บ่วง ตอนที่ 1 (ต่อ)




ท้องฟ้ายามนั้นเต็มไปด้วยสายฝน เสียงฟ้าร้องคะนองเป็นระยะ ใบไม้ไหวเอนตามแรงลมที่พัดโหมกระหน่ำ เด็กแผดรัสตี้กับไลล่าเดินฝ่าความมืดและสายฝน มาถึงที่สะพานไม้เล็กๆ ข้ามบึงเล็กๆ เพื่อไปที่ฝั่งเรือนหลังเล็ก ทั้งสองเห็นสะพานอยู่ตรงหน้า

“ไป ไปดูกันว่าฝั่งนั้นมีอะไร ไปกันเถอะ”
รัสตี้บอก แต่ไลล่าส่ายหน้า
“ฝนตกใหญ่แล้ว กลับกันเถอะ”
รัสตี้ชี้ไปอีกด้านของสะพาน
“นั่นๆ มีแสงวับๆ ดูสิ มีสมบัติแน่เลยข้ามสะพาน ไปหาสมบัติกัน มานี่”
รัสตี้ลากไลล่าไป ยังไม่ทันถึงสะพาน ฟ้าผ่าสว่างวาบ แล้วเปรี้ยงอยู่บนท้องฟ้าห่างไป แต่เสียงดังมาก ทำให้ทั้งสองตกใจ ร้องกรี๊ดแล้วพากันนั่งลง!

เวลาเดียวกันไฟในบ้านชั้นล่างถูกเปิดขึ้น รัมภาวิ่งลงมาจากชั้นบนตะโกนลั่นไป ดังทั่วบ้าน สายตามองหา วิ่งไปรอบๆ ที่คาดว่าเด็กจะอยู่
“ไลล่า รัสตี้ อยู่ไหนลูก ไลล่า รัสตี้”
ศามนวิ่งตามลงมาทันที
“มีอะไรคุณ”
“ไลล่า รัสตี้ หายออกไปจากห้อง”
บุญสืบ ยายคำ และตาหล้าวิ่งหน้าตื่นออกมาดูจากเรือนคนใช้ด้านหลัง ต่างถือไฟฉายมาคนละกระบอก
“คุณหนูหายไป” หล้ากังวล
บุญสืบหน้าซีด ตะโกนออกมา “ผะ ผี”
คำรีบกระโดดไปจับปาก ศามนเดินไปเอาไฟฉายมาอันหนึ่งจากบุญสืบ
“ช่วยกันออกตามหาเร็ว”
ทั้งหมดแยกย้ายกันออกตามหาในบ้านก่อน

ไลล่ายังกอดรัสตี้ นั่งอยู่ที่เดิม
“ฮือ รัสตี้ ไลล่ากลัว พาไลล่ากลับบ้านหน่อย ฮือ” ไลล่าร้องอย่างเสียขวัญ
รัสตี้มองท้องฟ้าเห็นฟ้าแล่บอยู่วาบๆ ห่างไป
“ไป กลับก็กลับ”
เสียงสวดมนต์เขมรดังขึ้น แพงเริ่มร่ายมนต์บางอย่างมาจากบ้านของตน รัสตี้ที่กำลังจะพาน้องเดินไป เหลียวหลังกลับ หันขวับเหมือนถูกเรียก
“หยุดทำไมล่ะ รัสตี้!”

ช่วงนั่งสมาธิอยู่ในห้องพระ ดวงตาของลุงช่วงจู่ๆ เบิกโพลง เพราะเกิดเห็นนิมิตบางอย่างในใจ
“แย่แล้ว!”
ช่วงรีบลุกไปเคาะประตูห้องพัชนี
“พัช...ลูก... ตื่นเร็ว”
พัชนีเปิดประตูออกมา
“ลุงมีอะไรคะ”
“เรื่องเจ้านายของพัช ลุงอยากคุยด้วย”
“คุยเรื่องเจ้านายหนูหรือคะ”
พัชนีงงมาก

รัมภา ศามน พร้อมด้วยสามพ่อแม่ลูกเดินหารัสตี้กับไลล่ารอบบ้านแล้ว ไม่พบจึงวิ่งกลับมารวมตัวกันที่เดิม
“ในบ้านทุกซอกทุกมุม ไม่มีเลยครับ” บุญสืบบอก
ศามน รัมภา มองออกไปนอกบ้าน ฝนตกหนักฟ้าครืนดูน่ากลัว ต่างก็ไม่อยากเชื่อว่าเด็กทั้งสองจะกล้าออกไป
“หมายความว่า....ข้างนอก!” ศามนปรารภ
รัมภาอึ้งๆ
“ออกไปข้างนอกตอนฝนตกเนี่ยหรือ”
ศามนหันไปสั่ง
“ออกไปค้นดู! ฉันกับภาจะไปด้านนี้ นายสามคนไปด้านนี้”
ทั้งหมดวิ่งฝ่าสายฝน ออกไปนอกเรือนใหญ่ทันที

คำ หล้า บุญสืบ วิ่งออกมาที่เฉลียงหน้าบ้าน บริเวณหน้าห้องโถงที่เป็นที่ตั้งศพ จู่ๆ คำก็หยุดเดิน
“เอ้าแม่ หยุดทำไม”
“แม่เห็น...เหมือนคุณท่านอยู่ตรงนั้น”
คำชี้ไปที่เฉลียงมุมหนึ่ง บุญสืบสะดุ้งขาสั่นพั่บๆๆ หล้าหันมามองขาทั้งสองของบุญสืบ
“ยุงกัดหรือลูก มาพ่อปัดให้”
บุญสืบตวาดแว้ด “ไม่ต้อง! อย่ามาแตะ เดี๋ยวฉี่แตก”
“แม่คงตาฝาดมั้ง ไปเถอะ” คำชักไม่แน่ใจ
“รีบๆเลย ไปเลยเร็วเข้า บรื๋อ”
คำ หล้า และบุญสืบวิ่งฝ่าสายฝนออกไป ระหว่างนั้นมุมที่คำชี้ไปเมื่อครู่ มีกลุ่มควันสีขาวๆ เกิดขึ้น ร่างสีขาวของคุณหญิงอบเชยปรากฏขึ้นจางๆ คุณหญิงอบนั่งก้มหน้าเศร้าอยู่ ก่อนจะลุกขึ้นยืนมองออกไปข้างหน้า อย่างเป็นห่วงเป็นใยเด็กทั้งสอง

