เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ ภาคจบ

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ ภาคจบ ตอนนี้คือตอนจบ ตรงกับ วันที่ 10 มกราคม 2554 พวกเราเที่ยวไปแล้ว 3 วันเหลืออีก 1 วัน แต่วันนี้พวกเราต้องเดินทางกลับกรุงเทพแล้วในช่วงเย็น พวกเราจึงมีเวลาเที่ยวเพียงช่วงกลางวันเท่านั้น

วันนี้ลุงเต่าจะพาไปเทียวทะเลฮ่องกงที่รีพลับเบย์ พร้อมกับไหว้เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวฮ่องกงและชาวไทย การเดินทางไปก็ไม่ยากอะไร ดูวิธีเดินทางไปได้ในบล๊อกนี้ในตอน มาเก๊า ฮ่องกง 4วัน 3คืน //www.bloggang.com/viewblog.php?id=taorn&group=9 (ตามลิ้งนี้) การเดินทางพวกเราก็ใช้แบบเดิมครับ โดยนั่งรถเมล์ไปเที่ยวครับ ผมขึ้นรถเมล์ 2 ชั้น ขอนั่งชั้นบน ด้านหน้าเลยครับ


ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30นาที ก็ถึง พวกเราลงที่ป้ายรถเมล์หน้าหาดรีพลัพเบย์ แล้วเดินลงมายังหน้าหาด จะมีร้านขายของเล็กๆ ผมหิวจึงขอซื้ออะไรกินก่อนนะครับ


กินเสร็จเรียบร้อย ลุงเต่าพาผมไปเดินเล่นที่ชาดหาด ลุงบอกว่าทรายที่นี่ซื้อมาจากประเทศไทยเอามาถมทะเลทำเป็นชายหาดสำหรับให้ชาวฮ่องกง มาเที่ยวพักผ่อน


พวกเรามาเที่ยวในช่วงเช้า จึงไม่ค่อยมีชาวฮ่องกงมาเที่ยวเล่นน้ำทะเล ประกอบกับเป็นหน้าหนาว จึงไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำที่นี่ ชายหาดจึงดูโล่ง


พวกเราก็เดินไปตามชายหาด สุดชายหาดเป็นที่ตั้งของเจ้าแม่กวนอิม


มาถึงแล้วต้องมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ป้าแป๊ะของผมมาแล้วต้องมาไหว้มาลูบตู้ทองเพื่อขอให้มีเงิน มีทองเข้ากระเป๋าเยอะๆ


ส่วนแม่ของผม กับพี่แคท ก็ไม่พลาดครับ อยากรวยบ้าง


ที่สำคัญของที่นี่ก็คือ เจ้าแม่กวนอิม ครับเป็นที่สักการะของผู้ที่นับถือ กรุ๊ปทัวร์จากเมืองไทยถ้ามาฮ่องกงแล้วไม่มีพลาดครับ ต้องมาที่นี่


พี่แคทขอถ่ายรูปกับเจ้าแม่กวนอิม


ด้านข้างเจ้าแม่กวนอิม จะมีศาลาริมทะเล บรรยากาศดีมากๆ และจะมีสะพานอายุยืน สีแดงๆ


ใครมาที่นี่แล้วนอกจากมากราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้ว มักจะมาเดินข้ามสะพาน แล้วขอพรให้อายุยืน ให้เดินข้ามไปอย่างเดียวนะครับ เมื่อเดินข้ามไปแล้วอย่าเดินกลับนะครับ ผมกับแม่และพี่แคท ก็เดินข้ามสะพานแล้ว ขอถ่ายรูปไว้หน่อยนะครับ



เดินข้ามสะพานแล้วก็จะมาเจอปลามังกร จึงมาลองเสี่ยงโชคโดยการโยนเงินให้เข้าปากปลามังกร ผมโยนอยู่นานไม่เข้าเลยครับ สงสัยจะไม่มีโชคครับ


รูปนี่พ่อผมขอเดียวสักรูป ถ่ายคู่กับแพะ 3 ตัว


ป้าแป๊ะไม่ยอมน้อยหน้า ขอบ้างสักรูป


ไหว้เจ้าแม่กวนอิม ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธ์เรียบร้อยก็ต้องร่ำลาแล้วครับแล้วครับ พวกเราก็เดินกลับไปยังป้ายรถเมล์ฝั่งตรงข้ามที่พกเราลง ขานั่งมาที่นี่ครับ


ขึ้นรถเมล์สายเดิม 66 เพื่อกลับไปลงที่เดิมคือสถานีเช็นทรัล ที่พวกเราขึ้นมา ขากลับรถโล่งนั่งสบาย


เส้นทางรถเมล์ลัดเลาะตามแนวเขา นั่งชมวิวของเกาะฮ่องกงก็เพลินดีครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึงที่หมายคือท่ารถเมล์เช็นทรัล ไต้ตึก exchange square


จุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเราก็คือ คลองถมฮ่องกง นั้นก็คือย่าน Sham shui Po เพราะมีของขายเหมือนคลองถมบ้านเรา มีเสื้อผ้า ของใช้ราคาถูกจำหน่าย นั่งรถ MTR มาลงที่สถานี Sham shui Po แล้วออกทาง Exit C1 ก็จะพบกับคลองถมฮ่องกง


พวกเรามาถึงประมาณเที่ยงๆ ร้านค้าเปิดหมดแล้วแต่ร้านแผงลอยตามถนนกำลังตั้งและจัดร้านกัน ของที่ขายจะเป็นทั้งของใหม่และของเก่ามือสอง


พวกเราเดินดูของ และซื้อของหลายอย่าง เพื่อเป็นของฝากเรียบร้อย เสื้อผ้าราคาถูกมากนะครับ ส่วนมากจะขายส่ง อากาศหนาวมากผมเริ่มง่วงนอน ออกอาการเพลียๆ อาจจะเป็นเพราะเที่ยวมาหลายวัน วันนี้จะได้กลับเมืองไทยแล้ว


ซื้อของต่างๆ เสร็จก็ปาเข้าไปประมาณ 4โมงเย็น พวกเราจึงกลับไปยังโรงแรมเพราะพวกเราฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ จัดเข้าของต่างๆ เสร็จก็นั่งรถเมล์สาย A21 ไปยังสนามบิน นั่งเครื่องบินเอมิเรสแอร์ไลน์กลับ ขอลาทุกท่านด้วยรูปนี้ และขอบคุณทุกคนที่เข้ามาชมบล๊อกนี้ของลุงเต่า และมาชมผมพาเที่ยวฮ่องกง ดีสนีย์แลนด์ มีโอกาสได้ไปเที่ยวอีกเมือไรจะกลับมาเล่าให้ฟังอีกครับ คิงคอง ครับ


ขอขอบคุณอีกครั้งครับ




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2554    
Last Update : 8 กรกฎาคม 2554 20:58:37 น.
Counter : 2529 Pageviews.  

