เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

ทำชีวิตให้ผ่อนคลาย กับหนึ่งวันสบาย..สบาย ในกรุงเทพ

สวัสดีค่ะ

หลังเหตุการณ์ตรึงเครียดในกรุงเทพฯ ผ่านไปไม่กี่วัน
มีความจำเป็นต้องเข้าไปจัดการธุระในเมืองหลวง ปกติแล้วถ้าทำธุระเสร็จ
ก็จะกลับเข้าบ้าน นอนเล่น ทำโน่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่วันนั้น..ขอเปลี่ยนแนวทางการดำเนินชีวิตในเมืองกรุงนิดนึง โดยการหาอาหารอร่อย ในร้านบรรยากาศสงบๆมื้อเที่ยง เย็นย่ำก็ล่องเจ้าพระยา หาอาหารง่ายๆริมแม่น้ำรับประทาน ก่อนกลับบ้านนอน ตอนหัวค่ำ

พร้อมจะไปเที่ยวกรุงเทพฯแบบง่าย ไลฟ์สไตล์ prettyguide กันรึยังคะ ???



ออกจากบ้าน ใช้ทางด่วน(อยู่บ้านนอกก็งี้แหละ) เข้ากลางเมือง
วันนี้เรามีนัดที่ บก.ทบ. ต้องพาคุณชายไปพบคุณหมอเพื่อรับยา และตรวจสุขภาพ ฟ้าใส อากาศดี

ไปถึงที่ บก.ทบ. วันนี้มีการตรวจตราคนเข้า-ออก แบบปกติ ไม่ได้เข้มงวดอะไรมากมาย ที่ดูผิดตาไปก็เห็นจะเป็น จนท.ติดอาวุธประจำกาย ที่ยืนอยู่ทุกมุม

เอารถขึ้นไปจอดที่ชั้นดาดฟ้า แล้วเดินลงมาหาอะไรรองท้อง ในร้านค้าสวัสดิการนั่นแหละค่ะ ร้านนี้พายผักโขมอร่อย



เสร็จธุระกับ หมออ่วม เราก็ออกเดินทางลัดเลาะมาทางบางลำภู เพื่อไปทำธุระแถวๆราชดำเนิน



กรุงเทพฯช่วงสาย ในวันธรรมดา รถราโล่งสบาย ไม่ติดให้รำคาญใจแม้แต่น้อย ประมาณ สิงโมงครึ่ง เราก็มาทำธุระแห่งที่ 3 ที่ต้นสังกัดที่ทำงานของคุณชาย ในซอยอารีย์สัมพันธ์ กันแล้วล่ะค่ะ

เป็นอันเสร็จงาน ครบธุระทั้ง 3 แห่งภายในครึ่งวันเช้า

ได้เวลาอาหารพอดี จากพญาไท ถนนพหลโยธิน ขับตรงไปถึงจตุจักร
เลี้ยวเข้าถนนกำแพงเพชร ผ่าน อตก. ไม่ช้าไม่นาน เราก็มาถึงจุดหมายปลายทางของมื้อเที่ยงวันนี้ ที่ "สวนกาลเวลา"



จอดรถ แล้วเดินผ่านสะพานข้ามคลองบางซื่อ(มั้ง) เข้าไปในร้านกันค่ะ



เราไปถึงก่อนเที่ยงเล็กน้อย แขกยังไม่มากเท่าไหร่
เลือกนั่งโต๊ะที่อยู่ติดริมคลอง ดีกว่า ชอบบรรยากาศริมน้ำมากกว่าในสวน



สั่งอาหารไปแล้ว ระหว่างรอไปเดินเก็บภาพบรรยากาศในร้านมาฝากค่ะ มีโต๊ะอาหาร ซ่อนตัวอยู่ภายในสวนเยอะเลยค่ะ
บรรยากาศร่มรื่น เห็นแล้วคิดถึงบ้านสวนของคุณตาที่บางแค น่านั่ง ..ร่มรื่น ชุ่มชื้นดีจริงๆ



ตอนที่ไปถึง พนง.กำลังจัดโต๊ะไว้ประมาณซัก 20 ที่ได้
เห็นว่าทางเขตพญาไท จองไว้สำหรับมื้อเที่ยง อืม..ดีนะที่เรามาถึงก่อนเที่ยง
เพราะถ้ามาถึงช่วงเที่ยงพอดี แขกน่าจะเยอะในวันธรรมดาแบบวันนี้

กลับมาที่โต๊ะ ใต้ซุ้มการเวก ของเราดีกว่า อาหารคงใกล้ยกมาเสิร์ฟแล้ว ระหว่างนั่งรอ ก็ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกการเวกให้ชื่นใจด้วยค่ะ อีกมุม สบายๆ จากโต๊ะที่เรานั่ง



อาหารจานแรกมาแล้วค่ะ..

หมูป่าผัดเผ็ด รสชาติถูกปาก โดนใจ ไม่เผ็ดจนทานไม่ได้ สำหรับคนทานเผ็ดไม่เก่งแบบเรา ข้าวหอมมะลิ สวยๆ หอมๆ เสิร์ฟมาในถ้วยดินเผา





จานนี้ ปลากรายทอดตะไคร้ อร่อยค่ะ หอมตะไคร้ ได้รสชาติปลากรายแท้ๆ



จานนี้จำชื่อไม่ได้ ประมาณ หมูหมักเหล้าจีนย่างหรือไงนี่แหละ
หอม นุ่มอร่อย ทานคู่น้ำจิ้มแจ่ว ลงตัว พอดีค่ะ



สมควรแก่เวลา ข้าวหมด กับหมด เบียร์หมด(ไป 3 ขวด) เก็บตังค์ กลับบ้านดีกว่า ค่าเสียหายทั้งหมด 630 บาทค่ะ ออกจากร้าน ก้จะเจอทางขึ้นทางด่วน ขึ้นทางด่วนกลับบ้านไปนอนหลับเสีย 1 ตื่นช่วงบ่าย เพื่อจะได้ตื่นมาเตรียมกินมื้อเย็นกันต่อ



นอนหลับไป 1 ตื่น
ลุกขึ้นมาอาบน้ำ ล้างหน้า ออกมาเรียกแท๊กซี่ ให้ไปส่งที่ท่าน้ำเมืองนนท์
ใช้เวลาไม่นานเพราะรถยังไม่ทันติด ก็มาถึงแล้วล่ะค่ะ



ซื้อตั๋วเรือด่วนเจ้าพระยา มุ่งหน้าเข้ากลางกรุงอีกรอบ ราคาค่าโดยสารจากท่าน้ำนนท์ ไปท่าเทเวศร์ คนละ 19 บาทค่ะ ชมวิวสองฝั่งเจ้าพระยา



ใต้เบาะที่นั่ง จะมีกระดานชูชีพไว้ให้ทุกที่นั่งนะคะ วิธีใช้ก็ง่ายๆ เหมือนตอนที่เราไปหัดว่ายน้ำตอนเด็กๆ



นั่งไปเพลินๆ ไม่นานก็ใกล้ถึงแล้วล่ะค่ะ



ถึงที่หมาย ท่าเรือเทเวศร์

ร้านอยู่ติดท่า จึงชื่อร้าน "เข้า-ท่า" นั่งชมวิมชีวิตริมเจ้าพระยา



หลายคนเตรียมกลับบ้าน หลายคนใช้ช่วงเวลาสั้นๆเพื่อพักผ่อน ใกล้ค่ำแล้ว แต่วิถีชีวิต ณ ท่าเรือเทเวศร์ ยังคงดำเนินต่อไป



สั่งอาหารไปสองอย่าง โต๊ะข้างๆเสียงดังเหลือเกิน
นั่งรอให้สะพานพระราม 8 เปิดไฟ
เราก็จะกลับบ้านกันแล้ว ..... มาแค่เนี้ย ??



ฟ้าเริ่มครึ้มมาแต่ไกล สะพานก็เปิดไฟแล้ว..

กลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวฝนตก



เช็คบิล ออกมาจากร้าน เดินไปรอเรือ ..
ยังไม่ทันไร ฝนฟ้ากระหน่ำเทลงมาแบบไม่ลืมหู ลืมตา หยั่งกับหนังไทย
พระเอก-นางเอก ติดฝนกลับบ้านไม่ได้ นั่งอยู่ที่ท่าเรือ



เรือเข้าท่ามา ลำแล้ว ลำเล่า ทำหยิ่งไม่ไปซะงั้น
ความจริงสารภาพก็ได้ว่า "กลัว" ฝนตกหนักมากๆ ฟ้าก็แรง เราไม่กล้าขึ้นเรือ



รอจนฝนซา ..ถึงฟ้ายังไม่เปิด ก็ไม่หยิ่งแล้ว
กระโดขึ้นเรือทันใด อยากกลับบ้านจะแย่แล้วววว หนาว Smiley



วิวเจ้าพระยา ตอนกลางคืน สวยงาม...ประทับใจ
ไม่นานก็ถึงที่หมาย..ท่าน้ำนนท์



รอเรียกแท๊กซี่กลับบ้าน นานพอควร เพราะฝนตกหนัก ใครๆก็ใช้บริการแท๊กซี่ กลับถึงบ้านอาบน้ำเข้านอน เพราะเช้าเราจะต้องไปขึ้นเครื่อง เดินทางไกลอีกแล้ว..

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทายและลงชื่อให้กำลังใจ พบกันใหม่ทริปหน้า..กับการเดินทางครั้งต่อไปค่ะ


สวัสดี



ชมรีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทได้ จากลิงค์นะคะ

 //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9329899/E9329899.html




 

Create Date : 08 มิถุนายน 2553   
Last Update : 8 มิถุนายน 2553 17:04:36 น.   
Counter : 6248 Pageviews.  

ช่วงเวลาดี..ดี ที่ภูเก็ต กับครอบครัว

สวัสดีค่ะ

ห่างหายไปเสียหลายวัน ตกข่าวอะไรไปบ้างเนี่ย

ออกเดินทางตลอดเลยค่ะ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้าเนต
ทริปนี้ ไปทำงานที่ภูเก็ต (อีกแล้ว) 1 สัปดาห์ คุณพ่อ ก็เลยพาหลานๆตามไปเที่ยวด้วย ทำให้มีโอกาสได้ออก(พาพ่อ)เที่ยว เป็นที่เดิมๆ ที่เคยไป แต่คิดว่านำมารีวิวอีกครั้ง ก็คงไม่มีใครว่ามั้ง

ถ้าพร้อมแล้ว ก็ติดตามชมได้เลยจ้า..



การเดินทางครั้งนี้ เราใช้รถส่วนตัว แวะตลอดทางค่ะ เจอนั่นก็ซื้อ นี่ก็ซื้อ สนุกสนานกันไป อย่างรูปนี้ .. กล้วยเล็บมือนาง แถวๆท่าแซะ ชุมพร ต้องซื้อทุกครั้งที่ผ่าน



ออกจากบ้านแต่เช้า ..แวะกันไปเรื่อยๆ เข้าเขตภูเก็ตเกือบ 6 โมงเย็นแล้วล่ะค่ะ เจอฝนตกหนักเป็นบางช่วง แวะทานมือเย็นแล้วก็เข้าที่พัก

ไปครั้งนี้เราพักที่ "ภูเก็ต การ์เด้นโฮม" โซนวิลล่า ในซอยเจ้าฟ้า 5 ถนนเจ้าฟ้าฝั่งตะวันออกค่ะ รายละเอียดจะนำไปลงที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ

ตื่นเช้า..เข้าครัวเตรียมอาหารไว้ให้เจ้าหลานตัวแสบ มื้อนี้เป็นของง่ายๆ ขนมปัง ไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน แฮม กับกาแฟ ค่ะ ส่วนเด็กๆ ก็ดื่มนม กับโอวัลติน มีคลับแซนวิช ด้วย ทำง่ายๆ ค่ะ





มีเสียงเรียกร้องมาว่า..
อยากออกไปทานมือเช้าแบบชาวภูเก็ต ได้เลยจ้า.. จัดให้ เดี๋ยวพาไปกินติ่มซำ ร้าน บุญรัตน์ โกลด์ หน้าโรงเรียนดาวรุ่งค่ะ ชอบไปทานเพราะหาที่จอดรถง่ายดีค่ะ แล้วก็ไม่ไกลจากที่พักด้วย



โจ๊ก กับ บะกุ๊ดแต๋ ก็อร่อยค่ะ



อิ่มแล้วก็ ไปเดินเล่นชมเมืองเก่ากัน



ในซอยรมณีย์ มีข้าวแกง-ขนมจีน อร๊อย..อร่อย อยู่เจ้านึงค่ะ ตรงข้ามโรงแรมวิบูลสิน ค่ะ



รูปในซอยรมณีย์ถ่ายมาเยอะ แต่ไม่ต้องลงเยอะดีกว่า เพราะมุมก็ซ้ำๆกับที่คนอื่นนำมาลง แถมฝีมือไม่เข้าขั้นเหมือนคนอื่นอีกด้วย



ก่อนจากแวะซื้อผ้าพื้นเมือง ติดไม้ติดมือกันไปคนละชิ้น สองชิ้น



จากนั้นก็ไปไหว้หลวงพ่อแช่ม วัดฉลองค่ะ



ช่วงนี้ลูกหยีป่าออกพอดี อุดหนุนมาคนละ 1 กิโล เปรี้ยว อร่อย สะใจกันไป



อากาศร้อนได้ใจจริงๆ จากวัดฉลองเราไปที่วัดพระทอง กันต่อค่ะ
แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย เพราะคนเยอะมาก(ทัวร์ลง 4 บัส) และองค์พระทอง(พระผุด)อยู่ระหว่างการบูรณะด้วยค่ะ



มื้อกลางวัน วันแรก เราไปทานกันที่ร้านทุ่งคา กาแฟ บนยอดเขารังค่ะ



อิ่มอร่อย ถูกปาก ประทับใจชาวคณะกันไป



ค่าเสียหาย ที่ร้าน ทุ่งคา กาแฟ ค่ะ



อิ่มแล้ว ไปขับรถเลาะชายหาดเล่นดีกว่าค่ะ เลาะไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หาดราไวย์,ไปถึงแหลมพรหมเทพ



ต่อด้วยจุดชมวิว 3 อ่าว



จากกะตะ กะรน ไปจนถึงป่าตอง
แวะช้อปปิ้งที่ จังซีลอน กันหน่อยดีมั้ย ??? ต้องอยู่เป็นอาทิตย์ ครัวเราก็มี ต้องตุนของสดกันหน่อย ซื้อที่คาร์ฟูล ในจังซีลอนนั่นแหละค่ะ จากปริมาณที่ซื้อ คิดว่าน่าจะอยู่ได้เป็นเดือน



หลังจากนั้นก็กลับบ้าน นอนพักผ่อน ดื่มกินกันเล้กน้อย ที่สนามหญ้า หน้าบ้าน



วันต่อมา..พาคุณพ่อ กับหลานๆ ไปทานมื้อกลางวันที่ร้าน "ระย้า" ค่ะ



ร้านนี้เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จัก เพราะเป็นร้านเด่น ร้านดังของเมืองภูเก็ตเลยค่ะ อาหารอร่อยมากๆ โดยเฉพาะแกงกะทิปู-หมี่หุ้น และ หมูฮ้อง ที่หลานๆโปรดปราณ ข้าวตัง หน้าตั้งก็สุดยอดค่ะ



ราคาอาหารที่ร้านระย้าค่ะ



หลังมื้ออาหาร ไปหาเครื่องดื่มแก้ร้อน ที่ร้าน หนังสือ



ระหว่างรอกาแฟ ก็เลือกซื้อโปสการ์ด สวยๆ ถูกใจ



อิ่มแล้วก็กลับไป นอนกลางวัน ตื่นมาว่ายน้ำ แล้วก็ออกจากบ้านไปหาดกมลา วันนี้เราจะพาเด็กๆไปชมโชว์ที่ภูเก็ตแฟนตาซีค่ะ







โทร.ทางไกล ไปหาว่าที่น้าเขยของหลานๆ ให้จัดการเรื่องตั๋วให้หน่อย แล้วเราก็ไปแจ้งชื่อผู้จองรับตั๋วที่ช่องรับตั๋วได้เลยค่ะ





เพลิดเพลินเจริญใจกันไป แต่ไม่ค่อยมีรูปมาฝากนะคะ เพราะว่าโกลาหลมากๆ ต้องเข็นวีลแชร์ให้คุณพ่อนั่ง ต้องตามดูแลหลานๆวัยซน 3 คน แล้วยังต้องบริการชาวคณะทุกคนอีกด้วย



