ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ขนมสายรุ้ง สีสัน น่ารับประทาน


//board.postjung.com/620702.html




 

Create Date : 21 มิถุนายน 2555   
Last Update : 21 มิถุนายน 2555 20:10:16 น.   
Counter : 1815 Pageviews.  

5 อันดับ แฟรนไชส์อาหารน่าลงทุน

5 อันดับ แฟรนไชส์อาหารน่าลงทุน

Sanook Money รวบรวม แฟรนไชส์ 5 อันดับที่น่าสนใจลงทุน

สำหรับคนที่อยากทำธุรกิจส่วนตัว แต่มีเงินทุนน้อย

เพื่อเป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากหาเงินเพิ่มในกระเป๋า




1.ขนมครกปริญญา

ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่าแฟรนไชส์ ประมาณ 3,900 บาท

ร้านขนมครกปริญญา หลายคนอาจจะคุ้นตากันอยู่แล้ว ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นขนมครกของคนเรียนจบปริญญาโทจากเมืองนอก ต้นตำรับกว่า 25 ปี

ธุรกิจนี้เหมาะกับการขายยามเช้า แหล่งชุมชน แหล่งออฟฟิศ น่าจะเป็นอีกธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

2.ไก่ย่าง 5 ดาว

ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่าแฟรนไชส์ ประมาณ 3,000 บาท

ทุกคนคงรู้จักกันดีอยู่แล้วกับ "ไก่ย่าง 5 ดาว" ซึ่งเป็นอีกแฟรนไชส์ที่มีคนนิยมลงทุนกันมาก

และจะเน้นเปิดกิจการตามหัวเมืองใหญ่ๆ แหล่งชุมชน และเป็นแฟรนไชส์ที่น่าเชื่อถืออีกด้วย

3.กู๊ดมอร์นิ่ง ฟาร์มเฮ้าส์

ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่าแฟรนไชส์ ประมาณ 7,000 บาท

หลายคนอาจจะเคยเห้นรถเข็นของขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ในยามเช้า ที่จะมีแซนด์วิชหลากหลายรูปแบบ อีกกิจการที่ไม่ต้องลงทุนสูง และคืนกำไรได้ในช่วงเวลาสั้นๆ

4.ลูกชิ้นหมู ปู-เด๋อ

ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่าแฟรนไชส์ ประมาณ 4,300 บาท

อาชีพนี้ อาจจะเป็นช่องทางหาเงินเพิ่มหลังเลิกงานของคุณก็ได้ กับธุรกิจขายลูกชิ้น เน้นกลุ่มเป้าหมายพนักงานออฟฟิศ ย่านชุมชน รับรองธุรกิจนี้สร้างรายได้เข้ากระเป๋าคุณอย่างแน่นอน


5.หมูสะเต๊ะชาววัง

ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนค่าแฟรนไชส์ ประมาณ 6,000 บาท

"หมูสะเต๊ะ" อาหารอีกชนิดที่กินแล้วไม่เบื่อ สำหรับแฟรนไชส์นี้ มีต้นตำรับกว่า 10 ปี

ธุรกิจนี้เหมาะที่จะลงทุนตามตลาดนัด ย่านชุมชน หรือกระทั่งในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ก็เพิ่มรายได้ให้คุณไม่น้อย




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2555   
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 20:27:29 น.   
Counter : 3681 Pageviews.  

10 อันดับสุนัขทำเงิน

10 อันดับสุนัขทำเงิน จะเป็นสุนัขพันธุ์ไหนบ้างลองมาดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ


10. ชิ วา วา (พันธุ์ขนเรียบ),(Chihuahua smooth coat)สุนัขในกลุ่ม Toy Group

ยังคงครองอันดับ 10 อย่างอยู่ตัว ตั้งแต่ ปี 2545 เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนาดพกพา ตาโต ถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโก อดีตเป็นสัตว์ที่เป็นอาหารและถูกบูชายัญ มีสองสายพันธุ์คือ พันธุ์ขนเรียบและพันธุ์ขนยาว ชิ วา วา มีความสูงไม่เกิน 5 นิ้ว มีน้ำหนักเฉลี่ย 0.9 - 2.7 กิโลกรัม จัดว่าเป็นสุนัขพันธุ์ที่เล็กที่สุดในโลก มีทั้งสีขาว สีน้ำตาลอ่อน สีทราย สีดำ อาจมีสีเดียวอย่างแดงน้ำตาล ทอง หรือสลับขาวน้ำตาล หัว หน้าผากต้องกลมโค้งเป็นรูปแอปเปิ้ล หูตั้ง ปากสั้นแหลม ขนสั้น ถ้าเป็นพันธุ์ขนยาวจะไม่หยิกม้วน สุนัขพันธุ์นี้หลายคนต่างหลงใหลเพราะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ มีเสน่ห์ ขี้ประจบ เป็นสุนัขเฝ้าระวัง เตือนภัยได้ดี เหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก แต่ไม่ชอบอากาศเย็น ราคาจำหน่าย ทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,000-10,000 บาท ระดับประกวด ราคา 10,000 บาท ขึ้นไป




9. บีเกิ้ล (Beagle)สุนัขในกลุ่ม Hound Group

สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลงด้านล้่ง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บีเกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม

แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท



8. ยอร์กไชร์เทอร์เรีย(Yorkshire Terrier)สุนัขในกลุ่ม Toy Group

สุนัขตัวน้อย ขนยาว เส้นบาง มันวาวสลวย มีถิ่นกำเนิดในประเทศอังกฤษ ถือว่าเป็นสุนัขสวยงามมาก เป็นสัตว์เลี้ยงที่มีชีวิตชีวา รักเจ้าของ ขี้ประจบ สามารถปรับตัวให้เข้ากับชีวิตสังคมเล็กๆ เช่นในอพาร์ตเม้นต์ได้ดี ลักษณะทั่วไป สี มี 2 สีบนตัว สีน้ำตาลทองจะมีอยู่บนใบหน้า อก ท้อง และบริเวณปลายเท้า เส้นขนจะมีสีดำน้ำเงินที่โคนไล่ลงมาถึงตอนกลาง

และจะมีสีน้ำตาลทองที่ส่วนปลายหัว ขนข้างจะมีขนาดเล็ก และเรียบไม่นูนกลม ปากแหลมยาวสมส่วน จมูกจะมีสีดำสนิท หูตั้งเป็นรูปตัววี มีขนสั้นๆ สีทองปกคลุม ขนยาวตรงปกคลุมทั้งตัว เท้าค่อนข้างกลมมีเล็บเท้าสีดำ ขาหน้าจะเหยียดตรง ขาหลังมองจากด้านข้างจะโค้งลงที่เข่าเล็กน้อย หางตัดสั้น สุนัขพันธุ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องดูแลเรื่องขนเป็นพิเศษ เป็นสุนัขที่ให้ลูกยาก ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000 - 20,000 บาท มากกว่านั้นเป็นสุนัขในระดับประกวด



7. บูลล์ด็อก (Bulldog) สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group

เห็นรูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ

ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป




6. ร็อตต์ไวเลอร์ (Rottweller)สุนัขในกลุ่ม Working Group

สุนัขพันธุ์นี้มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี มีสีดำ มีแต้มด่างสีน้ำตาลเด่นชัด บริเวณขอบตา ปาก หน้าอก ขาท่อนล่าง และใต้ฐานของหาง ขนสั้น เป็นสุนัขที่มีกล้ามเนื้อชัดเจน ดูสมส่วน ใบหูปรก นิยมตัดหางให้สั้น สุนัขพันธุ์ร็อตต์ไวเลอร์ ที่ตกเป็นข่าวบ่อยครั้งด้วยความดุร้าย ซึ่งอาจเป็นเรื่องที่มาจากสัญชาตญาณสัตว์ที่ต้องเอาตัวรอดตั้งแต่อดีต มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฐานะสุนัขนักล่าและสุนัขเฝ้ายาม

