เที่ยวแล้วสบายใจ...ไม่เน้นรายได้จากงานประจำ

เที่ยวเหนือ เมื่อเริ่มหนาว : ตอนที่ 1 กระทงสาย ไหลประทีป

รีวิวนี้ เป็นเหตุการณ์เมื่อเดือนพฤศจิการยน 52 ค่ะ
ทำไว้ที่บอร์ด "บันทึกนักเดินทาง" บลูแพลนเนท ขอนำมาเก็บไว้ที่นี่ด้วย

..........................................................................................

สวัสดีค่ะ

มาตามสัญญาที่ให้ไว้ ว่าจะรีบเข็นรีวิวชุดต่อไปมาลง กับทริป "เที่ยวเหนือ"
ระหว่างวันที่ 3-9 พฤศจิกา ที่ผ่านมา

เพราะเรามีธุระ จะต้องไปงานแต่งงาน ที่จังหวัดลำปางในวันที่ 8 พ.ย.
ก็เลยตั้งใจว่า จะหาโอกาสไปเที่ยวกันซะก่อน ซักวันที่ 5 แล้วค่อยกลับลงมางานแต่ง แต่ด้วยความบังเอิญไปเจอข้อมูลการจัดงาน กระทงสาย ไหลประทีป ของ จ.ตาก เข้า เลยเกิดความสนใจ เพราะเคยประทับใจมาก เมื่อคราวได้เห็นภาพจากการประชุม APEC เลยเปลี่ยนแผน ขยายวันเที่ยว (เข้าทาง) เป็นเริ่มการเดินทาง เป็นวันที่ 3 หลังลอยกระทง

รีบจองที่พัก ที่คิดว่าวิวดีที่สุด ในการชมบรรยากาศงานจากภายในห้อง ส่วนการเดินทางในวันต่อๆไปนั้น ปล่อยให้มันเป็นไป ไม่ได้คาดหวัง เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรนั้น.. โปรดติดตาม

หลังจากพาสาวใต้เที่ยว เมื่อกระทู้รีวิวที่เพิ่งจบไป
แล้วไปส่งน้องๆ แล้ว เราก็มุ่งหน้าขึ้นเหนือ ออกจากกรุงเทพฯขึ้นทางด่วนขั้นสอง มุ่งหน้าบางปะอิน เข้าสายเอเชีย

แต่ว่าหิวข้าว เลยต้องแวะหามื้อเช้ารับประทาน กันก่อน



ไม่รู้เพราะอะไรดลใจ ขับไปโผล่ที่ศลากลางจังหวัดอ่างทองได้ไงไม่รู้ แวะไปกินกาแฟอร่อยๆ ที่มีเจ้าของร้านเปรี้ยวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา กับข้าวแกงคนละจานในโรงอาหารของศาลากลาง แล้วเราก็ออกเดินทางต่อค่ะ



ลืมลำดับเหตุกาณ์ เผื่อไว้เป็นข้อมูลการเดินทางสำหรับเพื่อนๆ
เรานำรถเข้าศูนย์ เช็คความพร้อมก่อนออกเดินทาง ตั้งแต่วันก่อนหน้านี้

07.00 น. - ออกจากกรุงเทพ
09.00 น. - ออกจากศาลากลางจังหวัดอ่างทอง

แวะเติมน้ำมัน และเข้าห้องน้ำบ้างระหว่างทาง ช่วงบ่ายๆ ก็ถึงที่หมาย จ.ตาก ค่ะ


ปล.ค่าใช้จ่าย ในช่วงเช้า
ค่าทางด่วน 3 ด่าน - 100 บาท
อาหารเช้าที่ศาลากลาง - 100 บาท
เติมน้ำมัน - 730 บาท
กาแฟ+ขนม - 135 บาท

ตอนที่โทร.มาจองห้องพักที่นี่ (เวียงตากรีเวอร์ไซด์)
บอกพนักงานไว้ ว่าอยากได้ห้องที่เห็นวิวแม่น้ำ และบรรยากาศงานกระทงสายที่สวยที่สุด พนักงานเลือกห้องหัวมุมให้ (คอนเนอร์ สวีท) ในชั้นเกือบสูงสุด ที่ว่าได้พักชั้นเกือบสูงสุด เพราะชั้นบนสุดมีแขกระดับเจ้านายเข้าพักค่ะ
ตอนที่เรามาถึง ห้องยังทำไม่เสร็จ เพราะคืนก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นงานวันลอยกระทง มีแขกเข้าพักเต็มทุกห้อง แม่บ้านทำห้องไม่ทัน เราไม่ซีเรียสอยู่แล้วล่ะค่ะ ก็เลยเดินถ่ายรูปในบริเวณโรงแรมฆ่าเวลา ส่วนรีวิวที่พักโดยละเอียดคลิ๊กดูได้ที่หมวด "รีวิวที่พัก"นะคะ



พนักงานที่นี่อัธยาศรัยดีค่ะ ตั้งแต่ รปภ. ไปจนถึงแม่บ้าน
เราขอเอาของขึ้นไปเก็บที่ห้องก่อน เพราะเริ่มหิวข้าว(อีกแล้ว) เล็งๆ ข้ามฝั่งไว้แล้ว ว่าจะไปนั่งร้านริมแม่ปิง ฝั่งโน้น รูปนี้ เป็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์งาน ที่ติดอยู่ในลิฟท์



ขึ้นไปดูวิวจากในห้อง..


อื่ม... ทำไมมันมีแต่เต้นท์ขายของอ่ะ
เอาน่า กลางคืน มันอาจจะสวย



ลงไปหาข้าวกินดีกว่า (ความจริงน่าจะบอกว่า ลงไปหาเบียร์กินดีกว่าถึงจะถูก) ทุกมุมในโรงแรม จะถูกประดับตกแต่งไปด้วยกระทงสาย จากโรงแรม ผ่านสวนสาธารณะ ขับรถข้ามสะพานไปอีกฝั่งค่ะ

บริเวณสะพาน 200 ปี
สวยดี น่าลงไปถ่ายรูป แต่เอาไว้ก่อนนะ ร้อนมากกกกกกกกกก

เวทีการแสดง การจัดงานเค้าตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตรงนี้ ค่ะ



ไม่รู้หรอกว่า ร้านไหนอร่อย
รู้แต่ว่า ตอนมองลงมาจากห้องพัก เห็นบรรยากาศร้านนี้น่านั่ง ก็ตรงดุ่ยๆมาเลย ชื่อร้าน บ้านเคียงน้ำ ค่ะ

อยู่ฝั่งตรงข้าม กับโรงแรมที่เราพัก
มองไปเห็นห้องเราด้วย จำได้ จำได้ เหนื่อย และร้อนมากๆ สั่งอาหารมา 3 อย่าง รสชาติเป็นไงไม่รู้อ่ะ ไม่ได้เน้น รู้แต่ว่าราคาไม่แพงนะ ดาวแดง 4 ขวด อาหาร 3 อย่าง 625 บาท จ้ะ









ลงมาเดินเล่นใกล้ๆโรงแรม พอดีมีคนโทร.มา ว่าจะมารับไปกินข้าวพอดี
รอแป๊บเดียว รถก็มาแล้ว นั่งรถคันนี้ไปกินข้าวกัน เค้าบอกว่าจะพาไปร้านสุดฮิต ชื่อร้านไอยราวดี ค่ะ

ความจริงพี่ รปภ.เค้าก็แนะนำเรานะ แต่ว่าเราหาร้านไม่เจอ เพราะเราลงสะพานแล้วเลี้ยวซ้าย ในขณะที่ร้านนี้ ลงสะพานต้องเลี้ยวขวา ชอบร้านนี้มากกกกกกกกกก

บรรยากาศดี มีดนตรีเล่นสดด้วย (แต่ไม่ได้นั่งฟัง)







ที่สำคัญอาหารอร่อยมากๆ นั่งเพลินมาก แต่คุยเพลินกว่า

ขอบคุณมิตรภาพ และน้ำใจที่ได้รับจากคนตาก และคนที่ไปอยู่ตาก 555+
ขอบคุณพี่ใจดี ที่พาไปเลี้ยงดูอย่างอิ่ม ขอบคุณมากๆจ้า..

