บ่วง ตอนที่ 5 (ต่อ)





อนุกูลเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ พัชนีกำลังเอาข้าวของพวกของฝากมาวางรวมกันไว้ เพราะวันนี้เป็นวันที่อนุกูลกำลังจะกลับบ้าน มือถือพัชนีดังขึ้น...

วรรณศิกายืนหน้ายุ่งอยู่ที่ข้างรถตัวเองในปั๊มน้ำมัน มือหนึ่งถือกาแฟ กำลังโทรหาพัชนี
“พัชหรือ...รถพี่เสียน่ะ แวะซื้อของที่ปั๊ม กลับมาสตาร์ทไม่ติด พี่กำลังรอช่างอยู่ พัชพาคุณนุกลับคอนโดไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“ให้พัชไปคนเดียวหรือคะ”
“ใช่สิ...พาคุณนุไปให้ถึงห้องนะ มือแกยังใช้ไม่ค่อยถนัดที่คอนโดแกอยู่คนเดียวด้วย เผื่อจะได้ช่วยดูห้อง ดูอะไรทิ้งให้แกหน่อย”
พัชหน้าตาตื่น คิดไปไกล
“อยู่คนเดียว พาไปถึงห้อง ต้องถึงห้องหรือคะ”
อนุกูลหายดีแล้ว ที่มือขวายังมีผ้าพันแผล อนุกูลใส่เสื้อติดกระดุมอยู่ได้ยินเสียงแล้ว ส่ายหน้า เดาใจพัชนีออกปากบ่นไป
“ฮึ...ยายแม่ชีเอ๊ย คิดว่าฉันจะทำอะไรหล่อนหรือไง”
พัชนีกับวรรณศิกายังคุยโทรศัพท์กันอยู่
“ใช่...แล้วรอพี่ที่ห้องแกก่อนนะ”
“รอที่ห้องหรือคะ”
“แค่นี้ก่อนนะ ช่างโทรกลับมาแล้ว”
พัชนีวางสายแอบมองไปทางห้องน้ำ เกิดความกังวลไปว่า ต้องไปอยู่สองต่อสองกับเสือผู้หญิง แล้วตัวเองจะเป็นอย่างไร อนุกูลเดินออกมา พัชนีหวาดหวั่น
“เสร็จแล้ว ไปกันเถอะ”
“พี่วรรณรถเสียค่ะ”
“แล้วไง แท็กซี่ก็มี...”
อนุกูลหิ้วกระเป๋าเดินทางส่วนตัวไปสักพัก ได้ความคิดนึกสนุกขึ้นมาตามนิสัยชอบแกล้ง ชอบอำ เขาเดินกลับไปหา พัชนีที่เดินตามมา ทำหน้านิ่งเย็นเหมือนพวกหื่น โรคจิตพูดเน้นช้าเสียงเหมือนกระซิบ
“คุณไม่เคยไปห้องเชือด เอ๊ย...คอนโดผมใช่ไหม ดีออก จะได้รู้จักบ้านผมไง”
อนุกูลแกล้งมองพัชหัวจรดเท้า และแล้วพัชนีคนซื่อก็เชื่อทันที ทำตาโต ชะงักค้าง นิ่งไปอย่างนั้น
“หึๆ”
อนุกูลหัวเราะเย็น ก่อนจะหันกลับมาแอบขำว่าพัชนีนี่หลอกง่ายจริงๆด้วย พัชนีสีหน้าเหมือนกำลังจะเดินไปหาความตายก็ไม่ปาน หิ้วข้าวของอนุกูลเดินตามไป

รถแท็กซี่ขับมาจอดหน้าคอนโด ยามเดินมามาหา
“คุณนุ สวัสดีครับ ผมช่วยครับ”
ยามเดินมายกของพัชนีเดินไปรอ อนุกูลเดินไปกระซิบยามแล้วยัดเงินใส่กระเป๋าให้ ยามมองหน้าพัชนีหน้านิ่ง ดูร้ายๆ พัชนีนิ่วหน้าสงสัยว่าเขาคุยอะไรกัน อนุกูลชี้มาที่เธอระหว่างกระซิบ ราวกับจะสั่งฆ่าเธอก็ไม่ปาน พัชนีรีบก้มหน้าหลบตากลัวๆ อนุกูลเดินมากดประตูเปิดให้ พัชนีกลั้นใจถาม
“คุณคุยอะไรกับยามคะ”
“ผมไม่ชอบให้ใครมารบกวน เลยบอกเขาว่าผมไม่รับแขก”
“อ้าว...เดี๋ยวคุณวรรณตามมานะคะ”
อนุกูลยักไหล่คล้ายจะตอบว่าไม่แคร์ ท่าทางเหมือนเจ้าพ่อ พัชรีบเดินตามไปอย่างหวาดหวั่น