พัชนีกับช่วงมานั่งคุยกันที่ห้องนั่งเล่น ช่วงดูรูปถ่ายบ้านศามนของพัชนีอีกครั้ง
“ลุงช่วงนั่งสมาธิอยู่ แล้วมองเห็นบางอย่างในบ้านเจ้านายหนูหรือคะ” พัชนีถามอย่างสงสัย
ช่วงพยักหน้า
“ดวงวิญญาณที่ยังติดอยู่ในบ่วง! ไม่ยอมไปไหน!”
พัชนีตกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง และพูดถึงสิ่งที่รู้มาให้ฟัง
“ที่บ้านนั้น เขายังไม่เผาคุณทวดค่ะ ท่านบอกจะอยู่ปกป้องหลาน ใช่วิญญาณคุณทวดหรือเปล่าคะ!”
“ไม่ใช่...เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว”
“เข้าใจผิดยังไงคะ”
“วิญญาณบรรพบุรุษนั้นยังอยู่ก็จริง แต่ท่านมาช่วย ไม่ได้มาทำร้าย ท่านมาดีเข้าใจไหมพัช!”
พัชนีงงว่ามีวิญญาณอื่นด้วยหรือ
“มาช่วยคุ้มครองลูกหลานใช่ไหมคะ ว่าแล้ว ปู่ย่าตายายที่ไหนจะทำหลานได้”
“แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น” ช่วงบอกเสียงเครียด
พัชนีแปลกใจ
“อะไรนะคะ”
“ที่บ้านนั้น ไม่ได้มีวิญญาณแค่ดวงเดียว มีวิญญาณอื่นอยู่ด้วย เข้าใจไหม วิญญาณรัก วิญญาณแค้น...ไม่ได้แล้ว ลุงจะไปสวดมนต์ บางทีอาจช่วยได้”
ช่วงลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องพระทันที พัชนีได้แต่ยืนกังวลใจ

ทางด้านรัสตี้หันไปมองอีกฝั่งหนึ่งของสะพานนิ่ง เหมือนต้องมนต์ จนไลล่าต้องสะกิด
“รัสตี้หยุดดูอะไร”
เสียงสวดมนต์เขมรยังดังอยู่ตลอดเวลา รัสตี้พูดเหม่อๆ เหมือนเจรจากับวิญญาณในเรือนหลังเล็กด้วยจิตใต้สำนึกที่ตนเองก็ยังไม่เข้าใจ
“มีสมบัติอยู่ฝั่งโน้นจริงหรือ”
ไลล่างง “รัสตี้พูดกับใครน่ะ!”
รัสตี้ลากไลล่าหันกลับไปที่สะพาน เดินคืบหน้าไปใกล้สะพานมากขึ้น
“มานี่เร็ว ข้ามสะพานไปกัน!”
ไลล่าตกใจ กับการตัดสินใจครั้งใหม่ของรัสตี้

รัมภากับศามน ถือไฟฉายส่องตามหาลูกไปตามทาง ท่ามกลางสายฝน ปากก็ตะโกน
“รัสตี้ ไลล่า อยู่ไหนลูก”
อีกด้านของสวน คำ หล้า และ บุญสืบออกใช้ไฟฉายส่องไป ตามหาเด็กเช่นกัน
“คุณหนูครับ คุณหนู!”
ทุกคนช่วยกันตะโกน

เด็กแฝดมองไปที่สะพานที่รัสตี้อยากข้ามไป แต่ไลล่า ประหวั่น หวาดกลัว ไม่อยากไป พื้นไม้ของสะพานกรอบแกรบโยกไหว ตามแรงลมดูอันตราย
“ไม่เอา ไลล่าไม่ไป กลับเถอะ กลับบ้านเร็วเข้า!” ไลล่าพยายามห้าม
“ไปเถอะน่า ไปเร็วเข้า ไลล่า อย่าดื้อสิ ไปช่วยกันหาสมบัติ ไปเร็ว”
ทั้งสองยื้อกันอยู่ไปมา รัสตี้อยากข้ามสะพานไปอีกด้าน ไลล่าไม่อยาก พยายามยื้อแขนกัน เพื่อดึงรัสตี้กลับบ้าน
“แด๊ดดี้ หม่ามี้...ไม่ไป ไม่ไป กรี๊ด ช่วยด้วย ช่วยด้วย แด๊ดดี้ หม่ามี้”
ศามนกับรัมภาวิ่งมาจนถึงมุมที่ใกล้กับสะพาน เด็กทั้งสองอยู่ตรงหน้า ทันใดควันสีดำลอยเข้ามา ศามน รัมภาวิ่งมาหยุด ควันสีดำลอยมาบริเวณหน้าของทั้งคู่ เด็กทั้งสองร้องกรี๊ด
ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ทั้งสองฝ่ายไม่เห็นกัน เพราะอำนาจของแพง วิญญาณที่อยู่ในเรือนเล็ก แผ่มาปกคลุม
“แด๊ดดี้ หม่ามี้ ช่วยไลล่าด้วย”
ศามนกับรัมภามองไปที่เด็กทั้งสองอยู่ แต่ไม่เห็นใคร
“เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”
ศามน กับรัมภามองไม่เห็นใคร ไม่เห็นเด็ก ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น
ไลล่าตะโกนลั่น โดยที่ไม่เห็นพ่อแม่
“แด๊ดดี้ หม่ามี้ ไลล่าอยู่นี่ค่ะ”
รัมภาหันซ้ายขวาไม่เห็นใคร บอกอย่างร้อนใจ
“งั้นรีบไปเถอะ”
ศามนรัมภาจากไปหาที่อื่นต่อ โดยไม่ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะหึๆ ด้วยความสะใจ ของแพงที่ดังขึ้น