มีมุมสวยๆ และกิจกรรมสนุกสนานให้ทำเยอะ ค่ะสำหรับที่นี่



เราซื้อตั๋วแบบรวมบุฟเฟต์ด้วย ส่วนของอาหารจะให้บริการที่นี่ค่ะ



มีอาหารทุกประเภทบริการ รสชาติและปริมาณถือว่าคุ้มค่าตั๋วค่ะ (ถ้าคุณทานไหว) ถ่ายอะไรมาไม่ได้เลย เพราะต้องดูแลชาวคณะ รูปนี้ภายในห้องอาหารค่ะ



บริเวณโรงละคร ไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้าไปนะคะ ต้องฝากไว้ที่ด้านนอก จบการแสดงตอนสี่ทุ่มกว่า จะจะได้ออกมาก็เกือบห้าทุ่มแล้วล่ะค่ะ





วันรุ่งขึ้นคุณพ่อ ก็พาหลานๆกลับบ้านค่ะ
ส่วยอิชั้นยังคงทำงานอยู่ที่ภูเก็ตต่ออีกหลายวัน


จบทริปพาครอบครัวเที่ยว แต่เพียงเท่านี้..
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย และลงชื่อให้กำลังใจนะคะ
สำหรับคืนนี้ สวัสดีค่ะ



รีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนท ติดตามชมได้ตามลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9322317/E9322317.html




 

Create Date : 03 มิถุนายน 2553   
Last Update : 3 มิถุนายน 2553 15:40:52 น.   
Counter : 5040 Pageviews.  

มีเวลาวันเดียว หาเรื่องเที่ยว "เมืองกระบี่"

สวัสดีค่ะ ..

ตามที่เคยสัญญาไว้ ว่าจะมารีวิวพาหลานเที่ยวกระบี่ 1 วัน
เนื่องจากต้องลงไปทำงานที่กระบี่ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ก็เลยหาเวลาว่าง 1 วันถือโอกาสพาหลานๆ และครอบครัวของพี่สาว+พี่เขย ไปเที่ยวซะเลย

เป็นการเที่ยวในเมืองใกล้ๆค่ะ ไม่ได้ทัวร์เกาะ และไม่ได้เที่ยวแบบสมบุกสมบยันมากนัก เนื่องจากมีทั้งเด็กและผู้สูงอายุ ลองเก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการพาครอบครัวใหญ่ ไปเที่ยวกระบี่กันนะคะ



เดินทางโดยรถยนตร์ 2 คันค่ะ
เพราะพี่สาวต้องเดินทางกลับก่อน ขาไปออกเดินทางจากบ้านที่จันทบุรีตั้งแต่ เช้าตรู่ (05.30 น.) แวะตลอดทางค่ะ เพราะมีเด็กกับผู้สูงอายุมาด้วย ต้องเข้าห้องน้ำบ่อย



ปั๊มบางจากแถวๆ สมุทรสาคร เอ๊...หรือสมุทรสงคราม หว่า ลมพัดเย็นสบาย เพิ่งเคยแวะเป็นครั้งแรก เพราะปกติชอบแวะ ปตท. เพื่อกินกาแฟอเมซอน





แวะทานมื้อกลางวันที่ปั๊ม ปตท.กุยบุรี ตอนเที่ยงครึ่ง
ที่เดิมที่เคยแวะ เมื่อครั้งต้องลงไปทำงานที่ภูเก็ต เมื่อเดือนมกราที่ผ่านมา

คลิ๊กดูได้ที่รีวิว ตอนข้างล่างนี้แหละค่ะ



อากาศปลอดโปร่งมาตลอดทาง จนกระทั่งเลี้ยวเข้า ทล.หมายเลข 44 (เส้นเซาเทิร์น ซีบอร์ด) ก็เจอฝนฟ้ากระหน่ำ จนถึงเมืองกระบี่เลยค่ะ ทำให้ถึงที่หมายล่าช้าไปหน่อย

เข้าเช็คอินที่ ที่พักที่เราจองไว้ คือที่ บ้านอันดามัน ชั้นล่าง 2 ห้อง เพราะคุณย่า และปาป๊าของหลานขึ้นบันได ไม่ไหว ส่วนอิชั้นและหลานๆ นอนชั้น 3 ค่ะ ยังมีแรง

ที่พักไม่ลงรายละเอียดนะคะ เพราะเคยทำรีวิวไว้แล้ว

หิวค่ะ..
เช็คอินแล้วก็ลุยฝนออกไปหามื้อเย็นทานกันก่อนเลย

โชคไม่เข้าข้าง .. ร้านที่หมายตาไว้พร้อมใจกันปิด
สุดท้ายไปฝากท้องไว้ที่ร้าน "ใบเตย" ข้างสวนสาธารณะ ใกล้ๆที่พักนั่นแหละค่ะ



ครอบครัวพี่สาว เพิ่งเคยมากระบี่เป็นครั้งแรก
และไม่เคยได้ลองทานอาหารแนะนำอย่าง "หอยชักตีน" ปรากฏว่า.. ติดใจ กันเป็นแถวค่ะ ราคาอาหารก็ไม่ถือว่าแพงมากมายอะไร ดูได้จากบิลเลยค่ะ



เช้า..
หลานสาวปลุกแต่เช้ามืด เพราะดั๊นนนน ไปสัญญากับเค้าไว้
ว่าจะพาขึ้นไปชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ ซีบาร์ ชั้น 5 ไม่น่าเล้ยยยยยย กำลังฝันดี



รับประทานอาหารเช้า ที่บ้านอันดามัน ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวกันค่ะ



หลานๆ ชอบเหลือเกิ๊นนนนนน
อยู่ที่นี่ได้เล่นเกมส์ออนไลน์ทุกวัน โชคดี ที่เราไปพักช่วงที่ไม่ค่อยมีลูกค้า
ไม่งั้น เจ้าสองคนนี่ คงสร้างความรำคาญให้แขกคนอื่นไม่น้อย



จุดแรก..ไปสักการะศาลหลักเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคลค่ะ อยู่ไม่ไกลจากที่พัก





จากนั้นแวะไปที่ "บ้านสบายดี" ที่พักที่เราจองไว้ให้ทีมงาน ที่จะตามมาสมทบวันนี้ อีก 2 ชุด รายละเอียดตามที่ลงไว้ในหมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ



จัดการเรื่องที่พัก ทีมงานเรียบร้อยไปไหว้พระกันอีก ที่ "วัดแก้วโกรวาราม"



เพิ่งมาวัดนี้กับเพื่อนๆ เมื่อเดือนที่แล้ว รายละเอียดหาอ่านได้จากรีวิวในหมวด "เรารักโปสการ์ด" หัวข้อ "PostcardLoversTrip" นะคะ





ไหว้พระ และชมควารมงามของโบสถ์แล้วมุ่งหน้าไป "วัดถ้ำเสือ" ค่ะ
เด็กๆ ชอบสี่แยกไฟแดงมนุษย์โบราณนี้มากๆ ขอให้ถ่ายรูปไว้ให้หน่อย



หลายคนหมายมั่น ปั้นมือมากๆ ว่าจะต้องขึ้นไปให้ถึงยอดเขา เพื่อไปสักการะเจดีย์ แต่พอเลี้ยวเข้ามา เห็นสภาพภูเขาหินปูน ที่สูงชันแล้ว...

เริ่ม เสียงอ่อยๆ ถ้าขึ้นไม่ถึง ก็ไม่เป็นไรเน๊อะ



ไปถึงแรงยังดี กำลังใจเพียบ
เดินกันครึกครื้น ไม่เหนื่อย ไม่ถอย ไหว้พระขอพรแล้ว ต้องลุยให้ถึง ขึ้นไปแรกๆ แรงยังดี แต่กลัวลิง ซึ่งมีอยู่เต็มบันได แค่นี้ชิล ๆ เด็กๆ สบายมาก
เขาคิชฌกูฏยังขึ้นมาแล้ว

นี่เพิ่งเริ่มต้น 5555+



ประมาณ 250 ขั้น ได้วิวประมาณนี้ค่ะ



หลังจากนั้น..