รีบๆมาจันท์นะ จะพาไปเลี้ยงมั่ง





คนตากใจดี มาส่งกลับที่พัก
แล้วเราก็ออกไปเดินชมงานกันต่อ เจอแต่ร้านค้าอ่ะ

พยายามหาช่องว่าง ไปสู่ริมแม่น้ำ เพื่อดูความงามของกระทง

แต่ไม่เห็นอ่ะ มันไม่มาเป็นสาย แบบที่เคยเห็นในภาพทางโทรทัศน์ เลยเปลี่ยนใจ ไปยืนดูแดนเซอร์หน้าเวทีคอนเสิร์ตดีก่า





สิ่งเดียวที่ชอบที่สุดเวลาไปเจองานคาราวานสินค้าแบบนี้ คือ "ไก่ย่าง" โดยเฉพาะไก่ย่างพิษณุโลก อาหย่อย



ไม่ไหวอ่ะ ไม่มีความรู้สึกว่ามางานกระทงสาย ซักนิด
ขึ้นไปดูวิวจากห้องพักดีกว่า ไปดูเค้าจุดพลุ ลอยโคม กันค่ะ พยายามสุดทธิ์ มองเห็นกันมั่งมั้ยอ่ะ





พอเหอะ

ไม่สำเร็จอ่ะ เข้านอนดีกว่า พรุ่งนี้ต้องเดินทางไกล
มุมเดียวกะภาพข้างบน ตอนเช้าตรู่



ลงไปรับประทานอาหารเช้าก่อน เดินทางต่อ อิ่มแล้วก้เช็คเอ้าท์ วันนี้เราตั้งใจว่าจะยิงยาวไปเชียงราย สำหรับเพื่อนๆที่จะขับรถขึ้นเหนือ ช่วงหนาวนี้

ทำใจกับผิวถนนแบบนี้ไว้ด้วยนะคะ เข้าเขตพะเยา ค่อนยังชั่วหน่อยค่ะ หาเรื่อง ขับรถเข้าไปเที่ยวในเมืองพะเยา 1 รอบ ไปเยี่ยมกว๊านพะเยา มาด้วยล่ะ





แวะกินมื้อเที่ยงง่ายๆ ที่ร้านริมทาง



ประมาณบ่ายสอง ก็ถึงเชียงรายแล้วล่ะค่ะ
ในตอนต่อไปจะพาเที่ยวเชียงราย ที่ความจริงแทบจะไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย

สำหรับวันแรกที่จังหวัดตากนี้ หากถามว่าประทับใจอะไรมากที่สุด
ตอบได้เลยค่ะ ว่าประทับใจ "คนตาก" และวิวแม่น้ำปิง มุมที่สวยที่สุด เท่าที่เคยเห็นมา ขอบคุณเจ้าบ้านที่ให้การต้อนรับอย่างดีเยี่ยมนะคะ

แล้วพบกันใหม่ตอนต่อไป ที่เชียงรายค่ะ



รีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนท ชมได้ตามลิงค์นี้ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8547230/E8547230.html




 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:33:58 น.   
Counter : 2239 Pageviews.  

เที่ยวเหนือ เมื่อเริ่มหนาว : ตอนที่ 2 ณ ราตรีหนึ่งซึ่งยังฝังใจเชียงรายฟ้าแจ่ม

วันที่สองของการเดินทาง ทริปเที่ยวเหนือ ค่ะ

ชื่อหัวกระทู้ก็บอกแล้ว ว่าวันนี้เราจะไปเชียงราย จังหวัดที่ใครก็บอกว่าไกล๊..ไกล ขับรถไปเหนื่อยแย่ ก็เหนื่อยจริงๆนั่นแหละ แต่ว่าอยากมาน่ะ ไม่มีเหตุผลอื่น


ข้อมูลการเดินทางของวันนี้

8.30 น. - ออกเดินทางจากตาก (เติมน้ำมัน 520 บาท)
11.40 น. - แวะทานข้าวกลางวันระหว่างทาง ช่วงเขตจ.ลำปาง (73 บาท)
ประมาณบ่ายสองโมง ก็เข้าเขตจังหวัดเชียงรายค่ะ

เวลา 14.50 น.
เราเดินทางมาถึงวัดร่องขุ่นค่ะ วันนี้เรายังไม่มีแผนเกี่ยวกับเรื่องที่พัก
สองจิต สองใจ ระหว่างการพักในเมืองใกล้ไนท์บาร์ซาร์ หรือว่าไปหาที่กางเต้นท์ กะว่าไปมันเรื่อยๆ แล้วแต่โชคชะตา ฟ้าจะกำหนดก็แล้วกัน

ยังคิดอะไรไม่ออก เลี้ยวเข้าวัดก่อนดีกว่า



ไปเก็บตราประทับก่อนเลย เก็บไปเผื่อเพื่อนด้วย
แต่กลัวเป็นเปรตเลยหย่อนตู้ทำบุญไป 100 บาท



เราโชคดี ไปวัดร่องขุ่นที่ไร ได้พบท่านอ.เฉลิมชัยทุกครั้ง
แต่วันนี้ไม่ได้เข้าไปสวัสดีทักทายท่าน เพราะเห็นว่ากำลังนั่งคุยอยู่กับกรรมการวัดอีกท่านหนึ่ง ไปครั้งใด ก็จะได้พบความคืบหน้าในการก่อสร้างทุกครั้ง เดินเก็บภาพความสวยงามของวัดไปเรื่อยๆ ในมุมที่ยังไม่เคยถ่ายภาพเก็บไว้









เข้าไปชมโรงปั้นค่ะ ช่างฝีมือกำลังทำงานกันอยู่ เป็นงานที่วิจิตรมาก หลายขั้นตอน กว่าจะสำเร็จออกมาเป็นสิ่งก่อสร้างที่สวยงามตระการตาขนาดนี้







เข้าไปชมพิพิธภัณฑ์,ซื้อของที่ระลึก และชมห้องแสดงงาน ศิลปะของอาจารย์เฉลิมชัย แล้วก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อค่ะ



ออกจากวัด ตรงดิ่งเข้าตัวเมืองเชียงราย
ความจริงก่อนมา มีเพื่อนๆสมาชิกให้ข้อมูลไว้เยอะมาก ทั้งจากคุณป้ารี หน้ากลมๆผมม้า และจากคุณ kadeng แล้วยังมีเพื่อนจากห้อง PC. อีกล่ะ แต่..ไม่ได้จดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้เลย คุณผู้ชายถามว่าไปทางไหนดี อิชั้นก็บอกไปเรื่อยๆ เคยมั้ย มีทั้งแผนที่ และ GPS. แต่ไม่รู้จะให้มันพาไปไหน ไม่มีจุดหมาย ปลายทาง

จนกระทั่งขับตรงเข้าไปในถนนเส้นหนึ่ง ขวามือเป็นพิพิธภัณฑ์อูบคำ ตรงไปเป็นค่ายเม็งราย เราเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ "บ้านณัฐวดีรีสอร์ท"

