All Blog
หลักธรรมจาก ท่านพระอาจารย์ ว.วชิระเมธี ครับ

อ้างอิงจาก

//www.thaihealth.or.th/healthcontent/article/12282

                เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

 

 

                 เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

 

 

                 เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

 

 

                 เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนที่สมบูรณ์แบบ(perfectionist)

 

 

                 เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

 

 

                 เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงมีความหมาย

 

 

                 เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้ชีวิต

 

 

                 เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

 

 

                 เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

 

 

                 เวลาเจอลูกหัวดื้อ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือโอกาสทองของการพิสูจนความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง

 

 

                 เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

 

 

                 เวลาเจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดังใจหวัง

 

 

                 เวลาเจอภาวะหลุดจากอำนาจ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง

 

 

                 เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

 

 

                 เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

 

 

                 เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

 

 

                 เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบททดสอบว่าที่ "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

 

 

                 เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

 

 

                 เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

 

 

                 เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

 

 

 




Create Date : 30 กรกฎาคม 2555
Last Update : 30 กรกฎาคม 2555 8:15:04 น.
Counter : 943 Pageviews.

1 comment
น่าสงสารคนเมื่อตอนกลางวันจริงๆครับ
วันนี้ผมทำงานครึ่งวันครับ ที่ กทม.อากาศร้อนอบอ้าวพอสมควร ระหว่างทางกลับบ้านผมเลยแวะที่ Major รัชโยธิน ครับ (บังเอิญวันนี้ การ์ตูน โทริโกะ เล่มใหม่ออก ^^)



ผมมานั่งเล่นที่ Mc Donald ข้างล่างครับ คนไม่เยอะครับ น่าจะเป็นเพราะเป็นวันธรรมดา และถึงแม้เป็นวันพุธ movie day คนที่จะมาโรงหนัง ก็คงไปดูหนังกันหมด



นั่งไปนั่งมาก็รู้สึกว่า ข้างหน้าเป็นกลุ่มบุคคลที่แต่งตัวแปลกๆ พอมองดูก็เลยพบว่า เป็น modeling กับนางแบบ มาคุยกัน (มีประมาณ 5-6 คน) คุยกัน ถ่ายภาพไป แล้วก็มีให้เซ็นต์สัญญา (ไม่ได้อยากสนใจ แต่เค้าเสียงดังเหมือนกัน)



บางทีก็เลยได้ยินประโยคที่รู้สึกว่า เค้าพูดมาได้ไงอย่างเช่น



...เค้าบอกนางแบบซึ่งผมว่า เค้าผอมมากแล้ว ให้ลดอาหารลงอีก 75% แล้ว sit up วันละ 500 ครั้ง (ตัวคนพูดเป็นผู้ชาย ไม่ผอม หน้าตาดูไม่น่าจะพาไปวัดวาได้...จริงๆนะ)



ต่อว่านางแบบ เรื่องที่ไปทำศัลยกรรม ไม่ได้ถามวง่า เค้าเจ็บไหม แต่ไป วิจารณ์สิ่งที่ไม่น่าวิจารณ์



หลายครั้งเข้า เร่มพูดเหมือนจะมี sexual intercourse กลางร้าน Mc Donald



ผมว่าจริงๆแล้วคนเรา



- เวลาที่เราปล่อยให้อารมณ์ เหนือ สติ เราอาจเปลอพูดอะไรลงไป โดยบางครั้งเราอาจต้องมานึกเสียใจ (ผมก็เคยเป็น)

เหมือนเวลาที่ลงทุน คนเขลาอย่างผมจะแนะนำ เซียนหุ้นว่า อย่าให้ อารมณ์ มาครอบงำ (เซียนเค้าไม่ค่อยฟังคนเขลาหรอกครับ แต่ก็อยากบอกนะ ^^)



หรือถ้าเราลองสังเกตตัวเราดู เราจะพบว่า บางครั้งเราก็หลุดปากโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ



บางครั้ง เราหวังดี อยากบอกว่า ปิดไฟหรือยัง ก่อนนอนห่มผ้าหรือยัง บางครั้งถ้าเราโดนตวาดกลับมา เพราะเราหวังดี

ผมว่าทุกๆคนก็เกิดอาการน้อยใจได้



คนตวาดกลับก็ใช่ว่า เค้าจะไม่รู้สึกผิด (ถ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ)