บันได จะริ่มชันขึ้น แต่ละขั้นสูงเกือบเท่าเอวหลานชาย
จะไหวมั้ยเนี่ย ??? ห่วงเด็กๆ น่ะ



แค่ขั้นที่ 269 ก็พร้อมใจกันหันหลังกลับค่ะ
เพราะห่วงเด็กๆ ผู้ใหญ่ก็เริ่มขาสั่นแล้ว ราวบันไดที่ให้จับก็ร้อนเริ่มมีอุปสรรคต่อการเดินทาง



ลงไปทำบุญ ไหว้พระต่อดีกว่า..



เริ่มหิวแล้ว ไปหาอาหารทะเลทานกันดีกว่า
ขับรถมุ่งหน้าไปทางหาดนพรัตน์ธารา แล้วเลี้ยวย้อนมาที่อ่าวนาง เพื่อทานกลางวันที่ "วังทราย ซีฟู๊ด" ค่ะคนไม่เยอะเท่าไหร่ แปลกใจอยู่เหมือนกัน ทั้งๆที่เป็นช่วงเที่ยง



อาหารอร่อยทุกอย่าง ปูเนื้อแน่น 3 ตัวโล ราคากิโลละ 400 มีไข่ด้วยค่ะ





ปูม้า 3 ตัว 400
เนื้อแน่น อร่อยมาก ขอบอก

แต่ที่ชอบสุด น่าจะเป็น "ยำกุ้งเสียบ" แล้วก็ "กุ้งต้มกะทิ"
ค่าเสียหาย ที่วังทราย ซีฟู๊ด ตามนี้ค่ะ



อิ่มแล้ว..ว่าจะไปหากาแฟกินซะหน่อย
แต่หาร้านที่ถุกใจไม่เจอเลย จนกระทั่งไปถึงสุสานหอย อิชั้นนั่งรอด้านนอก เพราะเคยเข้าไปชมมาแล้ว ปล่อยให้ชาวคณะเข้าไปชมกัน รีวิวที่เคยทำไว้ หาได้จากแถวๆนี้แหละค่ะ



วิวเดียวกับข้างบน แต่ซูมเข้ามาให้เห็นเกาะไก่ ชัดๆ สีภาพก็เลยเพี้ยนแบบนี้



จากนั้นก็กลับที่พักค่ะ

ยังคงตั้งใจจะหากาแฟดื่มยามบ่าย แล้วเราก็เจอร้านนี้ระหว่างทางกลับที่พัก ร้านนี้ ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพด้านใน ก็เลยไม่มีขนมหน้าตาดีมาอวดนะคะ รสชาติกาแฟ,ขนม และราคา ไม่ขอแสดงความคิดเห็นค่ะ



กลับไปนอนเล่นพักนึง พอเย็นย่ำก็ออกมาเดินเล่นถนนคนเดินค่ะ





หลานชาย สนใจร้านทำพวงกุญแจ จากเศษไม้



หลานสาวไปนั่งเพ้นท์ผ้าบาติก



ส่วนอิชั้นน่ะเหรอคะ ... นั่งดริ๊งค์ อยู่กะเสี่ยศักดา ที่ร้านสถานีเมรัย ค่ะ





พอเริ่มค่ำ ก็แยกย้ายค่ะ พี่ๆ น้องๆ เริ่มหิวข้าว ไปหาอาหารพื้นเมืองอร่อยๆกินกันดีกว่า มื้อค่ำวันนี้ ตรงไปที่ร้าน "น้องโจ๊ก" ค่ะ



ร้านนี้อาหารอร่อย แต่มีเวลาเปิด- ปิด เป็นช่วงนะคะ
เผื่อเวลากันให้ดี ถ้าจะไปรับประทานอาหารที่นี่



ใบเหมียงผัดไข่ ที่นี่อร่อยดีค่ะ น้ำพริกกุ้งเสียบก็ไม่ค่อยเผ็ดมาก ตอนเช็คบิล เราออกไปรอที่รถ ก็เลยไม่รู้ว่าราคาค่าอาหารที่นี่เป็นอย่างไร แต่ถามพี่สาว เค้าบอกว่า.. "ไม่แพง" ค่ะ



วันแรก และวันเดียวที่มีเวลาเที่ยวกระบี่ ก็จบลงเพียงเท่านี้
หลังจากนั้น..ทำงานตลอดค่ะ ทำงานทุกวัน ตั้งแต่เช้า จนดึก

ได้แวะนอกลู่ นอกทางมั่ง ก็แค่ แวะซื้อของที่ตลาดสดมหาราช



อาหารค่ำ ทุกวัน ก็ฝากท้องไว้กับพี่เสรี และพี่กบ พ่อครัว แม่ครัว แห่งบ้านอันดามัน



อยู่ที่นี่ 8 วัน น้องๆ พี่ๆ ดูแลเราดีทุกคน ทั้งน้องกานต์ น้องเปิ้ล น้องบุ๋ม พี่ยอด พี่ชัย และทุกๆคน ที่ไม่ได้เอ่ยนาม ขอบคุณมากๆค่ะ

วันสุดท้ายเราต้องออกเดินทางกลับตั้งแต่เช้ามืด (05.00 น.)
ปรากฏว่า..พี่เสรี กับพี่กบ มาทำงานก่อนเวลาเพราะว่ามาเตรียมอาหารเช้า ใส่กล่องให้เราไปทานระหว่างทางค่ะ สุดยอดแห่งความประทับใจเลย





ต้องขับรถทั้งวัน ก็เลยออกเช้าหน่อย แวะกราบลาเจ้าบ้าน เจ้าเมือง แล้วก็เดินทางเลยค่ะ ไปเจอคุณอาทิตย์ระหว่างทาง





แวะทานมื้อเช้าที่ปั๊ม "จิงโจ้" หลังสวน ชุมพร
แกะเสบียงออกจากกล่อง ที่พี่กบ แม่ครัวบ้านอันดามัน แพคมาให้ คลับแซนวิช อาหย่อยยยย



เที่ยงครึ่ง แวะทานมื้อกลางวัน ที่เพชรบุรีค่ะ ที่เลือกแวะร้านนี้เพราะขนมหม้อแกง กับขนมหวานอร่อย พวกของฝากราคาไม่แพงด้วยค่ะ แต่ไม่แนะนำหมึกบด 3 รส นะคะ ไม่อร่อยเลยยยยย



จบการเดินทาง "เที่ยวในหน้าที่" วันเดียวเที่ยวกระบี่ แบบครอบครัวค่ะ

สำหรับการเดินทางมากระบี่ในครั้งนี้ ที่บ้านและทีมงานประทับใจเรื่องการบริการและความสะดวกสบายของที่พักมากค่ะ ทั้งที่บ้านอันดามัน และที่ บ้านสบายดี ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย และลงชื่อให้กำลังใจด้วยนะคะ อาทิตย์หน้าต้องไปทำงานที่ภูเก็ต จะพยายามปลีกเวลาไปเที่ยว และนำรีวิวมาฝากกันเหมือนเช่นเดิม

สำหรับทริปนี้ สวัสดีค่ะ



รีวิวภาคถนอมน้ำใจ ที่บอร์ดบลูแพลนเนท ตามลิงค์ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E9214125/E9214125.html




 

Create Date : 06 พฤษภาคม 2553   
Last Update : 7 พฤษภาคม 2553 20:07:07 น.   
Counter : 8815 Pageviews.  

เล่าสู่กันฟัง เมื่อต้องไปทำงานสองสัปดาห์ ที่ภูเก็ต

สวัสดีค่ะ

กลับจากการเดินทางมาได้หลายวันแล้วค่ะ สะสางงานในหน้าที่ พอที่จะมีเวลาว่างบ้างนิดหน่อย ก็ต้องหาเวลามาเล่า(เขียน) ประสบการณ์การเดินทางให้เพื่อนๆฟัง (อ่าน) เหมือนเช่นเคย

ทริปนี้ ไม่ได้ไปเที่ยวค่ะ (จริง จริ๊งงงงงง)
แต่ต้องไปทำงาน ที่ภูเก็ต นานถึง 2 สัปดาห์ คราวนี้ขับรถลงไปเองค่ะ
เพราะคำนวณดูแล้ว ค่าใช้จ่าย และความสะดวก คล่องตัว ในการทำงาน น่าจะดีกว่า การเดินทางโดยเครื่องบิน แล้วไปเช่ารถขับ

เรื่องราวการเดินทางของรีวิวนี้ จะไม่เรียงลำดับนะคะ
แต่จะเป็นการจับนำเอาประสบการณ์ต่างๆมาลงไว้เป็นข้อมูลสำหรับเพื่อนๆ
ที่อาจจะมีความจำเป็นต้องไปใช้ชีวิตระยะยาว ที่ภูเก็ต หรือเป็นข้อมูลสำหรับการท่องเที่ยวแบบประหยัด ก็ได้ค่ะ



ขับรถออกจากกรุงเทพ ตอนเช้า ฟ้ายังไม่สาง ตั้งแต่ประมาณ 04.30 น.ค่ะ
เรามาค้างกรุงเทพ 1 คืนก่อนเดินทาง เพราะต้องมาเตรียมสัมภาระ ที่เก็บเอาไว้ที่กรุงเทพก่อน

หลังจากเติมน้ำมันเต็มถังมาจาก บ้านบึง ชลบุรีเมื่อวันก่อน
มาเติมอีกครั้งที่ กุยบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมกับแวะทานมื้อเช้ากันด้วยค่ะ

ที่ปั๊ม ปตท.กุยบุรี ค่ะ เมื่อเวลา 07.30 น.



