ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

Fail เขาจัดเต็มภาค 43

21


fixed


06


06


12




 

Create Date : 18 มกราคม 2555   
Last Update : 18 มกราคม 2555 22:45:48 น.   
Counter : 1255 Pageviews.  

10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวของจีน ที่ไม่ควรพลาด!

     "ตรุษจีน" เทศกาล "ไหว้ จ่าย เที่ยว" มาเลี้ยวๆ อยากมีเอี่ยวแกะซอง "อั่งเปา" อย่างชาวจีนเขาบ้าง "แต๊ะเอีย" ใครหนัก ก็จัดหนักกันไป อยากอิน"ตรุษจีน" ไกลถึงประเทศบ้านเกิด ก็ไม่ควรพลาดสถานที่ 10 แห่งนี้






1. The Forbidden City





The Forbidden City





The Forbidden City





         "The Forbidden City"หรือนครต้องห้าม ตั้งอยู่ใจกลางของกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน และอยู่ทางตอนเหนือของจตุรัสเทียนอันเหมิน พระราชวังแห่งนี้ เป็นเขตหวงห้ามไม่ไห้ประชาชนเข้า แม้แต่ข้าราชการชั้นสูง ยังต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษ จึงเรียกพระราชวังนี้ว่า"พระราชวังต้องห้าม"
จักรพรรดิจะทรงประทับอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ กั้นพระองค์จากโลกภายนอก
โดยมีสนมกำนัล ขันที และข้าหลวงรับใช้
ซึ่งคนเหล่านี้ต้องอาศัยอยู่ในนครต้องห้ามตลอดชีวิต





2. The Great Wall





The Great Wall





The Great Wall





         "The Great Wall" หรือ ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ"กำแพงเมืองจีน" บ้างก็เรียกว่า"กำแพงหมื่นลี้" เพราะมีความยาวถึง 6,350 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนสร้างเมื่อกว่า 2,500 ปีมาแล้ว ตั้งแต่ก่อนสมัยของจิ๋นซีฮ่องเต้
จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีน
จุดประสงค์ก็เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางตอนเหนือ
โดยมีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยฮ่องเต้องค์ต่อมาอีกหลายพระองค์
จนสำเร็จในที่สุด และนับเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางด้วย





3. The Terracotta Warriors





The Terracotta Warriors





The Terracotta Warriors





         "The Terracotta Warriors" หรือ "สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้" สุสานของจอมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉิน เป็นสุสานที่เต็มไปด้วยหุ่นดินเผาของทหารและม้านับหมื่น เล่ากันว่า“จิ๋นซีฮ่องเต้”
มีพระบัญชาให้สร้างมหาสุสานเพื่อเป็นที่พักผ่อนชั่วนิรันดร์
โดยใช้ช่างฝีมือและคนงานกว่าเจ็ดแสนคนปั้นหุ่นทหารจากแบบที่เป็นคนจริง
เมื่อปั้นเสร็จคนที่เป็นแบบจะถูกสังหารให้วิญญาณมาสถิตในหุ่นเพื่อพิทักษ์
สุสาน ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครพบที่ฝังพระศพของจิ๋นซีฮ่องเต้ และที่นี่ก็กลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ตะลึงกันทั่วโลก





4. Karst Mountains in Yangshuo





Karst Mountains in Yangshuo





Karst Mountains in Yangshuo





         "Karst Mountains" ในเมืองหยางโจว เป็นภูเขาที่สวยงามและมีชื่อเสียงมาก ตั้งอยู่ที่มณฑลกวางซีซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ทิวทัศน์ที่สวยที่สุดของที่นี่คือการมองจากหยางโจว เขตเทศบาลเล็กๆ บริเวณชานเมือง"กุ้ยหลิน" ซึ่งเป็นเมืองเอกของมณฑลกวางซี





5. Hangzhou - Paradise on Earth





Hangzhou - Paradise on Earth





Hangzhou - Paradise on Earth





         "หางโจว" (Hangzhou) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน เป็นสวรรค์บนดินที่ล้อมรอบด้วย"ทะเลสาบซีหู" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด





6. Jiuzhaigou





Jiuzhaigou





Jiuzhaigou





          หุบเขา"จิ่วจ้ายโกว" (Jiuzhaigou) เป็นพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน
มีทะเลสาบที่สวยมหัศจรรย์เหลือจะบรรยาย ยิ่งในฤดูใบไม้ร่วง
สีเหลืองของใบไม้สะท้อนผ่านสีเขียวของผืนน้ำ เกิดเป็นภาพที่สะกดทุกสายตา
จนในปี พ.ศ. 2535 องค์การยูเนสโกได้ประกาศพื้นที่นี้ให้เป็นมรดกโลก และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540





7. Potala Palace, Lhasa





Potala Palace, Lhasa





Potala Palace, Lhasa





         "พระราชวังโปตาลา" ตั้งอยู่ที่กรุงลาซา เขตปกครองตนเองทิเบต ประเทศจีน ปราสาทนี้ถูกสร้างในลักษณะของวังซ้อนวัง พระราชวังวงนอกเรียกว่า วังขาว เพราะทาสีขาว สร้างเสร็จ ปี ค.ศ. 1648 พระราชวังชั้นในเรียกว่าวังแดง ได้ชื่อตามผนังที่ทาสีแดง สร้างที่หลังวังขาวเกือบ 50 ปี ปัจจุบันพระราชวังโปตาลากลาย
เป็นพิพิธภัณฑ์และสถานสักการะ ภายในวังขาว มีสำนักงาน โรงเรียนศาสนา
ส่วนวังแดงเป็นส่วนที่ยังใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ เป็นศูนย์รวมใจของโปตาลา





8. The Bund, Shanghai





The Bund, Shanghai





The Bund, Shanghai





         "The Bund" (The Bund เป็นภาษาเยอรมันหมายถึงจุดนัดพบ) หรือที่ชาวจีนเรียกกันว่า "Waitan" (ไว่ทัน) คือพื้นที่ที่อยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำHuangpu ทิวทัศน์ที่น่าสนใจบริเวณนี้ก็คือเหล่าตึกที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในยุคศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น  "An International Exhibition of Architecture" หรือนิทรรศการแสดงสถาปัตยกรรมนานาชาติ





9. Giant Pandas and Chengdu





Giant Pandas and Chengdu





Giant Pandas and Chengdu





          อยากชิมอาหารพื้นเมืองอันมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ไม่ควรพลาด"เฉิงตู" หนึ่งในเมืองสวยงามและเป็นแหล่งที่รวมอาหารเด็ดที่สุดในซีอาน พร้อมสัมผัสแพนด้ายักษ์อย่างใกล้ชิดที่สถาบันวิจัยการผสมพันธุ์สัตว์





10. Modernity in Hong Kong





Modernity in Hong Kong





Modernity in Hong Kong





          "ความล้ำสมัยที่สุดของจีนสัมผัสได้จากฮ่องกง" เชื่อกันว่าหากอยากเห็นภาพตระการตาและไฮเทคของบ้านเมืองพี่จีน ให้ข้ามไปที่เกาะเกาลูน ฝั่งฮ่องกงแล้วมองกลับมา และภาพนั้นจะปรากฏอยู่ตรงหน้า





-------------------------------------------------





10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวของจีน ที่ไม่ควรพลาด!


ที่มา : //gochina.about.com




 

Create Date : 17 มกราคม 2555   
Last Update : 17 มกราคม 2555 21:38:10 น.   
Counter : 1680 Pageviews.  

The Veggie Story 555 ผักนะ..จุ๊บจุ๊บ Behind the scene




 

Create Date : 16 มกราคม 2555   
Last Update : 16 มกราคม 2555 21:50:53 น.   
Counter : 1381 Pageviews.  