บอกคุณผู้ชายเลยว่า "ตรงไป" จำได้แล้วเคยดูรีวิวเมื่อเร็วๆนี้เอง
ขับไปเรื่อยๆ ถนนก็เล็กลง ป้ายนั้นก็หายไป แวะถามชาวบ้านว่าในนี้มีรีอสร์ทไหม ชาวบ้านบอกไม่มีอ่ะ ข้างในนี้ก็เป็นหาดพัทยาแล้ว

เอาล่ะสิ่ แล้วที่เราเห็นป้ายล่ะ ตัดสินใจ ขับตรงไปเถอะ เราเชื่อว่ารีอสร์ทนี้มีอยู่จริง

เลยจากที่แวะถามชาวบ้านไปไม่ถึง 500 เมตร เราก็เจอนี่ค่ะ



ขอบคุณ คุณKeak_y

ที่ทำให้เราคุ้นหู คุ้นตา กับที่นี่
รีสอร์ทเล็กๆ ที่ชาวบ้านแถวๆนั้นยังไม่รู้จัก

เข้าไปเราได้เจอกับ คุณต้น
พนักงานต้อนรับ,พ่อบ้าน,พ่อครัว,ช่าง,นักออกแบบ,เด็กยกกระเป๋า อืม...มีอะไรอีกล่ะ ทั้งหมดนี้ คือหน้าที่ของคุณต้น ค่ะ

คุณต้นแนะนำตัวเอง แล้วก็พาเราไปชมห้องพัก ทุกแบบ แทบจะทุกห้อง อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย



เป็นความบังเอิญ และความโชคดี ที่เราได้มาเจอกัน
ปรากฏว่า คนรอบๆตัวของคุณต้น กับคนรอบๆตัวของคุณผู้ชาย กลายเป็นคนในแวดวงเดียวกัน สนิทสนม และมักคุ้นกันอยู่หลายท่าน หลายคน

เห็นอย่างนี้ ไม่ต้องลังเลใจแล้วล่ะค่ะ ตัดสินใจในทันที ว่าพักที่นี่นั่นแหละ
แต่เริ่มหิวข้าวนี่สิ่ ถามคุณต้นว่า ที่นี่มีบริการอาหารมั้ย ??

คุณต้นบอกว่า มีครับ แต่ถ้ามาพักแค่คืนเดียว อย่าทานของผมเลย ไปหาของอร่อยๆ ขึ้นชื่อในเมืองทานดีกว่า เดี๋ยวจะบอกทางไปให้

เคยเจอมั้ย เจ้าของรีสอร์ทแบบเนี้ย บอกคุณต้นว่าต้องการพักห้องไหน แล้วเราก็ออกไปทานข้าวค่ะ ยังไม่ได้ลงทะเบียนเข้าพัก ยังไม่ได้จ่ายมัดจำใดๆทั้งสิ้น คุณต้นบอกไม่ต้อง ไม่ใช่ธรรมเนียมของที่นี่ ถ้าแขกยังไม่เช็คเอ้าท์ เราจะไม่เก็บตังค์

ร้าน จ.เจริญชัย เป็นร้านข้าวต้มเจ้าอร่อยของเมืองเชียงรายค่ะ จากบ้านณัฐวดีมาไม่ไกล แต่จำถนนไม่ได้ซะแล้ว รสชาติอร่อยและคุ้นลิ้น เพราะเจ้าของเป็นคนเมืองชลฯ ค่ะ มิน่าล่ะ อาหารหน้าตาเหมือนแถวบ้านเลย นั่งรับประทานจนกระทั่งเกือบค่ำ เหลือบมองนาฬิกา อุ๊ยเดี๋ยวไม่ทัน 1 ทุ่ม รีบไปต่อดีกว่า

ค่าเสียหายทั้งสิ้น 445 บาทค่ะ







ต้องรีบไปให้ทัน 1 ทุ่มค่ะ
ไปถึงมีคนจอดรถรอเวลา 1 ทุ่มกันอยู่ 3-4 ราย เหมือนกัน





แล้วก็ไม่ผิดหวัง


ชื่นชมมากค่ะกับเจ้าของแนวคิดนี้ เขาสามารถทำเรื่องธรรมดาๆ มาเป็นจุดขายที่น่าประทับใจมากๆ เหมือนเป็นมินิไลท์ แอนด์ ซาวน์ ก็ว่าได้ เวลาแค่ไม่กี่นาที ที่เรายืนอยู่ตรงนั้น มันน่าประทับใจมากค่ะ



ได้ชมหอนาฬิกาเปลี่ยนสีแล้ว กลับไปนอนได้ บรรยากาศเงียบๆ ตอนกลางคืนที่นี่สวยดีค่ะ ขึ้นไปบนห้อง ยังไม่ทันจะวางกระเป๋า
แม่บ้านมาเคาะห้อง มีเวลคัม ดริ๊ง และเวลคัมฟรุ๊ต มาเสิร์ฟค่ะ

โอ้ว.. บริการเหนือราคาอีกแล้ว สำหรับใครที่ตั้งตารอชมรีวิวเต็มๆของบ้านณัฐวดี ขอบอกว่า.. โปรดคลิ๊กไปที่หมวด "รีวิวที่พัก" ค่ะ





นอนหลับสบายมากๆค่ะ
ชอบที่นอนของที่นี่มาก นอนสบาย ไม่ปวดหลัง ผ้าห่มก็นุ่ม ที่สำคัญหอมมากๆ

ตื่นเช้ามา ยังไม่ทานอาหารค่ะ ไปขี่จักรยานเที่ยวกันก่อน ที่นี่มีจักรยานบริการสำหรับลูกค้าฟรีค่ะ ที่พักอยู่ใกล้หาดเชียงรายนิดเดียวค่ะ ขี่จักรยานเข้าไปเที่ยวกัน ชมวิวแม่น้ำกก ยามเช้า มีซุ้มอาหารเรียงราย ตลอดริมฝั่งแม่น้ำ







แม่น้ำกก ไม่ลึกมาก แต่มีน้ำไหลตลอดปี



เราขี่จักรยานไปอีกทาง ไม่ได้ย้อนกลับทางเก่า เพราะจะได้ออกกำลังกายด้วย ลมเย็นๆ ยามเช้าปะทะหน้า สดชื่นมากๆ ขี่ผ่านบ้าน ผ่านสวน โดนหมาไล่บ้างเป็นระยะๆ สนุกดี ขี่ๆไป ไกลเหมือนกันแฮะ

Smiley 






กลับมาถึงที่พัก เพื่อรับประทานอาหารเช้า แบบเต็มสูบบบบ





อร่อย และอิ่มมากๆ

วันนี้เราตั้งใจว่าจะเข้าเชียงใหม่ โดยไปทาง อ.แม่จัน ท่าตอน แม่อาย ฝาง
และอาจจะหาที่พักแถวๆฝาง เพราะมีคนรู้จักทำที่พัก และมีไร่ส้มอยู่ แต่เราไม่ได้นัดล่วงหน้า เพราะกะว่า แล้วแต่ความสะดวกของเรา อยากไปไหน อยากแวะไหน จะได้ไม่กังวล

เดิมตั้งใจว่าจะรีบออกเดินทาง แต่ปรากฏว่า..
อยู่ที่นี่แล้วไม่อยากไปไหน นั่งคุยกับคุณต้นอยู่จนเกือบ 11 โมง ถึงได้เช็คเอ้าท์ ออกเดินทาง

เป็นความประทับใจ ที่ไม่อาจลืมเลยสำหรับที่นี่ กับราคา 1000 บาทที่จ่ายไป เที่ยบไม่ได้กับสิ่งที่ได้รับมา อยากรู้ว่าดีแค่ไหน อย่าลืมชมตอนต่อไปล่ะ


ออกจากบ้านณัฐวดี เราแวะไหว้พระที่วัดพระแก้ว





มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้ามาคณะใหญ่ นั่งสามล้อถีบมาด้วย น่าตื่นแทนจังค่ะ แวะไปชมพิพิธภัณฑ์ก่อนออกเดินทางต่อ



ระหว่างทาง คุณต้นโทร.เข้ามาถาม ว่าไปถึงไหนกันแล้ว
แวะชมบ้านอาจารย์ถวัลน์ ดัชนี ก่อนไหม (ที่บ้านณัฐวดี มีงานแกะสลักไม้ผลงานการออกแบบของอาจารย์ถวัลย์ เยอะมากค่ะ)

ได้เลยค่ะ ใกล้ถึงพอดี
เลี้ยวขวับเข้าไป จอดป๊าบ

Smiley 




ปรากฏว่า..