ปั๊มนี้ค่อนข้างใหญ่ค่ะ มีบริการครบครัน
ทั้งศูนย์อาหาร ร้านกาแฟ ห้องน้ำสะอาด ร้านสะดวกซื้อ และธนาคาร

จำพิกัดได้ไม่ชัดเจน แบบว่ามองหา ปตท.เป็นหลัก
แล้วก็มองๆ ว่าถ้าเป็นปั๊มใหญ่ ก็แวะโลดดดดดดดดดดดด



เราเดินทางกัน 4 คนค่ะ
ทานข้าวราดแกงแบบง่ายๆ ราคาจานละ 35 บาท
(ศูนย์อาหารที่นี่ต้องแลกคูปองนะคะ)



แวะร้านกาแฟ ที่ตกแต่งสวยมากๆ ก่อนออกเดินทางต่อ
รวมเวลาที่เราหยุดพักอยู่ที่ปั๊มน้ำมันนี้ ก็ประมาณ ครึ่งชั่วโมง ค่ะ



ประมาณบ่ายสองโมง ก็ถึงภูเก็ตแล้วล่ะค่ะ
นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ตลอดทางไม่ได้เร่งรีบ เผลอแป๊บเดียว อ้าว..ถึงซะแระ



ตรงไปเข้าที่พักก่อนค่ะ
เราเคยมาที่นี่ 2 ครั้งแล้ว เลือกพักที่เดิม เพราะเดินทางไปจุดที่ต้องทำงานสะดวก และที่สำคัญราคาไม่แพง บรรยากาศก็เงียบ สงบ สะดวก สบายเป็นส่วนตัวดีค่ะ

ที่ ภูเก็ต การ์เด้นโฮม
(อยู่ในโครงการเจ้าฟ้าการ์เด้นโฮม ถนนเจ้าฟ้าฝั่งตะวันออก)

รายละเอียดที่พัก ดูได้จากรีวิว ที่เคยทำไว้นะคะ



เก็บของแล้วก็ออกไปทานข้าวมื้อ กลางวัน ยันมื้อเย็น ที่ร้านเดิม ย่านหาดป่าหล่ายค่ะ

ไม่ขอลงรายละเอียดนะคะ เพราะเคยลงไว้แล้ว ตามลิงค์ค่ะ
//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8212295/E8212295.html



อาหารมื้อนี้ เรามีเจ้ามือเลี้ยง (อีกแล้วววว) ขอบคุณมากค่ะ

นั่งอยู่ที่ร้านนี้ จนเย็นค่ะ ระหว่างนี้ก็โทร.คุยกับทีมงานที่ทะยอยเดินทางกันมา และกับอีกทีมที่ลงมาถึงก่อนหน้าเรา 2 วันแล้ว เพื่อประสานงานและซักซ้อมความเข้าใจ ในการทำงานวันรุ่งขึ้น



เวลาใกล้ค่ำ เราก็ย้ายที่ค่ะ
เพราะนัดหมายเข้าไปดูสถานที่ ทำงาน กับทีมงานอีก 1 ทีม

จากบริเวณนี้ไป ไม่ไกลค่ะ เดินทางสะดวก

กว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ กลับที่พักเพื่อเข้านอนก็เกือบ 3 ทุ่ม
สถานที่ทำงาน 1 สัปดาห์แรกของเรา คือที่นี่ค่ะ เซนทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต



มื้อเช้า ทุกวัน เราพึ่งพาร้านข้าวราดแกง+ อาหารตามสั่ง ตลอดเส้นถนนเจ้าฟ้า (ถนนขวาง) ทุกวันค่ะ เพราะเป็นทางผ่าน มีร้านอาหารให้เลือกหลายเจ้า
ส่วนใหญ่จะเป็นข้าวราดแกงปักใต้ ,ขนมจีน แต่อิชั้นทานเผ็ดไม่เก่ง ก็เลยแวะร้านอาหารตามสั่ง ที่ขายอาหารภาคกลางทานเกือบทุกวัน

ราคาอาหารที่ทานกัน 4 คน ทุกวัน จะตกอยู่ราวๆ มื้อละ 200-250 บาท ค่ะ



มีอยู่วันนึง บอกน้องๆ ที่มาทำงานด้วยกัน และไม่เคยมาภูเก็ตเลยว่า..

วันนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ จะพาไปกินแต่เตี้ยม ที่ร้านบุญรัตน์

มื้อนี้หมดไป 320 บาทค่ะ หลังจากนั้น เด็กๆบอกว่า หนูขอกินข้าวราดแกง หรือร้านตามสั่งเหมือนเดิมดีกว่า เด็กๆเค้าไม่คุ้นเคยกับอาหารเช้าของชาวภูเก็ตค่ะ



อยู่ที่นี่จะเปลืองค่ากาแฟมากๆ เพราะเป็นคนติดกาแฟสด
ต้องดื่มอย่างวน้อยวันละ 2 ครั้ง ที่เซนทรัล มีร้านกาแฟให้เลือกนั่งหลายร้านค่ะ แต่ร้านที่เปิดเช้าสุดคือ โอ ปองแปง เพราะตั้งอยู่ในโซนหน้าซุปเปอร์มาร์เกต บางวันก็มีอาหารว่างด้วย สถานที่กว้างขวางนั่งสบายค่ะ โดยเฉพาะช่วงเช้าๆ ลูกค้ายังไม่เยอะมาก



วันไหนตื่นเช้าหน่อย ก็ขับรถพาเด็กๆ ไปเที่ยวในเมือง
ไหนๆ ก็เข้าเมืองแล้ว แวะไปซื้อเสื้อยืดที่พิพิธภัณฑ์ไปรษณีย์ภูเก็ต มาคนละตัวค่ะ



ผ่านไปชมความเปลี่ยนแปลง ของถนนถลาง

สายไฟ ระโยงระยาง ลงสู่ใต้ดินหมดแล้วค่ะ แต่จานดาวเทียม เก็บไม่ได้ ไม่สามารถ 55555555555+



วันสุดท้ายที่เราทำงานโซนในเมือง
บอกเด็กๆให้ตื่นเช้าอีกวัน เพื่อไปนมัสการหลวงพ่อแช่ม วัดฉลองค่ะ





สำหรับมื้อค่ำ ส่วนใหญ่จะหาทานมาจากตอนที่ทำงาน (เพราะเลิกงานตอน 4 ทุ่ม) แต่ทุกวันจะหิวก่อนเข้าที่พัก ที่พึ่งพาที่ดีที่สุดคือ 7-11 เพราะเปิดตลอดเวลา ที่สำคัญราคาประหยัดที่สุดแล้ว

แต่..