ยามเดินเข้ามาในห้อง วางของให้ แล้วเดินออกไป อนุกูลล็อคกลอน วุ่นวาย พัชนีพยายามมอง อนุกูลแกล้งยืนบัง ทำให้ดูลึกลับเข้าไว้
“ผมชอบคอนโดนี้ที่ระบบความปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์ คนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า ใครถูกฆ่าข่มขืนหมกห้อง อย่าว่าแต่มาช่วย กว่าจะรู้ผมว่าศพขึ้นอืดไปแล้ว”
ระหว่างพูด อนุกูลเดินมาใกล้ ยิ่งใกล้ พัชยิ่งถอย ในที่สุดก็ชิดผนังห้อง อนุกูลก็ยังเดินมาจนหน้าเกือบชนหน้า พัชนีฉวยจังหวะนั้น เผ่นแผล็วออกไป ชิ่งไปทางข้างๆ
“เอ้อ...ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ ทางนี้ใช่ไหม”
พัชนีแทบวิ่งไปห้องน้ำ อนุกูลแอบขำ
“โฮ้ย...กลัวจนเหงื่อแตก คนอะไรวะ”
พัชนีเดินเข้ามาในห้องน้ำ รีบล็อคกลอนให้แน่นหนาแล้วเอามือถือมากดออก รอสาย
“พี่วรรณ ทำไมสายไม่ว่างนะ”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแบบช้าๆ น่ากลัว คล้ายคนโรคจิต ก๊อก ก๊อก ก๊อก พัชนีสะดุ้งตะโกนตอบ
“เอ้อ...มีอะไรคะคุณนุ”
ไม่มีเสียงตอบ เสียงก๊อก ก๊อก ก๊อก ดังขึ้นช้าๆอีก ยิ่งเพิ่มความน่ากลัว
“คุณนุ...คุณนุเป็นคนเคาะหรือคะ”
อนุกูลที่อยู่หน้าห้องน้ำขำสนุกใหญ่ แกล้งจับลูกบิด บิดไปบิดมา พัชนีเห็นลูกบิดก็ผวาเฮือก
ถอยไปชิดผนังครุ่นคิดในใจ
‘จะทำอะไรของเขา...หรือว่าจะเข้ามา’
อนุกูลเดินห่างไป หันหลังให้ประตู พยายามกลั้นขำแบบไม่มีเสียง มันสุดจะทนแล้ว สนุกมากที่ได้แกล้ง พัชนีนิ่งคิดในใจ
‘หายไปแล้วหรือว่า...กุญแจ เขาไปเอากุญแจสำรองมาเปิดห้องน้ำ นึกแล้วไม่มีผิด หน้าตาดีๆ เป็นโรคจิตมีถมไป อี๊...พวกหมกมุ่นเรื่องพรรค์นี้ ฮือ...วันนี้ ตายเป็นตาย’
พัชนีเดินไปหาของในห้องน้ำ เธอหยิบหนังสือมาปึกหนึ่ง เปิดประตูออกไปเห็นหลังอนุกูล กำลังยืนขำอยู่ พัชนีซ่อนหนังสือไว้ข้างหลัง เดินมาหาเขาทำใจดีสู้เสือ
“เอ้อ...ไม่มีอะไรแล้ว พัชจะกลับบ้านเลยนะคะ”
พัชนีรีบเดินจะกลับ อนุกูลดุต่อ หันมาจับมือไว้
“จะกลับได้ยังไง งานยังไม่เสร็จ...ฮือ แฮ่”
อนุกูลโน้มหน้าเข้ามาคล้ายจะจูบแล้วส่งเสียงในลำคอฮื่อแฮ่ พัชใช้หนังสือฟาดหัวเปรี้ยงๆทันที
“อ๊าย...ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต นี่แน่ะนี่แน่ะ”
อนุกูลปัดป้อง หัวเราะ
“เฮ้ยหยุดๆ ผมล้อเล่น แค่ล้อเล่น”
“ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ว้ายๆ”
ทั้งสองสะดุดล้มลง พัชนีที่ไล่ตีอนุกูลกลายเป็นนอนทับเขาที่พื้น แถมปากของเธอยังไปจุ๊บแก้มเขาอีก
“อ๊า...นั่นแน่ะ คุณเอาปากมาชนแก้มผมเองนะ ผมไม่ได้ทำอะไรคุณสักหน่อย”
“อ๊ายไม่จริงๆ ไม่จริง”
พัชนีรีบเช็ดปาก แต่ยังนอนทับเขาอยู่ วรรณศิกาเดินนำยามเข้ามาเห็นทั้งสอง นอนทับกันที่พื้นก็ตกใจ
“มาแล้วจ้า เอ้า...เฮ้ยทำอะไรกัน”
อนุกูลแกล้งทำร้องไห้
“ฮือ คุณพัชเขาจะล่วงละเมิดทางเพศผม เขาเห็นผมกำลังป่วย ดูสิ ใช้อาวุธร้ายแรง บังคับขืนใจผม หนังสือตั้งปึกเบ้อเร่อ ผมตายไปจะเป็นยังไง”
ยามหน้าเครียด นิ่ง เอาเรื่อง
“แจ้งตำรวจไหมครับ”
วรรณศิกางง มองหน้ายาม
“เอ้า ไอ้นี่ก็ซีเรียสเชียว”
พัชนีรีบลุกขึ้น ถูกแกล้งจนงง ตามไม่ทัน
“ไม่ใช่ คุณนุเขาๆ...”
“อะไร ผมทำอะไร คิดให้ดี มีแต่คุณนั่นแหละ เขาเอาจมูกมาหอมแก้มผมด้วยล่ะคุณวรรณ ผมเสียผีไปเนี่ย ใครจะรับผิดชอบ”
“คุณนุ!”
พัชนีโกรธจนจะร้องไห้อยู่แล้ว อนุกูลโวยวายต่อ
“นี่แม่คุณ ผมน่ะไม่ใช่คนไข้โรคจิตนะ ผมทั้งหล่อ ทั้งรวย งานการก็มี ผู้หญิงที่ขึ้นมาที่ห้องเนี้ย เขาเต็มใจทั้งนั้น ผมไม่ได้อดอยาก ขนาดต้องมาหลอกขืนใจแม่ชีอย่างคุณหรอก รู้ไว้ซะด้วย”
“ก็คุณมาพูดเรื่องห้องเชือด แล้วที่ไปบอกยาม ที่ล็อกห้องนั่นอีก”
“ผมพูดเล่น ที่กระซิบยามนั่นก็จะบอกว่า เดี๋ยวคุณวรรณมา ให้เขาพามาที่ห้องเลย เพราะเขามากับคุณ” อนุกูลหันไปถามยาม “ผมพูดแค่นี้ใช่ไหม”
“ครับ...ผมก็พาขึ้นมาแล้วนี่ไงครับ”
“เห็นไหม ที่เหลือคุณจินตนาการเองทั้งนั้น แหม คิดขนาดนี้ แสดงว่ามั่นมาก คิดว่าตัวเองสวยเซ็กซ์มากเลยสิท่า”
พัชนีโมโหสุดๆเขวี้ยงของใส่เขา
“อี๊...คนบ้าๆๆ ฉันไม่อยู่ช่วยคุณแล้ว ฮึ่ย”
พัชนีเดินออกจากห้อง ทั้งโกรธ ทั้งอาย อนุกูลหัวเราะจนลงไปนั่ง
“เอ๊า...หนูพัชไปไหน คุณนุนี่ ขี้อำไปเรื่อย เดี๋ยวก็ลาออกกันพอดี เด็กขยันๆ หายากนะยะ ฮึ่ย...หนูพัช เดี๋ยวๆ”
วรรณศิการีบตามไป อนุกูลขำสุดๆ
“โอ๊ย ขำ ขำจนปวดท้อง”