ไต่ 1,864 โค้งไปชมบัวตองบาน

ในช่วงสุดสัปดาห์หรือเทศกาลปีใหม่ใครที่
ชอบท่องเที่ยวและนิยมการถ่ายภาพจะรู้ว่านี่คือช่วงเวลาที่ดอกไม้ประจำถิ่น
แม่ฮ่องสอนอย่างดอกบัวตองจะแตกกลีบดอกสะพรั่งบานเต็มที่ทำให้ยอดดอยที่เคย
เขียวเข้มในฤดูฝนกลายเป็นสีทองอร่ามท่ามกลางลมหนาวพัดโบยชวนสะท้าน




ทริปสั้นๆกับบัวตองบาน



เดี๋ยวนี้การเดินทางสะดวกสบายนักไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินหรือรถทัวร์คุณก็
สามารถขึ้นดอยไปสัมผัสอากาศหนาวพร้อมชื่นชมดอกบัวตองบานได้แค่มีวันหยุด
สัก2-3
วันเท่านั้นและเหตุที่เราไม่อยากให้คุณพลาดก็เพราะดอกบัวตองเป็นดอกไม้ป่า
ที่มีถิ่นกำเนิดจากทวีปอเมริกากลางชื่นชอบอากาศหนาวในที่สูงเป็นพิเศษจึงจะ
บานแค่ปีละครั้งเท่านั้นยิ่งปีนี้ภาคเหนือร้างฝนไปนานแล้วดอกบัวตองจึงบาน
อวดกลีบสีเหลืองสว่างไสวกันเต็มที่ว่ากันว่าสวยงามกว่าทุกปีเชียวล่ะโดยทุ่ง
บัวตองบนดอยแม่อูคอแห่งนี้กินพื้นที่ขนาดใหญ่และสวยงามที่สุดในประเทศไทย
ด้วยสำหรับเส้นทางขึ้นดอยแม่อูคอซึ่งอยู่ที่ความสูง 1,600
เมตรจากระดับน้ำทะเล ในเขตอำเภอขุนยวมนั้น เราต้องผ่านโค้งแล้วโค้งเล่ารวม
1,864 โค้ง (ตามตัวเลขที่ทางการระบุไว้) งานนี้ถ้าใครขี้เมา (รถ)
คงไม่ค่อยสบายนัก แต่ทันทีที่ถึงตีนดอยได้พักสูดอากาศดีๆ สักหน่อย
เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวคุณก็จะพร้อมขึ้นพิชิตยอดดอยแน่ๆ




โดยจุดชมวิวทุ่งบัวตองมีสองจุดใหญ่ๆ สำหรับไฮไลต์จะอยู่เหนือสุดของดอย
ถ้าเหนื่อยก็แวะพักที่ศาลาพร้อมชมการแสดงพื้นบ้านไปด้วย
หายเหนื่อยค่อยเดินขึ้นต่อให้ถึงจุดสูงสุด
แล้วคุณจะได้เห็นทุ่งบัวตองเต็มตาเหมือนเรา
หากต้องการพักแรมรับลมหนาวบนดอยก็มีบริเวณให้กางเต็นท์ได้
ขากลับลงดอยยังมีจุดแวะให้ซื้อของฝาก หรือจ่ายเงิน 5-10
บาทเข้าไปแชะภาพกลางไร่ไม้ดอกเมืองหนาวที่ชาวดอยปลูกไว้ด้านหลัง
ก็จะเพิ่มรูปสวยๆ ไว้กลับไปอวดใครๆ อีกด้วย



เถลไถลไปเข้าถ้ำ ชมน้ำตก



ทริปนี้เรายังมีเวลาเหลือเลยแวะไปเที่ยวตามจุดต่างๆ
ซึ่งเดินทางไม่ไกลนักจากทุ่งบัวตอง
และบางแห่งอาจอยู่ในเส้นทางกลับตัวเมืองเชียงใหม่ด้วย เช่นที่ น้ำตกแม่อูคอ อยู่ก่อนถึงทุ่งบัวตองเล็กน้อย เป็นน้ำตกชั้นเดียวที่สามารถเดินชมม่านน้ำตกได้อย่างใกล้ชิด ไปไกลอีกหน่อยเป็นที่ตั้งของ น้ำตกแม่สุรินทร์ ด้วยความสูงของสายน้ำกว่า 100 เมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นน้ำตกสายเดี่ยวที่สูงที่สุดของภาคเหนือ


