เที่ยวไป..กินไป..ตามแต่ใจเราสองคน เป็นบล๊อกที่ทำขึ้นมาเพื่อเล่าเรื่องราวการเดินทางของเราทั้ง 2 คน และเป็นข้อมูลให้สำหรับผู้ที่สนใจจะเดินทางด้วยตัวเอง

Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add 's blog to your web]
Links
 

 
Good morning "Vietnam" #7 (วันที่สี่)

วันนี้เป็นวันที่ 4 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการท่องเที่ยวเวียดนามของเรา โปรแกรมวันนี้คือ ตลุยเมืองฮานอย ไปเยี่ยมลุงโฮ (โฮจิมินห์) เราตื่นสายกว่า 3 วันที่ผ่านมา ตื่น8 โมง กินอาหารเช้าโรงแรม 9 โมง เก็บข้าวของใส่กระเป๋าลงไป Check Out แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมเพื่อที่เราจะไปเที่ยวกันก่อน ติดต่อกับโรงแรมว่าเราจะกลับมาที่โรงแรมอีกครั้งตอน 6 โมงเย็น ให้ช่วยเรียกรถ Taxi ไปส่งเราที่สนามบินด้วย ทางโรงแรมก็รับจองไว้ให้โดยแจ้งว่าค่า Taxi ราคา $10 หลังจากติดต่อเรื่องฝากกระเป๋ากับจองรถที่จะไปสนามบินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินออกจากโรงแรมมาหน่อยมาเจอร้านรับทำตราประทับเราเลยทำบ้างไว้เป็นที่ระลึกเป็นสัญลักษณ์ของเราสองคนที่ได้มีโอกาศมาเยือนเวียดนาม โดยเป็นรูปสาวเวียดนามหาบของ แล้วใส่ชื่อเรา ORN & TAO ลงไปด้วย ช่างแกะสลักบอกว่านั่งรอรับได้เลยใช้เวลาประมาณทำ 15 นาที ราคา 50000 ดอง


วันนี้เราตั้งใจจะไปเที่ยว สุสานโฮจิมินห์ ทำเนียบประธานาธิบดี บ้านพักของลุงโฮฯ วัดเสาเดียว พิพิธภัณท์โฮจิมินห์ พิพิธภัณท์สงครามเวียดนาม (หลายที่มาก ๆ ลองติดตามชมกันต่อนะ) เราลองนั่งรถเมล์ไปกัน ไปขึ้นรถตรงวงเวียนใกล้ ๆ กับทะเลสาบคืนดาบ เป็นท่ารถเมล์หลายสาย


ที่แรกที่เราจะไปคือ "สุสานโฮจิมินห์" เราต้องขึ้นรถเมล์สาย 09 ขึ้นไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจ (แต่ตามแผนที่บอกไว้ว่าเบอร์ 09 นี่นา แต่เพื่อกันวืด...ถามไว้ก่อนไม่เสียหลาย) ก็ได้ไปถามกระเป๋ารถเมล์บนรถอีกครั้ง ว่าไปสุสานโฮจิมินห์หรือไม่ กระเป๋ารถเมล์บอกกับเราว่า ไป (อืม...ค่อยใจชื้นขึ้นหน่อย) เราก็บอกว่าถ้าถึงแล้วช่วยเรียกด้วย บรรยากาศในรถเมล์ค่อนจัดว่าเป็นบริการสาธารณะที่ได้มาตรฐานดี เป็นรถเมล์ปรับอากาศทุกสาย ค่าโดยสารคนละ 3000 ดองตลอดสายถูกดี (ถ้าเป็นบ้านเราก็เริ่มต้นที่ 12 บาทแล้ว) แถมนั่งสบายอีกด้วย


ไปถึงสุสานลุงโฮฯ ก็ตกใจว่าทำไมคนเยอะมาก ๆ ขนาดนี้ มีทั้งคนเวียดนาม และต่างชาติก็มีอยู่บ้าง เค้าเปิดให้เข้าไปเคารพศพลุงโฮฯ ตั้งเวลา 9.00 - 11.00 เท่านั้น และไม่ให้พกพาทรัพย์สินอะไรเข้าไปเช่น กล้อง กระเป๋าสัมภาระ จะต้องฝากไว้ที่ที่รับฝากก่อน


ภาพนี้ยังเป็นภาพแถวของผู้ที่มารอเข้าไปเคารพศพลุงโฮฯ ภาพนี้ถ่ายอีกด้านนึงของสุสานนะ แถวยาวสุดตาเลย...โอ้วววว


พอเราเห็นแถวยาวมากก็เกิดอาการถอดใจ เราเลยไม่ขอเข้าไปเคารพศพลุงโฮฯ แต่ขอถ่ายรูปกับหน้าสุสานของลงโฮฯ ไว้เป็นที่ระลึกก็พอ (ไม่อย่างนั้นวันนี้คงเที่ยวทั่วฮานอยไม่ครบเป็นแน่)


ถ่ายภาพกันจนถึง 11 โมง สังเกตได้คือแถวผู้มารอเคารพศพลุงโฮฯ หมดไปแล้ว และพอถึงเวลานี้ทหารที่ควบคุมดูแลจะไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปต่อจากนี้ (เดินเฉียดยังไม่ได้เลย...เพราะเห็นนั่งท่องเที่ยวสาวผมทอง 2 คน เดินเฉียดไป โดนเป่านกหวีดไล่ทันควัน ประหนึ่งว่ากำลังเล่นฟุตบอลแล้วล้ำหน้า)