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #3

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #3 ตอนนี้คือตอนที่ 3 ตรงกับ วันที่ 9 มกราคม 2554 ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ พวกเรามาเที่ยวที่ฮ่องกงเป็นวันที่ 3 ของทั้งหมด 4 วันที่พวกเรามาเที่ยวฮ่องกงครับ โปรแกรมเที่ยวในวันนี้ผมจะพาไปขึ้น กระเช้านองปิง พาไปไหว้พระใหญ่วัดโปหลิน แล้วกลับมาช๊อปปิ้งที่ Citygate Outlet เย็นๆ จะพาไปเดินเล่น Avenue of Star ชมการแสดงแสง สี เสียง ที่ชื่อ Symphony of Light เป็นการแสดงที่มีประจำของเกาะฮ่องกง

วันนี้พวกเราตื่นประมาณ 7 โมง ก็ออกไปหาอาหารเช้ารอบๆ โรงแรมกินกันเช้าๆ แบบนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าโจ๊กฮ่องกง ครับ กินอาหารเช้าเสร็จพวกเราก็เดินไป สถานี Mong Kok (หมายเลข 1) เพื่อนั่งรถไฟ สายสีแดง ไปลงที่ สถานี Lai King (หมายเลข 2) จากนั้นก็ต่อรถไฟ สายสีส้ม ไปลงที่ สถานี Tung Chung (หมายเลข 3) เรียกว่าลงสุดสายครับ


ถึงสถานี Tun Chung แล้วให้ออกทาง Exit B เมื่อเดินออกจากสถานีแล้วให้เดินตรงไปเรื่อยๆ ครับแล้วจะเห็นทางขึ้น เคเบิ้ลคาร์ หรือ กระเช้านองปิง วันที่พวกเราไปคนไม่มากคิวซื้อตั๋วไม่ยาวพอมีบ้างนิดหน่อย สำหรับค่าตั๋วสามารถเข้าไปดูได้ในเว็ป www.np360.com.hk สำหรับท่านใดจะไปเที่ยวสามารถเข้าไปดูโปรโมชั่นต่างๆ ได้นะครับ เช่นคราวนี้ที่ผมมาเที่ยว ผมขึ้นกระเช้าฟรีครับไม่ต้ิองเสียเงินค่าขึ้นครับเพราะว่ามีโปรฯ เด็กมาเที่ยวกับพ่อแม่ขึ้นกระช้าฟรีครับ แต่ต้องรับบัตรเด็กด้วยนะครับเพื่อเอาไปขึ้นกระเช้าครับ อย่าลืมนะครับ


วันนี้คนไม่มากอาจเป็นเพราะเพิ่งผ่านปีใหม่มาไม่กี่วัน คิวขึ้นกระเช้าจึงไม่ยาว รอประมาณ 20 นาทีก็ได้ขึ้น กระเช้ามี 2 แบบครับ แบบคลิสตัล คือพื้นกระเช้าจะใส มองลงไปเห็นด้านล่าง อีกแบบจะเป็นแบบธรรมดาพื้นไม่ใส ใครชอบแบบไหนก็เลือกขึ้นได้ครับ แต่พวกเราขอแบบธรรมดาครับเพราะราคาถูกกว่าแบบคลิสตัล


พอได้ขึ้นกระเช้าเจ้าหน้าที่ก็ขอพวกเราถ่ายรูป เพื่อเอาไว้ขายตอนที่ลงกระเช้า ราคาแผ่นละ 90$HK ซื้อมา 1 แผ่นครับ


นับเป็นครั้งแรกของผมครับที่ได้ขึ้นกระเช้าสูงๆ แบบนี้ แรกๆ ก็กลัวแต่พอนั่งไปสักพักไม่กลัวแล้วครับ


ไม่กลัวจริงๆ ครับไม่เชื่อดูรูปนี้ก็ได้ครับ นั่งเต๊ะหล่อ


ยอมรับครับว่ากระเช้านองปิงสูงมากๆ ลงเต่าบอกว่ากระเช้าที่นี่ไม่น่ากลัวเพราะว่าเป็นกระเช้าใหญ่นั่งสบาย ลุงบอกว่าที่จีนน่ากลัวกว่านี้เยอะ แต่คนที่กลัวความสูงมากๆ คือป้าแป๊ะ ของผมครับไม่กล้ายืน ไม่กล้มองลงไปด้านล่างเลยครับ


ใช้เวลาในการนั่งประมาณ 35 นาทีก็ถึงหมู่บ้านนองปิง ครับ


ลงกระเช้าแล้วต้องเดินผ่านหมู่บ้านนองปิงนะครับ ระหว่างทางจะมีร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ร้าน711 เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกระเช้าที่นำมาตั้งโชว์เป็นของแต่ละประเทศครับ ส่วนกระเช้าอันนี้ที่ผมถ่ายรูปด้วย ลุงเต่าบอกว่า เป็นกระเช้าที่มาจาก ภูเขาหิมะมังกรหยก อยู่ที่เมืองลี่เจียง ประเทศจีน ลุงเต่าเล่าให้ฟังว่า นั่งกระเช้าน่ากลัวมากๆ กระเช้าเล็กนั่งได้ 4 คน แล้วขึ้นชั่นลงชั่นด้วย เป็นกระเช้าที่น่ากลัวมากที่สุดตั้งแต่ลุงนั่งมาทั้งหมด