ที่สะพาน...รัสตี้ กับไลล่ายังยื้อกันอยู่
“ฮือ กลับบ้านเร็ว รัสตี้ ไลล่ากลัว! เอ๊ะนั่นอะไร”
ฝั่งเรือนหลังเล็กของแพง มีควันสีดำลอยอยู่ที่มุมหนึ่ง หมาตัวเล็กสีดำ บังเกิดขึ้นด้วยอำนาจบันดาลของแพง ไลล่าชะงักเท้าที่จะเดินกลับทันที
“หมานี่ ลูกหมาอยู่ทางโน้น”
“ลูกหมาน่ารักจัง ไปเล่นกันเถอะ” รัสตี้เห็นด้วย
คราวนี้ทั้งสองเดินขึ้นสะพานไปทันที ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เพราะมีลูกหมามาเรียกร้องความสนใจอยู่
ทันใดนั้น ร่างสีขาวของคุณหญิงอบเชยพุ่งตรงเข้ามาหยุดที่ข้างสะพานฝั่งเรือนใหญ่ คุณหญิงมองตรงไปที่เด็กทั้งสอง ดวงหน้าเคียดแค้นแพงที่บันดาลหมามาล่อหลานตน

รัมภา ศามนและทุกคน ตัวเปียกปอนจากการวนหารัสตี้กับไลล่ารอบบ้านแต่ไม่พบ จนมาพบกันที่หน้าบ้าน
“เราหาจนทั่วแล้ว ไม่เจอเลยครับ” บุญสืบบอก
ศามนหน้าเครียด
“นี่มันอะไรกัน เด็กตั้งสองคนจะหายไปไหนได้ยังไง”
รัมภาเริ่มร้องไห้ คำทนไม่ไหว หันไปมองทางห้องโถงบ้าน ยกมือไหว้
“คุณท่านเจ้าขา อย่าลักซ่อนเด็กๆ เลยนะเจ้าคะ อย่าเล่นอย่างนี้เลย ปล่อยเด็กคืนมาเถอะนะคะ”
รัมภามองเข้าไปด้านในอย่างเคืองแค้น วิ่งตรงรี่เข้าไปที่ห้องโถง...ทุกคนเข้าใจไปว่า คุณหญิงอบเชยคือผีตนเดียวของบ้านและเป็นผีบ้าที่มาเอาเด็กไป
รัมภาตรงเข้ามายืนหน้าโลงศพอย่างคั่งแค้น คนอื่นตามเข้ามา
“รัมภา คุณจะทำอะไร” ศามนแปลกใจ
“จุดธูปสิคะ ขอให้ท่านคืนหลานๆ มา นี่ค่ะ นี่”
คำรีบเข้าไปจุดธูปให้ พอยื่นให้ รัมภาปัดทิ้ง ธูปกระจายเต็มพื้น รัมภาตะโกนลั่น ชี้โลง
“คนใจร้าย เอาลูกดิฉันคืนมา ได้ยินไหม เอาลูกดิฉันคืนมานะ!”

รัสตี้ กับไลล่าขึ้นสะพานช้าๆ ทีละก้าวเพราะกลัว สะพานพัง เดินทีละก้าวเล็กๆ เกาะๆ กันไว้
“รอก่อนนะเจ้าหมาน้อย รอก่อน”
คุณหญิงอบเชยหันไปมองทางบ้านของตน เพราะได้ยินเสียงด่าทอของรัมภาก็ร้องไห้ออกมา พลางส่ายหน้าว่าตนไม่ใช่คนทำหลาน
ในขณะเดียวกัน ศามนพยายามห้ามเมีย “คุณภา พูดอะไรของคุณน่ะ”
รัมภาอาละวาดปัด แจกันดอกไม้จนล้มคว่ำ พูดกับโลงศพอย่างโกรธแค้น
“ว่าไงคะ คืนลูกดิฉันมาได้หรือยัง เอาลูกดิฉันมาเดี๋ยวนี้ !”

เด็กแฝดยังอยู่บนสะพานประคองกันไปช้าๆ ระวังๆ กลัวสะพานหัก คุณหญิงอบเชยร้องไห้ ตะโกนเรียกเด็กทั้งสอง
“หลานทวด กลับมา...มาหาทวด”
เสียงสวดมนต์เขมรยังดังอื้ออึง ลมพัดกกรรโชก ฝนฟ้าตกลงมาอย่างหนัก แพงในชุดทาส ร่างเป็นผีสีเทาหม่นจางๆ ย่างเข้ามาช้าๆ ที่อีกฝั่งหนึ่งของสะพาน แพงยิ้มเยือกและน่ากลัว
“มาสิจ๊ะ มาหาหมาน้อย ข้ามสะพานมาทางนี้”
“อีแพง อย่ามายุ่งกับหลานกู...ไป๊ ออกไป” คุณหญิงตวาดไล่เสียงดังลั่น
ฉับพลัน สายตาแพงที่ยิ้มเย็นเปลี่ยนเป็นดุดันมองพุ่งไปที่คุณหญิงอบเชย แล้วตรงลงมาที่เด็กน้อย
“อิฉันบอกให้มา”
รัสตี้กับไลล่าสะดุ้ง จิตใต้สำนึกได้ยินเสียงแว่วๆ แต่จับความไม่ได้ ทั้งสองชะงักอยู่กลางสะพาน
“รัสตี้... ไลล่าเหมือนได้ยินเสียงคนพูด”
รัสตี้กับไลล่า มองไปรอบๆ งงๆ เพราะบอกไม่ได้ว่า ได้ยินเสียงพูดว่าอะไร
ขณะเดียวกัน แพงยังคงส่งเสียงเรียก
“มานี่ ข้ามมาทางนี้มาช่วยปลดปล่อยข้า มาสิเด็กน้อย ข้ามมา”
คุณหญิงอบเชยไม่ยอมพยายามเรียกหลาน
“หลาน กลับมานี่ มาหาทวด กลับมา”
ไลล่านิ่งอึ้งแปลกใจ “เสียงใคร เสียงใครอีกแล้ว”

