Bloggang.com : oaty_bear - ญี่ปุ่น แล้วชั้นจะกลับไป

Bloggang.com : weblog for you and your gang

Group Blog

All blogs

ญี่ปุ่น แล้วชั้นจะกลับไป

ไปโอซาก้ามา 4 วันเต็ม ๆ กับอีก 5 คืน (2 คืนบนเครื่อง 3 คืนในโรงแรม) เหนื่อยมาก ๆ เดินเงี้ยเป็น 10 กิโลเลยอ่ะ เท้าพองหมดเลย
ออกเดินทางไฟล้ท์ TG622 เวลา 23.59 น. แวะช้อปที่ duty free ก่อน

วันที่ 1 ถึง OSAKA แล้วจ๊ะ แต่เราไปลงที่ Kunsai Airport นะคะ ถึงประมาณ 7.30 น. แวะซื้อตั๋ว JR Pass เอาแบบ 4 วัน ราคาคนละ 6,000 เยน ก่อน แล้วก็นั่งรถโรงแรมไปที่ Kunku Hineno Station Hotel ค่ะ เอากระเป๋าไปฝากเค้าไว้ก่อน แล้วค่อยกลับมาเช็คอินตอนเย็น (เพราะว่าถ้าเช็คอินเช้าเลยจะเสียเงินเพิ่มอีกวันหนึ่งงัย...เป ็นงัยงกดีมะ) จากนั้น ก็ไป NARA เลยค่ะ นั่ง JR ไป แล้วก็ต่อรถบัส (คนละ 180 เยน หรือจะเดินก็ได้นะ) เพื่อจะไปวัด Todaiji Temple มีกวางเยอะมาก ๆ เชื่องด้วย ไปไหว้พระหลวงพ่อโต ไดบุทซึ (พระไวโรจนพุทธ) ซื้อบัตรเข้าวัดคนละ 500 เยน แล้วจะเห็นพระองค์สีดำนั่งอยู่ด้านขวามือ ซึ่งมีความเชื่อว่าเอามือไปลูบตัวท่านและจะทำให้สุขภาพดี ช่วยลดอาการปวดเมื่อย ข้างในตัววัดก็จะมีพระองค์ใหญ่เป็นพระที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่ น และด้านซ้ายมือขององค์พระ จะเห็นองค์เจ้าแม่กวนอิม วิธีไหว้ในวัดนี้ก็คือเดินตามเข็มนาฬิกา และพอใกล้ทางออกก็จะเห็นเสาศักดิ์สิทธิ์เชื่อกันว่าถ้าเด็กได้ล อดช่องเสาจะทำให้มีสติปัญหาดีและมีสุขภาพแข็งแรง (อยากลอดมั่งแต่ติดนมอ่ะ)

จากนั้นก็กลับมาซื้อซูชิลดราคา 50% (จะลดใกล้ ๆ ตอนสองทุ่ม) เราซื้อที่ Jusco แถว ๆ โรงแรมค่ะ เพื่อเอาไปกินกลางวันพรุ่งนี้