เที่ยงพอดีค่ะ จนท.พักกินข้าว เราก็เลยแค่เดินชมรอบๆ เก็บภาพมานิดหน่อย เพราะต้องเดินทางข้ามเขาอีกหลายลูก ไม่อยากเสียเวลา
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล ที่สำคัญยังไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหนเลยคืนนี้ จำใจต้องเดินจากบ้าน อ.ถวัลย์ ดัชนี ออกมาด้วยความเสียดาย ไม่เป็นไร คราวหน้ามาซ่อม







ใช้เส้นทาง แม่จัน - ท่าตอน

บ่ายโมงกว่าๆ ถึงบ้านโป่งน้ำร้อน หิวซะอีกแล้ว สอดส่าย สายตาหาร้านอาหาร
พลันเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณา "ครัวคุณตั้ม" ในฮ๊อต สปริง รีอสร์ท

อาหารรสชาติพอประทังหิวได้ มื้อนี้หมดไป 561 บาทค่ะ





ออกเดินทางต่อไป ต้องข้ามเขาอีกหลายลูก บ่ายสามเข้าไปแล้ว น่าจะถึงประมาณแม่อาย ชาวบ้านเริ่มเกี่ยวข้าวกันแล้ว เป็นภาพที่มีให้เห็นตลอดเส้นทาง จากแม่จัน ไปจนถึงท่าตอน



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย ลงชื่อให้กำลังใจ
อ่านรีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนทได้จากลิงค์นี้นะคะ

 

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8548786/E8548786.html






 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:29:23 น.   
Counter : 2888 Pageviews.  

เที่ยวเหนือ เมื่อเริ่มหนาว : ตอนที่ 3 กางเต้นท์นอน ที่อ่างขาง

การเดินทางวันที่ 3 ของทริปเที่ยวเหนือมาแล้วค่ะ

จากวันแรก ที่จังหวัดตาก , วันที่สอง เข้าพักที่เชียงราย
วันที่สามนี้ เราใช้เส้นทาง แม่จัน - ท่าตอน เพื่อมุ่งหน้า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
ตามความตั้งใจว่าจะไปเที่ยวชมไร่ส้ม และหาที่พักในย่านนั้น แต่เมื่อไปถึงฝาง ปรากฏว่า ส้มยังเขียวๆอยู่ และอำเภอฝาง ก็ไม่ค่อยจะมีอะไรน่าสนใจ (ในความคิดของเรา) ทำให้เราเปลียนแผน มุ่งหน้าขึ้นดอยไปอ่างขาง เพื่อกาเต้นท์นอน ค่ะ

ข้อมูลการเดินทาง ของวันที่ 3 นี้

10.45 - ออกเดินทางจากบ้านณัฐวดี
11.00 - แวะไหว้พระ ที่วัดพระแก้ว
11.50 - ออกจากวัดพระแก้ว (แวะเติมน้ำมัน 850 บาท)
12.00 - บ้านอ.ถวัลย์ ดัชนี
13.00 - อาหารกลางวันที่ร้านครัวคุณตั้ม แม่จัน (561 บาท)
17.00 - ถึงจุดกางเต้นท์ ดอยอ่างขาง

หลังจากรับประทานอาหาร ที่แม่จัน
เราก็ขับยาวกันเลยค่ะ แวะ ซื้อกาแฟที่ปั๊มน้ำมัน อยู่ 1 ครั้ง น่าจะแถวๆท่าตอน นะ ถ้าจำไม่ผิด

ประมาณบ่ายสามโมงครึ่ง เรามาถึงสวนส้มธนาธร ค่ะ



แวะลงไปซื้อน้ำส้มคั้น และสำรวจว่าส้มออกหรือยัง
เพราะถ้ายังไม่ออกผลส้มเหลืองเต็มต้น เราจะได้ไม่ต้องเข้าไปไร่คนรู้จัก

ด่อมๆมองๆ มันยังไม่สุกอ่ะ งึม งึม...
เอาไงดี ส้มยังไม่สุก ไปต่อดีกว่า
ดีนะที่ไม่ได้นัดมาล่วงหน้า เปลี่ยนแผน เปลี่ยนแผน พนง.ในไร่บอกว่าปีนี้หนาวช้า ส้มก็เลยยังไม่ออก มีแต่ส้มลูกเล็กๆ วางขาย





เห็นแบบนี้ ต้องเปลี่ยนแผนแล้วล่ะ
ไม่พักที่ฝาง แล้วเราจะไปไหนกันดี ขึ้นอ่างขางเลยมั้ย ???

อิชั้นถามคุณผู้ชาย เธอตอบมาว่า "ไม่รู้สิ่ ก็ตามใจ"
เป็นอันว่าไปอ่างขางกันดีกว่า ภาพระหว่างวการเดินทางอันคดเคี้ยว
ขึ้นเขา ลงเขา โค้งเป็นตัวเอส ตีลังกา ไม่มีภาพประกอบนะคะ

เพราะว่าอิชั้นเป็นคนขับ
ส่วนคุณผู้ชาย เธอคงกำลังกลั้นหายใจ พร้อมทั้งช่วยกำกับการขับของอิชั้นอยู่

ใครที่ชอบถามว่า รถ รุ่นนั้น รุ่นนี้ ขึ้นอ่างขางไหวไหมคะ
ตอบได้เลยค่ะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรถ แต่ขึ้นอยู่ที่คนขับค่ะ ว่าคุณมีความชำนาญในการขับรถขึ้นทางโค้งลาดชัน และมีความมั่นใจแค่ไหน



ขับไป ก็ทะเลาะกันไป
เพราะใกล้จะมืดแล้ว ที่พักยังไม่มี ข้อมูลก็ไม่มี ที่สำคัญแบต GPS.หมด หาสายชาร์ทไม่เจอด้วย ไม่รู้เอาไปโยนไว้ไหน โทษกันไป ก็โทษกันมา แต่พอเห็นวิวสวยๆ อิตาคนนั่งข้างๆ ยังอุตส่าห์สั่ง..