ในห้องโถง รัมภาร้องไห้จนหมดแรงทรุดตัวลงนั่ง ศามนประคองไว้
“ภา...คุณคิดมากไปแล้ว คนตายไปแล้ว ท่านทำอะไรไม่ได้หรอก”
รัมภาร้องไห้กอดสามีไว้
ขณะเดียวกัน ช่วงอยู่ในห้องพระกำลังสวดมนต์ปากพึมพำ หวังเอาอำนาจพระพุทธคุณเข้าสู้เพื่อปกป้องเด็กทั้งสองที่อยู่กลางสะพานไม้ จะเลือกไปหรือกลับ
ผีสองตนอยู่คนละฝั่งของสะพานต่างกำลังเรียกให้เด็กมาหาตน
“มานี่สิเด็กน้อย ลูกหมาน่ารักรอเจ้าอยู่ ข้ามสะพานมาสิ”
“หลานทวดมานี่มาเร็ว กลับมาฝั่งนี้ มาหาทวด ทวดเป็นคุณยายของพ่อหนูไง”
ไลล่าหันขวับไปหาคุณหญิงอบเชย รู้สึกได้ว่ามีคนส่งกระแสจิตเรียก ไลล่ามองจุดที่คุณหญิงอบเชยยืนอยู่ แม้มองไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกได้
“ไลล่าไม่เอาหมาแล้ว รัสตี้ กลับบ้านเถอะ”
ไลล่าดึงมือของรัสตี้ จะกลับไปฝั่งบ้านใหญ่ รัสตี้พยายามแย้ง
“เอ้าไลล่า หมาล่ะ”
“ไม่...ไลล่าจะไปฝั่งโน้น”
ไลล่าวิ่งกลับไป ปล่อยรัสตี้ยืนอยู่คนเดียวกลางสะพาน ขณะที่ช่วงสวดมนต์ เพื่อให้อำนาจพุทธคุณ ดลใจให้เด็กกลับ

รัมภาร้องไห้ ใช้พลังความรักของแม่เรียกลูกกลับมา
“ลูกแม่ กลับมาหาแม่นะลูก ไม่มีพลังใดยิ่งใหญ่กว่าความรักของแม่ แม่ขอใช้พลังนั้นเรียกลูกกลับมา กลับมาหาแม่นะลูก”
ศามนงงใหญ่ รัมภาเป็นอะไรไป
ทางด้านไลล่าวิ่งกลับมายืนข้างคุณหญิงอบเชยแล้ว เหลือแต่รัสตี้คนเดียวลังเลมองลูกหมาอยู่กลางสะพาน ด้วยความอยากเล่น ไลล่าตะโกนเรียก
“รัสตี้กลับมาเร็ว”
แพงตกใจ พยายามตะโกนห้ามรัสตี้
“อย่า...อย่ากลับไป...มาฝั่งนี้สิ ฉันข้ามไปฝั่งโน้นไม่ได้ มาทางนี้ มาทางนี้สิ”

ที่เรือนเล็กหลังนั้น มียันต์ที่คุณหญิงอบเชยเคยให้คนใช้ไปปิดเอาไว้ และทุกวันนี้ยังปิดอยู่ ทำให้อำนาจของแพงแผ่กระจายครอบคลุมไปไม่ได้ไกลมากนัก
“หมาน่ะ ช่างมันเถอะ รัสตี้มาเร็ว...มานี่” ไลล่ายังคงร้องเรียก
“มาเถอะหลานยาย กลับบ้านเถิด” คุณหญิงอบเชยช่วยเรียก
ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมาแถวนั้น รัสตี้สะดุ้งวิ่งกลับไปหาไลล่าทันที แพงกรีดร้องทั้งเสียใจและโมโห
“ไม่...อย่ากลับไป มาปลดปล่อยข้า ไม่...ไม่”

ศามนประคองรัมภามานั่งเอนที่เตียง เพื่อให้รัมภาสงบสติอารมณ์ รัมภายังร้องไห้อยู่ คำช่วยศามนดูแลรัมภา
“คุณนั่งพักผ่อนตรงนี้กับยายคำนะ พวกผมจะออกไปหาอีกครั้ง ถ้าไม่ได้เรื่อง จะแจ้งตำรวจ”
ศามนออกไปพร้อมหล้า และบุญสืบ ปล่อยให้คำอยู่เป็นเพื่อนรัมภา เมื่อวิ่งออกไปก็พบไลล่าและรัสตี้ นอนหลับอยู่ที่เฉลียงบ้าน ศามนเห็นเข้า รีบเข้าไปหา
“รัสตี้ ไลล่า”
รัสตี้กับ ไลล่าตื่นขึ้น ผวากอดพ่อ
“แด๊ด...แด๊ดดี้”
“ลูกไปไหนมา พ่อแม่เป็นห่วงมากรู้ไหม”
หล้างงกระซิบกับบุญสืบ
“เราวิ่งไปมาแถวนี้ตั้งหลายเที่ยว ทำไมไม่เห็นคุณหนู คุณหนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
บุญสืบนึกถึงคำพูดของคำที่บอก...
‘แม่เห็นเหมือนคุณท่านอยู่ตรงนั้น’
“ฮือ...ตรงนี้ที่คุณหญิงท่านชอบมานั่ง ตรงนี้อีกแล้ว ฮือ”
บุญสืบหันมากอดพ่อ หล้าสะบัดออก
ศามนพาลูกมาหารัมภา ทั้งสองวิ่งเข้ามากอดแม่ทันที
“หม่ามี้”
รัมภาดีใจแทบช็อก ร้องไห้ออกมาอีก
“โอ...ลูกแม่ หายไปไหนมาลูก เกิดอะไรขึ้น”

