 5 เป็นห้องห้ามสูบบุหรี่
ราคาห้องที่เราจองคืนละ 1800 บาท ไม่รวมอาหารเช้า ถ้า Wall-in ราคาจะอยู่ห้องละ 2300บาท ภายในห้องก็เหมือนโรงแรมทั่วไป โรงแรมนี้ระดับ 4 ดาว วันนี้มีทัวร์จากเมืองไทยมาลงด้วย เดินคุยกันเสียงดัง ไม่แพ้ชาวจีนเจ้าถิ่น ห้องน้ำก็ดีครับสะอาดดี ราคานี้กับห้องระดับนี้ผมว่าโอเค ครับ
สำรวจห้องน้ำก็ไปเจออุปกรณ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเจอในโรงแรมทั่วๆ ไป หยิบขึ้นมาดูจึงรู้ว่า Condom แต่แปลกใจทำไมมีตั้ง 3 กล่อง ตอนแรกคิดว่าฟรี ที่ไหนได้ติดราคาไว้ด้วย 15 20 38 หยวน สงสัยอีกว่าทำไมราคามันจึงต่างกัน แล้วมันดีกว่ากันยังงัย พยายามจะอ่านแล้วปรากฏว่าอ่านไม่ออก ว่าจะลองใช้ Condom ของจีนสักหน่อย แต่คิดไปคิดมาไม่ใช้ดีกว่ากลัวเจอผสม เมลานีน
เก็บข้าวของเสร็จ ล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย บ่ายกว่าแล้วต้องไปหาข้าวกินข้างๆ โรงแรม กินข้าวเสร็จเป้าหมายต่อไปของเราก็คือ ห้าง Lowu (มาบุญครองเซินเจิ้น) เพื่อไปสำรวจตรวจตราของต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร เราขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินที่สถานี Lao Jie เพื่อกลับไปยังสถานี Lowu เพราะห้าง Lowu จะอยู่ติดกับสถานีรถไฟ ถึงสถานีฯ เราสามารถเดินเข้าห้างได้เลยที่บริเวณทางออก A
ตึกที่ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของภาพคือ Railway Station Hotel ซึ่งป็นโรงแรมยอดฮิตของพวกเราชาวไทยอีกแห่ง ทัวร์จากเมืองไทยชอบมาพักที่นี่ ภายในห้างที่ทั้งหมด 5 ชั้น ในรูปคือตรงกลางของ ใครจะไปชั้นไหนต้องมาขึ้นห้างมีลิฟท์กับบันไดเลื่อนที่นี่
ภายในห้างมีร้านขายของทั่วไป เช่น รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า เครื่องเล่น MP3, MP4, DVD, อุปกรณ์กอล์ฟ ของเล่นเด็ก โทรศัพท์มือถือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
ในห้างฯ จะเป็นล๊อกๆ สองข้างทางเดินก็จะเป็นร้านขายของต่างๆ หน้าร้านจะมีพนักงานขายมายืนเรียกลูกค้าเข้าร้านเต็มไปหมด มีทั้งผู้หญิงผู้ชายเวลาเดินผ่านก็จะเรียก บางคนดึงเข้าร้านเลยก็มี
จากการเดินดู สำรวจราคา และของต่างๆ ที่แต่ละร้านขาย เกือบทั้งหมดจะเป็นของที่ทำในจีน คุณภาพไม่ค่อยดี ราคาที่บอกเราแพงมาก และเป็นของที่ไม่มียี้ห้อหรือเป็นยี้ห้อของจีน ส่วนของก๊อปปี้ไม่ค่อยมี ส่วนใหญ่จะมีแต่นาฬิกา กระเป๋าหลุยวิคตองไม่ค่อยมีวางขายให้เห็นถ้าอยากได้เค้าจะเปิดแคตตาล๊อกให้เลือกจะไม่มีวางโชว์ อาจจะเป็นเพราะช่วงหลังๆ รัฐบาลจีนเอาจริงเอาจังกับของก๊อปปี้
ผมเคยมาที่ห้างฯ นี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว รู้สึกว่าคึกคักกว่านี้มาก ผู้คนเดินกันเยอะมาก ร้านขายของต่างๆ ขายของก๊อปปี้กันอย่างเปิดเผย อุปกรณ์กอล์ฟมีเป็นสิบร้าน แต่ปัจจุบันนี้มีร้านขายอุปกรณ์กอล์ฟเพียง 3 ร้านเท่านั้น ผู้คนก็น้อย และของขายต่างๆ ก็น้อยประเภท แต่ละร้านจะขายซ้ำๆ กันเป็นส่วนใหญ่ ดูๆ แล้วผมว่ามาบุญครองบ้านเราดีกว่าหลายเท่า ของคุณภาพดีกว่า มีของหลากหลายให้เลือก สรุปว่าเราไม่ได้อะไรเลย เพราะของต่างๆ ไม่น่าซื้อ
เดินสำรวจดูของได้ไม่นาน เราจึงกลับโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับโรงแรม เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ ตงเหมิน แหล่งรวมวัยรุ่น และ แหล่งช๊อปปิ้งของเมืองเซินเจิ้น ติดตามตอนหน้าเราจะพาไปชม นะครับ
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551 | | |
Last Update : 12 พฤศจิกายน 2551 10:08:27 น. |
Counter : 4387 Pageviews. |
| |
|
|
|