คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ #1
คิงคอง พาเที่ยวฮ่องกง-ดีสนีย์แลนด์ ประมาณต้นเดือนธันวาคม 2553 หลานชายของผมชื่อ คิงคอง เป็นหลานชายของผมคนเดียว และเป็นลูกของน้องชายผม โทรศัพท์มาหาผมพร้อมกับพูดว่า "ลุงปีใหม่นี้จะพาผมไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ใช่ไหม" ผมจึงย้อนถามกลับไปว่า "ดีสนีย์แลนด์ที่ไหน" หลานผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว "ที่ฮ่องกงงัยลุง" ผมได้แต่คิดในใจว่า "เด็กรู้ได้ยังงัยว่าที่ฮ่องกงก็มีดีสนีย์แลนด์" ผมจึงพูดกลับไปว่า "ลุงไม่ได้บอกว่าจะพาไปสักหน่อย แต่อยากไปเที่ยวไหมละ" หลานผมตอบทันที "อยากไปซิครับลุง ลุงพาไปเที่ยวหน่อยนะครับ" ผมตอบกลับไปว่า "ลุงจะดูตั๋วเครื่องบินก่อนว่ามีหรือไม่"
หลังจากนั้นผมก็หาดูตั๋วเครื่องบินเพื่อที่จะไปฮ่องกงช่วงปีใหม่ ปรากฏว่าไม่มี ตั๋วเต็มหมดเนื่องจากเป็นช่วงปีใหม่ และถ้ามีก็จะแพงมากไปกลับตกคนละประมาณ 13,000 บาท ผมจึงเลื่อนไปดูตั๋วในช่วงวันเด็กใน วันที่ 7-10 มกราคม 2554 ปรากฏว่ามีตั๋วว่าง และราคาไม่แพง แต่ในขณะนั้นผมยังไม่ได้จอง เพื่อให้หลานชายผมไปทำพาสปอร์ตก่อนจึงจะทำการจองตั๋วเครื่องบิน
ขั้นตอนการทำพาสปอร์ตของเด็กไม่ยุ่งยากอะไร ไปทำที่กรมการกงศุล ถนนแจ้งวัฒนะ ถ้าอายุไม่เกิน15ปี ต้องมีใบสูติบัตร (ใบเกิด) ฉบับจริง และพ่อแม่ต้องพาไปทำพร้อมกับลงนามรับรองเท่านั้นก็จบ เสียค่าทำ 1000 บาท หลังจากนั้นอีก 2 วันทำการ หรือ 3 วันนับรวมวันทำ ก็มารับพาสปอร์ตได้ หน้าตาพาสปอร์ตของ คิงคอง
หลังจากได้พาสปอร์ตเรียบร้อยผมก็จองตั๋วเครื่องบินทันที โดยใช้บริการของ Emirates Air เข้าไปที่ www.emirates.com เพื่อทำการจองตั๋วเคร่องบิน สาเหตุที่จองสายการบินเอมิเรตส์ เพราะว่ามีโปรโมชั่นราคาถูก กรุงเทพ-ฮ่อกง ไปกลับ ผู้ใหญ่คนละ 7,610 บาท สำหรับเด็กคิงคอง เสีย 5,560 บาท รวมภาษีและทุกอย่างแล้ว ถือว่าถูกมากๆ ครับ และได้นั่งเครื่องบิน A380 ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วย ผมเป็นเด็กเวลาจองจึงต้องใส่คำนำหน้าว่า MASTER แทน เด็กชาย นะครับ
วันที่ 7 มกราคม 2554 เวลาประมาณ 10.00 น. พวกเราทั้ง 7 คนพร้อมกันที่เคาร์เตอร์เช็คอินเอมิเรส์ แถว T ท่าอากาศยานแห่งชาติสุวรรณภูมิ ต้องถ่ายรูปคู่กับป้ายสายการบินเอมิเรส์