วนอุทยานแก้วโกมล
อยู่ในเขตอำเภอแม่ลาน้อย
ความน่ามหัศจรรย์อยู่ที่ภายในถ้ำซึ่งมีความลึกประมาณ 30 เมตร
ล้วนเต็มไปด้วยผลึกแร่แคลไซต์ แบ่งการชมออกเป็น 5 ห้อง
แต่ละห้องสวยงามต่างกัน บางห้องมีผลึกเหมือนเกร็ดน้ำตาลเนื้อโปร่งแสง
บางห้องคล้ายปะการัง ขณะที่บางห้องจับตัวกันคล้ายผ้าม่าน
แต่ที่สวยสุดเป็นผลึกละเอียดสีขาวเหมือนเส้นใยบางๆ คล้ายเกล็ดน้ำแข็ง
และที่แน่ๆ ภายในถ้ำคับแคบ ทางบันไดชัน แถมมีอากาศน้อยและอุณหภูมิร้อน 34
องศาเซลเซียส จึงเปิดให้เข้าชมเป็นรอบๆ ละ 20 นาที และจำกัดผู้ชม 20
คนต่อรอบเท่านั้น




จุดหมายสุดท้ายก่อนมุ่งหน้าเข้าตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อกลับบ้าน เราแวะที่ อุทยานแห่งชาติออบหลวง อยู่
ระหว่างอำเภอฮอดและอำเภอจอมทอง
เพื่อชมช่องแคบเขาขาดที่มีลำน้ำแจ่มแทรกตัวอยู่ตรงกลาง
ว่ากันว่าเป็นผลมาจากการที่ผาหินถูกกัดเซาะจนกลายเป็นหน้าผาสูงร่วม 32 เมตร
ขณะที่ด้านข้างลำน้ำเป็นลานหินและโตรกผาดูแปลกตา
ก็เกิดคำถามในใจติดกลับบ้านว่าทำไมหินสูงใหญ่ขนาดนี้ถึงยอมให้ลำน้ำเซาะผ่าน
จนแตกทะลุได้อย่างไรหนอ


ใครขึ้นดอยอูคอดูทุ่งบัวตองล่ะก็ อย่าลืมแวะไปออบหลวงแล้วหาคำตอบมาบอกกันบ้างนะจ๊ะ...


Fast Fact
* การเดินทาง
จากตัวเมืองเชียงใหม่ใช้ทางหลวง 108 ไปหางดงมุ่งหน้าสู่ขุนยวม แม่ฮ่องสอน
เส้นทางนี้คดเคี้ยวแต่วิวสวย แล้วต่อด้วยเส้นทาง 1263 ไปอีก 26
กิโลเมตรก็จะถึงทางขึ้นดอยอูคอเพื่อชมทุ่งบัวตอง
หรือจากเชียงใหม่ใช้เส้นทาง 1095 (แม่มาลัย-ปาย) เข้าแม่ฮ่องสอน
เส้นทางนี้คดเคี้ยวมากกว่า แต่ใกล้กว่ากันเยอะ
* สิ่งที่ต้องเตรียม ก่อนขึ้นดอยชมทุ่งบัวตองควรติดเสื้อกันหนาว หมวกกันแดด แว่นตา และครีมทาผิวไปด้วย
* สอบถามข้อมูลที่พักและการท่องเที่ยว บน
ทุ่งบัวตอง ติดต่ออำเภอขุนยวม โทร. 053-691-108
สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอขุนยวม โทร. 053-691-132 และ ททท.
สำนักงานแม่ฮ่องสอน โทร. 053-612-982-3




 

Create Date : 16 มกราคม 2555   
Last Update : 16 มกราคม 2555 21:50:20 น.   
Counter : 1453 Pageviews.  

สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า


สูตรลึกลับของเครื่องดื่ม โคคา-โคล่า





 





นำข้อมูลมาจาก //www.artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=5693 ครับ

        
บริษัท ทรัสต์ คอมพานี แห่งรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐฯ
เป็นที่เก็บสูตรลับของเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่งที่
มีชื่อว่า โคคา-โคล่า หรือคนทั่วไปเรียกว่า โค้ก
สูตรลับนี้มีผู้ที่สามารถเปิดดูได้เพียงคนเดียวเท่านั้นคือผู้อำนวยการบริ
ษัท









        
ถึงแม้จะมีผู้จัดจำหน่ายอยู่หลายแห่งทั่วโลก
แต่ไม่มีสักรายที่ล่วงรู้ส่วนผสมที่แท้จริง
เพราะบริษัทจะจัดส่งหัวเชื้อซึ่งเป็นน้ำเชื่อมและส่วนผสมอื่นๆ
ให้ผู้แทนจำหน่ายไปผสมกับน้ำโซดา
แม้กระทั่งรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถล่วงรู้สูตรลับของโคคา-โคล่า ได้

         ปี ค.ศ.1983 นักเขียนอเมริกัน วิลเลียม พาวน์สโตน ตีพิมพ์ผลงานที่มีความยากลำบากในการค้นคว้าชื่อว่า
Top Secret เขาบอกว่า ส่วนผสมหลักของโค้ก บริษัทจะกำหนดเป็นส่วนผสมหมายเลข 1-9 และเรียกว่าเป็นสินค้านั้น มีดังนี้คือ


1.น้ำตาล
 2.น้ำตาลไหม้  3.กาเฟอีน(ไร้กาเฟอีน)  4.กรดฟอสฟอริก
 5.สารสกัดจากใบโคคา(สกัดเอาโคเคนออกแล้ว)
และสารสกัดจากเมล็ดโคลาปริมาณเล็กน้อย  6.กรดน้ำส้ม และโซเดียมไซเทรต
 7X.มะนาวฝรั่ง ส้ม มะนาว แคสเซีย(cassia คืออบเชยชนิดหนึ่ง)
น้ำมันลูกจันทร์เทศ และสารอื่นๆ  8.กลีเซอรีน  9.วานิลลา







         การวิเคราะห์สารเคมีทำให้รู้ส่วนผสมบางอย่าง แต่ส่วนที่ค้นพบยากที่สุดคือส่วนที่เป็นหัวน้ำมันหอมระเหยใน สินค้าหมายเลย 7X
(ไม่มีคำอธิบายความหมายของ X)
การนำเอาหัวเชื้อเหล่านี้มาผสมกันใช่ว่าจะได้กลิ่นและรสชาติตามสูตรของโค
คา-โคล่า เพราะน้ำมันเหล่านี้จะทำปฏิกิริยากันเกิดเป็นกลิ่นและรสชาติอื่นๆ
ได้อีก ก
ารที่จะลอกเลียนแบบต้องรู้ส่วนผสมและสัดส่วนที่แท้จริง ซึ่งยากในการวิเคราะห์ ด้วยเหตุนี้ส่วนผสมก็ยังคงเป็นความลับสุดยอดของโคคา-โคล่า จนถึงทุกวันนี้





John Stith Pemberton


         เครื่องดื่มที่ติดปากของคนทั่วโลก ดร.จอห์น เอส เพมเบอร์ตัน (John Stith Pemberton)
ซึ่งเป็นผู้คิดค้นสูตรดั้งเดิมของโคคา-โคล่า เขาเป็นเภสัชกรที่แอตแลนตา
จอร์เจีย ในปี ค.ศ.1885
เขานำเอาเครื่องดื่มที่ผสมเหล้าองุ่นแดงมาดัดแปลโดยผสมใบโคคาลงไปด้วย
ซึ่งโคคามีสารกระตุ้นประสาทที่เรียกว่าโคเคน แต่กลับขายไม่ดี
เขาจึงปรับปรุงสูตรอีกโดยเอาลูกโคลามาแทนเหล้าองุ่นแดง
ซึ่งโคลานี้เป็นโคลาพันธุ์แอฟริกา มีสารประตุ้นประสาทที่เรียกว่า กาเฟอีน
เขาได้เติมน้ำตาลและแต่งกลิ่นไม่ให้ขม