จุดมุ่งหมายของพวกเราคือไปไหว้พระใหญ่ ครับ ลงกระเช้าแล้วก็เดินเรื่อยๆ ครับ เดินออกจากหมู่บ้านนองปิง ขอถ่ายรูปครอบครัวผมก่อนนะครับ


ก่อนออกหมู่บ้านจะมีร้าน711 อยู่ทางซ้ายมือขอแวะซื้ออะไรกินก่อน อากาศหนาวๆ อย่างนี้ต้องกินกาแฟเย็น จะได้ดับหนาว


เดินออกจากหมู่บ้านนองปิงไม่ไกล ก็จะถึงทางขึ้นพระใหญ่ ขึ้นไปไหว้พระใหญ่ไม่ต้องเสียค่าเข้านะครับ ทางเข้าจะมีที่ขายบัตรเป็นบัตรสำหรับเข้าไปชมใต้ฐานพระใหญ่นะครับ ถ้าไม่อยากเข้าไปชมก็ไม่ต้องซื้อบัตรครับ พวกเราไม่ได้เข้าชมจึงไม่ต้องซื้อบัตรแต่อย่างใด ถ่ายรูปก่อนเดินขึ้น


เดินขึ้นมาถึงด้านบนไม่เหนื่อยครับ กำลังเดินสนุก มาถึงป้าแป๊ะของผมขอถ่ายรูปกับพระใหญ่


ประวัติขอพระใหญ่ ไม่ขอกล่าวนะครับเพราะสามารถค้นดูได้ในอินเทอร์เน็ตนะครับ


พวกเราใช้เวลาอยู่บนนี้ไม่นานก็จะเดินลงแล้ว ครับ


เดินขึ้นไปไหว้พระใหญ่ด้านบน ไม่มีที่สำหรับจุดธูปจุดเทียนไหว้นะครับ ถ้าต้องการไหว้แบบจุดธูปเทียนไหว้ต้องเดินมาบริเวณหน้าวัดโปหลิน จะมีธุปเทียนเครื่องไหว้ต่างๆ ขาย พวกเราก็ได้ซื้อในราคาชุดละ 20$HK มีธูปใหญ่ 3 ดอก ซื้อแล้วผมก็จุดธูปไหว้พระใหญ่ ขอพรให้เป็นเด็กดี เรียนหนังสือเก่งๆ คร๊าบ


ไหว้พระใหญ่เสร็จก็เข้าไปภายในวัดโปหลิน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ เพื่อไหว้พระภายในวัด บริเวณด้านในวัดโปหลินครับ


ลุงเต่าถ่ายรูปให้ผมหลายรูปแล้วผมขอถ่ายรูปให้ลุงบ้างครับ ดูฝีมือถ่ายรูปของผมครับเป็นอย่างไรบ้าง


ไหว้พระวัดโปหลิน ไหว้พระใหญ่เสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เดินกลับมายังหมู่บ้านนองปิงเพื่อขึ้นกระเช้ากลับ การมาเที่ยวที่นี่สามารถนั่งรถเมล์ขึ้นและลงได้นะครับ ราคาถูกกว่านั่งกระเช้าครับ แต่ใช้เวลามากกว่าและทางคดเคี้ยวมาก เดินผ่านหมู่บ้านก็จะมีร้านขายของที่ระลึกมากมาย ร้านนี้มีของกินนั้นก็คือ ถังหูลู่ ผลไม้เชื่อมน้ำตาล หน้าตาเป็นแบบนี้ครับ ลูกแดงๆ นะครับ


ไม้ละ 8$HK พี่อรซื้อให้ผมลองกินอร่อยดีครับ ด้านในเป็นเหมือนลูกพุทราแล้วเคลือบด้วยน้ำเชื่อม เวลากัดรู้สึกว่าด้านนอกจะกรอบน้ำเชื่อมหวาน ด้านในจะนุ่มๆ เปรี้ยวๆ อร่อยดีครับ


ดูท่าเด็กรอกินถังหูลู่ซิครับ ยืนดูพี่อรถ่ายรูปเมื่อไรจะได้กินครับ


เดินไปก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยครับ เดินไปขึ้นกระเช้ากลับครับ


ถึงสถานีกระเช้าเราก็ไปต่อแถวเพื่อขึ้นกระเช้ากลับ คิวไม่ยาวครับขากลับใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็ถึง ลงกระเช้าได้พวกเราก็ไปฝากท้องอาหารเที่ยงที่ห้าง Citigate Outlet มีอาหารต่างๆ มากมาย กินข้าวเสร็จก็เดินช๊อปปิ้งที่ห้างนี้ ของถูกมากๆ ครับ ลดราคาทุกร้าน แนะนำครับสำหรับท่านที่ต้องการมาช๊อปปิ้งที่ฮ่องกง ที่นี่พลาดไม่ได้นะครับ ส่วนผมไม่ได้ซื้ออะไรเลยครับ และต้องขอโทษที่ไม่ได้มีรูปมาให้ชมครับ

ออกจาก Citygate Outlet พวกเราทั้ง 7 คนก็ได้นั่ง MRT ไปลงยังสถานี Tsim Sha Tsui และเดินต่อไปยังห้าง Sogo เพื่อเดินไป Avenue of Stars


การเดินทางไปยังห้าง SoGo สามารถชมได้ในตอน มาเก๊า-ฮ่องกง //www.bloggang.com/viewblog.php?id=taorn&date=31-08-2008&group=9&gblog=5 ตามลิ้งนี้ได้เลยนะครับ พวกเรามาถึงก็ใกล้จะค่ำแล้ว มองไปยังเกาะฮ่องกง ครับ


มาเที่ยวที่นี่ต้องมาในช่วงเย็นๆ ครับ อากาศกำลังดีไม่ร้อน ผู้คนก็เริ่มมาเที่ยวชม บรรยากาศกำลังดี และรอชมการแสดงสี แสง เสียง Symphony of Light ต่อไปเลยที่เดียวไม่ต้องมาหลายรอบ ผมขอถ่ายรูปคู่กับป้าย (ไม่รู้เค้าเรียกว่าอะไร)


ลุงเต่าตั้งขาตั้งกล้องเพื่อถ่ายรูปหมู่ของพวกเราทั้ง 7 คน วิวด้านหลังเป็นเกาะฮ่องกงนะครับ