แต่ร็อตต์ไวเลอร์ในปัจจุบันได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์จนได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่มีความฉลาด ชอบการสัมผัสอย่างทะนุถนอม และสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว หากได้รับการฝึกฝนที่ดี จะเป็นสุนัขที่เชื่อฟังคำสั่ง ใจเย็น เป็นทั้งเพื่อนและยามที่ดีของครอบครัว ด้วยลักษณะภายนอก ความแข็งแรง ความฉลาดของสุนัขพันธุ์นี้ เหมาะสำหรับผู้เลี้ยงปศุสัตว์ เพราะมีพื้นที่ให้สุนัขออกกำลังกายได้มากกว่า แต่ก่อนเลือกซื้อ ผู้เลี้ยงควรตัดสินใจให้รอบคอบก่อนว่าเหมาะกับตนหรือไม่ ศึกษาสายพันธุ์ที่ดีเพราะอาจกลายเป็นสุนัขที่ก้าวร้าวเกินควบคุม ราคาจำหน่ายลูกสุนัข ระดับประกวด 10,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 4,000-10,000 บาท




5. ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group

สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก

จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป




4. ปั๊ก (Pug) จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group

สุนัขพันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ

ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศเนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป




3. ชิสุ (Shih Tsu)สุนัขในกลุ่ม Toy Group

ชิสุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง

ลักษณะของชิสุที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้สัดส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน

แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท



2 . โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ (Golden Retriever)

สุนัขในกลุ่ม Sporting Group โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มามากกว่า 200 ปี ในอเมริกา เป็นสุนัขขนาดกลาง ตัวผู้สูงราว 23-24 นิ้ว หนักประมาณ 64-70 ปอนด์ ตัวเมีย สูง 21-23 นิ้ว น้ำหนัก 60-70 ปอนด์ มีสีหลายระดับสี มักจะเป็นสีออกครีมถึงสีเหลืองทอง จนถึงกึ่งเข้มแดงมะฮอกกานี เป็นสุนัขที่มีลักษณะหัวกว้าง และมีช่วงปากที่แข็งแรง ตาสีน้ำตาล หูค่อนข้างใหญ่เป็นรูปสามเหลี่ยม ปรกลงมาด้านข้าง มีขน 2 แบบ คือเรียบกับเป็นลอน ขาหน้าตรงแข็งแรง เท้ากลมคล้ายเท้าแมว ลักษณะหางชี้ตรงระดับเดียวกับหลัง ขนบริเวณหางจะยาวและหนา นอกจากความสวยของขนที่มันวาว สวยงาม ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับความนิยมมาก

โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ยังได้รับสมญานามว่า "หมาใจดี" บ่อยครั้งที่ภาพความผูกพันระหว่างเจ้าตูบโกลเด้น กับเด็กๆ มักมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง นั่นเพราะมีลักษณะนิสัยเป็นมิตร และสุภาพเป็นเลิศ ใจดี ซื่อสัตย์ มีความสามารถพิเศษในการจดจำ ง่ายต่อการฝึกฝน กระฉับกระเฉง และคาบสิ่งของได้ดี ในอดีตจึงมักใช้งานเพื่อหานกที่ถูกยิงตกนำมาให้เจ้าของ โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เคยเป็นสุนัขยอดนิยม มีผู้เข้าขอจดทะเบียนมากเป็นอันดับ 1 ในปีก่อน แต่ปีล่าสุดนี้กลับถูกสุนัขพันธุ์เล็กแซงหน้าไปเสียแล้ว ราคาจำหน่ายปัจจุบัน สุนัขระดับประกวด ประมาณ 15,000 บาท ขึ้นไป สุนัขเลี้ยงเล่น 6,000 - 15,000 บาท ระดับทั่วไป หรือสุนัขบ้าน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท



1. ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)

สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอมเมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง

นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก Toptenthailand




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2555   
Last Update : 20 มิถุนายน 2555 20:24:51 น.   
Counter : 2067 Pageviews.  

