Group Blog
  •  

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  
  •  ชีวิตในญี่ปุ่น
  •  
  •   
  •  
  •  
  •  
All Blog
ศักยภาพของเด็กเล็ก 5. เส้นสายของเซลล์สมองก่อรูปภายใน 3 ขวบ
   เซลล์สมองของคนเรา กล่าวกันว่ามีถึง 14,000ล้านเซลล์ แต่สมองของเด็กแรกเกิดอยู่ในสภาพกระดาษขาว และเซลล์สมองส่วนใหญ่ยังไม่ได้ทำงาน รายงานการวิจัยล่าสุดพบว่า การทำงานของเซลล์สมองเหล่านี้จะถูกกำหนดภายในอายุ 3 ขวบ

   เซลล์สมองไม่สามารถทำงานได้ถ้าแต่ละเซลล์แยกกันอยู่อย่างโดดเดี่ยวถ้าเราดูภาพของสมองที่ขยายด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นว่าหลังจากที่เด็กเกิดมาแล้ว เมื่อเวลาผ่านไปเด็กจะเรียนรู้มากขึ้นจะมีสายโยงเชื่อมระหว่างเซลล์สมองมากขึ้น กล่าวคือ ต่อเมื่อเซลล์สมองจำนวนมากต่างก็ยื่นมือมาจับกัน สัมพันธ์กันจึงจะสามารถทำการย่อยข่าวสารข้อมูลจากภายนอกได้ ลักษณะแบบนี้เปรียบได้กับการทำงานของทรานซิสเตอร์ในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทรานซิสเตอร์เดี่ยวๆแต่ละตัวทำอะไรไม่ได้ แต่เมื่อต่อสายเชื่อมเข้าด้วยกันจึงจะทำงานได้ในฐานะเครื่องคอมพิวเตอร์

  เส้นสายสัมพันธ์ของเซลล์สมองซึ่งเปรียบเสมือนสายเชื่อมระหว่างทรานซิสเตอร์ในเครื่องคำนวณนี้ จะเพิ่มตัวอย่างรวดเร็วมากระหว่างอายุ 0-3 ขวบจนกระทั่ง 70-80% ของสายโยงทั้งหมดจะก่อรูปภายในอายุ 3 ขวบ ความเจริญเติบโตของเส้นสายในสมองนี้ ทำให้น้ำหนักของสมองเพิ่มขึ้น และน้ำหนักของสมองนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัวภายในอายุ 6 เดือน และเมื่อถึงอายุ 3 ขวบก็จะหนักถึง 80% ของสมองผู้ใหญ่

   แน่นอนไม่ได้หมายความว่าเด็กอายุ 3 ขวบ สมองไม่เติบโตอีกเลย แต่หลังจากอายุ 4 ขวบขึ้นไปเส้นสายสมองในส่วนอื่นจะเติบโตขึ้น เส้นสายสมองที่ก่อรูปหลัง 4 ขวบ คือ สมองส่วนหน้า ก่อนอายุ 3 ขวบคือ สมองส่วนหลัง ข้อแตกต่างระหว่างก่อนและหลังอายุ 3 ขวบคือ ถ้าจะเปรียบเทียบกับเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วก่อน 3 ขวบเปรียบได้กับส่วน “ฮาร์ดแวร์” ของเครื่องคือเปรียบเสมือน “ตัวเครื่อง” ส่วนหลัง 3 ขวบ ”ซอฟท์แวร์” ของเครื่อง คือส่วนที่เป็น”การใช้เครื่อง”นั่นเอง

   สมองเด็กได้รับการกระตุ้นจากภายนอก นำมาย่อยเป็นตัวแบบแล้วจะจดจำระบบย่อยข่าวสารขั้นพื้นฐานซึ่งสำคัญมากนี้จะถูกสร้างภายในอายุ 3 ขวบ ส่วนในเรื่องความนึกคิด ความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจ อารมณ์ ซึ่งเป็นเรื่องระดับสูง จะถูกสร้างหลังจากอายุ 3 ขวบ กล่าวคือ เป็นส่วนที่ว่าจะเอาส่วนที่ถูกสร้างมาก่อนอายุ 3 ขวบ ไปใช้อย่างไร