ภายหลังจากที่รัสตี้และไลล่าอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว รัมภานำเครื่องดื่มร้อนๆ มาให้ลูกทั้งสองคน
“ออกไปข้างนอกกลางดึกทั้งที่ฝนตก รัสตี้ ไลล่า ทำแบบนี้ แย่มากนะ” ศามนพูดเสียงดุเตรียมอบรม
“ปกติแค่ฟ้าผ่าเขาก็วิ่งมาหาเราแล้ว นี่เขาอาจจะมีเหตุผล” รัมภาหันไปถามลูก “ว่าไงจ๊ะทำไมต้องออกไป”
สองเด็กน้อยคนงง ไม่รู้จะพูดยังไงเช่นกัน ตอบออกมาพร้อมกัน
“ไม่ทราบครับ” / “ไม่ทราบค่ะ”
ศามนกับรัมภางง
“เมื่อกี๊บอกว่าอยู่กันที่สะพาน แต่พ่อกับแม่วนไปดูที่สะพานนั่นสองสามครั้ง ไม่เห็นมีใคร”
“เราอยากไปดูขุมสมบัติที่บ้านหลังเล็ก ฝั่งโน้น...” รัสตี้ชะงักไปแล้วนึกได้ “ใช่ๆ มีหมาตัวเล็กๆด้วย เราจะไปเล่นกับหมา”
“แล้วข้ามไปหรือเปล่า” ศามนถามอย่างสงสัย
“เปล่าครับ เราไม่ได้ข้ามไป เราเดินกลับบ้านใหญ่”
เด็กสองคนหันมาคุยกันเอง เพราะเมื่อเดินกลับมาถึงเฉลียงแล้วทั้งสองหลับไป ในฝันนั้น เด็กน้อยได้นอนหนุนตักคุณหญิงอบเชย
“ไลล่าคิดว่าคุณทวดเป็นคนพาเรากลับนะรัสตี้ คุณทวดยังบอกเลยว่า คุณทวดจะดูแลเรา จำได้ไหม”
รัสตี้พยักหน้าเออออว่าคงจะใช่ รัมภาถึงกับตะลึง
“คุณทวด !”

รัมภากับศามน หันมามองหน้ากัน
รัมภากับศามนพาลูกทั้งสองมาดูรูปคุณหญิงอบเชย ว่าใช่คนนี้หรือ ไลล่าเห็นรูปก็ยืนยันหนักแน่น

“ก็คุณทวดคนนี้นี่แหล่ะค่ะ หน้าตาแบบนี้เลย เรามีคุณทวดคนอื่นด้วยหรือคะ”
“คุณทวดให้เรานอนรอพ่อกับแม่ ยังร้องเพลงให้ฟังด้วย” รัสตี้บอกอีกคน
แล้วไลล่าก็เริ่มฮัมเพลงกล่อมเด็กที่ได้ฟังและจดจำได้
“เพลงนั้น...”
รัมภาชะงัก อึ้งไป เพราะเธอก็เคยหลับฝันถึงเพลงนี้เช่นกัน ศามนมองภรรยาอย่างแปลกใจ
“คุณก็รู้จักเพลงนี้หรือ”
“เอ้อ...เปล่าค่ะ”
ศามนหันไปถามลูก
“นี่หมายถึงอะไร เราสองคนฝันเห็นคุณทวดหรือ”
รัสตี้กับไลล่าตอบพร้อมกัน
“ครับ/ค่ะ”
รัมภายิ่งอึ้ง
“ฝันเหมือนกันเนี่ยนะ”
รัสตี้กับไลล่าพยักหน้า
“ครับ/ค่ะ”
เด็กทั้งสองเล่าเรื่องความฝันของตนให้พ่อกับแม่ฟัง

ในฝัน...คุณหญิงอบเชยนั่งอยู่ที่เฉลียงที่ประจำ รัสตี้กับไลล่าหลับอยู่ที่ตักคนละข้าง คุณหญิงอบเชยหน้าเปี่ยมรัก
“ยายทวดจะดูแลหลานเอง...”
คุณหญิงอบเชยมองหลานทั้งสองแล้วปัดยุงให้ ร้องเพลงกล่อมเหมือนที่กล่อมรัมภามาแต่อดีตชาติ เด็กทั้งสองหน้าตามีความสุขสงบ
ไลล่าเล่าให้ฟังต่อ...
“เราหลับไปตอนไหนไม่รู้แล้วฝัน”
“เราสองคนนอนหนุนตักฟังเพลงคุณทวดตรงเฉลียงนั่นไงคะ ง่วงหลับไปเลย คุณทวดน่ารักเนอะ”
รัสตี้พยักหน้า
“อื้อ...ใจดีด้วย”
ศามนกับรัมภา มองหน้ากันทั้งสองตกใจมาก รัมภาเปรยออกมาอย่างแปลกใจ
“ฝันเหมือนกัน เวลาเดียวกันงั้นหรือ”
ห่างไป บุญสืบทำถาดหล่นเคล้ง ทั้งสี่คนสะดุ้ง ศามนหันไปโวยวาย
“นี่มาซุ่มซ่ามอะไรแถวนี้ จะเก็บแก้วก็มาเก็บสิ”
“กะ ก้าวขาไม่ออก เดี๋ยวนะครับ”
บุญสืบเอามือยกขาตัวเองเดินเข้ามา ยกทีละข้างทีละข้าง เพราะกลัวผีจนก้าวขาไม่ออก ก้าวได้ทีละก้าว ศามนมองหน่ายๆ
“ถ้าเดินไม่ถนัดก็ลาออกไปเลย”
“เอ้อ ครับ ถนัดแล้วครับ”
บุญสืบขาหายสั่น เป็นปกติ เดินเข้ามาทันทีเข้ามาเก็บแก้วเครื่องดื่ม เหงื่อแตกกลัวผีจัด รัมภาครุ่นคิดเช่นเดียวกับศามน ต่างคิดถึงเรื่องแปลกๆที่เกิดขึ้น