วันที่ 2 ไปเกียวโตค่ะ นั่ง JR แบบ Express (จะไม่จอดทุกป้าย) นั่งไปประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วก็รอรถบัสไป ต้องซื้อตั๋วรถบัสแบบ one day pass ก่อนนะ คนละ 500 เยน (จริง ๆ มีหลายวัดมาก แต่เราไม่ค่อยเน้นวัดซักเท่าไหร่นะ แค่เอาที่เค้าแนะนำให้มาละกันนะ) วัดแรกที่เราแวะก็คือ วัด Kiyomizu (วัดน้ำใส) ลงที่ป้าย Kiyomizu Michi แล้วก็เดินขึ้นวัด (เหมือนเดินขึ้นเขาเลย) ระหว่างทางก็จะมีร้านขายของฝาก ขนมอะไรพวกนี้ (ขากลับเราทั้งคู่แวะชิมจนอิ่มแปร้เลย แต่ไม่ซื้อของเค้า น่าเกลียดจังเลยเรา 555) ขนมที่ฮิตมากก็จะเป็นแป้ง ทรงคล้าย ๆ เกี้ยวอ่ะ ข้างในเป็นใส้ถั่วต่าง ๆ อร่อยมาก ๆ เลย พอขึ้นถึงวัดก็จะเห็นวิวทั่วเมือง แล้วเสียค่าเข้าอีกคนละ 300 เยน เมนของวัดนี้ก็คือจะมีน้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลมาจากภูเขา 3 สาย ซึ่งแต่ละสายมีความหมายต่างกัน น้ำทางขวามือดื่มแล้วจะทำให้ฉลาด สายกลางจะทำให้เป็นคนรูปร่างหน้าตาสวยงาม และทางซ้ายมือทำให้อายุยืนยาว (ต้องเข้าแถวรอนะคะ) อะฮั้นดื่มมันทุกสายเลย แถมเอากระติกน้ำไปกรอกด้วย น้ำเย็นชื่นใจดีมาก ๆ เลย จากน้ำเราไปวัดอิคิวซัง Kinkakuji Temple (วัดศาลาทอง) ค่าเข้าคนละ 400 เยน แล้วก็กลับไปศาลเจ้าเฮย์อัน เราถ่ายแต่ข้างหน้า ไม่ได้เข้าข้างในเพราะไม่อยากเสียตังค์ 5555 แล้วก็รีบกลับไปเดินแถว Namba ต่อแล้วก็ย่าน Shinsaibashi ต่อ

Kiyomizu Temple

Kinkakuji Temple

ศาลเจ้าเฮย์อัน

วันที่ 3 วันนี้ไป Universal City ซึ่งต้องใช้เวลาทั้งวัน แต่กว่าจะตื่นก็ปาเข้าไป 8 โมง กว่าจะออกจากโรงแรมก็ 9 โมงครึ่งแล้วค่ะ (เพราะเมื่อวานเดินทั้งวัน ปวดเท้ามาก ๆ) ที่ Universal สนุกมาก ๆ แต่จะเล่นอะไรทีต้องเข้าแถวรอนานมากๆๆๆๆๆๆ ยื่นจนเมื่อยเลย แต่คุ้มค่ากับที่รอมาก

รถ JR สายนี้ น่ารักมาก ๆ เพ้นท์ลายการ์ตูนด้วย

วันที่ 4 วันสุดท้ายแล้ว ตื่นสายอีกตามเคย เช็คเอ้าท์แต่เช้า แต่ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วก็ดิ่งไป Himeji Castle ก่อนเลย เพราะอยู่ไกลมาก ๆ จริง ๆ ต้องเสียค่าเข้า แต่เราไม่นะ เราถ่ายแต่ข้างหน้าอย่างเดียว (งก) เสร็จแล้วก็กลับมาต่อที่ Osaka Castle ต่อ ก็ต้องเสียค่าเข้าอีก แต่เราไม่ (อีกแล้ว) ถ่ายแต่ข้างหน้าอย่างเดียว (เค้าปิด 5 โมงเย็น กว่าเราจะไปถึง 4 โมงเย็นอ่ะ ชั่วโมงเดียวเสียคนละ 1,600 เยน เราไม่เอาหรอก ไม่คุ้ม) จากนั้นก็รีบกลับมากเที่ยวย่าน Numba อีก คราวนี้เดินใต้ดิน ช้อปเสื้อมาได้หลายตัวเลย พอประมาณ 4 ทุ่มก็นั่ง JR กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม เพื่อไปสนามบิน กลับเมืองไทย ไฟล้ท์ TG673 เวลา 01.25 น. ของวันที่ 31 พ.ค.หน่ะ ถึง Bangkok ประมาณ ตี 5 กลับไปบ้านอาบน้ำมาทำงานต่อเลย

Himeji Castle