   เพราะฉะนั้น ถ้าหากส่วนที่เป็น “ฮาร์ดแวร์” คือ “ตัวเครื่อง” ที่ถูกสร้างภายในอายุ 3 ขวบนั้นไม่ดีเสียแล้ว เมื่ออายุเกิน 3 ขวบ ถึงแม้ว่าเราจะพยายามสร้างส่วนที่เป็น ”ซอฟท์แวร์”คือ “การใช้เครื่อง”ให้ดีอย่างไรก็ไม่มีความหมายเพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ที่คุณภาพไม่ดีต่อให้คุณพยายามใช้อย่างดีแค่ไหนมันก็ให้ผลลัพธ์ที่ดีออกมาไม่ได้แน่



Create Date : 21 มกราคม 2556
Last Update : 21 มกราคม 2556 17:46:25 น.
Counter : 491 Pageviews.

0 comment
ศักยภาพของเด็กเล็ก 4. เด็กแรกเกิดนั้นอ่อนแอแต่มี “ศักยภาพ”( ความสามารถเป็นไปได้ ) มหาศาล
   ความคิดในเรื่องการศึกษาในวัยเด็กเล็กของผมนั้น เริ่มต้นด้วยเรื่อง”ศักยภาพ” อันมหาศาลของเด็กแรกเกิด แต่พอพูดอย่างนี้ก็อาจมีข้อสงสัยว่า เด็กแรกเกิดซึ่งทำอะไรไม่ได้เลยนั้น ทำไมถึงคิดว่าจะมีศักยภาพอย่างมหาศาล เล่า

     ผมอยากจะตอบข้อสงสัยนี้ว่า “ก็เพราะว่าเด็กแรกเกิดทำอะไรไม่ได้เลยนะซิ ถึงได้มีศักยภาพมหาศาล " เป็นความจริงว่ามนุษย์แรกเกิดเมื่อเปรียบเทียบกับพวกสัตว์แรกเกิดอื่นๆแล้ว มนุษย์เกิดมาในสภาพที่อ่อนแอกว่ามาก

     ระยะแรกเกิด คนเรามีความสามารถร้องไห้กับดูดนมได้เท่านั้น ในขณะที่สัตว์อื่นๆไม่ว่า หมา ม้า ลิง พอเกิดออกมาก็ยืนได้ เดินได้ทันที นักสัตววิทยาคำนวณความแตกต่างนี้ไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 10-11 เดือน

    ส่วนปัญหาที่ว่าทำไมจึงเกิดความแตกต่างแบบนี้ขึ้นนั้น เหตุผลอย่างหนึ่งกล่าวกันว่า เป็นเพราะมนุษย์เดินไม่ได้เหมือนสัตว์อื่น กล่าวคือมนุษย์ใช้สองขาเดินในแนวตั้ง ทำให้ทารกอยู่ในครรภ์ได้ในระยะเวลาที่สั้นลง

     เพราะเหตุนี้สัตว์อื่นจึงมีความสามารถหลายอย่าง เช่นความสามารถในการเดิน ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ส่วนมนุษย์ต้องเกิดมาในสภาพที่ยังทำอะไรด้วยตนเองไม่ได้เลย ซึ่งหมายความว่าความสามารถของเด็กแรกเกิดนั้นขึ้นอยู่กับการศึกษาหลังจากการลืมตาดูโลกแล้ว

    หรือกล่าวได้ว่า สัตว์อื่นๆ ตอนเกิดมาหัวแข็งเสียแล้ว แต่มนุษย์เกิดมาในสภาพที่สมองยังเกือบเหมือนกระดาษขาวอยู่

    เพราะฉะนั้น ถ้าอยากให้เด็กแรกเกิดมีความสามารถอะไรก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเขียนอะไรลงไปในกระดาษขาวนั้น

   ถ้าอยากให้เด็กมีความสามารถและอุปนิสัยที่ดีเลิศ ความเป็นไปได้มีมหาศาล  ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากในระยะแรกเกิดเราปล่อยปละละเลยไม่สนใจเด็กก็อาจจะหยุดอยู่ในสภาพสมองว่างเปล่าเช่นนั้น



Create Date : 21 มกราคม 2556
Last Update : 21 มกราคม 2556 17:41:52 น.
Counter : 783 Pageviews.

