ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

ขายแล้ว!! ตั๋วเดินทาง ไปตั้งรกรากที่ดาวอังคาร

หากใครที่กำลังเบื่อโลกมนุษย์ ต้องการหลีกหนีไปให้ไกล โอกาสนี้มาถึงแล้วเมื่อสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าของบริษัท มาร์ วัน มีการเปิดขายตั๋วเดินทางไปตั้งรกรากที่ดาวอังคารในอีก 11 ปีข้างหน้าโดยจะมีการส่งนักบินอวกาศจำนวน 4 คนไปบุกเบิก แล้วทยอยส่งไปเรื่อยๆครั้งละ 4 คนในทุกๆ 2 ปี

ทั้งนี้แผนระยะยาว มีการเตรียมส่งดาวเทียมสื่อสาร และแคปซูลที่พักไปยังอวกาศในปี 2559  จากนั้นอีก 2 ปีจะมีการส่งยานอวกาศไปที่ดาวอังคารเพื่อหาสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งรกราก พักอาศัย

และในปี 2563 จะมีการส่งโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีการสื่อสารขึ้นไปในดาวอังคาร หากมีการติดตั้งสำเร็จ ก็จะเริ่มส่งคนไปอยู่อาศัย ซึ่งล่าสุดมีผู้สนใจในเทคโนโลยีอวกาศหลายร้อยคน แต่มีข้อแม้ว่า หากใครต้องการเดินทางไปยังดาวอังคารต้องมีความแน่วแน่ว่าจะไปอยู่จริงๆ หากรู้สึกคิดถึงโลก หรือเบื่อดาวอังคาร ต้องหาทางกลับเอง เพราะตั๋วใบนี้เป็นเพียงตั๋วไป ไม่มีตั๋วกลับ

อ้างอิง - MThai




 

Create Date : 10 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 22:10:33 น.   
Counter : 1214 Pageviews.  

“ข้าวหมาก” กับคุณค่า “โปรไบโอติก” คุณประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด

หลาย ๆ คนคงรู้จัก และหลาย ๆ คนคงไม่รู้จักอาหารชนิดนี้มาก่อน แต่สำหรับผมผมเคยทานแล้วรู้สึกอร่อยดีวันนี้เลยหาเรื่องราวดีดีมาแชร์ถึงประโยชน์ของ "ข้าวหมาก" ให้ทราบกัน

“ข้าวหมาก” กับคุณค่า “โปรไบโอติก” สไตล์ไทย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข้าวอยู่คู่กับวิถีการดำรงชีวิตคนไทยมาอย่างช้านาน ไม่เพียงแค่นำข้าวมาเป็นอาหารเท่านั้น แต่ด้วยคุณสมบัติพิเศษเกินตัวของข้าวจึงทำให้คนโบราณนำข้าวมาต่อยอดทางภูมิปัญญาเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการแปรสภาพข้าวให้เป็น “ข้าวหมาก” อาหารไทยโบราณที่ตอนนี้นับวันยิ่งจางหายไป



** รู้จัก “โปรไบโอติก” แบบไทย
เมื่อเอ่ยถึง ข้าวหมาก จะว่าไปแล้วตั้งแต่เหนือจรดใต้ ในงานสำคัญ งานมงคลต่างๆ ต้องมีสิ่งนี้อยู่แทบจะทุกวาระสำคัญ แต่กับเด็กยุคปัจจุบันคงส่ายหน้าหากถามถึง และเพื่อความกระจ่างในข้อมูลที่น่าทึ่งเกี่ยวกับข้าวหมากนั้น

ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร กรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาภูมิปัญญาไทย มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ให้ข้อมูลว่า ข้าวของไทยสามารถนำมาทำประโยชน์ได้หลายอย่าง ซึ่งข้าวหมากก็เป็นภูมิปัญญาไทยในการแปรสภาพข้าวให้มีรสหวาน นำมาเป็นเครื่องปรุงรสกับอาหารหลายประเภท และด้วยความหลากหลายของสรรพคุณทำให้ในปัจจุบันมีการค้นพบ “โปรไบโอติก (Probiotics)” ในข้าวหมากขึ้น โดยมีลักษณะเป็นอาหารเสริมซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิต สามารถก่อประโยชน์ต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่มันอาศัยอยู่ โดยการปรับกลไกจุลินทรีย์ในร่างกายให้มีความสมดุล ทำให้ร่างกายสามารถสร้างเชื้อธรรมชาติในกระเพาะและลำไส้ที่ช่วยให้การย่อยดีขึ้น สร้างวิตามินเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นตัวต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันต่างๆแก่ร่างกาย ทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งอีกด้วย

“ปัจจุบันมีการนำโปรไบโอติกบรรจุแคปซูลขายเพื่อส่งเสริมแก่ผู้รักสุขภาพ แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่แพงไม่ใช่เล่น ซึ่งความเป็นจริงแล้วบ้านเราเองได้รับสารโปรไบโอติกมาอย่างช้านานจากข้าวหมากนั่นเอง ซึ่งคนโบราณอาจมีการนำแป้งข้าวหมากใส่เติมลงไปในยา หรือเป็นเครื่องปรุงในอาหารหลากหลายประเภท ดังนั้นคนไทยจึงมีการกินโปรไบโอติกมาตั้งแต่อดีต ซึ่งในต่างประเทศก็เช่นกัน อย่าง ญี่ปุ่น ก็จะอยู่ในรูปของถั่วเน่า หรือ นัตโตะ, เกาหลีก็อยู่ในกิมจิ หรือแม้กระทั่งอินเดียก็มีโยเกิร์ต โดยทั้งหมดที่ว่ามานี้ก็คือโปรไบโอติกที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ”

** เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ อธิบายต่อว่า ในอดีตเชื่อว่า ข้าวหมากจะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการเจริญเติบโตในเด็กให้ดีขึ้น จึงต้องกินตอนเช้าเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายอบอุ่น และกระตุ้นให้แบคทีเรียภายในร่างกายทำงาน โดยเฉพาะในเด็กที่ไม่แข็งแรง เหงื่อออกง่าย อ่อนเพลีย ตัวสั่น ก็มักจะให้กินข้าวหมาก และในผู้ใหญ่ที่เป็นไข้ ไม่มีแรง ผอมแห้ง หมอยาพื้นบ้านก็จะแนะนำให้คนไข้กินข้าวหมากกับน้ำต้มเคี่ยวของแก่นขี้เหล็ก ซึ่งหากมองในปัจจุบันก็จะพบว่าสิ่งเหล่านี้แทบจะไม่ถูกพูดถึง เนื่องจากแป้งข้าวหมากหายาก คนที่จะทำแป้งข้าวหมากก็ไม่มี