แต่ถ้าเราเก็บเรื่องเหล่านี้เป็นอารมณ์ และเก็บไว้นานๆ ผมว่า มันมีแต่จะเสียครับ



มีคนเคยสอบถาม อ.อัมพล สูอำพัน (ผมขออนุญาติเรียกท่านว่า อ.คุณพ่อ นะครับ ^^)

...อ.เป็นอาจารย์จิตแพทย์เด็กที่ รพ.จุฬา ครับ ปัจจุบัน อ.เกษียนณอายุราชการมาหลายปีแล้วครับ



...อ่ เคยสอนคุณพ่อ คุณแม่ ที่เข้ามาปรึกษาว่า



บางครั้งเคย เผลอดุลูกโดยใช้อารมณ์ ตอนนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี

เคยด่าทอกันด้วยคำหยาบๆ กลัวลูกจำไปใช้



อ.ท่านสอนว่า จริงๆแล้ว ไม่มี คุณพ่อ คุณแม่ท่านใดที่จะเกลี่ยดลูก และไม่มีท่านใดไม่พยายามเลี้ยงดู ลูกๆของเค้า อย่างสุดความสามารถ



แต่คนเรา เป็น มนุษย์ คนหนึ่ง เราทำผิด เราเผลอทำพลาดได้



แต่สิ่งดีๆที่เราทำให้กับเค้า จะทำให้เค้าจำสิ่งดีๆมากกว่า สิ่งที่ไม่ดี



ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องไปขนาดกราบขอโทษลูก (บางท่าน spoiled เด็ก จนเกินไป)



เพียงเราทำสิ่งดีๆกับลูก



บางที แค่การเอ่ยคำดีๆ

การกล่าวคำขอโทษ



มันทำให้อะไรดีขึ้นมากครับ



....มีคำกล่าวในสุภาษิตจีนกล่าวไว้ว่า "ชนะอะไร ไม่เท่า ชนะใจตนเอง"



หลายครั้งคนเราคิดจะเอาชนะคนอื่น แต่เราไม่เคยได้ตรองใจตัวเราเองเลย





แต่ไม่มีวันไหนที่จะเป็นวันที่สายไป ใช่ไหมเอ่ย





กลับมาที่ modeling ครับ จริงๆถ้าผมเป็นญาติกับนางแบบเหล่านั้น ผมคงไปต่อว่า ว่าเราควรให้เกียรติกันบ้าง



ผมจำคำของ อ.ยิปมันได้ดีครับ



"คนเรา แม้เกิดต่างกัน แต่ทุกคนมีศักดิศรีเท่าเทียมกัน"



เราอย่าดูหมิ่นศักดิศรีใครเลยครับ ยิ่งเราทำ มันยิ่งดูแย่



ผมเคยเจอช่างภาพบางราย พูดจาไม่ให้เกียรติคนที่มาเป็นแบบให้

แปลกดีที่พอผมรู้จัก คนที่เราชอบใช้คำว่า เมพ หรือ เทพ ของแต่ละวงการจริงๆ

เค้าไม่เห็นจะถือตัวแต่อย่างใดครับ



บางที คนเราถ้าใจเย็นลง สำรวมคำพูดบ้าง มันคงดูดีกว่านี้



เพราะผมสังเกตว่า โต๊ะข้างๆผม เริ่มด่า modeling พวกนี้แล้วครับ



น่าเสียดายโอกาสที่เค้ามีงานที่ดี อย่างน้อยก็คงดี และสบายกว่า ลุงกรรมกรที่ต้องไปแบกเสาปูนกลางแจ้ง และเสี่ยงชีวิตครับ



........ มีความสุขกับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆนะครับผม



ปล. การให้อภัย เป็นทานอันหนึ่งที่ ทำไม่ยาก และไม่ง่าย

ถ้าเราฝึกบ่อยๆมันจะง่ายมากขึ้น



นอกจากให้อภัยคนอื่นแล้ว

อย่าลืมให้อภัย และให้โอกาสตนเองด้วยนะครับ



สวัสดีครับ



Create Date : 04 มกราคม 2555
Last Update : 4 มกราคม 2555 21:41:10 น.
Counter : 360 Pageviews.