จอด จอด จอด
จะถ่ายรูป



ห้าโมงเย็น ถึงจุดกางเต้นท์พอดีค่ะ อิชั้นจอดเลย
ไม่ไปไหนแล้ว เหนื่อย เพราะถ้าขืนไปต่อ ก็ต้องไปทะเลาะกันเรื่องหาที่พักอีก นอนเต้นท์นี่แหละ เตรียมมาอยู่แล้วในรถ เราเตรียมอุปกรณ์มาเอง เสียค่าธรรมเนียมคนละ 20 บาท

แต่ถ้าใครมาแต่ตัว กับหัวใจ เค้าก็มีอุปกรณ์ รวมถึงผ้าห่ม หมอน ที่นอนให้เช่านะคะ วิวสวยๆ หน้าจุดกางเต้นท์ของเราในคืนนี้ มองเห็นหมู่บ้านอยู่ลิบๆ กลางหุบเขา



วันนี้เรามีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติสองสามี-ภรรยา ที่ขับรถมาจากออสเตรเลีย
และพี่สาวชาวกรุงเทพฯอีกสองท่าน ที่มาค้างที่นี่กัน 2 คืนแล้ว



กว่าจะกางเต้นท์เสร็จ ก็เกือบจะมืด
รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่าอากาศเย็นลงทุกที ห้องสุขา แยก ชาย-หญิง ค่ะ
มีไฟฟ้าแสงสว่าง ปลอดภัยดี มีห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ห้องสุขา 2 หรือ 3 ห้องหว่าจำไม่ได้ มีปลั๊กไฟให้ด้วยค่ะ

น้ำเย็นมากv



อาบน้ำเสร็จไปหาข้าวกินค่ะ

ร้านค้าตามสั่งของชาวบ้าน ที่ประมูลที่ขายของได้ หน้าจุดกางเต้นท์
ปีหนึ่งจะขายได้ 3 เดือน ช่วงฤดูท่องเที่ยว พ.ย. - ม.ค. ค่ะ

นั่งผิงไฟหน้าร้าน ก็ยังมีรถวิ่งผ่านไป-มา อยู่นะ ข้าวผ้ดกระเพรา+ไข่ดาว คนละจาน และเบียร์จากร้านค้าสวัสดิการค่ะ

ค่าอาหาร 70 บาท
ดาวแดงกระป๋องละ 40







อุณหภูมิ ค่ำวันนั้นประมาณ 17 องศาค่ะ
ก็ไม่ถือว่าหนาวเท่าไหร่ เช้าตื่นตั้งแต่ ตี 5 ก่ลัวไม่ทัน
ขับรถขึ้นไปจุดชมวิวค่ะ ไปถึงเป็นคนแรกเลย ถ้าไม่นับแม่ค้า พ่อค้า ที่มาขายโจ๊ก



อุณหภูมิเช้าวันนั้นประมาณ 9 องศาค่ะ
อยู่เฉยๆไม่ได้ ถ้าไม่วิ่ง ก็ต้องโดด ประมาณ 6 โมง กว่าๆ พระอาทิตย์ก็เริ่มมาให้เห็นค่ะ นักท่องเที่ยวมารอกันค่อนข้างเยอะ เพราะมีแบบที่มาเป็นหมู่คณะด้วย



ร้านขายโจ๊ก ซาลาเปา และอาหารเช้าอื่นๆ เราก็ไปซื้อค่ะ แต่ไม่ได้ซื้อทานเองนะ เราซื้ออาหารไปใส่บาตรค่ะ



เตรียมลงไปอาบน้ำเก็บเต้นทื แล้วเที่ยวต่อดีกว่าค่ะ

ถนนช่วงที่ขึ้นมาจุดชมวิว ชำรุดเล็กน้อยนะคะ เพื่อนๆที่จะขับรถขึ้นไประมัดระวังด้วยค่ะ เมื่อกลับลงไปถึง เพื่อนร่วมทางทั้งสองเต้นท์ ก็กำลังเก็บของ
เตรียมออกเดินทางต่อ เหมือนกันค่ะ อาบน้ำ ล้างหน้า เก็บของเสร็จ ก็มุ่งหน้าลงไปในหมู่บ้านกัน



หิวแล้ว...

จอดร้านนี้แหละ ขอกาแฟร้อนๆ หอมๆก่อนเลยค่ะ ตามมาด้วย ข้าวต้มเห็ดหอม อร่อยๆ มื้อนี้หมดไปทั้งสิ้น 110 บาทค่ะ









อิ่มแล้วไปเดินชมตลาด ก่อนเข้าไปในสถานีทดลองฯค่ะ ซอยด้านหลังนี้ จะเต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก และที่พักหลายแห่ง บ้านพักเลาติง มีทั้งแบบห้องแถว และแบบหลังๆที่อยู่ตามไหล่เขา







ถัดมาเป็นอ่างขาง วิลล่า
น้องที่อยู่หน้าเคาเตอร์ บอกให้เราเดินขึ้นไปดูที่พักได้เลย

น้องเปิดทางให้ขนาดนี้ พี่ไม่เกรงใจละนะ
มีทางเดินเล็กๆ เข้าไปทางด้านหลังค่ะ แล้วก็มีทางขึ้นที่พัก
ขึ้นไปมีสวนหย่อมเล็กๆ ให้นั่งพักเหนื่อยก่อน ด้านในมีบ้านพักแบบตึกโรงแรม แต่เห็นว่ามีแขกพักอยู่เยอะ เราก็เลยเกรงใจไม่กล้าเข้าไปชม



จากจุดนี้ มองเห็นจุดกางเต้นท์ที่เราพักเมื่อคืนนี้ด้วย
เพราะมีเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือ 2 เจ้าเป็นจุดสังเกต ที่วงกลมไว้นั่นแหละค่ะ



ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาทักทาย ลงชื่อให้กำลังใจนะคะ
ตอนต่อไป จะพาเข้าไปชมดอกไม้สวยๆ ในสถานีทดลองฯ ก่อนเดินทางเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ค่ะ

สำหรับรีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนทชมได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8551685/E8551685.html




 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 18:10:51 น.   
Counter : 6392 Pageviews.  

เที่ยวเหนือ เมื่อเริ่มหนาว : ตอนที่ 4 จากอ่างขาง สู่ย่านวัดเกต

สวัสดีค่ะ

เข้าสู่วันที่ 4 ของการเดินทางทริปเที่ยวเหนือ
จากวันแรก ที่จังหวัดตาก , วันที่สอง เข้าพักที่เชียงราย
วันที่สาม เราใช้เส้นทาง แม่จัน - ท่าตอน เพื่อมุ่งหน้า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
แล้วขึ้นไปกางเต้นท์นอน ที่จุดกางเต้นท์ ดอยอ่างขาง รุ่งเช้าเข้ามาที่หมู่บ้าน

และตอนที่ 5 นี้จะพาเข้าไปชมสถานีทดลองเกษตรหลวงดอยอ่างขางค่ะ
หลังจากนั้น ใช้เส้นทาง ทล.1340 ผ่านบ้านอรุโณทัย ไปเมืองงาย แล้วเข้า ทล.107 เข้าเชียงใหม่ทางเชียงดาว,แม่ริม

ข้อมูลการเดินทาง จากวันที่ 4 มีดังนี้

05.30 น. - ตื่นไปชมพระอาทิตย์ที่จุดชมวิว
06.27 น. - พระอาทิตย์ขึ้น ซื้ออาหารใส่บาตร
07.00 น. - อาบน้ำ เก็บเต้นท์ เข้าหมู่บ้านไปรับประทานอาหารเช้า (110 บาท)
เข้าชมสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ถึงเวลา 11.00 น.