ใช้เวลาเช็คอินไม่นาน ได้ตั๋วพร้อมที่นั่งที่พวกเราทำการจองมาตั้งแต่แรก จากนั้นก็มาเขียนใบ ต.ม. หรือ ใบ Immigration เตรียมยืนเพื่อผ่านการตรวจคนออกเมือง สำหรับผมคิงคอง ก็ต้องเขียนเหมือนกัน แต่ไม่ได้เขียนเองเพราะยังเขียนไม่เป็น ให้พี่อรเขียนให้ ผมแค่เซ็นต์ชื่อเท่านั้นครับ พร้อมกับแนบยืนกับพาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน ผมคิงคองไม่ติดปัญหาอะไรสามารถผ่านด่านตรวจคนออกเมือง แล้วเข้ามาภายในสนามบินถ่ายรูปกับ พญานาค
ไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกของผมคิงคอง ต้องเตรียมของไปเพียบสะพายเป้ ข้างในไม่ได้ใส่อะไร พร้อมกับสะพายกระเป๋าเบนเท็นเอาไว้ใส่บัตรโดยสารรถไฟใต้ดินที่ฮ่องกง และใส่นามบัตรของโรงแรมที่พัก เอาไว้ป้องกันเด็กหลงทาง เข้ามาภายในสนามบินก็จะพบกับร้านปลอดภาษีขายของเล่นมากมายมีหรือครับคิงคองจะไม่สนใจต้องไปขอชมสักหน่อย ไมซื้อไม่เป็นไร
ไปเที่ยวครั้งนี้ไปกันทั้งหมด 7 คน มี พ่อ แม่ พี่อร พี่แคท ป้าแป๊ะ ลุงเต่า และผมคิงคอง ได้เวลาประตู E4 เปิด พวกเราก็เข้าไป พวกเราไปเที่ยวบิน EK384 เวลา 13.45 น. ถ่ายรูปพร้อมกันที่ประตู E4
ช่วงรอเวลาขึ้นเครื่องผมจะพาไปชมเจ้า ปลาวาฬยักษ์ Airbus A380 ลำที่พวกเราจะนั่งไปฮ่องกง มาจอดรอพวกเราอยู่แล้ว นับว่าเป็นประสบการ์ณชีวิตของผมที่ได้ขึ้นเครื่องบินครั้งแรก เป็นเครื่องบินลำใหญ่ที่สุดในโลก
พอใกล้จะได้เวลาครื่องออกเจ้าหน้าที่สายกรบินก็ประกาศบอกว่า ให้ผู้พิการ เด็กและคนแก่ ขึ้นเครื่องก่อน ผมได้โอกาศไปขึ้นเครื่องก่อนใครดีใจจริงเลย ไปถึงเอาตั๋วให้แอร์โฮสเตลๆ พาไปนั่งตามหมายเลขที่ผมจองมา ไม่รอช้ารีบเล่นเกมส์บนเครื่องจอ PTV ทันที เอาหูฟังใส่หูจะได้ยินเสียงด้วย เครื่องบินลำใหญ่นั่งสบายดีครับ
เข้าเมนูหน้าจอได้ก็กดๆ ไปเรื่อยๆ เจอเกมส์เต็มไปหมด ถ้าไม่เล่นเกมส์ก็มีหนัง เพลง ให้ฟังด้วยนะครับ แต่สำหรับผมแล้วขอเล่นเกมส์แล้วกัน
ลุงเต่าบอกผมว่าถ้าขึ้นเครื่องของเอมิเรส์ตแล้วจะมีของเล่นมาแจกเด็กๆ แต่ไม่เห็นมาแจกสักที ผมไม่สนเล่นเกมส์ดีกว่า เครื่องบินออกตรงเวลาหลังจากเครื่องขึ้นบินเรียบร้อย แอร์โฮสเตสก็เอาอาหารเด็กมาเสริฟผมทันที ก่อนคนอื่นๆ กินข้าวก่อนดีกว่าแล้วค่อยเล่นใหม่ ว้าเล่นเกมส์กำลังมันส์ๆ ถึงแล้ว ไปฮ่องกงใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงครับ เสียงกัปตันเครื่องบินประกาศว่าเครื่องกำลังจะลงจอดสนามบินแล้ว
หลังจากเครื่องลงจอดสนิทพวกเราเดินเข้าภายในตัวอาคารสนามบิน ทำการผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง เช่นกันนะครับผมต้องกรอกข้อความต่างๆ ในใบตรวจคนเข้าเมืองของฮ่องกง ยืนให้เจ้าหน้าที่ตม. เจ้าหน้าที่ได้แต่ยิ้มให้ผม ไม่ได้ถามอะไรผมสักคำ ถ้าถามผมก็จะยิ้มให้อย่างเดียวเพราะฟังไม่ออกครับ ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองไม่มีปัญหาทุกคนผ่านหมด ไม่ว่าจะเป็น พ่อกับแม่ พี่แคท ป้าแป๊ะ ส่วนลุงเต่ากับพี่อร 2คนนี้มาฮ่องกงหลยครั้งแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร จากนั้นก็ไปรับกระเป๋าเดินทางของพวกเรา