Asa Griggs Candler


        
สัญลักษณ์โคคา-โคล่า เป็นการออกแบบของหุ้นส่วนที่ชื่อว่า แฟรงค์ เอ็ม
โรบินสัน (Frank Mason Robertson) เมื่อปี 1887 เพมเบอร์ตันขายสูตรนี้ให้
วิลลิส อี
 เวเนเบิล และ จอร์จ เอส ลอนเดส และอีก 5
เดือนต่อมาก็ขายต่อให้ วูลโฟล์ค วอล์เคอร์ และ เอ็ม ซี โดเซียร์
และต่อมาอีก 1 ปี ก็ขายให้ เอซา จี แคนด์เลอร์ (Asa Griggs Candler)
ซึ่งเพมเบอร์ตันก็ถึงแก่กรรมในปีนั้น


        
แคนด์เลอร์ได้ผสมส่วนผสมนี้กับน้ำโซดา
และคิดว่าต้องเป็นเครื่องดื่มที่คนนิยมอย่างมาก
จึงได้เก็บสูตรนี้ไว้เป็นความลับ แคนด์เลอร์ได้ปรับปรุงสูตรใหม่อีก
และรับแฟรงค์ เอ็ม โรบินสัน เข้าเป็นหุ้นส่วน
และได้ก่อตั้งบริษัทโคคา-โคล่า ในปี 1892 จนถึงปี 1903 ก็มีเพียง 2
คนเท่านั้นที่รู้สูตรของเครื่องดื่มชนิดนี้
และมีสิทธิ์ในการผสมน้ำเชื่อมในห้องลับ


         เขา
ได้แกะฉลากส่วนผสมต่างๆ
ออกและชำระเงินด้วยตัวเองเพื่อไม่ให้ฝ่ายบัญชีรู้ว่าซื้อส่วนผสมอะไรมา
เมื่อบริษัทเติบโตขึ้น เขาทั้งสองคนไม่สามารถผสมส่วนผสมต่างๆ
ได้ด้วยตัวเองอีก เขาจึงกำหนดหมายเลข 1-9 เพื่อใช้เรียกชื่อส่วนผสม
ผู้จัดการสาขาจะรู้เพียงสัดส่วนและวิธีผสมเท่านั้น


        
เมื่อปี 1909 รัฐบาลสหรัฐฯ ยื่นฟ้องบริษัทว่าใช้ส่วนผสมที่มีโคคาอยู่ด้วย
ซึ่งอาจจะมีโคเคนผสมอยู่ คดียืดเยื้อกว่า 10 ปี
แต่ก็ไม่มีใครสามารถยืนยันได้ว่าในส่วนผสมพบโคเคนอยู่ในสารสกัดโคคาหรือโคลา
แม้แต่น้อยนิด

วิลเลียม พาวน์สโตน กล่าวในหนังสือ Top Secret
ว่า ในโคคา-โคล่า มีส่วนผสม โคคา หรือ โคลา เพียงนิดเดียว
ซึ่งไม่มีผลต่อรสชาติสักเท่าใด

ในสงครามโลกครั้งที่ 2
กองกำลังฝ่ายพันธมิตรในแอฟริกาได้สั่งซื้อโคคา-โคล่า จำนวนถึง 3 ล้านขวด
ส่วนโคคา-โคล่าที่เป็นกระป๋องเพิ่งมีในปี 1955









 

Create Date : 13 มกราคม 2555   
Last Update : 13 มกราคม 2555 20:24:22 น.   
Counter : 1760 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]