สำหรับวิธีการทำแป้งข้าวหมากนั้นอาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากแต่ก็สามารถทำได้ภายในครอบครัวโดยการ นำข้าวเจ้าไปแช่น้ำและตำให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกกับเชื้อยีสต์ จากนั้นนำสมุนไพรที่มีทั้ง ข่า, ขิง, ชะเอม, อบเชย และ ดีปลี บดให้ละเอียดนำมาคลุกกับข้าวที่เตรียมไว้ จากนั้นบ่มทิ้งไว้ 2 วัน ขณะเดียวกันก็นำข้าวเหนียวมานึ่งแล้วมาล้างน้ำให้สะอาด นำแป้งผสมหัวเชื้อที่บ่มไว้คลุกลงในข้าวเหนียวที่นึ่งปิดฝาทิ้งไว้ระยะหนึ่งเชื้อยีสต์ก็จะเจริญเติบโตในข้าวเหนียวที่นำไปคลุก และจะได้มาเป็นข้าวหมากในที่สุด

“ตอนนี้อาหารการกินได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตอย่างสิ้นเชิง อาหารที่ได้มาจากธรรมชาติหมดไป แทนที่ด้วยอาหารสำเร็จรูปที่อุดมไปด้วยสารเร่งต่างๆ ซึ่งเด็ก เยาวชนเองก็เป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของอาหารเหล่านี้ ที่ทำให้พวกเขาต้องกินข้าว และให้เวลากับการดูแลสุขภาพน้อยลง อีกทั้งการที่เด็กได้รับแต่ของหวานจากอาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยวทั้งหลายเป็นประจำ จะส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ก้าวร้าวขึ้น ซึ่งยืนยันได้จากผลการวิจัยในต่างประเทศที่พบข้อมูลที่สำคัญนี้ ดังนั้น ทุกคนควรหันกลับมากินข้าวให้มากขึ้น เพราะข้าวนั้นยังมีสาร GABA ที่ทำให้เกิดการผ่อนคลาย นอนหลับ ป้องกันอัลไซเมอร์ และยังช่วยกระชับริ้วรอยต่างๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เราจะได้รับเมื่อเราหันมากินข้าวไทย”

** อนุรักษ์ของไทยก่อนเลือนหายไป
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ให้ภาพเพิ่มเติมว่า ณ เวลานี้ข้าวหมากมีขายตามร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือตามตลาดสดอนุรักษ์ทั่วไป แต่ปัจจุบันจะมีการแต่งสี กลิ่น เพื่อให้รสชาติดีขึ้นกว่าเดิม ทำให้หาข้าวหมากสูตรโบราณได้ยาก โดยกลุ่มคนที่ยังกินและรู้จักข้าวหมากจะอยู่ที่วัยกลางคนขึ้นไป แตกต่างจากเด็กรุ่นใหม่ที่แทบจะกินไม่เป็น อีกทั้งการที่มีการรณรงค์ให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ข้าวหมากก็พลอยได้รับผลนั้นตามไปด้วย เพราะในกระบวนการทำข้าวหมากนั้นจะมียีสต์ทำหน้าที่ในการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลทำให้มีบางส่วนเปลี่ยนเป็นแอลกอฮอล์บ้างเล็กน้อย

“จะเห็นได้ว่า ข้าวนั้นใช่ว่าจะมีคุณค่าในมิติของอาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตเพียงอย่างเดียว แต่ข้าว ยังประกอบด้วย วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ และเมื่อมองไปยังมิติด้านสังคม วัฒนธรรม ประเพณี ก็จะมีข้าวเป็นส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น และไทยเราก็มีข้าวที่หลากหลายสายพันธุ์จึงอยากให้คนรุ่นหลังเห็นความสำคัญและช่วยกันอนุรักษ์ ซึ่งจะกลายเป็นมรดกของชาติสืบต่อไป