วันใหม่…รัมภาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเพิ่งเสร็จเดินมาจะแปรงฟัน ที่กระจกเกิดฝ้าเพราะการอาบน้ำจนมัว รัมภาเงยหน้าขึ้นมองกระจกนั้น ปรากฏว่ามีเหมือนนิ้วคนมาเขียนบนรอยฝ้านั้นรัมภามองตามตัวอักษร ที่เริ่มก่อร่างจนกลายเป็นคำว่า
“ลูก...ตาย“
รัมภาตกใจมาก ปล่อยแก้วตกแตกเพล้งแล้ววิ่งออกไป...รัมภาเข้าไปกอดลูกทั้งสอง มองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง
“รัสตี้ ไลล่า ตื่นลูกตื่น”
รัมภาพยายามเขย่าตัวเด็กแฝด เด็กทั้งสองงัวเงียขึ้นนั่ง เสียงก๊อกๆๆของรองเท้าส้นสูงเดินมาตามทาง ทำให้รัมภาสะดุ้ง รีบกอดลูกทั้งสองกระชับแน่นขึ้น ประตูถูกเปิดออก เดือนแรมโผล่หน้าเข้ามา
“ตื่นหรือยังคะ เดือนเอาข้าวเช้ามาฝากค่ะ”
รัมภาถอนใจโล่งที่แท้ก็เดือนแรมนั่นเอง รัมภาเอะใจ เดินกลับไปที่ห้องน้ำ มองไปที่กระจก ไม่มีตัวหนังสือนั้นแล้ว ทั้งที่ยังมีฝ้าอยู่ หรือว่าตนเองจะตาฝาดไป