มันก็มีเบื่อกันบ้างละนะ ลองแวะอยู่ 2-3 ร้าน
ที่ถูกใจเห็นจะเป็นร้านนี้ค่ะ ชื่อร้าน "ครัวเจ้าฟ้า" อยู่ถนนที่ตัดใหม่ ชื่อถนนอะไรก็จำไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่าเป็นถนนที่มีตลาดนัดน่ะค่ะ สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านอาหาร และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ราคาประหยัดค่ะ





ความจริงร้านปิด 4 ทุ่มค่ะ
พอดีว่าวันนั้นแอบออกจากที่ทำงานเร็วไปครึ่งชั่วโมง ก็เลยทันเวลารีบกิน รีบกลับ เพราะเกรงใจเด็กเสิร์ฟ ราคาอาหารไม่แพงค่ะ

แอบกระซิบ.. แกงส้ม รสชาติเด็ดมากๆ
หน้าตาอาหารที่รับประทานค่ะ

ราคาทั้งสิ้น 815 บาท รวมเครื่องดื่มและข้าวเปล่าด้วยนะคะ





ตลอดเวลาที่พักอยู่ที่ ภูเก็ตการ์เด้นโฮม เราใช้บริการร้านซักรีดที่หน้าหมู่บ้านค่ะ ความจริงที่พัก มีเครื่องซักผ้าหยอกเหรียญให้ แต่ว่าเราไม่มีเวลาตาก ไม่มีเวลาเก็บ ไม่มีเวลารีด(ความจริงคือไม่ได้แบกเตารีดไปค่ะ) จ้างเค้าซักสะดวกกว่า

ออกไปทำงานตอนเช้าก็แวะส่ง ตกดึกกลับเข้าที่พักก็แวะรับ เพราะร้านเค้าเปิดตลอด 24 ชม. ชื่อร้าน "นาบอนซักรีด" ค่ะ อยู่ในซอยเจ้าฟ้า 5 ซอยเดียวกับที่พักของเรา

ราคาซัก-รีด เสื้อตัวละ 10 บาท กางเกงยีนส์ตัวละ 15 บาทค่ะ
พิสูจน์มาแล้วเสื้อผ้า หอมสะอาดดี ที่สำคัญสะดวกมากสำหรับการมาทำงานระยะยาวแบบนี้

1 สัปดาห์ผ่านไป ไวเหมือนโกหก
เราต้องย้ายที่ทำงานกันแล้วล่ะค่ะ !!!!!!!!!!!!!!!





วันนี้เราต้องย้ายไปทำงานที่ป่าตองค่ะ
เลือกที่จะเดินทางไปยังป่าตองทางด้าน กะตะ กะรน เพื่อที่สาวๆ ที่เพิ่งมาภูเก็ตเป็นครั้งแรก จะได้มีโอกาสได้เห็นทะเลกับเค้าบ้าง

ได้แค่ขับผ่านค่ะ เพราะเราต้องไปหาที่พักกันก่อน
ปัญหาใหญ่ของการมาทำงานที่ป่าตอง ก็คือ "ที่จอดรถ" ค่ะ เพราะมันหายากมั่กๆ โดยเฉพาะที่พัก ราคาประหยัดที่มีที่จอดรถด้วย หายากยิ่งกว่างมเข็มในทะเลอันดามั





มีที่พักเปิดใหม่ ที่ถนนด้านหลังห้างจังซีลอนหลายแห่งค่ะ
เป็นแนวเกสท์เฮ้าท์ และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ แบบห้องเช่ารายวัน-รายเดือน น่ะค่ะ ราคาหลักร้อย บางแห่งมีที่จอดรถ(ไม่มีร่ม) ให้ด้วย แต่บางแห่งก็ต้องจอดหน้าตึกที่พัก รูปนี้คือ Hello Patong (เฮลโล ป่าตอง) และ Add Mansion (แอด แมนชั่น) ค่ะ ถัดไปอีก 2 ตึกจะมี กู๊ดไนท์ เกสท์เฮ้าท์ อีกที่หนึ่ง

แต่เราเลือกพักที่ The Nara Patong ค่ะ รายละเอียดอยู่ที่หมวด "รีวิวที่พัก"





ที่ เดอะนารา ไม่มีที่จอดรถค่ะ
แต่สามรถจอดได้บริเวณพื้นที่ว่าง ด้านหน้าตึก

เราเลยเลือกที่จะเอารถไปจอดที่จังซีลอน ที่เราทำงาน เนื่องจากอยู่ไม่ไกล
เดินไปทำงานตอนเช้า เดินกลับที่พักตอนดึกได้สบายมาก เพราะเราได้บัตรจอดรถฟรี ตลอดเวลาที่ทำงานที่นี่ ปกติที่จังซีลอนจะต้องเสียค่าจอดรถนะคะ เว้นเสียแต่ว่าจะมีใบเสร็จการซื้อสินค้า(มูลค่าเท่าไหร่จำไม่ได้) มาแสดง


แต่เดี๋ยวก่อน !!!!!!!!!!!!!!


ของฟรี ไม่มีในโลก
เราได้สิทธิ์จอดฟรีแค่ 24 ชม.ค่ะ เพราะฉะนั้น จะมาจอดแช่ยาวตลอดการทำงานนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคุณต้องจ่ายค่าจอดรถคืนละ 1200 บาท (แพงกว่าค่าที่พักอีกนะเนี่ย) เราก็เลยต้องเดินมาเวียนรถออก แล้วขับเข้ามาใหม่ทุกวัน





ตลอดเวลาที่อยู่ป่าตอง เราเดินไปเดินกลับจากห้างจังซีลอน ไปที่พักทุกวันค่ะ ช่วงเช้าๆ ก็ออกเช้าหน่อย หาโอกาสไปเดินเล่นหาอาหารเช้าทานแบบนักท่องเที่ยวบ้าง

บางวันเดินไปถึงซอย เดอะรอยัลพาราไดซ์
ไปทานมือเช้าที่ ชาลี เกสท์เฮ้าท์ ค่ะ เป็นอีกหนึ่งที่พักที่น่าสนใจ ของย่านนี้





น่าเสียดาย ที่มีแขกพักเต็ม
ก็เลยไม่มีโอกาสนำภาพภายในห้องพักมาให้ชมกันได้ แค่ไปทานมื้อเช้าอย่างเดียว

แต่ร้านอาหารไม่ใช่ของที่พักนะคะ
เป็นชาวฟิลิปปินส์ มาเช่าทำอาหารขายให้นักท่องเที่ยว

เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจ ที่เจ้าของร้าน และพนักงานจะไม่พูดภาษาไทยกับคุณ





ลองทายกันดูเล่นๆ ไหมคะ ว่าคลับแซนด์วิช ชิ้นนี้ราคาเท่าไหร่ ????

อย่าทายเลยค่ะ คนกินแสลงใจ
เอาเป็นว่า.. ซื้อแซนด์วิช แฮมชีส เซเว่นได้หลายชิ้นเลยค่ะ





บางวันเบื่อๆ เราก็ออกมาเวียนรถแต่เช้า
ไปหามื้อเช้าทานแถวชายหาดมั่งดีกว่า ถึงจะราคาสูง แต่เพื่อแลกกับบรรยากาศ คิดว่าก็น่าจะคุ้ม





ร้านรวงส่วนใหญ่ ยังไม่เปิดค่ะ เตียงริมหาดยังคงว่างเปล่า ที่พึ่งของเรา คงไม่พ้น แมค โดนัล มื้อเช้าวันนี้ สำหรับสองคน หมดไป สองร้อยกว่าบาทค่ะ





ตั้งใจว่าจะมานั่งชมบรรยากาศทะเลยามเช้า แบบสุขๆ สงบๆ

ที่ไหนได้...


คุณพี่ ที่มีร้านขายของริมหาดแถวนี้ เค้าจอดรถเปิดแพงเสียงดังมากๆ
แถมแข่งกัยพ่นควันบุหรี่ ใส่โต๊ะที่เรานั่งกันเป็นแถว

หนีเข้าไปนั่งในร้านก็ได้อ่ะ

แต่ก็ไม่วาย เข้าไปเจอ พนง.ตะโกนคุยกันเหมือนอยู่ที่บ้าน
เลยต้องแกล้งเดินไปแสดงตัวหน้าเคาร์เตอร์ เพื่อให้รู้ว่า.. มีลูกค้าอยู่นะคะ คุณน้องขา แล้วกลับมานั่งที่ กินแบบเงียบๆ ต่อไป





กลับมาที่จอดรถ

แต่ยังเอารถออกไม่ได้ มีรถคันใหญ่มาจอดขวางอยู่
ติดเครื่องไว้ แต่ไม่มีคนอยู่บนรถ รออยู่พักใหญ่ มีพี่ชายผิวเข้ม
เดินมาตะโกนถาม "จะออกเหรอ??" แบบว่าทั้งเสียง ทั้งหน้าตาพี่ ไม่น่าเป็นคนที่ทำงานบริการเลยอ่ะ ขอโทษซักคำก็ไม่มี

เฮ้อ...