ขอขอบคุณข้อมูลดีดีจาก : //women.thaiza.com/detail_112989.html

เนื้อหาเพิ่มเติมครับ

ข้าวหมากและคุณประโยชน์มากกว่าที่คิด

ไม่นานมานี้มีข่าวการค้นพบคุณประโยชน์ในข้าวหมากว่ามีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แก้ปัญหาสิวฟ้าได้ และจัดเป็นอาหารโปรไบโอติก ทำให้ใครหลายคน โดยเฉพาะสาว ๆ หันมาให้ความสนใจกับอาหารชนิดนี้มากขึ้น
แต่ก่อนที่จะไปรู้ว่าข้าวหมากนั้นช่วยบำรุงสุขภาพของคุณผู้หญิงได้อย่างไร เรามารู้จักกับคำว่า โปรไบโอติกกันก่อน
โปรไบโอติกคืออะไร
โปรไบโอติก คืออาหารที่บรรจุจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ช่วยการสร้างความสมดุลให้กับลำไส้ โดยจุลินทรีย์เหล่านี้จะมีอยู่ร่างกายเราอยู่แล้ว และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมเป็นมากขึ้น
โดยนำจุลินทรีย์เหล่านี้มาบรรจุในเครื่องดื่มเพื่อช่วยให้ระบบลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น
โปรไบโอติก พบที่ไหนบ้าง
โดยปกติ อาหารที่เหมาะสมกับการย่อยสลายของจุลินทรีย์โปรไบโอติกนั้น มีอยู่แล้วในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น อาหารเส้นใย ผักและผลไม้ทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้วยหอม แอปเปิ้ล มะเขือเทศ หน่อไม้ฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ซึ่งจะเป็นอาหารชั้นดีของแบคทีเรียในลำไส้นั่นเอง
โปรไบโอติกดีอย่างไร
จุลินทรีย์ที่เป็นโปรไบโอติกหรือแบคทีเรียชนิดดีจะผลิตกรดอินทรีย์ช่วยในการขับถ่าย ทำให้กระดูกและเม็ดเลือดแข็งแรง ปรับความสมดุลให้กับแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยให้การเผาผลาญปกติ นอกจากนี้ยังช่วยในการกำจัดสารก่อมะเร็ง ไวรัส อนุมูลอิสระต่างๆ ลดอาการอักเสบท้องเสีย กระเพาะอาหาร โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ภูมิแพ้ โรคตับอักเสบ โรคตับ แผลสด แผลพุพอง แผลเน่าเปื่อยอีกด้วย
ข้าวหมาก กับอาหารโปรไบโอติก
จริงๆแล้วอาหารประเภทโปรไบโอติก ไม่ใช่มีแค่ในอาหารไทยเท่านั้น แต่ในอาหารประเภทอื่นๆก็มีจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์อยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นกิมจิของเกาหลี นัตโตะหรือถั่วหมักของญี่ปุ่น แม้แต่โยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่เรารู้จักกันดี ก็มีส่วนผสมของโปรไบโอติกเช่นเดียวกัน
ส่วนข้าวหมากอาหารไทย ๆ ของเรานั้นจะมียีสต์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายของมนุษย์ มีธาตุสังกะสีมาก ซึ่งคุณประโยชน์ของสังกะสีนั้น จะช่วยในการบำรุงเลือด ผิวพรรณสดใส ไม่เป็นสิวหรือฝ้า ทั้งยังช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตให้กับเด็กอีกด้วย
เห็นมั้ยว่าอาหารดีมีประโยชน์นั้นอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ราคาถูกและยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ไม่ต้องไปเสียเงินซื้ออาหารราคาแพงๆแต่ได้คุณประโยชน์เท่ากันให้เสียเวลาอีกแล้วล่ะ
วิธีการทำข้าวหมากนั้นมีหลากหลายสูตรเฉพาะแต่ละพื้นที่ แต่สำหรับตนเองได้ทำและออกขายก็ได้ผลตอบรับที่ดี เผื่อใครอยากทำข้าวหมาก กินเอง
มีวิธีทำดังนี้
1.ข้าวเหนียวดิบ (ปริมาณจะขึ้นกับลูกแป้งข้าวหมาก) ใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่อย่างดีไม่มีเมล็ดข้าวอื่นปนมามาก ประมาณข้าวกลางปี ข้าวเหนียวนี้สำคัญมาก ไม่ใช้ข้าวเหนียวเก่าเพราะสีของเมล็ดข้าวจะเหลืองไม่สวย ข้าวเหนียวใหม่มากก็ไม่ดี ทำออกมาแล้วเม็ดจะเละ (ข้่าวเหนียวสันป่าตอง หรือ ข้าวเหนียว กข 6 ก็ใช้ได้ แต่ต้องดูว่าไม่มีเมล็ดข้าวอื่นปนมามาก)
2.ล้างข้าวเหนียวให้สะอาด เพื่อเอาฝุ่นและสิ่งสกปรกออก ล้างประมาณ 2-5 ครั้ง
3.เมื่อล้างเสร็จแล้วเอาข้าวเหนียวแช่น้ำ ใช้น้ำสะอาดที่ผ่านจากเครื่องกรองน้ำ แช่ทิ้งไว้ 6 ชั่วโมง เคยแช่ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมงแล้วเวลาหุ่งแล้วเม็ดข้าวจะสุกไม่ค่อยพร้อมกัน แต่การแช่ข้าวอีกวิธีหนึ่งคือใช้น้ำอุ่นก็ย่นระยะเวลาลงไปอีก แต่ยังไม่เคยลอง
4.ตั้งน้ำให้เดือด นำข้าวเหนียวที่แช่ทิ้งไว้ใส่ซึ้ง หรือหวด ใช้เวลาประมาณ 20 -30 นาที ดูว่าให้สุกทั่วกัน และไม่เป็นไตแข็ง
5.นำข้าวเหนียวที่สุกแล้วใส่ภาชนะ เช่น ถาด ผึ่งให้เย็น หรือพลิกข้าวเหนียวกลับไปกลับมา สังเกตจากไอของข้าวเหนียวว่าไม่มีแล้ว
6.นำข้าวเหนียวสุกที่เย็นแล้วไปล้างให้หมดยางข้าว ประมาณ 2 - 4  ครั้ง โดยใช้น้ำสะอาดผ่านการบำับัดคลอรีนและเชื้อโรค หรือน้ำที่ผ่านจากเครื่องกรองน้ำ (น้ำที่มีคลอรีนอาจทำให้เชื้อยีสต์จากลูกแป้งทำงานได้ไม่เต็มที) น้ำปูนใสก็ล้างยางข้าวดีเพราะว่าเป็นด่าง แต่ว่าข้าวจะมีสีเหลืองดูแล้วไม่สวย
7.นำข้าวเหนียวสุกที่ล้างจดหมดยางข้าวขึ้นสะเด็ดน้ำ
8.บดลูกแป้งข้าวหมากให้ละเอียด (ควรทราบว่าลูกแป้งข้าวหมาก 1 ลูก ใช้กับข้าวเหนียวดิบปริมาณเื้ท่าไหร่)
9.นำข้าวเหนียวสุกที่สะเด็ดน้ำแล้วไปคลุกลูกแป้งข้าวหมากที่บดละเอียด (ค่อย ๆ โรยลูกแป้งข้าวหมากที่ละนิดให้ทั่วแล้วคลุกเคล้า อย่าโรยหมดในทีเดียว) ลูกแป้งนี้สำคัญมากที่จะให้รสชาติที่ดี การคลุกโดยทั่วไปก็ใช้มือ หรือไม้พาย คลุกไปคลุกมาให้ทั่ว
10.เมื่อคลุกเคล้าให้ทั่วแล้ว ก็เตรียมบรรจุลงภาชนะ ตามต้องการ หม้อ ถ้วย ใบตอง แต่ของเรานำใส่กระปุกปิดฝามิดชิด ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของยีสต์ซึ่งจะเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล ซึ่งเรียกว่าน้ำต้อย ใช้เวลา 3 วัน แต่ถ้าอากาศเย็นอาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ก็ได้ข้าวหมากที่น่ากิน หวาน หอม (หลังจากข้าวหมากได้ที่แล้วนำใส่ตู้เย็นสามารถเก็บได้เป็นเดือน การใส่ในตู้เย็นเพื่อลดการทำงานของยีสต์ไม่ให้เป็นแอลกอฮอล์มากเกินไป)
เคล็ดลับการทำข้าวหมาก
-  ความสะอาดสำคัญมากเพราะมีผลต่อรสชาติของข้าวหมาก ถ้ามีสิ่งปนเปื้อนจะทำให้ข้าวหมากมีรส
   เปรี้ยวปนหวาน
-  ข้าวเหนียวควรเลือกอย่างดี คือไม่มีเมล็ดข้าวอื่นปนมาเยอะ เพราะจะทำให้ข้าวเหนียวสุกไม่ทั่วถึง
   ทำให้ข้าวเหนียวบางเมล็ดเป็นไต
-  ลูกแป้งข้าวหมากที่คุณภาพดีก็มีผลต่อรสชาติของข้าวหมาก ข้าวหมากจะหวานมากหรือหวานน้อย
   รวม  ทั้งไม่มีรสเปรี้ยว ก็ขึ้นอยู่กับลูกแป้งข้าวหมากด้วย
-  อุปกรณ์ที่ใช้ทำข้าวหมาก ควรแยกต่างหากจากอุปกรณ์ที่ใช้ประจำทั่วไป
-  น้ำต้อยข้าวหมากออกมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับเมล็ดข้าวที่คลุกเคล้า เมล็ดข้าวที่คลุกเคล้าลูกแป้งข้าว
   หมากแล้วค่อนข้างมีเมล็ดติดกันน้ำต้อยจะออกมามาก แต่ถ้าเมล็ดข้าวที่คลุกเคล้าลูกแป้งข้าวหมาก
   ค่อนแล้วข้างแห้งเมล็ดไม่ติดกันน้ำต้อยจะออกมาพอดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : //eatrice-musa..../2011/12/blog-post_09.html