5 ประเทศ ที่คุณอาจไม่อยากไปเยือนในวันข้างหน้า

โลกเราในปัจจุบัน มีประเทศมากมายรอให้คุณได้ไปเที่ยวชม สัมผัสวัฒนธรรม และความงดงามของประเทศนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม อาจมีบางประเทศที่คุณไม่อยากไปเช่นกัน สาเหตุสำคัญอาจเป็นเพราะปัญหาทั้งการเมืองภายในและภายนอกที่ประเทศเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่ ประกอบกับการขอวีซ่าเข้าประเทศที่แสนจะยากเย็นเหลือเกิน หรือการถูกบอยคอตจากประเทศมหาอำนาจ ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากไปเที่ยวชมประเทศเหล่านั้น ทั้งนี้ เว็บไซต์ buzzfeed.com ได้ทำการจัดอันดับ 5 ประเทศที่ที่คุณอาจไม่อยากไปเยือนในวันข้างหน้า ...จะเป็นเพราะอะไร มาดูกัน



1. แองโกลา

          แองโกลา เป็นหนึ่งในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ในแอฟริกา แต่กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก กำลังประสบปัญหาจากผลกระทบของสงครามต่อสู้เพื่ออิสรภาพที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 27 ปี ได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินอย่างมหาศาล และก็ไม่ง่ายนัก หากคุณต้องการไปท่องเที่ยวแองโกลา ด้วยขั้นตอนและเอกสารหลักฐานการเข้าประเทศที่ค่อนข้างจะเยอะและยุ่งยาก เช่น วีซ่าที่ต้องใช้เวลาขอนานถึง 3 เดือน และหากคุณต้องการขอวีซ่าและใบอนุญาตเข้าประเทศ คุณต้องผ่านการตรวจสุขภาพและได้รับการยืนยันว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลืองแล้ว 

          นอกจากนี้ การไปเยือนแองโกลา ยังต้องมีจดหมายรับรอง 2 ฉบับจากประเทศนั้น ๆ ส่งไปยังประเทศแองโกลา พร้อมแบงค์ สเตทเมนต์ หรือรายการเงินเข้าออกแต่ละเดือนของบัญชีเพื่อเป็นการยืนยันว่า คุณมีเงินทุนเพียงพอ อย่างน้อย 100 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3,000 บาท ต่อวัน 


2. อิหร่าน

          อิหร่าน นับเป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นดินแดนแห่งอารยธรรมอันเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ได้กลายเป็นสาธารณรัฐอิสลามในปี ค.ศ. 1979 อย่างไรก็ดี ในปี ค.ศ. 2002 อดีตประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ของสหรัฐฯ โจมตีว่าอิหร่านเป็นแกนนำประเทศกลุ่มต่อต้าน เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่า รัฐบาลอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อยู่ ทำให้ทั้งสองประเทศปฎิเสธความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และด้วยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียดนี้เอง ทำให้การท่องเที่ยวเป็นไปได้ยาก 

ทั้งนี้ หากใครต้องการขอวีซ่าไปอิหร่าน จะต้องไปทำการขอที่ "Iranian Interests Section" ในสถานฑูตปากีสถาน และจะต้องมีคำรับรองจากคนที่อยู่ในอิหร่านที่ต้องการให้คนที่ขอวีซ่าเข้าประเทศด้วย จึงจะได้วีซ่า แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคุณจะทำการขอวีซ่าเข้าประเทศอย่างถูกต้องตามขั้นตอนที่ว่าแล้ว รัฐบาลอิหร่านก็มีสิทธิ์กักขัง หรือจับกุมนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศโดยเหตุปิดปังเหตุผลที่แท้จริง