เมืองท่องเที่ยว





ช่วงที่เราทำงานอยู่ที่นี่

อาหารที่ราคาประหยัดที่สุด คืออาหารสำเร็จพร้อมรับประทานที่มีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตค่ะ ปริมาณเยอะในราคาแพคละ 25-35 บาท (ประเภทข้าวราดแกง,กะเพราะ+ไข่ดาว อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ) แต่เรื่องรสชาติ ก็ต้องทำใจนิดนึงนะคะ ทานหลายมื้อ ก็ย่อมมีเบื่อกันเป็นธรรมดา

อยู่ที่นี่ ไปดูการแสดงน้ำพุดนตรีทุกวัน วันละ 4 รอบ

แนะนำว่าถ้าใครอยากมาชม ควรมารอบ 1 ทุ่ม หรือไม่ก็รอบสุดท้าย 3 ทุ่มนะคะ เพราะจะมีการแสดงม่านน้ำด้วย ชมฟรีค่ะ





อากาศค่อนข้างร้อน อบอ้าวค่ะ
เครื่องดิ่มที่นี่จึงขายดีเป็นพิเศษ ถ้าเข้าซุปเปอร์มาร์เกตในช่วงค่ำ

คุณจะไม่สามารถหาซื้อเบียร์ที่แช่เย็นแล้วได้ค่ะ





บางวันเราเบื่ออาหารสำเร็จ ในซุปเปอร์
อยากผ่อนคลายไปกับช่วงเวลาหลังเลิกงานบ้าง

แต่ก็ไม่อยากไปไหนไกล..

เดินแกล้งเดินไถล ไปโซน ชิโน ฯ ก่อนกลับที่พัก





หาอะไรกินแก้เหนื่อย ก่อนกลับไปนอนพักผ่อน พนักงานที่ร้านบริเวณนี้ น่ารักทุกร้านค่ะ เค้าบอกดีใจ ที่ได้บริการลูกต้าคนไทย แนะนำรายการอาหารแบบเจาะลึก แถมยินดีเปลี่ยนบางรายการ ที่เราไม่ทาน เป็นอย่างอื่นให้ด้วย





แล้วอีกหนึ่งสัปดาห์ที่ป่าตอง ก็ผ่านไป ไวเหมือนโกหกเช่นเคย
เราเสร็จสิ้นภารกิจตอนสี่ทุ่ม เก็บข้าวของ เข้าที่พัก รีบเข้านอนเพื่อเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

ออกจากป่าตองเวลาเดิมที่เหมือนขามา คือ ตี 4 ครึ่ง
หลับยาวเลยค่ะ เพราะไม่ได้เป็นคนขับ แวะทานข้าว เข้าห้องน้ำตอนไหนบ้าง ก็ลืมไปหมดแล้ว

รู้แต่ว่า ..

บ่ายสองโมงกว่าๆ ก็มาถึงกรุงเทพฯแล้วล่ะค่ะ





สำหรับค่าใช้จ่ายคร่าวๆ (ที่เปิดเผยได้)
ในการลงมาทำงานในครั้งนี้ มีดังนี้ค่ะ


ค่าน้ำมัน ไป-กลับ และตลอดเวลาที่ใช้ในพี้นที่ภูเก็ต
จันทบุรี-กรุงเทพ-ภูเก็ต-จันทบุรี (แกสโซฮออล์ 91)

- 5,800 บาท

ค่าที่พัก ทั้ง 2 แห่งราคาคืนละ 600 บาท รวมทั้งสิ้น

- 7,800 บาท

ค่าอาหาร และของใช้จิปาถะในชีวิตประจำวันหมดไปเยอะมากค่ะ
อย่าให้ลงยอดเงินเลย แบบว่าเดี๋ยว จขกท.จะเสียดายเอง
งานนี้เบื่อข้าวกล่องเซเว่นไปเลยอ่ะ


ภูเก็ต เหมาะสำหรับการไปเที่ยวพักผ่อน มากกว่าไปทำงานค่ะ
ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณชาวภูเก็ต ในน้ำใจและไมตรี ที่มอบให้นะคะ คนท้องถิ่นน่ารักจริงๆค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาแวะชม และลงชื่อทักทายนะคะ สำหรับรีวิวฉบับเต็มที่ลงไว้ที่บอร์ดบลูแพลนเนท ตามลิงค์ไปได้นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8831393/E8831393.html








 

Create Date : 19 เมษายน 2553   
Last Update : 19 เมษายน 2553 21:19:47 น.   
Counter : 6520 Pageviews.  

ทริปแรกของปี 53 เที่ยวเชียงใหม่ แบบตามใจฉัน 3 วัน 2000 โล

ทริปแรกของปี 53 ค่ะ
รีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนท จากลิงค์นี้

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8745369/E8745369.html

ติดตามชมได้เลยค่ะ

Smiley



..........................................................................................

คงไม่ช้าไป ที่จะกล่าวสวัสดีปีใหม่ นะคะ

หลังจากผ่านพ้นวันหยุดยาวๆ วันที่ใครหลายๆคนกลับไปทำงาน
ก็ได้เวลาที่เราจะออกเดินทางกันบ้างแล้วล่ะค่ะ ทริปนี้ เป็นทริปทางไกล
แต่ใช้เวลาสั้นๆ เพราะไม่รู้จะไปไหน เป็นการเที่ยวแบบตามใจฉัน
ตามสถานการณ์จิตใจ แบบนาที ต่อ นาที อยากไปก็ไป เหนื่อยหน่ายก็กลับ

ออกเดินทางเมื่อวันจันทร์ที่ 4 มกรา ค่ะ ขับรถชึ้นเหนือ ไปนอนค้างที่เชียงใหม่ แล้วก็ไปชมความงามของดอกพญาเสือโคร่ง ที่ขุนช่างเคี่ยน ก่อนไปช๊อปปิ้งกันจนสะใจ ที่หมู่บ้านถวาย แล้วกลับเข้ามานอนในเมือง ก่อนที่รุ่งเช้า จะเดินทางกลับบ้าน ที่จันทบุรีค่ะ



ออกจากบ้านที่จันทบุรี เมื่อเช้าตรู่
นัดหมายกับเพื่อนร่วมทางที่กรุงเทพฯ กว่าจะได้ออกจากเมืองกรุง
ก็สายๆมากแล้วล่ะค่ะ วิ่งยาวสู่ภาคเหนือ ขับไปเรื่อยๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบ



เย็นๆ ได้เวลาเลิกงาน(รถติดพอดี) เราก็ถึงเชียงใหม่



ไม่ได้จองที่พักไว้ แล้วก็ไม่มีแผนด้วย
กะว่าไปหาเอาข้างหน้า เล็งไว้ที่โซนนิมมาน-ศิริมังคลาจารย์ เพราะเช้าจะได้ขึ้นดอยสุเทพ-ดอยปุย ง่ายๆ

สุดท้ายเราก็ได้ที่พัก ที่นี่ค่ะ "เชียงใหม่ ฟลอร่า"
น่าจะเป็นเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์เก่า ที่นำมาปรับปรุงใหม่ อยู่ซอนิมมานฯ 17
ตรงกลางแยกพอดี ตรงนี้ถ้าเลี้ยวขวาไป ก็จะเจอร้านไอติมชื่อดัง ไอเบอรรี่ ค่ะ



รายละเอียดที่พัก ดูที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ
ออกไปหาอะไรกินดีกว่า ..
เดินไปค่ะ ถัดไป 2 ซอย ตกลงปลงใจที่ร้านนี้ "คุณนายตื่นสาย" นิมมานฯซอย 13



เลือกร้านนี้ เพราะตกแต่งน่ารักดี
ที่สำคัญเสียงไม่ดังมาก เน้นมานั่งคุย นั่งดื่ม ค่ะ

ก็เลยไม่ซีเรียสเรื่องรายการอาหาร ซักเท่าไหร่ ระหว่างรอ สองสาวเจ้าถิ่นเชียงใหม่มาสมทบ ก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ พร้อมเครื่องดื่มเย็นๆ เจ้าประจำ