//board.postjung.com/622963.html




 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 9 กรกฎาคม 2555 20:23:54 น.   
Counter : 3624 Pageviews.  

อัมพวา ตลาดน้ำยามเย็น

สวัสดีค่ะ!! เพื่อนๆ และ แฟนๆ Sanook travel เป็นอย่างไรกันบ้างเอ่ย!! จากทริปเดือนที่แล้ว ที่เรานำเสนออุทยานแห่งชาติและน้ำตกต่างๆ ในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยไป เพื่อนๆได้ไปแวะดับกระหาย คล้ายร้อนกันที่ไหนมาบ้างหรือเปล่าคะ ส่วนในเดือนมิถุนายนนี้ น้อง Sunny Bangchak จะพาแฟนๆ Sanook travel ไปหาของกินอร่อยๆ พร้อมสถานที่ถ่ายภาพบรรยากาศสวยๆ เหมือนกับได้ย้อนยุคไปช่วงคุณตา คุณยาย ยังหนุ่ม ยังสาว เราย้อนไปดูกันซิว่า การใช้ชีวิตในช่วงยุคนั้น มีอะไรสนุกๆ ให้ทำ หรือของกินอะไรอร่อยให้ชิม กันบ้างน๊า ตามไปกันเลยคร๊า...


อัมพวา ตลาดน้ำยามเย็น

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดริมคลองใกล้แม่น้ำแม่กลองและปากอ่าวไทย ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน

เราสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทาน ล่องเรือชมหิ่งห้อย หรือเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้ ค่าบริการคนละ 60-80 บาท หรือจะเหมาลำไปตกลำละประมาณ 600 บาท โดยให้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง โดยเรือจะล่องไปตามลำน้ำแม่กลอง

วัดจุฬามณี เป็นวัดโบราณริมฝั่งคลองอัมพวา ต่อเนื่องกับคลองผีหลอก สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย รัชกาลพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่า ท้าวแก้วผลึก (น้อย) นายตลาดบางช้าง ต้นวงศ์ราชินีกุลบางช้างเป็นผู้สร้างขึ้นบริเวณหลังวัด เดิมเป็นนิวาสสถานของคุณนาค และคุณบุญรอด (สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ และสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 1 และรัชกาลที่ 2) อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร. 2) เป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยของมูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเป็นการสนอง พระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้พระราชทานศิลปวัฒนธรรมอันงดงามไว้เป็นมรดกแก่ชาติ บริเวณที่ก่อสร้างอุทยานพระบรมราชานุสรณ์นี้ พระราชสมุทรเมธี เจ้าอาวาสวัดอัมพวันเจติยารามเป็นผู้น้อมเกล้าฯ ถวาย มีทั้งหมด 11 ไร่ ซึ่งที่บริเวณนี้มีความสำคัญเพราะเป็นที่พระราชสมภพของรัชกาล ที่ 2

วัดภุมรินทร์กุฎีทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงปากคลองประชาชื่นฝั่งตะวันตก สามารถเข้าถึงได้โดยข้ามเรือบริเวณ วัดอัมพวันฯ หรือท่าเทียบเรือบริเวณอุทยาน ร.2 สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ กุฎีทอง มีประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค ได้รับคำทำนายว่า จะได้เป็น พระราชินี เศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้ คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัดบางลี่ จึงได้ชื่อว่า วัดบางลี่กุฎีทอง ต่อมาวัดบางลี่ถูกน้ำเซาะที่ดินพังลง จึงรื้อกุฎีทองมาสร้างไว้ที่วัดแห่งนี้ วัดบางกะพ้อม วัดบางกะพ้อม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงปากคลองประชาชื่นฝั่งตะวันตก สามารถเข้าถึงได้โดยข้ามเรือบริเวณ วัดอัมพวันฯ หรือท่าเทียบเรือบริเวณอุทยาน ร.2 สิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่ กุฎีทอง

มีประวัติเล่าว่า เศรษฐีบิดาของคุณนาค ให้สมภารวัดบางลี่ตรวจดูดวงชะตาคุณนาค ได้รับคำทำนายว่า จะได้เป็น พระราชินี เศรษฐีบิดาคุณนาคจึงให้ คำมั่นว่า ถ้าเป็นจริงจะสร้างกุฎีทองถวายให้วัดบางลี่ จึงได้ชื่อว่า วัดบางลี่กุฎีทอง ต่อมาวัดบางลี่ถูกน้ำเซาะที่ดินพังลง จึงรื้อกุฎีทองมาสร้างไว้ที่วัดแห่งนี้ วัดอัมพวันเจติยาราม วัดอัมพวันเจติยาราม อยู่ติดกับอุทยาน ร. 2 เป็นวัดของตระกูลราชินิกุลบางช้าง สร้างขึ้นโดยสมเด็จพระรูป ศิริโสภาค มหานาคนารี พระชนนีของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ หลังวัดนี้ก็เคยเป็นนิวาสสถานเก่า ของหลวงยกกระบัตร และคุณนาค