3. คิวบา 

          หลังจากเผด็จการ ฟูลเจนซิโอ บาติสตา ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ถูกโค่นล้มอำนาจโดยคณะปฎิวัติที่นำโดย ฟิเดล คาสโตร หัวหน้ากลุ่มคอมมิวนิสต์ในปี ค.ศ. 1959 คิวบาก็อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์มาจนถึงปัจจุบันภายใต้การปกครองของ ราอูล คาสโตร ประธานาธิบดีคิวบาคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นน้องชายของ ฟิเดล คาสโตร ที่ลงจากตำแหน่งเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงทำการบอยคอตคิวบาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ชาวอเมริกันถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปเที่ยวคิวบา ยกเว้นว่าได้รับใบอนุญาตพิเศษ เช่น ไปเยี่ยมญาติ หรือเรียนโปรแกรมพิเศษ หรือเรื่องของศาสนา 

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการไปท่องเที่ยวคิวบาส่วนใหญ่ ก็จะหลีกเลี่ยงการเดินทางจากสหรัฐฯ เพราะผิดกฎหมายแน่นอน แต่ก็จะไปจากประเทศใกล้เคียงเช่น เม็กซิโก แคนาดา หรือบาฮามาส




4. เกาหลีเหนือ

          เกาหลีเหนือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ และมีนโยบายทางการเมืองที่ทำให้ประเทศมหาอำนาจต้องหวาดกลัว นั่นคือ การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เพื่อถ่วงดุลอำนาจโลก และถึงแม้ว่าผู้นำเผด็จการ คิม จอง อิล จะเสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว แต่ทายาทของเขา คือ คิม จอง อึน ก็ไม่ได้สั่งยกเลิกปฏิบัติการนิวเคลียร์แต่อย่างใด แต่กลับเดินหน้าพัฒนาอย่างเต็มพิกัด นอกจากนี้ เกาหลีเหนือก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางการฑูตกับสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับอิหร่าน ซึ่งหากชาวอเมริกันคนใดสนใจจะไปเที่ยวเกาหลีเหนือล่ะก็ เป็นที่่รู้กันว่าสถานฑูตสวีเดนประจำสหรัฐอเมริกาสามารถติดต่อเรื่องนี้ได้ 


5. ทิเบต

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนประกาศสั่งห้ามนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปเที่ยวทิเบต ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา ที่จีนอ้างสิทธิ์ว่าเป็นดินแดนของจีน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้เกิดกรณีพิพาทกันมาบ่อยครั้ง ในขณะที่ประชาชนชาวทิเบตส่วนใหญ่เคารพในองค์ ดาไล ลามะ ผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขา โดยองค์ดาไล ลามะ กล่าวว่า วัดวาอารามของทิเบตส่วนใหญ่ถูกทำลายในระหว่างการเกิดการปฎิวัติโดยประชาชนจีนในช่วงทศวรรษ 1960 และ 1970 ประชาชนชาวทิเบตกว่า 1.2 ล้านคน เสียชีวิตภายใต้การปกครองของจีน ซึ่งแน่นอนว่าทางการจีนออกมาปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง

อ้างอิงโดย - Kapook




 

Create Date : 19 มิถุนายน 2555   
Last Update : 19 มิถุนายน 2555 21:16:09 น.   
Counter : 2169 Pageviews.  

กุฎีจีน และ ริมแม่น้ำจันทบูร Old And New Community Place

"ชุมชนคือ การอยู่ร่วมกันของคนหมู่มาก ที่หล่อหลอมความคิดของผู้สูงอายุและคนรุ่นใหม่ไว้ด้วยกัน โดยไม่ขัดแย้ง พร้อมการดำรงไว้ซึ่งกลิ่นอายของวันวานผสานปัจจุบันได้อย่างลงตัว"