เช้าวันใหม่...พัชนีออกมาจากห้องกำลังจะไปทำงาน ช่วงเดินมาหา
“จะไปทำงานแล้วหรือลูก”
“ค่ะ”
“ฝากบอกเจ้านายเขาด้วยนะเรื่องบ้านเขาน่ะ”
พัชนียิ้มแห้งๆ
“เอ้อ ค่ะ”
พัชนีลำบากใจ

วรรณศิกานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ดื่มกาแฟอยู่ เพราะยังเช้า ยังไม่ถึงเวลางาน พัชนีมาถึง หยุดยืนมองไม่กล้าบอกวรรณศิกา ได้แต่ยืนพึมพำ
“เพิ่งมาทำงานได้ห้าวัน ไปบอกเจ้านายว่า บ้านเจ้านายมีผีสองตัว อืมเขาจะไล่เราออกไหมนะ!”
วรรณศิกาหันมาเห็น
“เอ้าพัช มีอะไรหรือเปล่า”
“เอ้อ เปล่าค่ะ”
วรรณศิกาดูนาฬิกา
“เพิ่งแปดโมง พี่ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
พัชนีพยักหน้า วรรณศิกาออกไป อนุกูลเร่งรีบเดินเข้ามามีเรื่องใช้งานด่วน
“คุณวรรณไม่อยู่หรือ บ้าจริง งั้นแม่ชีมานี่หน่อย”
พัชนีฉุนกึก
“ดิฉันชื่อพัชนี”
อนุกูลหน้าเครียดมีเรื่องใหญ่ แกล้งทำเป็นได้ยินไม่ถนัด
“หา...พัชชี ก็ถูกแล้วนี่...อื้อ ไม่ให้เรียกแม่ชี งั้นคุณชีก็ได้ นิมนต์หน่อยครับ”
อนุกูลลากพัชนีให้ไปด้วยกัน

อนุกูลกับพัชนีแอบที่มุมตึกแห่งหนึ่งโผล่หัวออกมาราวกับเป็นนักสืบ
“ทำไมเราต้องทำลับๆล่อๆด้วยคะ”
จากมุมที่ทั้งสองอยู่ มองเห็นทางเข้ามาได้ซ้ายขวา สาวสวยสองคนของอนุกูลกำลังมาหาเขาพร้อมกัน จากทางซ้ายและขวา
“นั่นเห็นผู้หญิงสองคนนั้นไหม สองคนนี้กำลังจะมาหาผมพร้อมกัน”
“อ๋อ ให้ดิฉันจัดการเรื่องนัดหมายเข้าพบ ได้ค่ะ เธอชื่ออะไรคะ”
“ชื่อกิ๊กทั้งคู่”
“หา”
อนุกุลชี้ไป
“นี่กิ๊กเก่า นี่กิ๊กใหม่ คุณไปบอกกิ๊กเก่าว่าผมไม่อยู่ ส่วนผมจะไปหลอกกิ๊กใหม่ออกไปข้างนอก”
“เอ๊ะไม่ใช่หน้าที่ดิฉันนะคะ”
“หน้าที่เลขาคืออะไร”
“ช่วยการทำงานของเจ้านายให้ราบรื่น”
“งั้นนี่ล่ะ ใช่แล้ว... ไปเร็วเข้า”
อนุกูลผลักพัชนีออกไปทันที...แพรวถือถ้วยกาแฟและถุงขนมเข้ามาจะมาให้อนุกูล พัชนีรี่เข้ามารับหน้า เพราะถูกผลัก อนุกูลรีบฉากหลบไปอีกด้าน
“เอ้อ สวัสดีค่ะคุณกิ๊ก”
“ฉันไม่ได้ชื่อกิ๊ก”
พัชนีสะดุ้ง
“เอ้อ ฉันเข้าใจผิดเอง มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
“ฉันมาพบคุณอนุกูล”
“ตอนนี้ไม่ได้ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“เอ้อ ไม่พร้อมค่ะ เอ้อ...มีนัดอื่น”
“นัดอะไร นี่ยังไม่ถึงเวลางานสักหน่อย ท่าทางเธอนี่แปลกจังเป็นเลขาเขาหรือเปล่า”
พัชนีพยักหน้า ทีท่าพิรุธ เพราะโกหกไม่เก่ง ทำให้แพรวพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สังเกตจากท่าทางพัชนี ยิ้มมีแผน
“งั้นฉันมาใหม่วันหลังก็ได้ เฮอะ ไปก็ไป!”
แพรวหันหลังกลับไปเฉย พัชนียิ้มโล่งใจ