เชื่อกันว่าบริเวณพระปรางค์ของวัดอัมพวันฯ เดิมเป็นเรือนที่คุณนาค ใช้เป็นที่คลอดคุณฉิมบุตรชาย ซึ่งต่อมาได้เป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต่อมา วัดอัมพวันฯ ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 รัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันวัดอัมพวันเจติยารามเป็นพระอารามหลวงชั้นโท พระอุโบสถตลอดจนถาวรวัตถุ ในวัดอัมพวันฯ นี้ ส่วนใหญ่เป็นศิลปะ และสถาปัตยกรรมในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ซึ่งนับเป็น พระอุโบสถที่มีความงดงามอยู่มาก บ้านเบญจรงค์ ตั้งอยู่ริมถนนสมุทรสงคราม บางแพ เป็นแหล่งผลิตเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่มีความงดงาม แสดงถึงฝีมืออันปราณีต และศิลปไทยอันงดงาม เหมาะแก่การซื้อหาเป็นของใช้ ของแต่งบ้าน นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมกรรมวิธีการผลิตถ้วยชามเบญจรงค์ดังกล่าวได้

วัดเขายี่สาร วัดเขายี่สาร ตั้งอยู่ริมถนนสมุทรสงคราม บางแพ เป็นแหล่งผลิตเครื่องถ้วยชามเบญจรงค์ที่มีความงดงาม แสดงถึงฝีมืออันปราณีต และศิลปไทยอันงดงาม เหมาะแก่การซื้อหาเป็นของใช้ ของแต่งบ้าน นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมกรรมวิธีการผลิตถ้วยชามเบญจรงค์ดังกล่าวได้


ข้อมูลจาก : www.อัมพวา.net






 

Create Date : 09 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 9 กรกฎาคม 2555 20:20:08 น.   
Counter : 2073 Pageviews.  

10 อันดับเกมส์ตลับที่อยู่ในความทรงจำ

10. Pacman
เกมส์นี้ไม่ต้องอธิบายอะไรมากเลยกับ PacMan หรือเกมส์เก็บจุดนั่นเอง เกมส์นี้มีจุดเด่นที่เราจะต้องเก็บจุดให้ครบทั้ง Map และสามารถเก็บพลังไล่งับสัตว์ประหลาดได้ 




9. Adventure Island
เกมส์คนป่าที่หลายๆคนชอบ มีอาวุธค้อนหินและลูกไฟประจำกายไปผจญภัยในป่าใหญ่ อาศัยเก็บไข่ไดโนเสาร์และผลไม้อัพพลัง บอสของแต่ละด่านจะเหมือนๆกันแต่จะจะต่างกันแค่ตรงหัว



8. ExciteBike 
เกมส์รถแข่งสุดคลาสสิค โดยเกมส์นี้จะต้องแข่งกับเวลาเพื่อให้ได้อันดับที่ดีที่สุด และต้องคอยระวังรถคันอื่นชนเรา แถมยังสามารถสร้างสนามแข่งได้เองอีกด้วย



7. Battle City
เกมส์นี้คาดว่าทุกๆคนเคยเล่นกันมาแล้ว เกมส์รถถังสุดโหดไปยิงรถถังฝ่ายตรงข้ามให้ตายให้หมด และยังต้องป้องกันจุดฐานทัพนักอินทรีย์ของตัวเองอีกด้วย เกมส์นี้เล่นได้สองคนช่วยกันรบ แต่อย่ายิงโดนกันเชียวหล่ะ ไม่งั้นคนเล่นอาจมีต่อยกันเอง




6. Kunio Downtown
เกมส์ Kunio ของค่าย Tecmo ประกันคุณภาพความมันอยู่แล้ว มีทั้งรูปแบบต่อสู้กัน หรือ กีฬาโหดฮา เกมส์นี้รับประกันความพอใจ



5. Street Fighter
แค่เพียงชื่อเกมส์ก็คงไม่ต้องสาธยายอะไรกันมากเลยกับเกมส์ต่อสู้สุดคลาสสิคแห่ง Famicom



4. Zelda
เกมส์ผจญภัยแนว 2 มิติ ที่ต้องฝ่าด่านตามแผนที่ไปทำภารกิจให้เสร็จสิ้น


3. Rockman
สุดยอดเกมส์แห่งยุคที่ต้องตะลุยฝ่าด่านแต่ละด่านเพื่อปราบบอสให้ครบทุกตัว แถมยังต้องบุกไปห้องทดลองของ Dr. Willy ทุกภาคเลย



2. Contra
เกมส์นี้ถ้าใครไม่ได้เล่นถือว่าเหมือนว่าไม่ได้เล่นเกมส์ Famicom เลยเกมส์แนวยิงผ่านด่านสุดโหด กับสูตร บนๆ ล่างๆ ซ้ายขวาๆ บีเอ stop 30 ตัว


1. Super Mario
เกมส์แห่งตำนาน Famicom แนวผจญภัยเก็ยเหรียญ เก็บเห็ดที่แทบทุกตลับเกมส์จะมีเกมส์นี้อยู่ด้วย คงไม่ต้องบรรยายไรมากเลยทีเดียวกับเกมส์นี้


credit  ThaiFR202

หวังว่าคงเกิดทันกันนะครับ 




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 21:53:08 น.   
Counter : 8065 Pageviews.  

10 เรื่องที่ วัยรุ่น ควรรู้ ก่อนไปดู The Amazing Spider-Man !!