หากเปรียบชุมชนให้ย่อเล็กลงมาเหมือนครอบครัว เราจะพบว่าในบ้านจะมีผู้สูงอายุ วัยผู้ใหญ่ และเด็ก การอยู่ร่วมกันให้มีความสุขนั้น เป็นจุดร่วมสำคัญ เพราะในช่วงวัยและช่วงยุคของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ผู้สูงอายุยังคงอยู่กับยุคที่เขาเคยอยู่ เพราะอยู่ที่เดิมมาอย่างยาวนาน วัยผู้ใหญ่ที่เริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของบ้าน และวัยเด็กที่เติบโตมากับความเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่า ความคิดของทุกคนย่อมต่างกัน แต่สิ่งที่ทำให้บ้านอบอุ่น และอยู่อย่างเป็นสุขคืออะไร ซึ่งไม่แตกต่างไปจากการอยู่ร่วมกันแบบหมู่มากอย่างชุมชน โดยเฉพาะ "ชุมชนกุฎีจีน เขตธนบุรี กรุงเทพฯ" ตัวอย่างของการอยู่ร่วมกันระหว่างคนหนุ่มสาวและผู้สูงอายุ พร้อมกับความเก่าและความทันสมัยที่เข้ามา และอีกหนึ่งชุมชนเชิงการท่องเที่ยว อย่าง "ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร อ.เมือง จ.จันทบุรี"

ชุมชมกุฎีจีน


คุณอังสนา ปิ่นรัตน์ เล่าให้ฟังว่า "ชุมชนนี้เกิดมานานแล้วประมาณ 243 ปี เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มีหลากหลายวัย แต่เราค่อนข้างอยู่ร่วมกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดของคนรุ่นหลังกับเด็กรุ่นใหม่ และความเก่าแก่ที่อยู่ร่วมสมัยของบ้านเรือนและวิถีชีวิตที่หมุนไปตามกาลเวลา เพราะที่ชุมชนนี้มีระบบการจัดการที่ดี เรามีกลุ่มเยาวชน กลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มแม่บ้าน ซึ่งเป็นคนที่มีอายุมาก รวมทั้งกลุ่ม ส.ว. เวลาทำงานเราก็จะแบ่งแยกหน้าที่กันไป โดยให้ทุกกลุ่มมีส่วนร่วม เพื่อเป็นการผสานความสัมพันธ์ระหว่างวัย โดยทุกๆ เดือนจะมีตัวแทนแต่ละกลุ่มมาประชุมกันที่โบสถ์ แล้วก็นั่งคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะเวลาหนึ่งเดือนนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน โดยตัวแทนแต่ละกลุ่มก็จะเสนอปัญหาในกลุ่มของตน จากนั้นก็ช่วยกันคิดหาวิธีการแก้ไข จะแก้ไขยังไง ใครจะรับผิดชอบตรงไหน คนในชุมชนทุกเพศทุกวัยได้ช่วยเหลือกัน โดยไม่มีความแตกต่างในด้านอายุ เด็กก็ไม่รู้สึกว่าเขาต่าง ผู้ใหญ่เองก็ไม่รู้สึกว่าแตกแยก แล้วก็ช่วยกันทำ เพราะฉะนั้นเยาวชนในชุมชนก็จะซึมซับ เรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ เพื่อให้พวกเขาได้สัมผัสกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน โดยที่ไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่ แต่คิดว่านี่คือสิ่งที่เราทุกคนในชุมชนต้องทำเป็นเรื่องปกติ มันก็จะปลูกฝังซึมซับไปเรื่อยๆ พอโตขึ้น ความรับผิดชอบมันก็มากขึ้น ก็ค่อยปลูกฝังกัน ค่อยเป็นค่อยไป ชุมชนนี้ก็เลยไม่ค่อยแตกแยกกัน และมีจุดร่วมที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ศาสนาและวัฒนธรรม ที่ทุกรุ่นทุกวัย ยังคงให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง วัยรุ่นเองก็ใกล้ชิดกับผู้ใหญ่มาก สายสัมพันธ์จึงแน่นและหลุดยาก เวลาจะอนุรักษ์อะไร หรือ ขออาสาอะไร จึงเป็นเรื่องที่ไม่ยาก ทำให้ชุมชนแห่งนี้ยังคงรอยยิ้มและอดีตที่ผสมเรื่องราวของวันนี้ จากรุ่นสู่รุ่นเรื่อยมา"


ชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร

คุณประภาพรรณ ฉัตรมาลัย ประธานชมรมพัฒนาชุมชนริมแม่น้ำจันทบูร เล่าให้ฟังว่า "ชุมชนดั้งเดิม ของเมืองจันท์ ซึ่งเป็นชุมชนแห่งแรกที่อยู่ริมแม่น้ำ เป็นเมืองที่สำคัญเพราะเป็นเมืองท่าในยุคสมัยรัชกาลที่ 5 อีก อย่าง พระองค์ทรงโปรดที่นี่มาก เสด็จมาบ่อย เพราะสบาย ร่มรื่น อากาศดี เราก็เลยเริ่มฟื้นฟูขึ้นมาเมื่อปี พ.ศ. 2552 เนื่องจากชาวบ้านเห็นว่า ถนนเส้นนี้ที่อยู่ตรงหน้าเป็นเส้นแรก เราก็เก็บมรดกตรงนี้ไว้ เพราะส่วนใหญ่เป็นบ้านสถาปัตยกรรมแบบจีนกับญวนผสมผสานกัน เราก็ขายอาหาร ขนมต่างๆ ที่เป็นขนมพื้นบ้านแต่เดิมมาเรื่อยๆ แล้วก็ฟื้นฟูขึ้นมาเรื่อยๆ ใครเคยขายอะไรก็ให้ขายแบบนั้นกันต่อ เพราะที่นี่ไม่ใช่ตลาด หากนักท่องเที่ยวมาก็ต้องมาเที่ยวเพื่อดูวิถีชุมชนเดิม ดูการเป็นอยู่ ดูบ้านเรือนสมัยเก่าแก่ ซึมซับอดีตที่ยังมีตัวตน"

"แน่นอนว่ากาลเวลาเปลี่ยนไป ก็ต้องมีอะไรใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะแนวความคิดใหม่ๆ ของเด็กรุ่นใหม่ที่มาเปิดร้านต่างๆ ให้กับที่นี่ เด็กหลายคนเลือกที่จะนำความเก่าของดีของที่นี่มาทำให้สวยกว่าเดิม ซึ่งเป็นจุดร่วมที่ดีที่ทำให้ผู้ใหญ่ในชุมชนที่เขารักชุมชนยอมรับได้ หากจะมาทำให้เป็นตลาด ที่นี่คงจะต้องมีการพูดคุยกันยาว และเมื่อที่นี่ได้กลายเป็นชุมชนเชิงท่องเที่ยว ทำให้เราเห็นความสดใสของคนเฒ่าคนแก่ขึ้นมาก จากที่เคยซุกตัวอยู่หลังบ้าน กลับกลายมานั่งยิ้มแป้นต้อนรับแขกอยู่หน้าบ้าน พร้อมยินดีที่จะเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟังอย่างสนุกสนาน เด็กๆ รุ่นหลังเองก็เริ่มกลับมาพัฒนาชุมชนของตัวเอง ทำให้น่าอยู่ น่าเที่ยวขึ้น เพราะส่วนใหญ่ที่กลับมาก็เป็นลูกหลานของคนในบ้านนั่นเอง โดยที่เรามอบวิสัยทัศน์ให้ดำรงไว้ซึ่งความมีวิถีชีวิตที่มีคุณภาพ และมีความสุข ทำอะไรก็ตามให้สอดคล้องกับแบบเดิมที่มีอยู่ ชุมชนแห่งนี้และผู้เฒ่าผู้แก่ของที่นี่ก็ยังคงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตสืบต่อไป"

เรื่อง : ศรัญญา โรจน์พิทักษ์ชีพ / ภาพ : กฤตภาส สุทธิกิตติบุตร / ปกาสิต เนตรนคร



  • สนับสนุนเนื้อหา be magazine




 

Create Date : 18 มิถุนายน 2555   
Last Update : 18 มิถุนายน 2555 20:36:37 น.   
Counter : 2106 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]