อนุกูลยืนป้อจินนี่อยู่มุมตึกที่เงียบๆ หลบสายตาคน กำลังจู่จี๋ ใกล้ชิด
“ฮื้อ...คิดถึงจังเลย”
อนุกูลลูบใบหน้า หญิงสาวเขินอาย
“บ้าเดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
“ยังเช้าอยู่ ไม่มีใครมาทำงานหรอก”
อนุกูลกำลังจะก้มลงจูบปาก พัชนียิ้มรี่มาสะกิด ไม่ได้แม้แต่หยุดคิดเลยว่าเขาทำอะไรกันอยู่ อนุกูลหันมาสะดุ้งโหยง
“เฮ้ย...มาทำไมตอนนี้”
พัชนีมัวแต่ดีใจที่ตนทำงานสำเร็จรีบมาบอก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ มีงานอื่นให้ทำอีกไหมคะ”
“ไปแล้วหรือ”
พัชนีพยักหน้า
“งานง่ายๆ”
พัชนีปัดมือปลื้มใจตัวเอง แพรวโผล่มาชี้หน้าเพราะแอบตามพัชนีมา ตะโกนลั่น
“คุณนุ ! นึกแล้วว่าต้องส่งนังนกต่อมาหลอกฉัน แผนตื้นๆ”
แพรวเอาทั้งกาแฟและขนมเขวี้ยงลอยมา จะให้ถึงหัวนุ แต่พัชนียืนขวางอยู่
“เฮ้ยหลบ”
อนุกูลกดหัวพัชนีลง ข้าวของเปรี้ยงเข้าข้างฝา อนุกูลกับพัชนีก้มหลบ หญิงสาวสองคนซึ่งพอจะรู้จักกันจึงชี้หน้าด่ากันทันที
“นึกแล้วไม่มีผิด นังจินนี่ แกแย่งแฟนฉัน”
“อยู่ไม่ได้แล้ว มานี่เร็ว”
อนุกูลคลานหนีไปที่หลืบ เพราะสองสาวมัวแต่สนใจจะตบกันเอง พัชนีหน้าเสียคลานตามไปหลบด้วย แพรวบุกเข้ามาจิกหัวตบกับจินนี่ทันที
“แย่งผัวฉันหรือ นี่แน่ะ..นี่...นี่”
จินนี่ไม่ยอม เธอตบกลับไปบ้าง
“หนอย ต้นไม้แก่ๆเหี่ยวๆ นกกามันอยู่ไม่ไหว มันก็ต้องมาหาใหม่ที่มัน ไฉไลเด้งดึ๋งกว่าสิยะ”
ทั้งสองตบกันนัว ไม่มีใครยอมใคร อนุกูลกับพัชนีหลบอยู่ เข้ามุม ไม่ให้สาวทั้งสองคนสนใจ อนุกูลเปิดฉากด่า
“ทำงานแย่มาก ไหนบอกไปแล้วไง เดินตามเธอมาติดๆ”
“เขาหลอกฉันนี่นา เดินตามมาก็ไม่บอก” พัชนีมองออกไป “อุ๊ย เขาตบกันใหญ่เลย คุณนุไปห้ามเขาสิคะ”
อารามตกใจห่วงสองสาว พัชนีเผลอผลักอนุกูลออกไป โดยที่เขาห้ามไม่ทัน
“เฮ้ยอย่า”
อนุกูลถูกผลักออกมายืนกลางวงสาวสองคน สาวสองคนนึกขึ้นมาได้
“แล้วนี่เราจะมาตบกันทำไม ต้นเหตุไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย”
“พูดแบบนี้ ค่อยรื่นหูหน่อย เห็นด้วย”
สองสาวเริ่มเปลี่ยนเป้าหมาย หันมาหาอนุกูลพร้อมกัน
“คุณนุกูล !”
สองสาวหันไปตบซ้ายตบขวา อนุกูลร้องโอยๆ ปกป้องตัวเองลงไปนั่ง สองสาวก็ไม่รามือง่ายๆ ทุบเตะต่อไป...พัชนีเบ้หน้านึกว่าคงจะถูกไล่ออกแน่ๆแล้ว

รัมภาเดินมาที่โลงศพ พูดกับรูปคุณหญิงอบเชย
“เพลงนั้นเป็นเพลงของคุณหรือคะ คุณไม่ได้เอาเด็กไปแต่มาช่วยเด็กๆ จริงหรือคะ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ดิฉันกราบขอโทษค่ะ ที่เข้าใจผิด”
รัมภานั่งลงจุดธูปไหว้...
ในอดีต...ชื่นกลิ่นในชุดไทยนอนหนุนตักคุณหญิงอบเชยอยู่ ช่วงเวลานั้นชื่นกลิ่นแต่งงานแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่า แพงคิดร้าย มีแต่เพียงคุณหญิงอบเชยที่รู้ว่าแพงคิดจะแย่งสามีของชื่นกลิ่น หน้าตาของชื่นกลิ่นจึงยังเป็นสุขแต่คุณหญิงอบเชยกังวลขณะที่ร้องเพลงกล่อมอยู่
“คุณแม่ขา เพลงกล่อมนี้ไพเราะเหลือเกิน ทุกคราที่ได้ยินลูกสุขใจจนบอกไม่ถูก”
“ถึงเพียงนั้นเทียวรึ”
“ทุกครั้งที่ทุกข์ใจ หากได้นอนหนุนตักฟังเพลงนี้ลูกก็เหมือนมีแม่อยู่ชิดใกล้”
แววตาของคุณหญิงอบเชยฉายแววโกรธแค้น เพราะรู้อยู่เต็มอกว่า ลูกกำลังถูกปองร้าย
“รักของแม่ไม่เพียงปลอบประโลมใจ รักของแม่จะเป็นฉัตรแก้วกั้นภัยให้ลูก รักของแม่จะติดตามปกป้องลูกทุกชาติภพ”

รัมภาที่นอนหลับอยู่ที่ศาลากลางสวน ฝันย้อนไปในอดีต สะดุ้งตื่นขึ้นมา
“เราฝันไปหรือนี่…ฝันเหมือนจริงเหลือเกิน”
รัมภามองเข้าไปในบ้านที่ตั้งศพของคุณหญิงอบเชยอย่างครุ่นคิด เพราะในฝันนั้น ตัวเธอเองที่นอนหนุนตักของคุณหญิงอบเชยอยู่

ศามนเดินมาตรวจดูสะพาน เพื่อสำรวจอย่างจริงจัง เขานึกถึงคำพูดของรัสตี้ที่พูดเรื่องบ้านหลังเล็ก
‘เราอยากไปดูขุมสมบัติที่บ้านหลังเล็ก ฝั่งโน้น...ใช่ๆ มีหมาตัวเล็กๆด้วย เราจะไปเล่นกับหมา’
ขณะเดียวกันนั้น แพงเดินออกมา โดยที่ศามนไม่เห็น
“คิดถึงเหลือเกิน ยอดดวงใจของเมีย ข้ามมาหาเมียสิคะ คุณหลวงภักดีบทมาลย์”
ศามนยืนลังเลมองสะพาน

ช่วงที่นั่งสมาธิอยู่สะดุ้งทันที ส่งเสียงดังลั่น
“อย่าเดินข้ามไป ข้ามไปไม่ได้!”
ช่วงรีบหยิบมือถือในกระเป๋าขึ้นมากดหาพัชนีอย่างเร่งร้อน
“รับสายสิ เร็วๆเข้า!”