ก่อนที่จะไปดู หนังฟอร์มยักษ์ ซูเปอร์ ฮีโร่ อีกคนหนึ่ง ที่ทุกคนรอคอยอย่าง The Amazing Spider-Man กันนั้น เพื่อนๆรู้สึก แปลกๆ หรือ สงสัยกับหนังเรื่องนี้หรือไม่ เอ๊ะ! ทำไม พระเอก นางเอก ไม่ใช่คนเดิม , ทำไม Spider-Man ต้องใช้อุปกรณ์ชักใยเสริม แล้วภาคนี้แตกต่างจากภาคก่อนๆยังไงบ้าง … teen.mthai เลยไปหาคำตอบมาให้เพื่อนๆได้ดูกันคะ ^^

10. คำที่ถูกต้องของ Spider-Man

หลาย ๆ คน ถ้าไม่สังเกตุดูดี ๆ จะคิดว่าไอ้แมงมุมเวลาเขียนภาษาอังกฤษจะคิดว่าเป็น Spiderman แต่ความจริงที่ถูกต้องจะต้องเป็น Spider-Man โดย สแตน ลี (Stan Lee) ผู้ให้กำเนิด Spider-Man ให้เหตุผลว่าถ้าเป็น Spiderman เขียนติดกันแล้วรู้สึกว่าดูเผิน ๆ มันจะไปคล้ายกับโลโก้ Superman ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในเวลาไล่เลี่ยกัน ( ในอดีต ) สแตนลีเลยยืนกรานว่าต้องให้มีขีดตรงกลางระหว่างคำว่า “Spider กับ Man” และเขาจะอารมณ์เสียมากบ่อยๆถ้าเห็นใครไม่ใส่ขีดเส้นกลางนี้ ดังนั้นถ้าหากเป็นแฟนพันธ์แท้ของ Spider-Man อย่าลืมเขียนขีดตรงกลางกันนะคะ ไม่งั้น ลุงสแตน ลี แกจะน้อยใจเอา

9. เครื่องแบบของ Spider-Man ดีไซน์ใหม่!!!

ชุดของ Spider-Man ชุดใหม่มีการออกแบบขึ้นมาใหม่ด้วยความทันสมัยต่างจากภาคก่อนๆมากขึ้น และมีดีไซน์ลายแมงมุมที่หน้าอกและกลางหลังตัวเล็กลงแต่ขายาวขึ้น อีกทั้งยังไม่เน้นลวดลายของใยแมงมุมบนร่างกายเหมือนแต่ก่อน (ลายใยแมงมุมจางหายไป ) เพื่อให้ดูเข้มแข็งมากขึ้น มีความดาร์กมากขึ้น เห็นตัวภาพยนต์มาแนวดราม่า ก็เลยคิดว่าคนดีไซน์คงตั้งใจให้ชุดมีความดาร์กขึ้นเพื่อเหมาะสมกับตัวเนื้อ เรื่อง ) หากเทียบกับชุดในเวอร์ชั่นเก่า 3 ภาคก่อนหน้านี้จะดูต่างกันในเรื่องของโทนสีอย่างชัดเจนอีกต่างหาก แต่นายแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ผู้รับบทสไปเดอร์แมนได้ให้ความเห็นไว้ว่ามันเป็นชุดที่ใส่แล้วคัน ฟิตมาก การเคลื่อนไหวในฉากบู๊ก็ลำบากพอสมควรเลยทีเดียว หากเพื่อนๆอยากรู้ว่าจะเป็นจริงแบบที่อ่านหรือไม่ ต้องลองไปจ้องดูดีๆในภาพยนต์กันแล้วล่ะ
8. Spider-Man ภาคนี้มีความดราม่าพอสมควร!!!

ต่อกันที่อันดับ 8  เนื่องจากสไปเดอร์แมน เวอร์ชั่นภาพยนต์ 3 ภาคก่อนหน้านี้ยังไม่มีความเป็นดราม่าซักเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะผู้สร้างหรือผู้กำกับอยากให้สไปเดอร์แมนเป็นภาพยนต์ทีเด็กและ วัยรุ่นดูได้เป็นหลัก จึงไม่อยากใส่ความเป็นดราม่าเข้าไปมากนัก แต่ในสไปเดอร์แมนภาครีบูทนี้กลับกัน ทางผู้สร้างมีการนำปมชีวิตของสไปเดอร์แมนใส่เข้ามาอย่างจัดเต็ม ทั้งปัญหาพ่อแม่ของปีเตอร์ว่ากำลังทำการทดลองอะไร ปัญหาการโดนกลั่นแกล้งในมหาวิทยาลัย การไม่เป็นที่ชื่นชอบของสาวที่ตัวเองหมายปอง และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ การละเลยจับตัวผู้กระทำความผิดจนเป็นสาเหตุที่ทำให้ลุงเบน ต้องจบชีวิตลง ซึ่งความเป็นดราม่านี้ก็ตรงกับความตั้งใจของ สแตนลีที่เคยกล่าวไว้ในเวอร์ชั่นคอมมิคว่า “ผมแค่อยากทำซูเปอร์ฮีโร่คนแรกที่สมจริง ในสมัยนั้นซูเปอร์ฮีโร่เป็นคนที่แทบจะไม่มีปัญหาชีวิตเลย ปัญหาเดียวของพวกเขาคือจะจัดการกับเหล่าวายร้ายยังไง ผมไม่อยากเขียนเรื่องแบบนั้น ผมอยากเขียนถึงตัวละครที่มีปัญหาเรื่องเงินเหมือนกับผม ผมอยากให้เขามีป้าที่ป่วย มีลุงที่ต้องเสียชีวิตเพราะเขา ไม่ป็อปปูล่าที่โรงเรียน โดนกลั่นแกล้งเสมอ และอยากเป็นคนสำคัญของหญิงสาวที่ตัวเองหมายปอง ” ชีวิตของสไปเดอร์แมนจะดราม่าเหมือนดังที่สแตนลีผู้ให้กำเนิดหวังไว้หรือไม่ คงต้องไปติดตามกันในภาพยนต์กัน

7 . Spider-Man ต้องใช้อุปกรณ์ยิงใย!!!

ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ในภาครีบูทนี้มีพรสวรรค์และเป็นอัจฉริยะในการประยุกต์ใช้ความรู้ต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเคมี ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จะมีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ ซึ่งนอกเหนือจากพลังพิเศษแล้ว เขายังได้สร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ ขึ้นมาเพื่อใช้ควบคู่กับพลังของเขาอีกด้วย โดยอุปกรณ์ที่ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของสไปเดอร์แมนก็คือ เครื่องยิงใยแมงมุม (web-shooter) ที่เขาพัฒนาขึ้น อุปกรณ์นี้สามารถปล่อยสารประกอบที่มีความเหนียวอย่างมากคล้ายใยแมงมุม ซึ่งจะสลายตัวไปหลังจากที่ถูกปล่อยออกมาแล้ว 2 ชั่วโมง ดังนั้นเพื่อนๆที่เคยจดจำภาพลักษณ์ของ Spider-Man ที่ยิงใยได้เองคงจะต้องเปลี่ยนความคิดใหม่กันหน่อยแล้ว เพราะ Spider-Man ตัวจริงในคอมมิคจะต้องยิงใยโดยใช้อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นนั่นเอง

6.  ศัตรูตัวฉกาจของ Spider-Man ภาคนี้เคยปรากฏตัวมาแล้วในเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ถีง 2 ภาค!!!

อาจจะเป็นเพราะสไปเดอร์แมนได้ทำเป็นภาพยนต์ไปแล้วถึง 3 ภาค โดยทั้ง 3 ภาคนั้นต่างมีตัวร้ายเด่นๆ มาปรากฏไปแล้วหลายตัว แต่หากใครเป็นแฟนคอมมิค จะเห็นตัวละครตัวหนึ่งโผล่มาแล้วในภาค 1 และ 3 แต่ยังไม่เคยมาเป็นตัวร้ายเลย พอรู้กันแล้วใช่ไหมครับ!!! ใช่เลยตัวละครที่โผล่มานั่นคืออาจารย์ของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ ในมหาวิทยาลัยที่มีแขนเพียงข้างเดียว เคิร์ต คอนเนอร์ส หรือ ลิซาร์ด นั่นเอง!! แต่ตอนที่ปรากฏตัวนั้นยังไม่เป็นตัวร้าย ลิซาร์ด เป็นแค่อาจารย์ธรรมดาในมหาวิทยาลัยเท่านั้น เรียกได้ว่าทางผู้จัดทำคงไม่อยากให้ตัวร้ายโผล่มาซ้ำๆกัน ก็เลยจัด ลิซาร์ด ที่ผลุบๆโผล่ๆ มาก่อนหน้านี้ ให้ปรากฏตัวในภาครีบูทนี้ซะเลย และถ้าอยากรู้ว่า ลิซาร์ดจะร้ายกาจแค่ไหนคงต้องไปติดตามชมในโรงกันนะคะ

5. เกวน สเตซี่ แฟนคนแรกของ Spider-Man ตัวจริงมาแล้ว!!!

แฟนๆคอมมิคบางคนอาจจะดีใจจนแทบจะกระโดด เมื่อรู้ว่านางเอกภาคนี้ไม่ใช่ แมรี่ เจน วัตสัน แต่เป็นสาวผมบลอนด์ในตำนาน เกวน สเตซี่ ทำให้ถูกอกถูกใจสาวกคอมมิคยิ่งนัก เพราะเรื่องราวของเธอกับพระเอกปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ในคอมมิคนั้นทั้งเข้มข้น เต็มไปด้วยเรื่องดราม่าพลิกผัน และเป็นรักแรกที่ปีเตอร์รักมากที่สุดก่อนจะได้เจอกับ แมรี่ เจน วัตสัน ทำให้หลายคนคาดหวังไว้ว่า ภาคนี้ต้องมีเรื่องราวที่สุดยอดเกี่ยวกับปีเตอร์กับเกวนในภาพยนต์เรื่องนี้ แน่ๆ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ เอ็มม่า สโตน จาก Easy A มารับบทเป็นเกวน ซึ่งในเรื่องนี้เธอดูสวยเฉิดฉายสุดๆในลุคผมบลอนด์ ดูเหมาะสมกับบท เกวน สเตซี่ ในคอมมิคมากๆ

4 อุปนิสัยของ Spider-Man มีความใกล้เคียงกับคอมมิคมากขึ้น!!!

The Amezing Spider-Man ฉบับรีบูทใหม่นี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับในคอมมิคมากขึ้นโดยเฉพาะ ปีเตอร์จะไม่มีบุคลิคคล้ายเด็กเนิร์ดติ๋มๆซักเท่าไร มีความอยากแสดงออกถึงตัวตนให้คนอื่นได้รับรู้เด่นชัดมากๆ ต่างจาก 3 ภาคเวอร์ชั่นเก่าก่อนหน้านี้ ถ้าเป็นเด็กเนิร์ดจริงๆเมื่อตอนได้รับพลังมาครั้งแรกก็ต้องคิดในแง่ถูกผิด เป็นอันดับแรกอยู่แล้ว แต่ปีเตอร์กลับเอาไปสร้างรายได้ให้ตัวเองโดยไปเล่นมวยปล้ำ เอาไปอัดเพื่อนที่ชอบแกล้งตน เหมือนสนองความรุนแรงของตน แถมยังมีนิสัยภายใต้หน้ากากเป็นคนกวนและมีอารมณ์ขันสุดๆ ซึ่งในกรณีนี้ก็พอจะทราบถึงนิสัยแล้วว่าปีเตอร์ไม่ใช่พวกเนิร์ดอะไรมากมาย ซึ่ง แอนดรูว การ์ฟิลด์ คนนี้ก็ดูสมบทบาทแบบนี้ดีที่สุดแล้ว เพราะสมัยนี้จะมาหาเด็กหนุ่มใส่แว่นผมเรียบทำตัวเหนียมอายตลอดเวลามันไม่ ค่อยจะมีซักเท่าไรแล้ว ยังไงก็ต้องทำยุคตามสมัยกันบ้าง อีกทั้งยังมีคำพูดที่ยียวนกวนประสาท กัดจิกเหล่าร้ายทั้งหลายในขณะต่อสู้ให้รู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา ( ไม่รู้ว่าเป็นเพราะ ปีเตอร์เหมือนเด็กเก็บกดหรือเปล่า เลยต้องมาระบายออกทางคำพูดขณะใส่ชุดสไปเดอร์แมนแทน ) ซึ่งตรงจุดนี้ เพื่อนๆที่เคยดูภาพยนต์เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ทั้ง 3 ภาคและไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นคอมมิค อาจจะงงกันบ้าง เล็กน้อยว่า ก่อนหน้านี้เห็นเงียบๆ ติ๋มๆ แต่ทำไมภาครีบูทใหม่นี้ ถึงพูดมากซะจนน่ารำคาญแทนตัวร้ายกันเลยทีเดียว ซึ่งตรงนี้แหละที่แฟนคลับสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นคอมมิคทั้งหลายต่างบอกเป็น เสียงเดียวกันว่า ปากจัดแบบนี้แหละ สไปเดอร์แมนตัวจริง!!!