1 comment
การรับมือน้ำท่วมก็เหมือนการทำข้อสอบ
การรับมือน้ำท่วมก็เหมือนการทำข้อสอบ
หลายครั้งเราบอกว่า เอาอยู่ๆ
กแต่เราก็อาจสอบตกได้

เพราะถ้าเรา ไร้สมอง เราก็สอบไม่ผ่านครับ

ดังนั้นอย่าใช้ชีวิตอย่างประมาทครับ

เพราะไม่เช่นนั้น คนที่แย่อาจไม่ใช่คุณเพียงคนเดียว

เพราะอำนาจที่ยิ่งใหญ่ มากับความรับผิดชอบที่ยิ่งยงครับ



Create Date : 28 ตุลาคม 2554
Last Update : 28 ตุลาคม 2554 14:06:54 น.
Counter : 342 Pageviews.

1 comment
วันดีๆวันหนึ่ง ที่ได้จากการอ่านบทสัมภาษณ์พี่ Nose อุดม แต้พานิช ครับ ^o^
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (1 ตค.54) ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้าน อากาศค่อนข้างเย็น เพราะมีฝนตกเกือบตลอดทั้งวันครับ

หยิบหนังสือ A Day เล่มที่ 131 มาอ่านครับ เป็นฉบับ พี่ Nose อุดม ครับ



ก่อนหน้านี้ผมอ่าน A Day เล่มนี้มาบ้าง แต่ว่า ผมค่อยๆอ่าน เพราะหลายครั้งรู้สึกว่า อยากเก็บข้อเขียนดีๆไว้อ่านในวันหลังอีก

หลังจากอ่านบทสัมภาษณ์ พี่ Nose แล้ว รู้สึกทึ่งกับความคิดของเค้าครับ ผมคิดว่า ความคิดขอิงเค้าเริ่มเปลี่ยนแปลง แลัได้รับการขัดเกลาจากประสบการณ์ในชีวิตของเค้าที่มีมากขึ้นครับ



ขออนุญาตินำบางประโยคโดนๆมาให้ได้อ่านกันนะครับ ปัจจุบัน A Day ฉบับนี้น่าจะค่อนข้างหาซื้อได้ยากแล้วล่ะครับ

(เป็นฉบับเมื่อ2 เดือนก่อนครับ)



บทสัมภาษณ์ โดย คุณ จิราภรณ์ วิหวา และ คุณสลิลา มหันต์เชิดชูวงศ์



ได้รับการอนุญาติให้นำมาลงใน เวป พนธ์ทิพย์ ได้

โดยการอนุมัติจาก พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ผู้ร่วมก่อตั้ง นิตยสาร A DAY

พี่อุ๊ จัณฑรัศมิ์ เกียรติยศ ผู้จัดการ นิตยสาร A DAY

และ น้อง เคน นครินทร์ วนกิจไพบูลย์ กองบรรณาธิการ นิตยสาร A DAY ครับ


*************************************************


- ทุกวันนี้ข้อมูลเป็นคนละเรื่องกับปีญญา คนมีข้อมูลข่าวสารเยอะ ไม่ได้แปลว่ามีปํญญาเยอะ



- เดี๋ยวนี้คนไม่ได้ใช้ computer แต่ computer ใช้เรา ...เราสื่อสารทางโลก cyber เร็วมาก

แต่เราไม่ค่อยสื่อสารกับมนุษย์ด้วยกันเอง



- หนังสือมันสอนเราได้ เพราะคนเราเกิดปัญญาตอนที่เราอยู่กับตนเอง



- สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ เป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้น ไม่มีอะไรใหม่ ...สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นมุมมองที่มีต่อเรื่องนั้นมากกว่า



- เวลาทำบุญ ผมจะอธิษฐานเสมอว่าขอให้ผมเป็นคนมีวินิจฉัยที่ถูกต้อง ให้เป็นผู้ที่สามารถเตือนตัวเองได้ สำหรับผมเรื่องนี้มันสำคัญมาก เพราะวินิจฉัยที่ผิด มันพาชีวิตไปได้หมดชีวิตเลยนะ



- ทำวันนี้ให้มันดี เดี๋ยวอนาคตมันดูแลตัวมันเอง



- ควรมีความอยากเป็นไหม มันต้องมี เป็นแรงขับเคลื่อน แต่ต้องดูต้นทุน.... คนที่ใช้ชีวิตสบายคือคนที่รู้ว่า ต้นทุนชีวิตมีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่าที่มี