0 comment
ศักยภาพของเด็กเล็ก. 3. การศึกษาในวัยเด็กเล็กไม่ใช่การผลิตอัจฉริยบุคคล
     ก่อนหน้านี้ผมเคยกล่าวว่า “ การศึกษาในช่วงอายุ 0-3 ขวบ สามารถทำคนให้เป็นอัจฉริยะ ถ้าอยากจะทำ “

    พอผมพูดเรื่องนี้ คุณแม่หลายคนคงจะวิจารณ์ว่า “ ถ้าอย่างนั้นการศึกษาในวัยเด็กเล็ก คือการศึกษาเพื่อสร้างอัจฉริยบุคคลอย่างนั้นหรือ “

      คำตอบของผมก็คือ “ไม่ใช่ “ จุดประสงค์ประการเดียวของการศึกษาในวัยเด็กเล็กคือ “ เพื่อสร้างเด็กให้เป็นคนที่มีไหวพริบดี ร่างกายแข็งแรง ร่าเริงและอ่อนโยน “

    คนเรานั้น ถ้าหากไม่มีข้อบกพร่องทางร่างกายแล้ว ทุกคนเหมือนกันหมดตอนแรกเกิด เรื่องที่เด็กกลายเป็นเด็กฉลาด เด็กโง่ เด็กที่มีนิสัยอ่อนโยนหรือดื้อรั้นหยาบกระด้างนั้น ทั้งหมดเป็นความรับผิดชอบของพ่อแม่ ไม่ว่าเด็กคนไหน ถ้าหากได้รับในสิ่งที่เขาควรได้รับในเวลาที่เหมาะสม เขาจะกลายเป็นคนที่มีสติปัญญาและอุปนิสัยดีเลิศในอนาคต

    คุณอาจจะรู้สึกตะขิดตะขวงอยู่บ้าง ถ้าผมจะเปรียบคนกับหมา แต่ไม่ว่าจะเป็นหมาพันธุ์ดีแค่ไหนก็ตาม ถ้าหากปล่อยให้ไปเข้ากลุ่มกับหมากลางถนน มันจะค่อยๆติดนิสัยป่าเถื่อน และในที่สุดมันจะกลายเป็นหมากลางถนนไปด้วย เด็กแรกเกิดนั้นมีสมองพัฒนาน้อยกว่าสมองของหมาเสียอีก เพราะฉะนั้นการเลี้ยงดูที่ผิดพลาดอาจกลายเป็นหมากลางถนนไปได้อย่างง่ายดาย

    หลายปีก่อน เกิดคดีสยองขวัญขึ้นในญี่ปุ่น โดยเด็กหนุ่มคนหนึ่งทำการฆาตกรรมผู้เคราะห์ร้ายหลายคนด้วยอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุผลใดใดทั้งสิ้น ต่อมาเด็กหนุ่มคนนั้นเขียนบันทึกจากในคุกออกเผยแพร่ ตอนหนึ่งในบันทึกเขียนว่า “ นิสัยสันดานของคนนั้น เขาว่าถูกสร้างขึ้นภายในอายุ 5 ขวบ ชั่วชีวิตคนนั้นอายุ 5 ปีมันน้อยนิด ถ้าหากมันสร้างสันดานที่กำหนดชีวิตของคนได้ละก็มันช่างเป็นช่วงเวลาสำคัญเหลือเกิน แต่ว่าพ่อแม่ทั้งหลายถึงได้ละเลยมันเสียนักนะ!" ( จาก “น้ำตาของความโง่” ) บันทึกของเขาเขียนวิจารณ์ชีวิตในวัยเยาว์เอาไว้อย่างเจ็บปวด อ่านข้อความอย่างนี้แล้ว มีพ่อแม่คนไหนบางจะไม่สะเทือนใจ