ออกเดินทางต่อ เพื่อเข้าตัวเมืองเชียงใหม่


จากตอนที่แล้ว

หลังจากเดินชมตลาด ชมที่พักบริเวณรอบๆ
เราก็เข้าสู่สถานีเกษตรหลวงดอยอ่างขาง สามารถขับรถเข้าไปได้นะคะ

ค่าธรมเนียมการเข้าชม ค่ารถพร้อมคนขับ 50 บาท
และคนที่นั่งเข้าไป อีกคนละ 50 บาท รวมทั้งสิ้นที่เราจ่ายไป 1รถ 2 คน 100 บาทค่ะ



จุดแรกสวน บอนไซ ค่ะ

มาดูประวัติกันหน่อยดีกว่า (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)

สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นโครงการพระราชดำริ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม ทดแทนการปลูกฝิ่น สถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง อยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบล:-)อน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตร พื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า “ให้เขาช่วยตัวเอง” เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน



ดอกท้อค่ะ สวยมากค่ะ

ที่นี่ปลูกท้อ เยอะมากๆ ไม่มีโอกาสได้ไปชมดอกพญาเสือโคร่ง เลยขอเก็บดอกท้อสวยๆมาแทน ให้เต็มอิ่ม ฟ้าแจ่มมากๆ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมกลับมาทั้งคู่ตัวดำปี๋เลย





ไม่แน่ใจว่าเจ้านี่คือ บ๊วย หรือ ท้อ
เพราะว่าดอกไม่เหมือนกับต้นที่แล้ว ที่สงสัย เพราะว่าดอกไม่เหมือนกัน

ดอกของต้นนี้ เป็นกลีบชั้นเดียว แต่คนงานบอกว่า ดอกบ๊วยจะมีสีขาว เลยงง งง ตอนที่ถ่ายรูปต่นนี้ ก็ไม่มีคนงานให้ถามซะด้วย





ภายในศูนย์ข้อมูลค่ะ

===================

สืบเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร ที่หมู่บ้านผักไผ่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และได้เสด็จผ่านบรเวณดอยอ่างขาง ทรงทอดพระเนตร เห็นว่าชาวเขาเผ่ามูเซอซึ่งในสมัยนั้นยังไว้แกละถักเปียยาว แต่งกายสีดำ สะพายดาบ ทำการปลูกฝิ่นแต่ยังยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้นน้ำลำธารที่เป้นแหล่ง สำคัญต่อระบบนิเวศน์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนอื่น ๆ ของประเทศได้

จึงทรงมีพระราชดำริว่าพื้นที่นี้มีภูมิอากาศที่หนาวเย็น มีการปลูกฝิ่นมาก ไม่มีป่าไม้อยู่เลยและสภาพพื้นที่ไม่ลาดชันนัก ประกอบกับ พระองค์ทรงทราบว่าชาวเขาได้เงินจากฝิ่นเท่ากับที่ได้จากการปลูกท้อพื้นเมือง และทรงทราบว่าที่สถานีทดลองไม้ผลเมืองหนาว ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทดลองวิธีติดตา ต่อกิ่งกับท้อฝรั่ง จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์จำนวน 1500 บาท เพื่อซื้อ ที่ดินและไร่ในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวงขึ้นเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อ พ. ศ. 2512 โดยทรงแต่งตั้งให้ หม่อมเจ้า ภีศเดช รัชนี เป็นผู้สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งมูลนิธิโครงการหลวง ใช้เป็นสถานีวิจัย และทดลองปลูกพืชเมืองหนาวชนิด ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้ผล ผัก ไม้ดอกเมืองหนาว เพื่อเป็นตัวอย่างแก่เกษตรกรชาวเขา ในการนำพืช เหล่านี้มาเพาะปลูกเป็นอาชีพ ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้พระราชทานนามว่า "สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง"



คำว่า “อ่างขาง” ในภาษาเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยมตามลักษณะของดอยอ่างขาง ซึ่งเป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขา ยาวล้อม รอบประมาณ 5 กิโลเมตร กว้าง 3 กิโลเมตร ตรงกลางของอ่างขางเดิมเป็นภูเขาสูง เช่นเดียวกับบริเวณโดยรอบ แต่เนื่องจากเป็นภูเขาหินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อยๆ ละลายเป็นโพรงแล้วยุบตัวลงกลายเป็นแอ่ง มีพื้นที่ราบ ความกว้างไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง

** จากวิกิพีเดีย



ไปชมสวน ๘๐ ปีกันค่ะ
ช่วงที่ไปดอกไม้ยังไม่ค่อยสวยเท่าไหร่









มีที่พักด้วย แอบเดินไปส่องมาเหมือนกัน
ข้อมูลที่พัก ไปค้นเจอมาค่ะ

ที่พักของสถานีเกษตรอ่างขาง

บ้านดาว คนละ 150 บาท/คืน 7 คน
บ้านไต้หวัน คนละ 150 บาท/คืน 20 คน
บ้าน AK 1-4 หลังละ 600 บาท/คืน 3 คน
บ้าน AK 5-6 หลังละ 600 บาท/คืน 2 คน
บ้าน AK 7-14 หลังละ 800 บาท/คืน 2 คน
บ้าน AK หลังใหญ คนละ 150 บาท/คืน 30 คน

แบบที่เห็นเป็น AK 10


ปล. เพิ่มเติมข้อมูล สอบถามแล้ว ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเก่า
ราคาปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวค่ะ AK 10 ราคา 1440 ค่ะ



เข้าไปเยี่ยมสโมสรกันหน่อย
จะได้เข้าไปขอข้อมูลการติดต่อจองห้องพัก และรายละเอียดด้วย รอ จนท. ที่พอจะว่างให้ข้อมูลเรื่องที่พักอยู่นาน แต่ไม่มีคนว่างคุยกับเราเลย ช่วงนี้เข้าหน้าหนาว มีแต่คนสอบถามข้อมูล

ด้วยความเกรงใจ เดินไปถ่ายรูปรอ เรื่อยๆ คนมายืนรอติดต่ออีก สอง-สาม ท่าน แล้วยังมีโทรศัพท์เข้าตลอดอีก ไม่ถามก็ได้ เดี๋ยวมาหาข้อมูลเอง


ความจริงยังไม่หิวนะ

เพราะว่าเพิ่งทานข้าวต้ม กับกาแฟ มา
แต่ว่าบรรยากาศมันดีอ่ะ ต้องหาอะไรจิบเพลินๆซะหน่อย

จะดื่มเบียร์ก็คงใช่ที่ เพราะเดี๋ยวต้องขับรถข้ามเขาอีกหลายลูก
หากาแฟ กินก็แล้วกัน









มีคาปูชิโน, โกโก้ร้อน ,เค้กแครอท , ปอเปี๊ยะกล้วยหอม
รายการหลังนี่อร่อยมากค่ะ ทั้งหมดนี้ 100 บาทพอดีค่ะ





ไปจุดต่อไปดีกว่า ขับรถผ่านแปลงปลูกไม้เมืองหนาวออกมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงทางออก



ก่อนจะกลับแวะเข้าไปในศูนย์บริการ ที่จำหน่ายของที่ระลึก
มีมุมดอกไม้สวยๆ ให้ถ่ายรูปแบบไม่ต้องร้อนค่ะ ขากลับลงมา ถ้าดูจากแผนที่ ทางที่เราเข้ามาเมื่อวาน (ทล.1249) จะใกล้กว่า แต่ว่าต้องขึ้นเขาสูงชัน แถมโค้งหักศอกมโหฬารมาก ก็เลยลองเปลี่ยนไปทาง ทล.1340 แทน ทางไกลกว่า แต่ว่าชันน้อยกว่านิดนึง (นิดนึงนะ) ระหว่างทาง มีจุดชมวิวสวยๆตลอดทาง มาถึงประมาณ กม.ที่ 20 กว่าๆ
มีป้ายบอกไว้ว่าเป็นจุดชมวิวทะเลหมก จาก เดอะเรสเตอร์ เราก็งง อะไรอ่ะ
สงสัยว่าใช่ จุดที่ถ่ายหนังรึเปล่า หรือว่าจะเป็นเรื่อง The Letter ใครรู้ช่วยเฉลยที