3. ผู้กำกับ มาร์ค เว็บบ์ ชิมลางกำกับ Spider-Man ครั้งแรก!!!

มาร์ค เว็บบ์ ผู้กำกับจะมากำกับหนังภาคนี้ ไม่ใช่ผู้กำกับระดับพันล้านโด่งดังจากภาพยนต์เรื่องไหน งานกำกับของเขามีเรื่องเดียวคือ ภาพยนต์รักแหวกแนวเรื่อง (500) Days Of Summers ที่แม้จะมีคนชื่นชอบเรื่องนี้มากอยู่บ้าง แต่ก็อดสงสัยในใจไม่ได้ทุกครั้งว่า “จะรอดเหรอเนี่ย” ซึ่งผู้กำกับของหนังทุกเรื่องของ มาร์เวลสตูดิโอ ส่วนใหญ่แม้จะมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ได้มีสไตล์เป็นตัวของตัวเองเท่าแซม ไรมี่ ( ผู้กำกับ Spider-Man 3 ภาคก่อนหน้านี้ ) เลยซักคน แต่พอได้เห็นตัวอย่างหนังแล้วอาจจะผิดคาดไปบ้างเพราะในตัวอย่างภาพยนต์ เรื่องแอ็คชั่นก็ดูเข้าท่าไม่แพ้ 3 ภาคก่อนหน้านี้ ฉากบทสนทนาหรือมุขตลกต่างๆก็ถ่ายทอดจากในคอมมิคเป๊ะๆ

2 แซม ไรมี่ ผู้กำกับคนเก่าและนักแสดงชุดเดิมไปไหน??

เป็นสิ่งที่ถูกถามมาเป็นอันดับ 2 กันเลยทีเดียว โดยความจริงตอนแรกทาง Sony จะสร้างภาค 4 ตามแผนที่ได้วางไว้ แต่ผู้กำกับ “แซม ไรมี่” ไม่เอาด้วย เพราะทางสตูดิโอมายุ่มย่ามกับการตัดสินใจในเรื่องต่างๆมากเกินไป ( อาทิเช่นไม่ต้องการให้แซมหยิบเอาตัวละคร “มนุษย์นกแร้ง” มาใช้ เนื่องจากนำดีไซน์และเอกลักษณ์มาขายได้ยาก ) แต่สาเหตุหลักๆคือ Sony ได้เริ่มเข้ามายุ่มย่ามกับการตัดสินใจตั้งแต่ภาค 3 เพราะตอนนั้น “แซม ไรมี่” ไม่ต้องการให้มีตัวละคร “วีน่อม” แต่โดนทาง Sony ยัดเยียดให้ใส่มาจนเรื่องราวตีกันเละตุ้มเป๊ะอีรุงตุงนังไปหมด “แซม ไรมี่” เห็นดังนั้นจึงโบกมือลาหลังจากภาค 3 จบดีกว่า เมื่อผู้กำกับใหญ่ถอนตัวบรรดานักแสดงหลักๆชุดเดิมในเรื่องก็ขอถอนตัวเช่นกัน จึงทำให้ Sony ต้องเปลี่ยนแผนมารีบูทเรื่องราวขึ้นใหม่แทน ( ทางนักแสดงชุดเดิมทั้งหมดยืนยันว่าจะไม่แสดงบทเดิมกับผู้กำกับคนใหม่ เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติแก่ “แซม ไรมี่” ) ซึ่งหวยก็ได้ไปออกที่ มาร์ค เว็บบ์ ให้มาเป็นผู้กำกับคนใหม่ ตามที่ได้อ่านไปในอันดับที่ 3 กัน

1. ทำไม Spider-Man ต้องรีบูท??

ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ถูกถามมากเป็นอันดับ 1 จากเหล่าบรรดาแฟนๆ Spider-Man ทั้งหลายว่าทำไมต้องรีบูท ทำไมไม่ทำภาค 4 แทนล่ะ?? สาเหตุที่ทำไมต้องรีบูทนั้นมีดังนี้ ในก่อนหน้านี้ทาง Sony ได้ทำสัญญาหลังจากซื้อลิขสิทธิ์ตัวละครสไปเดอร์แมนจากค่าย Marvel คอมมิคไว้ว่า ถ้าหากไม่สร้างภาพยนต์สไปเดอร์เเมนภายในทุก 5 ปี ลิขสิทธิ์ต้องจะกลับมาเป็นของ Marvel ทันที ( เมื่อก่อน Marvel ไม่ได้สร้างหนังเองจริงจำเป็นต้องขายลิขสิทธิ์การสร้างภาพยนต์ไปให้ค่าย ภาพยนต์ต่างๆ เเต่ตอนนี้เปิดสตูดิโอภาพยนต์เองแล้วจึงมีความพร้อมในการเรียกลิขสิทธิ๋ตัว ละครคืนเพื่อมาสร้างหนังเอง ) และในปี 2012 นี้เป็นปีที่ 5 ครบกำหนดที่ sony จะต้องสร้าง Spider-man ต่อให้ทันพอดี อีกทั้ง Spider-Man ภาค 3 ที่สร้างไว้ มาถึงทางตัน กระเเสวิจารณ์ไม่ดี เพราะว่าเล่นเอาตัวร้ายออกไปเยอะเกิน บวกกับทางค่าย Sony มีปัญหากับ “แซม ไรมี่ ” ผู้กำกับคนเก่า เหมือนดังข้อ 2 ที่เคยกล่าวถึง คราวนี้ Sony เลยตัดสินใจต้องรีบูท Spider-Man ใหม่ตั้งเเต่เเรก เป็น The Amazing Spider-Man เพราะว่า Sony ไม่อยากให้ Spider-Man หลุดมือไป เพราะเป็นภาพยนต์ที่ทำเงินรายได้มหาศาลให้กับ Sony นั่นเอง

thx mthai




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2555   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2555 20:08:40 น.   
Counter : 2187 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  

zulander
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 77 คน [?]




หวยซอง เลขเด็ด
หวยซอง เลขเด็ด หวยซองแม่นๆ หวยซองดัง รวมหวยซอง






ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add zulander's blog to your web]