    ผมคิดว่าอุดมศึกษาในวัยเด็กเล็ก คือเพื่อไม่ให้เกิดเด็กโชคร้ายแบบเด็กหนุ่มคนนี้ เพื่อไม่ให้หมากลายเป็นหมากลางถนน ซึ่งจุดสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูเด็กตั้งแต่แรกเกิดที่เดียว

    การให้เด็กฟังดนตรีดีๆ ให้เด็กเรียนไวโอลินนั้น ไม่ใช่เพื่อสร้างอัจฉริยบุคคลทางดนตรี การสอนภาษาอังกฤษ สอนให้อ่านหนังสือ ไม่ใช่เพื่อสร้างอัจฉริยบุคคลทางภาษา รวมทั้งไม่ใช่การเตรียมเด็กเพื่อให้เข้าโรงเรียนอนุบาลดีๆหรือโรงเรียนประถมดีๆ แต่อย่างไร การเรียนไวโอลิน ภาษาอังกฤษ และการอ่านหนังสือ ตัวอักษรนั้นเป็นเพียงมาตรการอย่างหนึ่ง ในการค้นหาความสามารถอันมหาศาลในตัวเด็กเท่านั้น



Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2556 18:00:00 น.
Counter : 536 Pageviews.

0 comment
ศักยภาพของเด็กเล็ก 2. ไม่ว่าเด็กคนไหน ก็เลี้ยงให้ดีได้
    คงมีคนไม่น้อยที่สงสัยว่าผมซึ่งเป็นช่างเทคนิคและนักธุรกิจทำไมถึงได้ข้ามประตูมาสนใจเรื่อง “ การศึกษาในวัยเด็กเล็ก “ ที่จริงการที่ผมสนใจเรื่องสำคัญแบบนี้เป็นของธรรมดาที่สุด และเมื่อรู้สึกว่าคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายนั่นแหละที่ละเลยปัญหานี้ ทำให้ผมยิ่งอยู่เฉยไม่ได้

   แน่นอน ไม่ใช่ว่าผมจะไม่มีแรงอะไรโดยตรงเสียเลยที่กระตุ้นให้สนใจปัญหานี้ แรงกระตุ้นอย่างหนึ่งคือเรื่องวุ่นวายมากในมหาวิทยาลัยในระยะปี 1965-1970 (พ.ศ.2508-2513) เป็นช่วงที่เกิดความวุ่นวายมากในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศญี่ปุ่นเพราะบรรดานักศึกษาก่อการสไตร์คกันอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ผมเกิดความสงสัยในระบบการศึกษาของเรา และอีกอย่างหนึ่งก็คือผมเป็นพ่อคนหนึ่งที่มีปัญหาในเรื่องลูก

    ความจริงผมมีลูกปัญญาอ่อนอยู่คนหนึ่ง ในช่วงที่ลูกผมคนนี้ยังอยู่ในวัยเด็กเล็ก ผมไม่รู้เลยว่าเด็กที่มีชะตากรรมแบบนี้ ก็มีโอกาสพัฒนาความสามารถขึ้นมาได้ในระดับหนึ่ง ถ้าหากเริ่มทำตั้งแต่แรกเกิด สิ่งที่ทำให้ผมตาสว่างในเรื่องนี้ก็คือคำพูดของอาจารย์ซูซูกิ ชินอิชิ ซึ่งมีชื่อเสียงทั่วโลกในการสอนไวโอลินแก่เด็กเล็ก ท่านกล่าวว่า “ ไม่ว่าเด็กคนไหนก็ดีได้ ขึ้นอยู่กับวิธีเลี้ยง “ เมื่อผมได้ยินเรื่องนี้และได้เห็นผลงานที่น่าทึ่งสมกับคำพูดของท่าน ทำให้ผมรู้สึกเสียดายที่สุดที่ผมในฐานะที่เป็นพ่อ ไม่ได้ทำอะไรให้แก่ลูกของผมเลย