ตรงนี้มีจุดกางเต้นท์ และร้านค้าของชาวบ้าน ด้านหลังร้าน วิวสวยมาก เดินไปก็เสียวเหมือนกันนะ กลัวร้านไม่ไผ่เค้ารับน้ำหนักเราไม่ไหว



พี่สาวขายส้มกิโลละ 30 บาท ชั่งมาได้ 2 โล ครึ่ง เค้าคิด 60 บาท
โห...แถมทีละครี่งโล ส้มอร่อยมั่กๆ นึกถึงแล้วอยากกินอีกเลย



ออกเดินทางต่อ

ถนนเส้นนี้ มีบางช่วงที่ผิวถนนไม่สู้ดีนัก
แต่ก็ไม่ถือว่าแย่มาก เมื่อเทียบกับความลาดชัน และโค้งที่น้อยกว่าอีกทาง นานๆ จะมีโค้งหวาดเสียวซักที ถ้าเป็นเส้นเมื่อวานน่ะเร๊อะ หวดเสียวตลอดทาง ผ่านไป เจอชาวบ้านกำลังเกี่ยวข้าว แวะถ่ายรูป พี่ๆ เค้าตะโกนลงมาทักทายด้วย





เจอชาวบ้าน เดินข้างทางตลอดค่ะ ใกล้ถึงหมู่บ้านอรุโณทัยแล้ว



ในที่สุดก็เข้าสายหลัก ทล.หมายเลข 107
ผ่านเชียงดาว ไปแม่ริม แล้วก็เข้าเชียงใหม่ ในที่สุด ตามอ่านได้ในตอนต่อไปนะคะ ในตอนหน้า เราเข้าพักที่เชียงใหม่ ย่านวัดเกตุ รับประทานอาหารค่ำริมแม่ปิง ก่อนตอนเช้าวันรุ่งขึ้นจะมุ่งหน้าไปลำปาง

ชมรีวิวฉบับเต็มจากบอร์ดบลูแพลนเนทได้ จากลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8556071/E8556071.html




 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 17:20:26 น.   
Counter : 2541 Pageviews.  

เที่ยวเหนือ เมื่อเริ่มหนาว : ตอนที่ 5 จากเชียงใหม่ ไปแม่เมาะลำปาง

สวัสดีค่ะ

มาต่อการเดินทางวันที่ 5 ของทริปเที่ยวเหนือเมื่อเริ่มหนาวกันนะคะ

จากวันแรก ที่จังหวัดตาก , วันที่สอง เข้าพักที่เชียงราย
วันที่สาม เราใช้เส้นทาง แม่จัน - ท่าตอน เพื่อมุ่งหน้า อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
แล้วขึ้นไปกางเต้นท์นอน ที่จุดกางเต้นท์ ดอยอ่างขาง รุ่งเช้าเข้ามาที่หมู่บ้าน ,เข้าไปชมสถานีทดลองเกษตรหลวงดอยอ่างขาง หลังจากนั้น ใช้เส้นทาง ทล.1340 ผ่านบ้านอรุโณทัย ไปเมืองงาย แล้วเข้า ทล.107 เข้าเชียงใหม่ทางเชียงดาว,แม่ริม

หลังจากลงมาจากอ่างขาง เมื่อตอนที่แล้ว
วันนี้เราเข้าพักที่ บุษบาเกสท์เฮ้าท์ ข้างวัดเกตุ เช้าวันรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางต่อไปยังจังหวัดลำปาง เพื่อเตรียมร่วมงานแต่งงานในวันถัดไป

ขอบคุณน้องซันนี่ ซูอิน ที่กรุณาไปเสาะหาที่พัก พร้อมทั้งทดลองพักให้ก่อนที่พี่จะเดินทางไป ซึ่งรายละเอียดจะนำไปลงในส่วนของ"รีวิวที่พัก"นะคะ

เก็บของเข้าที่พัก ล้างหน้า ล้างตา แล้วก็ออกไปไหว้พระค่ะ ถ่ายภาพที่วัดเกตมาไม่เยอะ เพราะเคยทำรีวิวไว้แล้ว



ออกมาจากวัด ได้เวลาแดดร่ม ลมตก
ไปร้านไหนดี ???

ไปร้าน ภาพดี (โปรดแปลเป็นภาษาอังกฤษ) จิ่
บรรยากาศน่าจะโอนะ อืมๆๆ ไป ไป

ถึงที่หมายแระ
เลือกมุมที่ชอบเลยล่ะ กะว่าคืนนี้นั่งยาววววววววววววววว

ได้โต๊ะที่ 104

อุตส่าห์ยอมเปลี่ยนยี่ห้อเบียร์ (เพราะร้านนี้ไม่ขายดาวแดง) เบียร์ที่ทางร้านเชียร์ (คงจะเป็นของเจ้าของ) เราดื่มไม่ได้ ถามหาเบียร์ยี่ห้ออื่น เค้าบอกมียี่ห้อกระจก แต่หมด หมดมาอาทิตย์นึงแระ ของยังไม่มาส่ง

งั้น เอาเบียร์โตโยต้า กะมะนาว ก็ได้

จำได้ว่าเข้าไปนั่งตอนซัก สี่โมงกว่าๆ ใกล้จะห้าโมง
สั่งเบียร์ แล้วก็อาหารไปก่อน 1 อย่าง นั่งดื่มเบียร์ไปซักพักนึง ยังไม่ทันครึ่งขวด อาหารยังไม่ได้

มี พนง.สาว ถือป้าย Reserv มาวางที่โต๊ะข้างๆ
แล้วหันหน้าป้ายมาทางเรา(เข้าใจว่าตั้งใจให้เราอ่านอ่ะนะ) ป้ายเขียนว่า

"จองโต๊ะ 103-104 เวลา 18.00 น."

พนง.ชายที่ดูแลโต๊ะเรา เดินเข้าไปคุยกับน้อง พนง.หญิง คนรับจองโต๊ะ
เห็นคุยกันด้วยสีหน้าซีเรียส ฟังไม่ถนัด แต่จับใจความได้ว่า รับจองได้ไงก็เห็นว่ามีแขกนั่งอยู่ ประมาณเนี้ย

คุณผู้ชายก็เลยบอกกับ พนง.ชาย ว่า
" ไม่เป็นไรครับน้อง เดี๋ยวพี่ย้ายโต๊ะก็ได้"

พนง.หญิงรีบตอบกลับมา ทันที่ว่า
" ไม่เป็นไรหรอกพี่ เค้าจองหกโมงเย็น"

ตอบเราเสร็จ เธอก้เดินเข้าไปด้านใน
แอบเห็น พนง.ชายเดินไปพูดอะไรอีก เห็นดังนี้ก็เลย


"น้องเช็คบิล อาหารที่ยังไม่ได้เอาใส่ถุงให้พี่เลย"


อันนี้ถามเพื่อนๆนะคะ
ถ้าเป็นคุณ คุณกะจะไปนั่งชิล ชิล ที่ร้านอาหารเนี่ย คุณใช้เวลานานแค่ไหนคะ ???





ตั้งใจว่า วันนี้จะมาอุดหนุนของที่ระลึกที่ร้านนี้ซะหน่อย
เหตุการณ์เป็นแบบนี้ เลยเปลี่ยนใจ ไม่ซื้อดีกว่า หุ หุ สรุปร้านนี้ "พี่ไม่ปลื้ม"




ไปร้านต่อไปดีกว่า..