ทั้งหมดนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน เด็กทั้งสองใส่ชุดนักเรียนเตรียมไปเรียน รัมภานั่งคิดมองโจ๊ก ยังดูกลุ้มๆ เรื่องที่ถูกผีแพงขู่ ขณะเดียวกันนั้นเธอก็มีความรู้สึกเหมือนมีแอบมองเด็กแฝดจากในห้อง แล้วเสียงหัวเราะ หึๆของแพงก็ดังแว่วเข้ามา รัมภาได้ยินเสียงนั้น หันไปมอง ไม่เห็นใคร เดือนแรมมองรัมภาอย่างสงสัย
“เป็นอะไรไปคะคุณพี่รัมภา ไม่ชอบโจ๊กหรือคะ”
“เปล่าค่ะ”
เดือนแรมหันไปฉีกปาท่องโก๋ ใส่ชามโจ๊กให้ไลล่า
“คนไทยบางคน เขากินโจ๊กใส่ปาท่องโก๋นะ นี่ น้าจะทำให้ดู ลองกินดูนะ”
รัมภาเห็นที่ชามไลล่า ตอนแรกเป็นโจ๊ก สักพักเป็นหนอน แมลงสาบเหมือนชามใส่ของเน่า
รัมภาลุกขึ้น กรี๊ด
“ไม่ !”
รัมภาแย่งชามโจ๊กซัดกับพื้นแตกเพล้ง ทุกคนทั้งห้องตกใจหมด
“คุณภา!”
เดือนแรมนึกได้ รีบเล่นละครต่อจับมือตนเองร้องโอดโอย
“โอ๊ย โจ๊กโดนมือ ร้อนค่ะ ร้อนจังเลย”
เดือนแรมเดินมาหา ศามนจับมือเธอดูแล้วรีบบอกบุญสืบ
“บุญสืบไปเอายามาให้คุณเดือนที เป็นอะไรไปภา มีอะไรหรือ”
รัมภาเพ่งมอง มันก็เป็นโจ๊กธรรมดานี่นา
“เมื่อกี๊ฉันเห็น...เห็น...” รัมภางงๆ “เอ้อ...ขอโทษค่ะคุณเดือน ไลล่า เป็นอะไรไหมลูก”
ไลล่าส่ายหน้า รัมภาเครียด ศามนมองภรรยาไม่สบายใจขึ้นทุกที บุญสืบเอายามาให้เดือนแรม ค้อนๆ ที่เดือนแรมชอบขโมยซีน
รัมภาเดินมาเปิดตู้ยา มือสั่น หยิบยามากิน ตกใจไม่หาย
“ไม่...เราคิดมากไปเอง เราคิดมากเกินไป”
รัมภากินยาเสร็จ เดินออกไป ศามนโผล่มาจากมุมหนึ่ง เดินไปดูยาเพิ่งรู้ว่า รัมภาแอบมากินยานี้บ่อยๆ ศามนครุ่นคิด
รัมภาเดินกลับมา เอนที่โซฟา มองซ้ายมองขวาแล้วพยายามนอนหลับเพื่อลดอาการเครียดของตนเอง ศามนเดินตามมาแอบมองอีก เริ่มกลุ้ม