ใครมาที่นี่แล้วต้องถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พวกเราก็ไม่พลาดเช่นกัน แต่ขอแยกถ่ายเป็นชุด ชุดนี้ผมกับครอบครัวครับ พ่อ แม่ พี่แคท แล้วก็ผม ครับ


ชุดนี้ลุงเต่ากับพี่อร ครับ ทำท่ายอดฮิต แต่มาทำผิดประเทศ นะครับ


ลุงขออีกรูป จัดให้ครับ


ถึงเวลา 20.00 น การแสดง Symphony of Light ก็เริ่มขึ้น เป็นการแสดง สี แสง เสียง โดยการเปิดเพลงแล้วตึกต่างๆ จะโชว์ไฟต่างๆ


ใช้เวลาในการแสดงประมาณ 20 นาทีก็จบลง


การแสดงนี้จะมีขึ้นทุกวันนะครับ ชมฟรีไม่เสียเงิน นะครับ ชมการแสดงเสร็จพวกเราก็นั่ง MRT กลับมงก๊ก


กลับโรงแรมนอนครับ จบแล้วสำหรับการเที่ยวในวันที่ 3 ของพวกเราทั้ง 7 คน ก็เหลือเวลาเพียง 1 วันแล้วในการเที่ยว พรุ่งนี้ผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนรอติดตามชมนะครับ




 

Create Date : 09 มิถุนายน 2554    
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 16:05:37 น.
Counter : 2765 Pageviews.  

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #2

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #2 ตอนนี้คือตอนที่ 2 เรายังอยู่ในวันที่ 8 มกราคม 2554 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ในตอนนี้จะพาไปเที่ยวด้านในของดีสนีย์แลนด์ ผมจะพาไปดูว่ามีอะไรน่าสนใจ และไปดูว่าผมจะเล่นเครื่องเล่นอะไรบ้าง

หลังจากซื้อตั๋วกันเสร็จพวกเราก็เดินผ่านประตู จะมีเจ้าหน้าที่รอตรวจบัตร จากนั้นเข้ามาสู่ด้านหน้าของสวนสนุกระดับโลก ฮ่องกงดีสนีย์แลนด์ เดินเข้ามาก็จะพบกับสถานีรถไฟสวยดีผมก็เลยขอให้ลุงเต่าถ่ายรูปให้ผม


ถ่ายเสร็จลุงเต่าก็ให้ผมถ่ายรูปให้บ้าง เป็นอย่างไรครับฝีมือการถ่ายรูปของผม


ถ่ายรูปด้านหน้าเสร็จก็เดินเข้ามา จะผ่านประตู อย่าลืมไปเอาแผนที่ของที่นี่นะครับ วางอยู่ที่บริเวณทางเข้า ฟรีครับ เอาไว้สำหรับดูว่าอะไรอยู่ตรงไหน และเอาไว้เวลาเดินหลงทางจะได้ดูด้วยครับ เป็นภาษาอังกฤษแต่ไม่มีภาษาไทยนะครับ อย่าลืมหยิบกันนะครับ พี่แคทหยิบมาซะหลายใบ


เดินต่อเข้ามาก็จะเป็นร้านขายของที่ระลึก ทั้งสองข้างทาง พวกเราไม่ได้แวะ เป้าหมายของพวกเราคือด้านใน เอาไว้ขากลับค่อยมาดูของที่ระลึกก็แล้วกัน ไปกันเลยด้านในโน้น


เดินตรงเข้ามาพวกเราก็เลือกที่จะไปเที่ยวโซน เอแวนเจอร์แลนด์ (Aventureland) อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นโซนของการผจญภัยในป่าใหญ่ ไปด็กันครับว่ามีอะไร


ลักษณะการตกแต่งบริเวณนี้จะเป็นคล้ายๆ ป่าอเมซอน มีกระท่อม มีเกาะกลางน้ำเป็นบ้านของทาซาร์น สามารถนั่งเรือชมรอบๆ บริเวณได้ พวกเรามาแล้วไม่พลาดครับต้องนั่งเรือชมความพิศดาร หรือที่เรียกว่า Jungle River Cruise และดูว่าจะมีอะไรบ้าง ในการนั่งเรือจะมีผู้บรรยายเป็นภาษาอังกฤษ แต่ต้องขึ้นเรือให้ถูกลำนะครับ ถ้าขึ้นผิดจะได้ฟังเป็นภาษาจีนนะครับ


2 ฟากของเรือก็จะมีสัตว์ป่านานาชนิดจำลอง แต่สามารถเคลื่อนไหวได้ครับ ตัวนี้เป็นช้างเผือกเล่นน้ำตก นั่งพ่นน้ำใส่เรือ ครับ ระวังเปียกนะครับ


ผ่านไปอีกหน่อยก็จะเจอฝูงสัตว์ป่า ช้าง ม้าลาย งูอนาคอนด้า แรด ฮิปโป้ ลิงอุรังอูตัง ถึงสัตว์อะไรผู้บรรยายก็จะพูดให้ฟัง แต่ผมฟังไม่เข้าใจครับเพราะยังไม่ได้เรียน


ช่วงสุดท้ายของการนั่งเรือจะผ่านช่วงที่ตื่นเต้นที่สุดนั้นก็คือ น้ำตกขนาดใหญ่ที่มีไฟระเบิด เสียงดัง มีทั้งซ้ายขวาของเรือ ตื่นเต้นดีครับ มาเที่ยวที่นี่แล้วอย่าลืมมานั่งเรือนะครับ สนุกตื่นเต้น ครับ



ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็จบ 1 รอบ เรือมาจอดให้ลงตรงบริเวณที่เราขึ้นเรือกันครับ ผมชอบมากๆ ครับสนุกดี เดินออกจากเอแวนเจอร์แลนด์ พวกเราก็เดินตอเข้าไปยังด้านใน มาเจอปราสาทใหญ่ขอถ่ายรูปครอบครัว ผม พี่แคท แม่ และ พ่อ เป็นที่ระลึกว่าพวกเรามาเที่ยวที่นี่