เดินออกมาลุงเต่าบอกให้ไปซื้อบัตร Octopus Card เพื่อใช้ในการขึ้นรถเมล์ รถไฟฟ้า เคาเตอร์ขายบัตรจะอยู่ประตูทางออก ชั้น1 บัตรผู้ใหญ่ใบละ 150$HK ส่วนของผมซึ่งเป็นเด็กต้องซื้อบัตรเด็กเพราะจะเสียค่าโดยสารถูกกว่าผู้ใหญ่ ใบละ 70$HK เด็กๆ ต้องเสียค่าโดยสารด้วยนะครับ แนะนำให้ซื้อบัตรเด็กนะครับประหยัดกว่าแต่ใช้ได้กับเด็กอายุ 3-11 ปี ครับเวลาซื้อผมก็ต้องไปโชว์ตัวให้คนขายบัตรดูด้วยนะครับ บัตรจะมีค่ามัดจำใบละ 50$HK นะครับ
ซื้อบัตรฯ เรียบร้อยก็เดินไปขึ้นรถเมล์สาย A21 ไปลงย่านมงก๊ก ไม่ขอบอกเรื่องการเดินทางนะครับเพราะว่าลุงเต่าเคยรีวิวไว้แล้ว ลองเข้าไปดูได้ที่ //www.bloggang.com/viewblog.php?id=taorn&date=02-11-2008&group=10&gblog=1
พวกเราพักกันที่ Meimei Motel อยู่ในตึก Sincere ซึ่งราคาไม่แพง สะอาด มีอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรี วิธีจองก็ไม่ยาก ให้ส่งเมลไปสอบถามห้องส่งไปที่ meimeimotel@yahoo.com.hk สามารถสอบถามรายละเอียดของห้องพักได้ มีหลายราคา หลายขนาด ที่นี่เป็นที่นิยมของคนไทย เรื่องชื่อเสียงก็ดี ไม่เคยมีปัญหา โรงแรมอยู่ชั้น3 ของตึกนี้ เช็คอินเรียบร้อยพวกเราก็ได้ไปเดินเที่ยวย่านวัยรุ่นอีกแห่งของฮ่องกง Sai Yeung Choi Street วันที่พวกเราไปเที่ยวฮ่องกง อากาศที่ฮ่องกงก็หนาวทันที 10 C ทุกคนเอาเสื้อกันหนาวออกมาใส่รวมทั้งตัวผมด้วย
ลุงเต่าบอกว่า โปรแกรมเที่ยววันนี้ แค่เดินช๊อปปิ้ง หาอะไรกินกันแถวๆ นี้ ส่วนพรุ่งนี้ลุงบอกจะไปเที่ยว ดีสนีย์แลนด์ กันทั้งวัน พวกเราจึงเล่นกันแถวๆ นี้ พี่อร กับป้าแป๊ะ จะไปดูเสื้อผ้าที่ Esprit Outlet
เดินเข้าไปเลือกๆ กันได้ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับเสื้อ 1 ตัว
เจอรถขายไอติม พี่แคท ขอลองชิมไอติม ฮ่องกงสักหน่อยว่าจะเป็นอย่างไร อากาศหนาวๆ คงอร่อยดี เหมือนไอติมกระทิบ้านเรา
เนื่องจากการมาเที่ยวในครั้งนี้มีผมซึ่งเป็นเด็กมาด้วย ลุงเต่ากลัวผมจะหลงและกลัวป้าแป๊ะจะหลงเช่นกัน ลุงจึงได้ไปซื้อซิมการ์ดเบอร์โทรศัพท์ของฮ่องกง และลุงต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ตบนซิม 3G เพื่อใช้งานโทรศัพท์ระบบ VOIP บน Iphone เพื่อโทรกลับไทยฟรี ลุงจึงไปซื้อ SIM Card ของ tree.com.hk แบบเติมเงิน ต้องใช้พาสปอร์ตในการซื้อ ซื้อแล้วก็มีคนขอทดลองใช้งานทันที