คืนนั้น ศามนนั่งทำงานในห้องทำงานตนเองจนค่ำ เดือนแรมเดินเข้ามาหา
“คุณเดือน...”
“ทำงานจนดึกเลยนะคะ คนอื่นเขากลับหมดแล้ว”
“ช่วงนี้งานเยอะน่ะครับ”
“ผ่านมาเลยแวะมาหาน่ะค่ะ วันนี้ช่างที่คุณมนแนะนำให้ มาแล้วนะคะแต่เดือนตัดสินใจเองไม่ได้ เขาถามเรื่องเงิน อธิบายเรื่องการก่อสร้าง เดือนไม่รู้สักอย่าง กลุ้มใจจัง คุณพี่ดูให้เดือนหน่อยได้ไหมคะ”
เดือนแรมยื่นเอกสารให้ศามนรับไป
“ครับ...เดี๋ยวผมจะช่วยดูให้”
“เกิดเป็นผู้หญิงตัวคนเดียวนี่มันลำบากจัง ที่จริงเดือนก็ไม่อยากรบกวนหรอก...รู้ว่าคุณพี่เองก็มีปัญหาอยู่”
“ปัญหา”
“เรื่องคุณพี่รัมภาน่ะค่ะ ดูแกแปลกไปจริงๆนะคะหรือว่า เราจะพาแกไปหาหมอดีคะ”
ศามนไม่อยากพูดถึง
“เอ้อ...ก็คุยกันอยู่ครับ”
“คุณพี่รัมภาคงเครียดมาก หนีไปนอนห้องลูกทุกคืนแบบนั้น แสดงว่าคุณ
มนกับคุณภา...ก็ไม่ได้...”
“อ่ะ หา”
ศามนตกใจทำไมเดือนแรมถามตรงๆ
“อุ๊ย...เดือนพูดมากไปหรือเปล่าคะ พอดีเด็กแฝดเขาคุยกันน่ะค่ะ ว่าเขานอนกับแม่ทุกคืน เดือนก็เลยรู้ เดือนเห็นว่าเราสนิทกันเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันน่ะค่ะ...เดือนเป็นห่วงคุณมนจัง”
“ห่วงเรื่องอะไรครับ”
เดือนแรมเดินมาหา มาจับที่ไหล่ เริ่มเล้าโลม
“คุณมนยังหนุ่มแน่น มีเลือดมีเนื้อ คุณพี่รัมภาทำแบบนั้น ก็เหมือนไม่สงสาร ไม่เห็นใจคุณมนบ้างเลย”
มือเดือนแรมลูบไล้ไปมา ศามนกลืนน้ำลาย พยายามบังคับสายตาและความคิดในอดีตที่เห็นเดือนแรมในชุดว่ายน้ำ พูดกับเขา
‘คุณพี่ขา คุณพี่มีบุญคุณกับเดือน เดือนรักเคารพคุณพี่ศามนเหมือนพี่ชายแท้ๆ ถ้าคุณมนอยากให้เดือนช่วยอะไร เดือนยินดีนะคะ’
ภาพเขาที่มองเรือนร่างท่าทางเดือนแรมอย่างหวั่นไหว ภาพที่เขาเข้าไปลูบไล้เธอในห้องน้ำ เพราะนึกว่าเป็นรัมภา มโนสำนึกของศามนชัดเจน ในที่สุดเขาก็ลุกพรวดจนเดือนแรมแทบตกเก้าอี้
“เอ้อ ไม่ต้องครับ ที่ทำไปทั้งหมด ผมไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทน คุณเดือน อย่าห่วงเรื่องนั้นเลยนะครับ เอ้อ...นี่ก็ดึกแล้ว งานผมเสร็จพอดี กลับกันดีกว่านะครับ”
ศามนหยิบข้าวของเดินนำออกไปทันที เดือนแรมงง

ศามนเดินออกมาถอนใจ รำพึงในใจ
‘อย่าหาเรื่องใส่ตัว อย่าหาเรื่องใส่ตัว’
เดือนแรมยังอยู่ในห้อง ยืนแค้น ครุ่นคิด คิดเฉลียวใจลึกๆ
‘ทำไมวันนี้เย็นชานักนะ หรือว่าเพราะไม่ได้อยู่ที่บ้าน’