ข้างแม่น้ำ (เหมือนเดิม กรุณาแปลเป็นภาษาอังกฤษ)
ร้านนี้ขายเบียร์ทุกยี่ห้อ
สั่งเครื่องดื่มมาก่อน แล้วนั่งเลือกรายการอาหาร

น้อง พนง.เดินไปทำงานอย่างอื่น
เบียร์มาแล้ว.. นพง.ยกเบียร์มาวาง วางเฉยๆ
แล้วยืนคุยกันเอง ระหว่าง นพง.ยกอาหาร กับเด็กเสิร์ฟ
หัวข้อสนทนาที่คุยกัน คือ นินทาแขกฝรั่งอีกโต๊ะนึง (- -!)

เรารินเบียร์กินเอง เสิร์ฟเอง อันนี้ไม่ซีเรียส
พักนึงน้อง พนง.เดินมารับออเดอร์ ถามว่าพี่จะสั่งอะไรคะ
แล้วคว้าเมนู จากมือคุณผู้ชายไปเฉยๆ (ไม่ได้ส่งให้นะ เค้ามาคว้าไปเองง่ะ)

คุณผู้ชาย อึ้งไป 2 วิ
แล้วหันมาบอกเราว่า "จะทานอะไร สั่งไปนะ ส่วนของพี่ยังอิ่มอยู่"

อย่างนี้เค้าเรียกส่งสัญญาณ เพราะก่อนหน้านี้คุณผู้ชายเพิ่งจะเป็นคนเลือกรายการอาหารเอง เราก็เลยบอกว่า.. งั้นยังไม่สั่งค่ะ วันนี้คงไม่ทานอาหารแล้วล่ะ

เบียร์หมด เก็บตังค์ หาร้านต่อไป วันนี้มันวันอะไรฟร๊ะ ??



ร้านที่ 3

ร้านนี้ดีหน่อย ติดป้ายไว้หน้าร้านเลย(เป็นภาษาอังกฤษ) แปลเป็นไทยได้ว่า
"โต๊ะเต็มค่ะ สามารถมีโต๊ะให้บริการได้ในเวลา 3 ทุ่ม"

อืม..เข้าใจ เข้าใจ
สงสัยมีกรุ๊ปจอง แหงเลย

ไปร้านที่ 4 กันค่ะ
ร้านนี้อยู่ใกล้ที่สุด เราเดินไปทำไมให้ไกลเน๊อะ ตั้ง 3 ร้าน

ชื่อร้านมีทั้งภาไทย และภาษาอังกฤษ
แต่ขอโทษที จำไม่ได้ซักชื่อ รู้แต่ว่าเจ้าของร้านเป็นนักดนตรี แล้วร้านนี้เค้ามีดนตรีเล่นสดทุกแนว ตอนเย็น คนไม่เยอะ น้อง พนง.บอกว่าลูกค้า (ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ) จะมาช่วงดึกๆเพื่อฟังเพลง

อืมมม ก็ดี
เราชอบไม่พลุกพล่านดี



นั่งเพลินดี พนักงานก็น่ารัก
แหม..เสียดาย รู้งี้จอดป้ายแรก ก็ไม่ต้อง 'รมย์ เสียแล้วเน๊อะ





ความจริงร้านนี้นั่งแล้วเพลินดีนะ พนักงานก็บริการดี

แต่..


มันมีความรำคาญเกิดขึ้น จนได้
โต๊ะข้างๆอ่ะ สร้างความรำคาญให้อิชั้นมากกกกกกกก
ไม่ใช่แขกนะ แต่ว่าเป็น ไกด์ ค่ะ เธอดูแลลูกค้า สองสามี-ภรรยา ชาวต่างชาติของเธอ จนเราอึดอัด

คือแทบจะป้อนน่ะ เชียร์มันซะทุกอย่าง เอาโน่นมั้ย นี่มั้ย
แล้วก็เจ้ากี้ เจ้าการ สั่งเด็กในร้าน นั่น โน่น นี่ ข้ามหัวเราไปมา

เอ่อ..คุณคะ กลับกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวองค์ลง



เดินกลับที่พัก

เจอน้องต่าย เจ้าของเกสท์เฮ้าท์ ที่เราพัก ทักทาย
เราก็เลยนั่งคุยกับน้องต่าย ต่อ กลางคืนนอนหลับสบาย แต่ยุงเยอะไปนิดนึง

เช้าตื่นขึ้นมา อาบน้ำ เตรียมตัวออกเดินทางต่อไป ข้ามสะพานจันทร์สมอนุสรณ์ ไปซื้อของฝากที่ตลาดวโรรส ก่อนกลับค่ะ



ช่วงที่ไป (วันที่ 7 พ.ย.) ผลไม้ยังไม่ค่อยออกค่ะ เดินผ่านไปซื้อเสื้อผ้า และกระเป๋าชาวเขา ที่ตรอกเล่าโจ๊ว ได้ของฝากติดมือมานิดๆหน่อยๆ
ซื้อของฝากไปเป็นราคา 280 บาท

แล้วก็กลับเข้าไปเก็บของ ออกเดินทางต่อค่ะ



เนื่องจากว่า.. หิว

เพราะอาหารเช้าที่เกสท์เฮ้าท์ ย่อยไปหมดแล้ว
เลยแวะร้านข้าวที่เคยแวะประจำ หน้าสถานีรถไฟ

หมดไป 90 บาทค่ะ



10.00 น. ออกจากเชียงใหม่
แวะซื้อของฝากระหว่างทาง (โคมลอย) 1 แพค (11 โคม) 330 บาทค่ะ

11.00 น. แวะเยี่ยมเยียนท่านพ่อเมืองลำพูน แล้วก็ออกเดินทางต่อ

13.00 น. ถึงลำปางค่ะ
ทางเจ้าภาพจัดให้เราพักที่ ศูนย์ฝึกอบรมของ กฟผ.แม่เมาะ
ซึ่งจะนำข้อมูลเรื่องที่พัก ไปลงไว้ที่หมวด "รีวิวที่พัก" นะคะ

พี่เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลอาคารที่พัก แนะนำเราว่า ให้เข้าไปดูทุ่งบัวตอง
วันพรุ่งนี้ จะมีพิธีเปิดเทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ

ภาพทุ่งบัวตอง และบรรยากาศที่เมืองลำปาง ไล่ลงไปดูที่ตอนต่อไปเลยค่ะภาพนี้ เป็นทางเข้าอาคารที่พักภายในศูนย์ฝึกอบรมฯ ตอนเย็นๆ ค่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่อยู่เป็นเพื่อน เข้ามาทักทาย และให้กำลังใจกันนะคะ
บ๊าย..บาย ค่ะ



ติดตามอ่านรีวิวฉบับเต็ม จากบอร์ดบลูแพลนเนทได้ตามลิงค์นะคะ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E8563120/E8563120.html




 

Create Date : 11 เมษายน 2553   
Last Update : 11 เมษายน 2553 15:52:45 น.   
Counter : 2405 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  

prettyguide
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




สวัสดีค่ะ

ยินดีต้อนรับสู่ prettyguide's blog ค่ะ

สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องอัญมณี และของดีเมืองจันท์ เชิญลงชื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ค่ะ prettyguide จะขออาสาพาเพื่อนๆเที่ยวเมืองจันท์ให้ครบทุกซอกทุกมุม ใครอยากไปไหน หรืออยากได้ข้อมูลของจันทบุรี ก็บอกมาได้เลยค่ะ

================================

ภาพถ่ายทั้งหมด
ภายใน blog นี้สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัิญญัติสิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง หรือนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาิิต
New Comments
[Add prettyguide's blog to your web]