ผ่านปราสาทเข้ามาจะเป็นในส่วนของ Fatansyland ด้านในก็จะพบกับเครื่องเล่น ม้าหมุน หรือเรียกว่า Cinderella carousel คนไม่ค่อยเยอะผมขอลองเล่นหน่อยนะครับ


เครื่องเล่นนี้เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่ก็เล่นได้ ดูป้าแป๊ะของผมซิครับก็เล่น ยิ้มด้วยความสนุก


ส่วนคนนี้ไม่ขอเล่น ยืนดูเค้าเล่นกันก็สนุกแล้ว


เล่นม้าหมุนเสร็จเดินมาเจอ ช้าง แต่ไม่รู้ชื่อดูๆ แล้วคงไม่ใช่ก้านกล้วยบ้านเราแน่ๆ ขอขึ้นไปถ่ายรูปกับพี่แคท หน่อยนะครับ


พวกเรายังอยู่ในส่วนของ Fatansyland ซึ่งมีของเล่นสนุกๆ อีกหลายอย่างแต่พวกเรายังไม่เล่นขอเข้าไปดูการแสดงแบบ 4มิติที่มีชื่อว่า Mickey's Philharmagic ซึ่งก่อนมาที่นี่อ่านข้อมูลเค้าบอกว่าน่าดูมากๆ จะมีทั้งภาพ เสียง กลิ่น และสัมผัส ก่อนเข้าต้องรับแจกแว่นตาสำหรับใส่ชมก่อนนะครับ ที่บริเวณทางเข้าครับ


ลักษณะการชมจะคล้ายกับเรานั่งชมภาพยนต์ 3 มิติในโรงหนังครับ แต่มีกลิ่น และละอองน้ำกระเด็นมาใส่ผู้ชมครับ สนุกดีครับ ไปแล้วอย่าพลาดนะครับ ใช้เวลาชมประมาณ 20 นาทีเท่านั้น

ออกจากชมภาพยนต์ 4 มิติแล้วพวกเราก็มาต่อแถวเพื่อเข้าไปเล่น The Many Adventures of Winnie the pooh เป็นการนั่งรถเพื่อชมเรื่องราวของ Winnie the Pooh แถวยาวเหมือนกันนะครับ


ภายในจะจัดแสดงเรื่องราวของ winnie the Pooh ครับ จัดได้สวยงาม มีแสงสีสดใสครับ


ผมเล่นเครื่องเล่นไปหลายอย่างรู้สึกเหนื่อย ขอเงินลุงซื้อไอติมกินดีกว่า หนาวๆ อย่างนี้กินไอติมอร่อยดีครับ ดูจากหน้าของผมก็รู้ครับ


บ่ายแล้วหิวข้าวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่าที่บริเวณร้านอาหารของที่นี่จะอยู่ในโชนนี้นะครับ จานนี้เป็น ข้าวหมูแดง ราคาจานละประมาณ 200 กว่าบาท


จานนี้เป็น ข้าวหมูอบ ราคาก็เท่าๆ กันกับข้าวหมูแดง คือราคา 200 กว่าบาท รดชาดทั้ง 2 จานอร่อยครับรับรอง


สำหรับท่านใดไม่อยากกินข้าว ก็มีขนมขายเหมือนกันนะครับ

กินข้าวเที่ยงหรือข้าวบ่ายก็ไม่รู้ เสร็จพวกเราก็ย้ายมาเที่ยวบริเวณโซน Tomorrowland ผมตรงไปเล่นน้ำพุ หรือที่เรียกว่า UFO Zone เป็นยานอวกาศต่างๆ แล้วมีน้ำพุ และมีน้ำพ่นออกจากยานเมื่อกดปุ่มต่างๆ ที่ยานฯ ผมต้องคอยระวังว่าน้ำจะพ่นมาใส่ตัวหรือไม่ และเวลากดต้องก็ต้องรอหลบน้ำด้วยครับ สนุกดีครับ


มีเพื่อนๆ ต่างชาติมาเล่นกันเยอะมากๆ ผมก็ไปเซฮัลโลกับเพื่อนๆ ที่ไม่รู้จักด้วยครับ


จากนั้นผมก็มาเล่นที่ Buzz Lightyear Astro Basters เป็นการนั่งรถเล็กๆ แล้วเอาปืนที่ติดรถยิงตามเป้าต่างๆ ที่รถผ่าน ยิงถูกแล้วจะได้คะแนน สนุกดีครับ


เครื่องเล่นและการแสดงทุกชนิดสามารถเข้าชมและเล่นได้เลยนะครับ ไม่ต้องซื้อตั๋วเพราะว่าราคาตั๋วที่เราซื้อตั้งแต่ทางเข้าประตูได้รวมราคาเครื่องเล่นต่างๆ เข้าไว้แล้ว สรุปแล้ว เล่นฟรีชมฟรี ครับ

เดินมาเจอยานอวกาศขอถ่ายรูปด้วยครับ


มาถึงที่ดีสนีย์แลนด์ทั้งทีไม่ไปชมมิกกี้เม้าส์โชว์ไม่ได้แล้ว ต้อรีบไปต่อแถวเพราะคิวจะยาวมากๆ สถานที่อยู่ที่ The Golden Mickeys อยู่ในโซนของ Fantasyland เปิดการแสดงด้วย โดนัลดั๊ก


ตัวการ์ตูนที่เด่นในการแสดงนี้คือ มิกกี้เมาส์


การแสดงจะเป็นตัวการ์ตูนของ วอลย์ดีสนีย์ ทั้งหมด ออกมาเต้นมาโชว์ตามเรื่องราวในหนัง ตัวนี้จะเป็นเรื่องราวของ Toy Story


ส่วนการแสดงนี้คือ ทาร์ซาน ในหนังเรื่องการ์ตูน แต่ใช้คนเป็นๆ แสดงไม่ได้ใส่หุ่นแต่อย่างใด กล้ามเป็นมัดๆ


ปิดท้ายด้วยการแสดงรวมของเหล่าดาราการ์ตูนทั้งหลาย ใช้เวลาในการแสดงประมาณ 40 นาที ดูเพลินดีครับ หนึ่งวันมีการแสดงหลายรอบนะครับ