รัสตี้กับไลล่า นั่งทำการบ้านอยู่ที่โต๊ะนั่งเล่นมีโคมระย้าอยู่เหนือหัว รัมภาเดินถือแก้วนมมาให้ลูกๆ เสียงหึๆชองแพงแอบหัวเราะเยาะน่ากลัวดังแว่วมา สายตารัมภาเห็นโคมไฟมันสั่นไปมาเหนือหัวลูกทั้งสอง ดูอันตราย รัมภายืนนิ่งหลับตาครุ่นคิดในใจ
‘ไม่...ไม่จริง เราคิดมากเกินไป...เดี๋ยวก็หาย เดี๋ยวก็หาย’
รัมภาลืมตา ปรากฏว่าโคมไฟนิ่งจริงด้วยทุกอย่างยังเหมือนเดิม เธอวางแก้วนม นั่งลงสักพัก ก็ได้ยินเสียง เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นเพดานเกิดรอยปริพร้อมฝุ่นกราวร่วง โคมไฟทำท่าจะหล่นลงมา รัมภากรี๊ดลั่น ลุกขึ้นคว้าเด็กทั้งสองออกวิ่งไปหลบ
“กรี๊ด ไม่...ไม่”
ศามนและเดือนแรมกลับมาเห็นเหตุการณ์พอดี รัมภากอดลูกไว้กับพื้นเอาตัวเองกางกั้น ปากพร่ำพูด
“ระวังลูก ระวัง”
ศามนรีบวิ่งเข้าไปหา
“คุณภา เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรไป”
เด็กทั้งสองตกใจร้องไห้จ้า รัมภาชี้
“โคมไฟ โคมไฟกำลังจะหล่นลงมา”
ศามนมองอย่างแปลกใจ
“โคมไฟไหน ไม่เห็นเป็นอะไรนี่”
รัมภาหันไปมอง ทุกอย่างปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น รัมภาตกใจ อึ้ง ปล่อยเด็กทันที เด็กทั้งสองร้องไห้ ไปกอดศามน เดือนแรมโวยวายเสียงดัง
“ตายจริง คุณพี่เป็นโรคประสาทหลอน” เดือนแรมแกล้งทำเป็นเผลอ รีบปิดปาก “อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
ศามนมองรัมภาอย่างตำหนิ
“ไม่เป็นไรนะลูก ไม่ต้องร้องไห้ ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
รัมภาเครียดจัดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

รัมภาเดินมาสงบสติอารมณ์ เริ่มมีอาการเดินไปเดินมาครุ่นคิด ว่าอะไรกันแน่ ศามนเดินเข้ามาหา
“คุณภา”
“ผี...ผีผู้หญิงคนนั้น เขาจะมาเอาชีวิตลูกเรา เขาจะทำลูกเรา ฉันยอมไม่ได้”
“ผีหรือ...ผีเนี่ยนะ”
ศามนยิ่งมองตำหนิ
“คุณจะว่าฉันยังไงก็ได้ คนเป็นแม่ทุกคน ตัวเองจะเจ็บจะป่วย หรือแม้แต่ต้องตาย เราก็ทนได้ แต่ถ้าเป็นลูก เหมือนใจมันจะขาดเป็นชิ้นๆ ฉันทนไม่ได้ ฉันทนไม่ได้ เข้าใจไหมคุณมน”
รัมภาพูดเสียงดังต่อหน้าศามน มีความเชื่อในสิ่งที่เห็น มากยิ่งขึ้น