เดินเล่นกันได้สักพักก็หาอะไรกินก่อนกลับโรงแรมนอน พรุ่งนี้พวกเราจะไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์กันครับ
เช้าของวันที่ 8 มกราคม 2554 เป็นวันเด็กของไทย ทุกคนตื่นเช้าแล้วพร้อมกันเวลาประมาณ 8.00 น. ตามเวลาของฮ่องกงซึ่งเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมง อย่าลืมตั้งนาฬิกาให้ตรงเวลานะครับส่วนผมไม่ต้องตั้งเพราะไม่มีนาฬิกาครับ ให้แม่ปลุก กินโจ๊กอาหารเช้าย่านมงก๊กเสร็จพวกเราก็เดินไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Mong kok การไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ไม่ยากอะไร ลุงเต่าพาผมไปขึ้นรถไฟฟ้า MRT จาก สถานี Mong Kok (สายสีแดง) แล้วไปลงยัง สถานี Lai King (สายสีส้ม) เพื่อต่อรถไฟฟ้า MRT ไปลงยัง สถานี Suny Bay ถ่ายรูปที่สถานี suny Bay ระหว่างรอรถ และต้องต่อรถไฟฟ้าอีกครั้งสายสีม่วง ไปยัง Disneyland Resort
รถไฟฟ้าสายสีม่วงมาพวกเราก็รีบขึ้นทันที รถไฟสายนี้จะตกแต่งสวยงาม หน้าต่างเป็นรูปมิกกี้เม๊าส์ เบาะนั่งก็สวยงาม วันนี้เป็นวันเสาร์จึงมีผู้คนมาเที่ยวกันเยอะ
นั่งรถไฟฟ้าเพียงแป๊ปเดียวก็ถึง สถานี Disneyland Resort ทุกคนในรถก็ลงเพื่อเข้าไปเที่ยวดีสนีย์แลนด์ ป้ายนี้เป็นป้ายที่บอกว่ามาถึง ดีสนีย์แลนด์ฮ่องกง แล้ว แต่ไม่ใช่เป็นประตูทางเข้าที่ต้องเสียเงินซื้อบัตรนะครับ ต้องเข้าไปซื้อด้านในครับ ผมมาแล้วต้องขอให้ลุงเต่าถ่ายรูปให้ครับ
ถ่ายรูปกันอยู่สักพักพวกเราก็ต้องเข้าไปเที่ยวกันแล้วเพราะกลัวนักท่องเที่ยวเยอะ เห็นกรุ๊ปทัวร์เข้าไปกันมาก กลัวจะต่อแถวซื้อตั๋วนาน เดินตรงจากป้ายเข้ามาไม่ไกลก็จะพบกับที่ขายตั๋วพวกเราก็ต่อแถวเพื่อซื้อตั๋ว งานนี้เป็นหน้าที่ของพี่แคทไปซื้อเพราะเซฮัลโลได้ ส่วนผมได้แค่ไปโชว์ตัวเพื่อซื้อตั๋วเด็ก
ราคาตั๋วที่พวกเราซื้อเป็นแบบ Peak Day Ticket ผู้ใหญ่เสียคนละ 350$HK หรือประมาณ 1,400 บาท ส่วนผมซื้อตั๋วเด็ก (3-11 ขวบ) ราคา 250$HK หรือราคาประมาณ 1,000 บาท อัตราแลกเปลี่ยนวันที่ผมไปเที่ยวคือ 4 บาทต่อ 1 เหรียญฮ่องกง ครับ ซื้อตั๋วครั้งเดียวเล่นฟรีทุกอย่างนะครับ หลังจากได้ตั๋วแล้วเตรียมตัวลุยกันเลยครับ
ขอจบตอนนี้ไว้แค่นี้นะครับ ตอนหน้าจะพาเข้าไปเที่ยวใน ดีสนีย์แลนด์ฮ่องกง กันครับ อย่าลืมตามผม คิงคอง เข้าไปเที่ยวนะครับ
Create Date : 24 มีนาคม 2554 | | |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2554 21:13:06 น. |
Counter : 4786 Pageviews. |
| |
|
|
|