ออกจากดูโชว์มิกกี้เมาส์ ก็เดินเล่นไปเรื่อยมาเจอ Sword in the Stone ซึง่เป็นเรื่องราวของดาบทองวิเศษที่ฝั่งอยู่ในก้อนหินใหญ่ท้าทายให้ผู้กล้ามาดึงออก เพื่อได้เป็นกษัตริย์ หนึ่งในหนังยอดฮิตของวอยล์ดีสนีย์ ผมอยากเป็นผู้กล้ามาลองดึงดาบวิเศษดึงเท่าไรก็ไม่ออกครับ


เดินเล่นจนเมื้อยไปขึ้นรถไฟชมสวนสนุกฯ กันดีกว่า ผมก็มารอต่อแถวขึ้นรถไฟที่สถานี Fantasyland Train Station เป็นรถไฟหัวจักรโบราณนะครับ ดูสวยดี นั่งชมบรรยากาศรอบๆ สวนสนุกฯ


สวนสนุก ดีสนีย์แลนด์ มีเครื่องเล่นและการแสดงมากมายหลายอย่าง เล่นทั้งวันก็ไม่ครบทุกอย่างและมีขบวนพาเหรดของเหล่าตัวการ์ตูนออกมาเดินโชว์ วันที่ผมไปพาเหรดงดการแสดงจึงทำให้ผมไม่มีโอกาศได้ชมการแสดง และเครื่องเล่นหลายอย่างผมก็ไม่ได้เล่นสาเหตุเพราะเวลามีจำกัด จึงเอาไว้โอกาศหน้าจะขอให้แม่พาผมมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง จะเล่นให้ครบทุกเครื่องเล่น ใกล้จะค่ำแล้วพวกเราไม่รอชมการจุดพลุ ขอกลับโรงแรมเพื่อไปพักผ่อนเอาแรงไว้ไปเที่ยวในวันต่อไป ขอลาดีสนีย์แลนด์ สวนสนุกในฝันของเด็กๆ อย่างผมด้วยรูปปราสาท


ลาก่อนดีสนีย์แลนด์ เอาไว้มีโอกาศมาพบกันใหม่นะครับ สำหรับดีสนีย์ผมขอพาเที่ยวแค่นี้นะครับ วันพรุ่งนี้ผมจะพาไปเที่ยวที่ไหนของฮ่องกง รอติดตามชมนะครับ ผม คิงคอง สวัสดีครับ




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 16:55:26 น.
Counter : 2048 Pageviews.  

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #1

คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2553 หลานชายของผมชื่อ คิงคอง เป็นหลานชายของผมคนเดียว และเป็นลูกของน้องชายผม โทรศัพท์มาหาผมพร้อมกับพูดว่า
"ลุงปีใหม่นี้จะพาผมไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ใช่ไหม"
ผมจึงย้อนถามกลับไปว่า "ดีสนีย์แลนด์ที่ไหน"
หลานผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ที่ฮ่องกงงัยลุง"
ผมได้แต่คิดในใจว่า "เด็กรู้ได้ยังงัยว่าที่ฮ่องกงก็มีดีสนีย์แลนด์"
ผมจึงพูดกลับไปว่า "ลุงไม่ได้บอกว่าจะพาไปสักหน่อย แต่อยากไปเที่ยวไหมละ"
หลานผมตอบทันที "อยากไปซิครับลุง ลุงพาไปเที่ยวหน่อยนะครับ"
ผมตอบกลับไปว่า "ลุงจะดูตั๋วเครื่องบินก่อนว่ามีหรือไม่"

หลังจากนั้นผมก็หาดูตั๋วเครื่องบินเพื่อที่จะไปฮ่องกงช่วงปีใหม่ ปรากฏว่าไม่มี ตั๋วเต็มหมดเนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่ และถ้ามีก็จะแพงมากไปกลับตกคนละประมาณ 13,000 บาท ผมจึงเลื่อนไปดูตั๋วในช่วงวันเด็กใน วันที่ 7-10 มกราคม 2554 ปรากฏว่ามีตั๋วว่าง และราคาไม่แพง แต่ในขณะนั้นผมยังไม่ได้จอง เพื่อให้หลานชายผมไปทำพาสปอร์ตก่อนจึงจะทำการจองตั๋วเครื่องบิน

ขั้นตอนการทำพาสปอร์ตของเด็กไม่ยุ่งยากอะไร ไปทำที่กรมการกงศุล ถนนแจ้งวัฒนะ ถ้าอายุไม่เกิน15ปี ต้องมีใบสูติบัตร (ใบเกิด) ฉบับจริง และพ่อแม่ต้องพาไปทำพร้อมกับลงนามรับรองเท่านั้นก็จบ เสียค่าทำ 1000 บาท หลังจากนั้นอีก 2 วันทำการ หรือ 3 วันนับรวมวันทำ ก็มารับพาสปอร์ตได้ หน้าตาพาสปอร์ตของ คิงคอง


หลังจากได้พาสปอร์ตเรียบร้อยผมก็จองตั๋วเครื่องบินทันที โดยใช้บริการของ Emirates Air เข้าไปที่ www.emirates.com เพื่อทำการจองตั๋วเคร่องบิน สาเหตุที่จองสายการบินเอมิเรตส์ เพราะว่ามีโปรโมชั่นราคาถูก กรุงเทพ-ฮ่อกง ไปกลับ ผู้ใหญ่คนละ 7,610 บาท สำหรับเด็กคิงคอง เสีย 5,560 บาท รวมภาษีและทุกอย่างแล้ว ถือว่าถูกมากๆ ครับ และได้นั่งเครื่องบิน A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ผมเป็นเด็กเวลาจองจึงต้องใส่คำนำหน้าว่า MASTER แทน เด็กชาย นะครับ

วันที่ 7 มกราคม 2554 เวลาประมาณ 10.00 น. พวกเราทั้ง 7 คนพร้อมกันที่เคาร์เตอร์เช็คอินเอมิเรส์ แถว T ท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิ ต้องถ่ายรูปคู่กับป้ายสายการบินเอมิเรส์