ควันขาวก่อร่าง กลายเป็นร่างคุณหญิงอบเชยที่ยืนร้องไห้ จากอาการเจ็บปวดของแม่เหมือนกับรัมภา
“อีแพง อีแพง มึงทำลูกกู มึงทำหลานกู ฮือ ฮือ กูจะตามจองเวร จองกรรมกับมึง กูจะตามเอาเรื่องมึง”
ค่ำคืนนั้น ขณะที่หล้าปิดหน้าต่างประตูเรือนใหญ่ กระถางธูปที่หน้าโลงศพคุณหญิงอบเชยจู่ๆมันแตกเพล้งออกมา ซึ่งเกิดจากอารมณ์อันโกรธเกรี้ยวของคุณหญิงอบเชย
“โอ๊ย จู่ๆก็แตกอีกแล้ว ฮือ !”
หล้าตื่นกลัว มองซ้ายมองขวา
วันใหม่...ศามนกับอนุกูลนั่งทานอาหารกลางวันกัน คุยกันเรื่องรัมภาไปด้วย
“จิตหลอนเนี่ยนะ”
“ผมเห็นเขากินยานอนหลับ ไม่รู้แอบกินมานานเท่าไหร่แล้ว ยาพวกนี้มีผลข้างเคียง คุณก็รู้”
“ไม่น่าถึงขนาดนั้นนะ ผมว่ายังไม่ใช่” อนุกูลแย้ง
“หรือคุณจะบอกว่าผีมีจริง...คุณเชื่ออย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ”
อนุกูลอึ้งตอบไม่ได้
“เอ้อ ก็...”
ศามนมองไปที่วรรณศิกาและพัชนีที่นั่งกินข้าวแยกคนละโต๊ะ เห็นพัชนีมองอนุกูล มึนตึงโกรธ ก็ถามอย่างสงสัย
“สองสามวันนี้ เขาเป็นอะไร ทุกทีก็มานั่งกินด้วยกัน”
อนุกูลสบตาพัชนี ขำๆ
“ช่างเถอะครับ ล้อเล่นแค่นี้ทำเป็นงอน เดี๋ยวก็หาย อย่าไปสนใจเลยครับแล้วเรื่องคุณภา ถ้าเขาไม่ยอมไปหาหมอ คุณจะทำไงครับ”
“ความรักล่ะมั้งครับ”
“ความรัก”
“ตอนรัสตี้เป็น หมอเคยบอกว่าคนพวกนี้ บางทีลึกๆต้องการความรัก ความสนใจ ผมจะหยุดพักร้อน สักสามสี่วัน ชวนเขาไปเที่ยว ให้เวลาเขา สักหน่อย”
ศามนบอกอย่างมุ่งมั่นที่จะให้รัมภากลับมาเหมือนเดิม

ค่ำนั้น ศามนอยากให้รัมภาหายเครียดจึงชวนเธอไปเที่ยวด้วยกันสองคน
“ไปเที่ยวกันสองคนหรือคะ ทำไมไม่เอาลูกไปด้วยล่ะ”
ศามนจับมือรัมภาพยายามแสดงความรัก
“ภา...ลูกเป็นความสุขที่สุดของเราก็จริง แต่คุณเคยสังเกตไหม หน้าที่ของพ่อแม่ บางทีก็เหนื่อย เราแทบไม่มีเวลาของตัวเอง คุณไม่อยากกลับไปเป็นหนุ่มเป็นสาว เที่ยวสนุกโดยไม่มีพันธะหรือ”
“มันก็ได้อยู่หรอก แต่ต้องไม่ใช่ตอนนี้ เอาอย่างนี้ไหมคะ เราเที่ยวในกรุงเทพ ที่จริงกรุงเทพก็เปลี่ยนไปมากจากตอนที่เราเด็ก เรายังไม่ได้ดูให้ทั่วเลย”
“แค่ในกรุงเทพหรือ”
“อย่างน้อย ฉันก็ได้โทรหาครูทุกครั้งที่อยากโทร ได้เห็นเขาทุกวัน ได้รู้
ว่าเขาปลอดภัย...นะคะคุณมน”
ศามนจำยอม

วันใหม่...รัมภา ศามน เดือนแรม รัสตี้ ไลล่านั่งคุยกันระหว่างทานอาหาร โดยมี บุญสืบ หล้าและคำดูแล
“พ่อกับแม่ จะไปเดทกันหรือครับ แล้วมีคิส จุ๊บๆด้วยหรือเปล่าครับ” รัสตี้ถามขำๆ
รัมภายิ้มแย้มดูมีความสุขขึ้น
“แก่แดดจริงเรานี่”
เดือนแรมไม่ค่อยพอใจนัก
“แหม ไปกันสองคน เหงาแย่ น่าจะไปกันเยอะๆ จะได้คึกคัก”
บุญสืบรีบขัดทันที
“เขาไปสานสัมพันธ์รักใหม่ ไม่ใช่ไปทอดผ้าป่า ถึงจะต้องคึกคัก”
เดือนแรมโกรธ ค้อนบุญสืบ
“เออใช่ งานนี้ ขอแบบ” คำมั่นใจพูดเสียงดัง “โรแลนติก”
บุญสืบรีบแก้ให้
“โรแมนติก !”
คำอายๆ ทุกคนหัวเราะ
“เออนั่นล่ะ กอขอคอ ไม่เกี่ยว”
หล้าทำท่างงๆ
“เอ๊ะ กอขอคอ นี่มันหน้าตาเป็นยังไง...สงสัย...สงสัย”
“เอ๊า กอขอคอ หน้าตามันก็แข็งๆ ด้านๆ เป็นซีเมนต์เสริมเหล็กไง้”
เดือนแรมรู้ว่าบุญสืบแดกดันก็ลุกขึ้นพรวด อารมณ์เสีย
“โฮ้ย เดือนกลับก่อนนะคะ วันนี้ต้องไปเก็บค่าเช่าที่ตลาด”
เดือนแรมเดินงอนกลับไป หล้า คำ บุญสืบ หัวเราะสะใจกันใหญ่
“บ้าจริง เมียบ้าขนาดนั้น จะไปยุ่งกับมันทำไม โง่ โง่ โง่ โฮ้ย”
เดือนแรมเดินกระแทกเท้าออกไป