อนุกูลนั่งที่เก้าอี้หน้าเขียวเป็นจ้ำ โดยมีวรรณศิกา เอาผ้าประคบน้ำ เช็ดให้อยู่ อนุกูลร้องโอดโอย พัชนีหน้าเสียก้มหัวแล้วก้มหัวอีก
“ขอโทษค่ะ...ขอโทษ”
วรรณศิกาทำไป ขำไป อนุกูลชักฉุน
“ขำอะไรนักหนา หาคุณวรรณ”
“จับปลาหลายมือดีนัก คราวนี้จะเข็ดหรือยัง แล้วยายสองคนนั้นทำไมยอมกลับไปแล้วล่ะ”
“เขาตีผมจนหนำใจแล้ว เขาก็กลับน่ะสิ เจ็บตัวไม่ว่า กิ๊กเก่ากิ๊กใหม่หายเรียบ แล้วเสาร์ อาทิตย์นี้ จะไปไหนล่ะ”
มือถือของพัชนีดังขึ้นเธอรีบรับสาย
“ขา...คุณลุง”
ช่วงพูดโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง เร่งร้อน
“ลุงเห็นในนิมิต ผู้ชายคนนั้นกำลังจะเดินข้ามสะพาน”
“ผู้ชายคนไหนคะ”
“เจ้านายของหนูพัช อย่าให้เขาข้ามไป อย่าไปยุ่งกับบ้านหลังเล็ก”
“เห็นในนิมิตหรือคะ”
“โทรไปห้ามเขาสิหนูพัช ห้ามเขา อย่าให้เขาไปยุ่งกับเรือนหลังเล็กไม่งั้น วิญญาณร้ายจะถูกปลดปล่อย จะยุ่งกันใหญ่”
“เอ้อค่ะๆ”
พัชนีวางสายแล้วรีบร้อนบอกวรรณศิกาเสียงดัง
“เกิดเรื่องกับคุณศามน พี่วรรณคะ โทรหาคุณศามนให้หน่อย”
“อ๋อ ได้สิจ๊ะได้ๆ”
วรรณศิกากดมือถือ

ศามนยืนลังเลมองสะพาน แพงเรียกเสียงเย็น
“มาสิคะ ข้ามมาเถิด อีแพงเมียของท่านรออยู่ตรงนี้มานับร้อยปีแล้ว มาหาเมียสิคะ คุณหลวงเจ้าขา”
ทันใด เสียงสวดภาษาเขมรดังขึ้น ศามนสะดุ้ง ดวงตาเหม่อลอย ต้องมนต์ดำ
เดินขึ้นสะพานไปอย่างง่ายดาย แพงหัวเราะร้าย สะใจดังลั่นไปทั่วคุ้งน้ำ

วรรณศิการอฟังสาย กดไป ถามไป
“แล้วไอ้ที่ว่าเกิดเรื่องน่ะเรื่องอะไรจ๊ะ”
“ลุงของพัชนี บอกว่าที่บ้านของคุณศามนมีผีร้ายค่ะ”
พัชนีไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สังหรณ์ใจว่าต้องรีบ แต่วรรณศิกากับอนุกูลตะโกนลั่น
“หา…”
“มานี่ค่ะ พัชโทรเอง”
พัชนีแย่งมือถือของวรรณไป ฟังเสียงปลายสายด้วยตนเอง ท่าทีร้อนรนมากๆ

มือถือที่กระเป๋าเสื้อดังขึ้น ศามนที่เดินอยู่ที่สะพานชะงัก แพงมองไปที่มือของศามน มือของเขาถูกบังคับด้วยอำนาจของแพง จู่ๆ ศามนหยิบมือถือออกมาแล้วปล่อยลงคูน้ำข้างตัวโดยไม่รู้สติ เสียงสวดยังดังต่อเนื่อง

พัชนีหงุดหงิดร้อนรน
“ปิดมือถือไปแล้ว ติดต่อไม่ได้ ทำไงดีคะพี่วรรณ”
วรรณศิกายังงงอยู่
”เอ้อ...ทำไงดีหรือคะ”
“เสียงลุงช่วงบอกว่ารีบมาก ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ทำไงดีล่ะคะคุณนุ”
อนุกูลที่เพ่งมองพัชนีสายตานิ่ง ประเมิน คิด แล้วจู่ๆก็ลุกขึ้น
“ในเมื่อติดต่อไม่ได้ก็ไปหาเขาที่บ้านสิ”
อนุกูลไม่พูดไม่จาเดินออกไปทันที พัชนีกับวรรณศิกาเลยรีบคว้ากระเป๋า
“ไปเลยค่ะไปเลย พี่วรรณเร็วเข้า”
วรรณศิกางงๆ คว้ากระเป๋า สองสาวเดินตามอนุกูลออกไป

ศามนข้ามสะพานมาหา แพงเข้าไปกอดน้ำตาคลอ
“คุณหลวง อีแพงคิดถึงท่านเหลือเกิน อีแพงเหมือนตกนรกอยู่ที่นี่ไม่มีใครเหลียวแล ท่านต้องช่วยเมียนะเจ้าคะ”

ศามนตกอยู่ในภวังค์ ดวงตาเหม่อลอย พยักหน้าตอบ แพงจูงมือเขาไปเพื่อให้ปลดยันต์ที่เรือนหลังเล็ก











Create Date : 13 เมษายน 2555
Last Update : 13 เมษายน 2555 0:34:24 น.
Counter : 207 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]