ใช้เวลาเช็คอินไม่นาน ได้ตั๋วพร้อมที่นั่งที่พวกเราทำการจองมาตั้งแต่แรก จากนั้นก็มาเขียนใบ ต.ม. หรือ ใบ Immigration เตรียมยืนเพื่อผ่านการตรวจคนออกเมือง สำหรับผมคิงคอง ก็ต้องเขียนเหมือนกัน แต่ไม่ได้เขียนเองเพราะยังเขียนไม่เป็น ให้พี่อรเขียนให้ ผมแค่เซ็นต์ชื่อเท่านั้นครับ พร้อมกับแนบยืนกับพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน ผมคิงคองไม่ติดปัญหาอะไรสามารถผ่านด่านตรวจคนออกเมือง แล้วเข้ามาภายในสนามบินถ่ายรูปกับ พญานาค


ไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกของผมคิงคอง ต้องเตรียมของไปเพียบสะพายเป้ ข้างในไม่ได้ใส่อะไร พร้อมกับสะพายกระเป๋าเบนเท็นเอาไว้ใส่บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินที่ฮ่องกง และใส่นามบัตรของโรงแรมที่พัก เอาไว้ป้องกันเด็กหลงทาง เข้ามาภายในสนามบินก็จะพบกับร้านปลอดภาษีขายของเล่นมากมายมีหรือครับคิงคองจะไม่สนใจต้องไปขอชมสักหน่อย ไมซื้อไม่เป็นไร


ไปเที่ยวครั้งนี้ไปกันทั้งหมด 7 คน มี พ่อ แม่ พี่อร พี่แคท ป้าแป๊ะ ลุงเต่า และผมคิงคอง ได้เวลาประตู E4 เปิด พวกเราก็เข้าไป พวกเราไปเที่ยวบิน EK384 เวลา 13.45 น. ถ่ายรูปพร้อมกันที่ประตู E4


ช่วงรอเวลาขึ้นเครื่องผมจะพาไปชมเจ้า ปลาวาฬยักษ์ Airbus A380 ลำที่พวกเราจะนั่งไปฮ่องกง มาจอดรอพวกเราอยู่แล้ว นับว่าเป็นประสบการ์ณชีวิตของผมที่ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เป็นเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก


พอใกล้จะได้เวลาครื่องออกเจ้าหน้าที่สายกรบินก็ประกาศบอกว่า ให้ผู้พิการ เด็กและคนแก่ ขึ้นเครื่องก่อน ผมได้โอกาศไปขึ้นเครื่องก่อนใครดีใจจริงเลย ไปถึงเอาตั๋วให้แอร์โฮสเตลๆ พาไปนั่งตามหมายเลขที่ผมจองมา ไม่รอช้ารีบเล่นเกมส์บนเครื่องจอ PTV ทันที เอาหูฟังใส่หูจะได้ยินเสียงด้วย เครื่องบินลำใหญ่นั่งสบายดีครับ


เข้าเมนูหน้าจอได้ก็กดๆ ไปเรื่อยๆ เจอเกมส์เต็มไปหมด ถ้าไม่เล่นเกมส์ก็มีหนัง เพลง ให้ฟังด้วยนะครับ แต่สำหรับผมแล้วขอเล่นเกมส์แล้วกัน


ลุงเต่าบอกผมว่าถ้าขึ้นเครื่องของเอมิเรส์ตแล้วจะมีของเล่นมาแจกเด็กๆ แต่ไม่เห็นมาแจกสักที ผมไม่สนเล่นเกมส์ดีกว่า เครื่องบินออกตรงเวลาหลังจากเครื่องขึ้นบินเรียบร้อย แอร์โฮสเตสก็เอาอาหารเด็กมาเสริฟผมทันที ก่อนคนอื่นๆ กินข้าวก่อนดีกว่าแล้วค่อยเล่นใหม่ ว้าเล่นเกมส์กำลังมันส์ๆ ถึงแล้ว ไปฮ่องกงใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงครับ เสียงกัปตันเครื่องบินประกาศว่าเครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแล้ว

หลังจากเครื่องลงจอดสนิทพวกเราเดินเข้าภายในตัวอาคารสนามบิน ทำการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง เช่นกันนะครับผมต้องกรอกข้อความต่างๆ ในใบตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง ยืนให้เจ้าหน้าที่ตม. เจ้าหน้าที่ได้แต่ยิ้มให้ผม ไม่ได้ถามอะไรผมสักคำ ถ้าถามผมก็จะยิ้มให้อย่างเดียวเพราะฟังไม่ออกครับ ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองไม่มีปัญหาทุกคนผ่านหมด ไม่ว่าจะเป็น พ่อกับแม่ พี่แคท ป้าแป๊ะ ส่วนลุงเต่ากับพี่อร 2คนนี้มาฮ่องกงหลยครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นก็ไปรับกระเป๋าเดินทางของพวกเรา

เดินออกมาลุงเต่าบอกให้ไปซื้อบัตร Octopus Card เพื่อใช้ในการขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เคาเตอร์ขายบัตรจะอยู่ประตูทางออก ชั้น1 บัตรผู้ใหญ่ใบละ 150$HK ส่วนของผมซึ่งเป็นเด็กต้องซื้อบัตรเด็กเพราะจะเสียค่าโดยสารถูกกว่าผู้ใหญ่ ใบละ 70$HK เด็กๆ ต้องเสียค่าโดยสารด้วยนะครับ แนะนำให้ซื้อบัตรเด็กนะครับประหยัดกว่าแต่ใช้ได้กับเด็กอายุ 3-11 ปี ครับเวลาซื้อผมก็ต้องไปโชว์ตัวให้คนขายบัตรดูด้วยนะครับ บัตรจะมีค่ามัดจำใบละ 50$HK นะครับ

ซื้อบัตรฯ เรียบร้อยก็เดินไปขึ้นรถเมล์สาย A21 ไปลงย่านมงก๊ก ไม่ขอบอกเรื่องการเดินทางนะครับเพราะว่าลุงเต่าเคยรีวิวไว้แล้ว ลองเข้าไปดูได้ที่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=taorn&date=02-11-2008&group=10&gblog=1