    เรื่องความวุ่นวายในมหาวิทยาลัยก็เช่นเดียวกัน ทำให้ผมคิดถึงปัญหาการศึกษาว่าการศึกษาคืออะไร ควรจะเป็นอย่างไร ตอนแรกผมคิดถึงเรื่องการศึกษาในมหาวิทยาลัย ปัญหาต่างๆในระบบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย แต่พอผมคิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ก็ทำให้ผมพบว่าปัญหามันเกิดตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมปลายแล้ว และสาวไปถึงระดับมัธยมต้น ระดับประถม จนกระทั่งได้บทสรุปว่าแม้แต่ระดับอนุบาลก็สายไปเสียแล้วกระมัง ความคิดอย่างนี้เกิดไปตรงกับความคิดของอาจารย์ ซูซูกิ ชินอิชิ ซึ่งทดลองเรื่องการศึกษาของเด็กเล็กมานานแล้ว

    อาจารย์ ซูซูกิท่านเริ่ม การศึกษาแบบ ซูซูกิ ( Suzuki method ) ซึ่งเป็นระบบอาจารย์ ซูซูกิในวัยเด็กเล็กตามแบบฉบับของท่านมาตั้ง 30 ปีเศษแล้ว ก่อนหน้านั้นท่านก็สอนตามแบบทั่วๆไป คือเริ่มตั้งแต่ระดับประถมศึกษา มัธยมขึ้นไป แต่ปรากฏว่าในหมู่เด็กที่เริ่มเรียนในระดับนี้ จะเกิดความแตกต่างอย่างมากระหว่างเด็กที่เก่งไปเร็วกับเด็กที่เรียนไปได้ช้าอย่างแก้ไม่ตก อาจารย์จึงทดลองให้เด็กเรียนเร็วขึ้น เพื่อดูผลว่าจะเป็นอย่างไร ในที่สุดก็ลดอายุของเด็กลงเรื่อยๆปรากฏว่าเรื่องที่ผมคิดได้จากปัญหาความวุ่นวายในมหาวิทยาลัยนั้น อาจารย์ ซูซูกิท่านเริ่มทดลองมาตั้งแต่ 30ปีก่อนแล้ว อาจารย์ ซูซูกิท่านสอนไวโอลิน เรื่องนี้เพราะบังเอิญท่านเป็นนักไวโอลินเท่านั้นเอง แต่วิธีการของท่านใช้ได้ในการศึกษาทุกแขนง เพราะผมคิดแบบนี้ ถึงได้เหยียบเข้ามาในการศึกษาของเด็กเล็ก



Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2556 17:08:01 น.
Counter : 420 Pageviews.

0 comment
ศักยภาพของเด็กเล็ก 1. รอให้เข้าโรงเรียนอนุบาลก่อนก็สายเสียแล้ว
    
      ก่อนที่ผมจะเริ่มเรื่อง ผมอยากให้คุณนึกถึงสมัยที่คุณยังเป็นนักเรียนสักหน่อย ในชั้นเรียนของคุณคงมีคนหัวดีมาก และคนที่หัวทื่อไม่เอาไหน ใช่ไหมครับ คนที่หัวดีนั้นทั้งๆที่ไม่ได้คร่ำเคร่งเรียนเท่าไร แต่ได้คะแนนเยี่ยมทุกที่ ส่วนคนที่ไม่เอาไหนนั้นต่อให้ขยันดูหนังสืออย่างไร ผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิมทุกคนคงเคยมีเพื่อนแบบนี้มาแล้ว ทางฝ่ายคุณครูมักจะปลอบใจว่า “ คนเราไม่ได้เกิดมาเป็นคนโง่หรือฉลาด มันขึ้นอยู่กับความพยายามนะนักเรียน "
      แต่ความรู้สึกของพวกเรา เรามักคิดว่าความโง่หรือฉลาดคงถูกกำหนดมาตั้งแต่กำเนิดแล้ว ที่จริงมันเป็นเรื่องอย่างไรกันนะ? คุณครูบอกว่า “ โง่หรือฉลาดไม่ใช่เรื่องของกำเนิด มันขึ้นอยู่กับความพยายาม "กับความรู้สึกของพวกเราที่ว่า “ โง่หรือฉลาดมันถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว " ฝ่ายไหนถูกฝ่ายไหนผิดกันแน่