ส่วนการใช้ชีวิตที่อยากจะให้คนอื่นมองว่าเป็น ก็จะยิ่งปวดร้าวมากขึ้น



- การยังไม่รู้จักตนเอง ก็เหมือนคนยังไม่รู้จักทาง ต้องลองออกเดิน เดินหลงบ่อยๆ ธรรมชาติจะค่อยๆบอกเราเองว่าควสรจะเดินไปทางไหน จะเหลือทางไหนให้เดิน



- ก่อนที่จะรู้จักความตื้น ต้องรู้ก่อนด้วยว่าอะไรลึก



ก่อนทำอาหารออกมาให้อร่อย ไม่ใช่แค่อ่านตำราอาหาร

คนที่ลงมือทำก็ยังไม่ลึกเท่าคนที่ไปตลาด แล้วลงมือทำพลาดอีกหลายๆครั้ง



- ระหว่างทำงานแต่ละรอบ(พูดถึงเดี่ยวไมโครโฟน) เราก็เรียนรู้ตัวเองไป

ผมมาทำหลักสูตรด้วยตนเอง

ลงทะเบียนเรียน

พอเสร็จเดี่ยวครั้งหนึ่งผมก็ได้เรียนรู้วิฃาเพิ่มมากขึ้นหน่อย

อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นะ ตรงนี้ไม่ดีนะ

เราควรปล่อยวางสิ่งนั้น

แล้วก็ไม่อายถ้าตัวเองสอบตก



- การทำงานโดยหวังแต่ผลลัพธ์อย่างเดียวสร้างความเครียดให้กับผมมากเลย

หลังๆผมมาสนุกกับการไปทำงาน ไปลองผิดพลาด

ไปทำอะไรใหม่ๆ

สำเร็จ หรือไม่สำเร็จแล้วมันยังไง



- ถ้าทำวันนี้ให้ดี เดี๋ยวอนาคตมันดูแลตัวมันเอง

แล้วถ้ามันจะไม่ดี ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป

ทำที่ๆเราชอบนั่นแหละ

ชอบแบบไหน ทำแบบนั้น



คนเราจะทำอะไรไๆด้ดีได้ยังไง

ถ้าเราทำอะไรที่เราไม่ชอบ



การชอบคือการทำที่เข้ากับตัวเราเอง

แต่การทำเท่เป็นการทำเพื่อให้คนอื่นเขามอง



- คนที่ใช้ชีวิตสบาย คือคนที่รู้ว่าต้นทุนชีวิตมีเท่าไหร่ ก็ใช้เท่าที่มี

ส่วนการใช้ชีวิตที่อยากจะให้คนอื่นมองว่าเป็นก็จะปวดร้าวมากขึ้น



- ชีวิตคือการปรับเปลี่ยน ยืดหยุ่นไปตามสถาณการณ์

ถ้าคนใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่นจะทุกข์น้อยกว่าคนที่หัวสี่เหลี่ยม



- พอเรามีแรงบันดาลใจหลังจากนั้นค่อยเอาระบบจัดการตามมาทีหลัง



- เวาลที่เราอายุมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ทำให้เรากระชุ่มกระชวยมากขึ้น คือการได้ออกไปเรียนอีกครั้งหนึ่ง



- พี่ Nose พูดถึงค่าหนังสือที่ซื้อไปครับ



..... เวลาที่เราต้องศึกษาด้วยตนเอง เราไม่เคยเสียดายเงินที่เสียไปกับการซื้อหนังสือเลย สิ่งที่ได้มาอยู่ในตัวเป็นองค์ความรู้ที่ใครก็แย่งไปไม่ได้



- เราจะเกิดปัญญาได้อย่างไร ถ้าเราไม่มีความสงบ

ความสงบทำให้เราเห็นตัวเอง ตอนอายุน้อยๆเรามองโลกไปข้างหน้า มองไปไกลมาก เหมือนคนสายตายาว

แต่ความจริง สายตาของคนที่แก่(ขึ้น)จะยิ่งแก่ยิ่งยาว แต่ระยะสายตาในตัวเราจะมันสั้นเข้ามา