พวกเราพักกันที่ Meimei Motel อยู่ในตึก Sincere ซึ่งราคาไม่แพง สะอาด มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี วิธีจองก็ไม่ยาก ให้ส่งเมลไปสอบถามห้องส่งไปที่ meimeimotel@yahoo.com.hk สามารถสอบถามรายละเอียดของห้องพักได้ มีหลายราคา หลายขนาด ที่นี่เป็นที่นิยมของคนไทย เรื่องชื่อเสียงก็ดี ไม่เคยมีปัญหา โรงแรมอยู่ชั้น3 ของตึกนี้ เช็คอินเรียบร้อยพวกเราก็ได้ไปเดินเที่ยวย่านวัยรุ่นอีกแห่งของฮ่องกง Sai Yeung Choi Street วันที่พวกเราไปเที่ยวฮ่องกง อากาศที่ฮ่องกงก็หนาวทันที 10 C ทุกคนเอาเสื้อกันหนาวออกมาใส่รวมทั้งตัวผมด้วย


ลุงเต่าบอกว่า โปรแกรมเที่ยววันนี้ แค่เดินช๊อปปิ้ง หาอะไรกินกันแถวๆ นี้ ส่วนพรุ่งนี้ลุงบอกจะไปเที่ยว ดีสนีย์แลนด์ กันทั้งวัน พวกเราจึงเล่นกันแถวๆ นี้ พี่อร กับป้าแป๊ะ จะไปดูเสื้อผ้าที่ Esprit Outlet


เดินเข้าไปเลือกๆ กันได้ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับเสื้อ 1 ตัว


เจอรถขายไอติม พี่แคท ขอลองชิมไอติม ฮ่องกงสักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร อากาศหนาวๆ คงอร่อยดี เหมือนไอติมกระทิบ้านเรา


เนื่องจากการมาเที่ยวในครั้งนี้มีผมซึ่งเป็นเด็กมาด้วย ลุงเต่ากลัวผมจะหลงและกลัวป้าแป๊ะจะหลงเช่นกัน ลุงจึงได้ไปซื้อซิมการ์ดเบอร์โทรศัพท์ของฮ่องกง และลุงต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนซิม 3G เพื่อใช้งานโทรศัพท์ระบบ VOIP บน Iphone เพื่อโทรกลับไทยฟรี ลุงจึงไปซื้อ SIM Card ของ tree.com.hk แบบเติมเงิน ต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อ ซื้อแล้วก็มีคนขอทดลองใช้งานทันที


เดินเล่นกันได้สักพักก็หาอะไรกินก่อนกลับโรงแรมนอน พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์กันครับ

เช้าของวันที่ 8 มกราคม 2554 เป็นวันเด็กของไทย ทุกคนตื่นเช้าแล้วพร้อมกันเวลาประมาณ 8.00 น. ตามเวลาของฮ่องกงซึ่งเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง อย่าลืมตั้งนาฬิกาให้ตรงเวลานะครับส่วนผมไม่ต้องตั้งเพราะไม่มีนาฬิกาครับ ให้แม่ปลุก กินโจ๊กอาหารเช้าย่านมงก๊กเสร็จพวกเราก็เดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Mong kok การไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ไม่ยากอะไร ลุงเต่าพาผมไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT จาก สถานี Mong Kok (สายสีแดง) แล้วไปลงยัง สถานี Lai King (สายสีส้ม) เพื่อต่อรถไฟฟ้า MRT ไปลงยัง สถานี Suny Bay ถ่ายรูปที่สถานี suny Bay ระหว่างรอรถ และต้องต่อรถไฟฟ้าอีกครั้งสายสีม่วง ไปยัง Disneyland Resort


รถไฟฟ้าสายสีม่วงมาพวกเราก็รีบขึ้นทันที รถไฟสายนี้จะตกแต่งสวยงาม หน้าต่างเป็นรูปมิกกี้เม๊าส์ เบาะนั่งก็สวยงาม วันนี้เป็นวันเสาร์จึงมีผู้คนมาเที่ยวกันเยอะ


นั่งรถไฟฟ้าเพียงแป๊ปเดียวก็ถึง สถานี Disneyland Resort ทุกคนในรถก็ลงเพื่อเข้าไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ ป้ายนี้เป็นป้ายที่บอกว่ามาถึง ดีสนีย์แลนด์ฮ่องกง แล้ว แต่ไม่ใช่เป็นประตูทางเข้าที่ต้องเสียเงินซื้อบัตรนะครับ ต้องเข้าไปซื้อด้านในครับ ผมมาแล้วต้องขอให้ลุงเต่าถ่ายรูปให้ครับ


ถ่ายรูปกันอยู่สักพักพวกเราก็ต้องเข้าไปเที่ยวกันแล้วเพราะกลัวนักท่องเที่ยวเยอะ เห็นกรุ๊ปทัวร์เข้าไปกันมาก กลัวจะต่อแถวซื้อตั๋วนาน เดินตรงจากป้ายเข้ามาไม่ไกลก็จะพบกับที่ขายตั๋วพวกเราก็ต่อแถวเพื่อซื้อตั๋ว งานนี้เป็นหน้าที่ของพี่แคทไปซื้อเพราะเซฮัลโลได้ ส่วนผมได้แค่ไปโชว์ตัวเพื่อซื้อตั๋วเด็ก


ราคาตั๋วที่พวกเราซื้อเป็นแบบ Peak Day Ticket ผู้ใหญ่เสียคนละ 350$HK หรือประมาณ 1,400 บาท ส่วนผมซื้อตั๋วเด็ก (3-11 ขวบ) ราคา 250$HK หรือราคาประมาณ 1,000 บาท อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ผมไปเที่ยวคือ 4 บาทต่อ 1 เหรียญฮ่องกง ครับ ซื้อตั๋วครั้งเดียวเล่นฟรีทุกอย่างนะครับ หลังจากได้ตั๋วแล้วเตรียมตัวลุยกันเลยครับ




ขอจบตอนนี้ไว้แค่นี้นะครับ ตอนหน้าจะพาเข้าไปเที่ยวใน ดีสนีย์แลนด์ฮ่องกง กันครับ อย่าลืมตามผม คิงคอง เข้าไปเที่ยวนะครับ




 

Create Date : 24 มีนาคม 2554    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 21:13:06 น.
Counter : 4786 Pageviews.  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.