     ถ้าจะให้ผมเป็นคนตัดสิน ผมก็จะบอกถูกทั้งคู่ว่าและผิดทั้งคู่ คุณก็อาจจะว่าผม พูดแบบกำปั้นทุบดินก็ได้ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นแน่

    ถ้าเริ่มจากบทสรุปก็กล่าวได้ว่าความสามารถและอุปนิสัยของคนเราไม่ได้เป็นของติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่จะถูกกำหนดภายในระยะเวลาหนึ่ง เราถกเถียงกันมานานแล้วว่า คนเรานั้นถูกกำหนดโดยกรรมพันธุ์ ประเภท “ เชื้อไม่ทิ้งแถว " ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น “ หรือว่าถูกกำหนดด้วยการศึกษาและสภาพแวดล้อมกันแน่เรื่องนี้หาบทสรุปไม่ได้มาเป็นเวลานาน

     แต่เมื่อไม่นานมานี้ การศึกษาทางชีววิทยาเกี่ยวกับสมองและกรรมพันธุ์ก้าวหน้าขึ้น จนกระทั่งพบว่า ความสามารถและอุปนิสัยของคนนั้น ส่วนใหญ่จะก่อรูปเรียบร้อยระหว่างอายุ 0- 3 ขวบ กล่าวคือ คนเรานั้นตอนแรกเกิดเหมือนกันหมด ไม่มีคนที่เกิดมาเป็น” อัจฉริยบุคคล " หรือเกิดมาเป็น “ ไอ้งั่ง ” แต่การศึกษาตั้งแต่แรกเกิดนั่นแหละ สามารถทำให้คนเป็น ” อัจฉริยบุคคล " ก็ได้หรือเป็น “ ไอ้งั่ง " ก็ได้ถ้าอยากจะทำ

    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า เราจะสามารถทำให้คนเป็น อัจฉริยะเมื่อไรก็ได้ เช่น เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ทำได้ เพราะความสามารถและอุปนิสัย ส่วนใหญ่ของคนเราจะถูกกำหนดในช่วงอายุ 0-3ขวบ เพราะฉะนั้น เมื่อเด็กเริ่มไปโรงเรียนแล้ว ความแตกต่างที่เด็กหัวดีที่อะไรอะไรก็ง่ายไปหมด กับเด็กหัวทึบอะไรมันก็ยากไปหมด จึงเกิดขึ้น

    จุดสำคัญก็คือ การเลี้ยงดูเด็กระหว่างอายุ 0-3 ขวบ ถ้ารอให้เข้าโรงเรียนอนุบาลเสียก่อนก็สายไปเสียแล้ว



Create Date : 20 มกราคม 2556
Last Update : 20 มกราคม 2556 17:06:41 น.
Counter : 458 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Harutoaki
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]



ตอนนี้ผันตัวมาเป็นแม่ค้าทำขนส่งจากจีนมาไทย หาตังค่าขนมให้เจ้าหนูฮิโร ใครสนใจติดต่อมาได้เลยนะคะ เราคิดราคาถูกสุดๆ

ส่วนอะไรที่เป็นข้อมูลเอามาแชร์กับเพื่อนๆเท่าที่จะทำได้นะคะ เพื่อนๆจะได้ไม่เจอเหตุการเซ็งแบบเรา หากเพื่อนๆมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็เขียนแนะนำเราเอาไว้ได้เลยนะคะจะได้เป็นความรู้กับเราด้วย.

สำหรับเพื่อนๆที่สงสัยเกี่ยงกับเรื่องวีซ่า สามารถทิ้งอีเมล์ไว้ให้เราได้นะค่ะ เวลาตอบบางทีบางคนไม่ใช่สมาชิกเราก็ไม่รู้ว่าจะได้เห็นข้อความเราไหม

เรื่องวีซ่าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด แต่ที่ลงข้อมูลไว้เผื่อคนที่ต้องการทำวีซ่าอย่างเราจะได้มีที่หาข้อมูลได้