เราจะเห็นใกล้เข้ามาในตัวเราเองมากขึ้น



ข้างในตัวเรามีค่าสุดๆ



- ทำงานศิลปะก๊องๆแก๊งๆของผมไป กิจกรรมเหล่านี้ก่อเกิดรายได้ไหม

....ไม่ แต่มันเพลิน



แต่ก็ไม่ได้โง่เง่าเต่าตุ่นจนไม่เข้าใจโลกนะ

ร้านไอติม(iberry ที่เชียงใหม่)ก็เหมือนมาชดเชยรายจ่าย



- บางทีเวลาคิดอะไรไม่ออกแล้วยิ่งมานั่งคิด มันก็คิดไม่ออกนะ

คิดไม่ออกต้องออกจากความคิดไปทำอย่างอื่น ให้มันเกิดพื้นที่ว่างขึ้นมาในหัวเรา

ซึ่งในขณะที่วาดรูปอยู่ เราก็จะคิดอะไรออกมา



มันแปลกนะ แต่ผมว่า มันเกื้อหนุนกัน



เวลาคิดไม่ออก แสดงว่า พื้นที่ในหัวเรามันแน่นเหมือนห้องเก็บของที่เรายัดทุกอย่างเข้าไป

เวลาที่เราจะหาไอเดียจากห้องเก็บของที่มันรกรุงรัง ยิ่งพยายามยิ่งหาไม่เจอหรอก



วิธีอย่างหนึ่งที่หาง่ายที่สุดคือต้องทำพื้นที่ว่างในห้องนั้นด้วย

การเอาของออก วางเรียงใหม่ การออกจากความคิดคือการจัดของ



*** คำถามที่โดนมากๆคือ



มีเรื่องไหนไหมที่ตอนหนุ่มๆเชื่อแบบนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้กลับตาลปัตร ไม่เชื่ออย่างนั้นอีกแล้ว



พี่ Nose ตอบว่า แต่ก่อนผมจะตื่นเต้นกับศิลปินมากเลย

สมัยผมเรียนศิลปะผมรู้สึกว่าพวกเขาเป็นเทพ เป็นคนเหนือโลก



พอเวลาผ่านไป ผมก็รู้สึกว่าพวกศิลปินน่าสนใจน้อยลงเรื่อยๆ

แต่กลับรู้สึกว่าคนธรรมดาน่าสนใจกวง่าเยอะเลย



- การศึกษาไทยพยายามสอนให้เรารู้จักทุกอย่าง



ยกเว้นรู้จักตัวเอง



ทั้งๆที่จริงๆ หัวใจของการศึกษา คือสอนให้เรา รู้จักตัวเอง



- คนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำทุกอย่างหรอก คนทุกคนไม่ได้วิ่งเข้าเส้นชัยตลอดเวลา

บางครั้งควรจะยืนอยู่ข้างสนามแล้วคอยปรบมือให้เขาบ้าง



***************************************************


หากข้าพเจ้าพิมพ์ผิดพลาดประการใด ข้าพเจ้าขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดีัยวนะครับ

คิืดว่า บทสัมภาษณ์ ของพี่ โน๊ส อุดม แต้พานิช น่าจะให้อะไรกับท่านผู้อ่านบ้าง

ไม่มาก ก็น้อยครับ



Have a nice day ครับ



Create Date : 09 ตุลาคม 2554
Last Update : 9 ตุลาคม 2554 14:35:07 น.
Counter : 1783 Pageviews.

0 comment
ที่มาของคำว่า วิกฤต
นำมาจากหนังสือ "30 วัน" หน้า 48 ของ คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา ครับ ^^

ในภาษาจีน คำว่า วิกฤต เป็นคำผสมระหว่างคำว่า โอกาส และคำว่า อุปสรรค

แต่คนทั่วไปมักมองเห็นแต่ อุปสรรค กระทั่งได้อยู่ร่วมกับวิกฤต จนเริ่มคุ้นชิน เหมือนตาปรับให้เข้ากับความมืดได้แล้วจึงเริ่มมองเห็นโอกาสใหม่ๆ



Create Date : 22 สิงหาคม 2554
Last Update : 22 สิงหาคม 2554 9:59:17 น.
Counter : 357 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  

noooon010
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]



สวัสดีครับผม ^^

slumdog millioanaire สุดยอดจริงๆครับ

คนทุกคน มีค่าเท่าๆกัน
คนที่ดูถูกคนอื่นเท่านั้น ที่เป็นการดูถูกตัวของคุณเอง

มาสร้างสิ่งดีๆให้โลกนี้กันดีกว่าครับ
Friends Blog
[Add noooon010's blog to your weblog]