ขออีกมุมที่หน้าสุสานลุงโฮฯ นะจ๊ะ แดดค่อนข้างแรงและอากาศร้อนมากเลยต้องมีอุปกรณ์เสริมซะหน่อย


บรรยากาศอีกมุมของสุสานลุงโฮฯ พอหมดเวลาเค้าจะเก็บเต็นท์ที่กางไว้เป็นแนวทางเดินทันที


ถ่ายรูปที่สุสานลุงโฮฯ เสร็จแล้วเราก็เลยวน ๆ เวียน ๆ อยู่แถว ๆ นั้นสักพัก พอดีใกล้เวลาที่จะปิดประตูเข้าไปชมทำเนียบประธานาธิบดี ผู้ดูแลเห็นเราสองคนเดินอยู่ก็เลยเป่านกหวีดแล้วกวักมือเรียก เราก็เลยรีบวิ่งกันผ่านเข้าประตูได้อย่างหวุดหวิด เพราะเค้าจะปิดประตูเข้าเวลา 11.30น. เสียค่าเข้าชมคนละ 10000 ดอง ทำเนียบประธานาธิบดีเป็นตึกสีเหลืองศิลปะฝรั่งเศส


ขอถ่ายรูปคู่กับตึกหน่อยนะ กดไปได้ 1 ภาพ ก็ได้ยินเสียงนกหวีดเป่าไล่ (ในใจคิด...เป่าอีกแล้ว...ฉันทำฟาวล์อีกแล้วหรือ จริง ๆ แล้วเค้าจะเป่าไล่ให้รีบเดินไปตามเส้นทางที่กำหนด ห้ามเดินแตกแถวหรือเดินแยกไปตรงโน้นตรงนี้ตามใจชอบ ต้องเดินตามเส้นทางที่กำหนด และตามเวลาที่กำหนดด้วย...อะจ้า ๆ หนูจะรีบไปเดี๋ยวนี้หละค่ะ เลยไม่ได้ถ่ายภาพให้พี่เต่าเลยเสียดายจัง)


ไปเยี่ยมชมบ้านลุงโฮ กันต่ออยู่ใกล้ ๆ กับทำเนียบฯ นี่เป็นห้องรับประทานอาหารของลุงเค้า


เค้าจัดทางเดินให้นักท่องเที่ยว เป็น One Way ห้ามออกนอกเส้นทาง ถ้าใครออกเค้าจะเป่านกหวีดไล่ ส่วนภาพนี้บ้านลุงโฮฯ ถ่ายจากด้านข้าง ถ่ายได้ภาพเดียวเพราะโดนนกหวีดเป่าไล่มาแล้ว


บ้านพักของลุงโฮฯ ถ่ายจากด้านหน้า เป็นบ้านไม้ 2 ชั้น มีใต้ถุนสูง


ใต้ถุนของบ้านจะมีโต๊ะประชุม เข้าใจว่าเก้าอี้หัวโต๊ะน่าจะเป็นเก้าอี้ของลุงโฮฯ


นักท่องเที่ยวสนใจขึ้นไปดูบ้านลุงโฮฯ กันมากมาย


ซึ่งชั้นบนของบ้านพักหลังนี้ประกอบด้วย 2 ห้องคือ ห้องทำงาน และห้องนอนจะอยู่ถัดไป แต่ไม่มีรูปให้ดู เพราะมืดมาก ภาพเลยไม่ชัด


ออกจากบ้านพักของลุงโฮฯ แล้วเจ้าหน้าที่เค้าบังคับให้เดินรอบสระน้ำหน้าบ้าน เลยขอแวะถ่ายรูปกับบ้านพักลุงโฮฯ ในมุมไกล ๆ สักหน่อย


หลังจากเดินชมบ้านลุงแล้วมาถึงทางออก จะมีที่ขายน้ำ และร้านขายของที่ระลึก (เหนื่อยไม่เหนื่อย ร้อนไม่ร้อน ดูท่ากินน้ำของคนเสื้อสีชมพูก็รู้)


ออกจากบ้านลุงโฮ เดินมาไม่ไกลก็จะเป็นสถานที่เที่ยวอีกแห่ง คือ วัดเสาเดียว เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกแห่ง เพราะเห็นได้จากเป็นมีชาวเวียดนามจะมากราบไหว้กันอยู่เนือง ๆ ภาพนี้เป็นด้านหน้าของวัดมีบันไดทางขึ้นเชื่อมต่อระหว่างแผ่นดินกับตัววัด


ภาพของวัดเสาเดียวด้านข้าง สังเกตได้ว่าตัววัดตั้งอยู่บนเสาเพียงต้นเดียวเท่านั้น ก็เลยเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมจึงได้ชื่อว่า "วัดเสาเดียว"


ขอถ่ายรูปกับวัดไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยนะ


ตอนต่อไปเป็นตอนสุดท้ายเราจะพาไปชมร่องรอยจากสงครามเวียดนามกัน โปรดติดตามชมกันต่อนะจ๊ะ




Create Date : 18 สิงหาคม 2550
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 16:33:39 น. 2 comments
Counter : 3684 Pageviews.

 
ตามไปเที่ยวเวียดนามด้วยคนนะครับ

ชอบจังบล๊อกนี้ รูปสวย สีแจ่มมากเลย

ผมมาช้าไปหรือเปล่าครับบล๊อกนี้วันสุดท้ายแล้ว ต้องไล่อ่านตั้งแต่วันแรกแล้วสิครับ


โดย: pompier วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:5:16:34 น.  

 
ขอบคุณครับที่แวะมาชม


โดย: taorn IP: 210.1.44.253 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:17:50:50 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.