อาหารแบบง่ายๆ ค่ะ
เน้นเป็นพวกกับแกล้มเสียมากกว่า ราคาก็กลางๆค่ะ ไม่ถูก แต่ก็ไม่โหดมากไป นั่งจนได้เวลาพอสมควร ก็แยกย้ายค่ะ
เดินกลับไปนอน ราคาค่าเสียหายทั้งหมด 1,017 บาท เป็นค่าดาวแดง 5ขวด 535 บาท นอกนั้นเป็นอาหารแล้วก็แตงโมปั่น กะชาร้อน



เช้าตรู่ตื่นขึ้นมา เตรียมตัวออกเดินทางค่ะ
ขับมาตามถนนห้วยแก้ว แวะใส่บาตรพระกันก่อน ใส่บาตร รับพร กรวดน้ำเรียบร้อย มุ่งหน้าขึ้นดอยกันเถอะค่ะ



ตลอดสองข้างทาง การขึ้นดอยสุเทพ
มีดอกนางพญาเสือโคร่ง ให้เห็นตลอดทางค่ะ

แต่ว่าต้นเล็ก ดอกน้อย ไม่บานเป็นสีชมพูเต็มๆ แบบข้างบนชุนช่างเคี่ยน
หนทาง จากสามแยกบ้านม้งดอยปุย ไปขุนช่างเคี่ยน ก็อย่างที่หลายๆคนทราบกันค่ะ ถนนแคบเป็นทางโค้ง มีจุดที่รถจะสวนทางกันได้ เป็นช่วงๆ และช่วงปลายๆ ก่อนถึงจุดที่ชมดอกพญาเสือโคร่ง ถนนไม่ได้ราดยางนะคะ อยากถ่ายภาพการเดินทางมาโพสท์ ให้เพื่อนๆเห็นภาพ

แต่ไม่สามารถจริงๆค่ะ



จุดนี้จะเป็นจุดที่สวยที่สุด (ในสายตาของอิชั้น) แต่ไม่สามารถจอดรถได้ค่ะ
ไอ้ครั้นจะเดินย้อนออกมาถ่ายภาพ ก็ขี้เกียจ



ถ้าถนนไม่มีฝุ่น คงจะดีกว่านี้

สวยมากกกกกกกกกกกกกกก
แต่ความอดทนในการลงไปเก็บภาพไม่เพียงพอ แบบว่าชักจะหิว และเริ่มวิงเวียน



ขนาดว่าเป็นเช้าของวันธรรมดา ก็ยังมีรถรา ผู้คน ไม่ขาดสาย
ถ้าเป็นวันหยุด จะวุ่นวายขนาดไหนหนอ มุมมอง ก็คงจะเหมือนๆ กับคนอื่น
แต่ความสวสยงาม คงสู้คนอื่นๆไม่ได้



น่าเสียดายที่ยังเช้าอยู่มาก ไม่มีแดดส่อง ก็เลยดูไม่ค่อยสวย ถ่ายไป ถ่ายมา ก็ได้แต่มุมเดิมๆ ชักจะเหนื่อย หิว และร้อน นึกว่าจะหนาวกว่านี้ แต่ไม่ยักหนาวแฮะ ถ่ายไปไม่นานก็ออกไปหากาแฟ+น้ำส้มคั้น มื้อเช้า







ลงดีกว่า ไม่ไหวแระ เดินแค่นี้จะเป็นลม สงสัยอายุมากเกินไป ก่อนจากลา .. ขุนช่างเคี่ยน







ลงมาที่พระตำหนักภูพิงค์ ค่ะ
ลงไปซื้อบัตร คนละ 20 บาทเพื่อเข้าไปกินกาแฟ กะน้ำส้ม

ไม่มีรูปในนี้นะคะ เพราะว่าไม่ได้เดินเที่ยวค่ะ
ตั้งใจมานั่งกินกาแฟ กะน้ำส้มจริงๆ เราเดินย้อนศร เพื่อไปที่ร้านกาแฟกันเลย บรรยากาศดอกไม้สวยๆของที่นี่ ตามไปชมได้จากรีวิวตอนที่พาหลานเที่ยวเชียงใหม่ ตอนข้างล่างนะคะ



ระหว่างทางเดินไปร้านกาแฟ
เราเจอต้นนางพญาเสือโคร่งอีกหลายต้นเลยค่ะ แต่ว่าดอกไม่เยอะ ไม่สวยเหมือนที่ขุนช่างเคี่ยน

Smiley







ระหว่างที่นั่งดื่มกาแฟ ,น้ำส้ม และของว่าง ที่ร้านกาแฟภายในพระตำหนัก
ก็นั่งปรึกษากันว่าจะไปขุนวางต่อมั้ย ตกลงใจว่า ไม่ไปดีกว่า เหนื่อย ไปช๊อปปิ้งให้เพลิดเพลินอุรา ที่หมู่บ้านถวายดีกว่า

คิดได้ดังนั้น จะช้าอยู่ใย
ไปช๊อปกันเต๊อะ จากดอยสุเทพ มุ่งหน้าหมู่บ้านถวาย ช๊อปกันกระจายค่ะ
นี่ถ้าไม่ติดว่าเอารถเก๋งมา คงจะซื้อกันมากกว่านี้ ไม่มีภาพบรรยากาศที่นี่นะคะ เพราะว่าไม่ได้เอากล้องลงไป เนื่องจากร้านส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพค่ะ



ช๊อปหมดไปหลายตังค์ ก็เลยทานมื้อกลางวันกันที่นี่เลยค่ะ
ตกบ่าย ก็กลับเข้าเมือง ไปหาที่พักสำหรับคืนนี้กันต่อ วนๆเวียนๆอยู่ในคูเมืองหลายที่ จนเริ่มเบื่อ เลยเปลี่ยนแผนออกไปเส้นซุปเปอร์ไฮเวย์ดีกว่า

ในที่สุดก็ตัดสินใจ ไปพักที่โรงแรมธาริน ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ (คลิ๊กดูรายละเอียดที่รีวิวที่พักนะคะ) ใกล้ๆโรงแรม ของกินเยอะค่ะ มีร้านรถเข็นที่ขายอาหารกลางคืนสารพัดเลยที่สำคัญมี 7-11 ด้วย พักแถวนี้ รับรองไม่มีอด แต่เราตัดสินใจทานมื้อค่ำกันที่โรงแรมค่ะ เพราะอยากนั่งฟังเพลงที่ ล๊อบบี้ บาร์ ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง

รสชาติอาหารดีหรือไม่ ไม่รู้
แต่ที่รู้แน่ๆ เบียร์เย็นชื่นใจ ที่สำคัญคุณอ้วน นักดนตรีที่เพิ่งมาเล่นที่นี่เป็นคืนแรก ร้องเพลงเพราะ เล่นเปียโนเก่งค่ะ ถูกใจ ถูกใจ

ที่ตั้งใจว่า ..จะแค่นั่งฟังเพลงพอเพลินๆ
กลายเป็นอีกหนึ่งคืนที่ หนักกกกกกกก อีกตามเคย

 



Smiley



เช้า..

ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เก็บของเตรียมเดินทางกลับค่ะ
เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมตอนแปดโมงนิดๆ
เดินออกไปซื้อส้ม ที่ข้างโรงแรม เอาไปฝากคนที่บ้าน

พี่คนขายมาจากอำเภอฝางค่ะ ใจดี แถมให้เยอะเลย



ระหว่างทาง ออกนอกเมืองมานิดนึง
แวะซื้อสะตอเบอรี่ จากแผงป้าจิน ข้างทาง ที่ซื้อกันมาประจำ

นี่ก็อีกร้านที่ใจดี ขายแจก ขายแถม



เป็นอันจบทริปค่ะ

สำหรับทริปสั้นๆ เที่ยวเชียงใหม่แบบตามใจฉัน 3 วัน 2000 กม.
ออกจากเชียงใหม่ ก็ตรงยาวเลย มาแวะทานข้าวกลางวันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เงินร้าน ที่กำแพงเพชร แล้วก็ขับรถฝ่าฝนที่ตกหนักมาก มาตลอดทาง ถึงกรุงเทพประมาณ ห้าโมงเย็น ถึงจันท์ตอน 2 ทุ่ม

ปิดทริปแรกของปี กันด้วยความประทับใจในความงามของนางพญาเสือโคร่ง
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย ลงชื่อให้กำลังใจนะคะ

สวัสดีค่ะ




 

Create Date : 17 เมษายน 2553   
Last Update : 17 เมษายน 2553 20:35:42 น.   
Counter : 2029 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]