ศามนและรัมภา ไหว้พระ เดินเที่ยว ทำกิจกรรมบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์บรรยากาศ ความรัก สนุก สดชื่น
“สนุกดีเนอะ เที่ยวในกรุงเทพก็สนุกได้จริงๆด้วย เดี๋ยวเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกัน ดินเนอร์ใต้แสงเทียนดีไหม”
“ภาอยากกลับไปรับลูกมากินข้าวด้วยกัน”
“ผมให้บุญสืบไปรับที่โรงเรียนแล้ว ทานข้าวกันสองคนเถอะนะ”
“ไม่ได้ค่ะ ภาปล่อยให้รัสตี้ไลล่าอยู่บ้านนั้นตามลำพังไม่ได้ ภาจะโทรบอกครูที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้”
รัมภาเดินแยกไปโทรศัพท์ ศามนเซ็งเล็กน้อย ที่รัมภายังกังวลเรื่องลูกไม่เลิก
ค่ำนั้น รัมภา ศามน รัสตี้ ไลล่ากินข้าวกันอยู่ในร้านอาหาร รัมภากับศามนช่วยกันสอนการบ้านลูก ทำไปด้วยกินไปด้วย หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็เล่นเกม เดินเที่ยวในห้างอย่างมีความสุข

วันใหม่...แอน น้อย เจี๊ยบ นั่งเล่นอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว คำ หล้า และบุญสืบเดินมานั่งเตรียมสั่ง น้อยเห็นก็หันไปแซว
“โฮ้ยวันนี้ ว่างมากินข้าวกันทั้งพ่อแม่ ลูกสาวเลยนะ”
บุญสืบรีบทำเสียงแหบ เข้ม ดุ
“ใครลูกสาว ไปตามผัวเจ๊มาต่อยกันไหม”
“โหย แมน แมนมาก” แอนกระซิบบุญสืบ “ดำๆล่ำ ขนผักอยู่ท้ายตลาด”
บุญสืบออกแต๋วทันที
“ต๊าย...ไหนยะหล่อน”
“นั่น...หางกระดิก ดิ๊กๆ หูตั้งขึ้นมาเชียว”
เจี๊ยบเหน็บแนมอย่างหมั่นไส้ คำและพวกแอนหัวเราะกันใหญ่ มีแต่หล้าที่ไม่ค่อยชอบ
“ไอ้บุญสืบ น้อยๆหน่อย...วันนี้เรามา เอ้อ...วันนี้เรามาทำไมวะ”
คำมองผัวเซ็งๆ
“เสนอหน้าเล่าทั้งปี เจ้านายเขาไม่อยู่น่ะ เลยไม่ต้องทำกับข้าว นายเขาให้ตังค์ไว้ ให้ออกมาหาอะไรกิน”
ขณะเดียวกันนั้นเดือนแรมและดีดี้ เดินเก็บค่าเช่ามาพอดี แอนหันไปเห็น ส่งเสียงดังทันที
“ต๊าย คุณศามนยังลางานพาเมียเที่ยวอยู่หรือ น่ารักจัง แบบนี้พวกมดแดงก็หน้าแตกยับน่ะสิ อุตส่าห์ เทียวไล้เทียวขื่อ เฝ้าพวงมะม่วงอยู่ตั้งนาน”
สามสาวขาเมาท์ มองไปทางเดือนแรมที่กำลังโมโห เดือดปุดๆ
“ใช่ๆ หมดเงินไปเยอะ เสียเวลาไปแยะ สุดท้าย ก็กินแห้ว ฮิฮิ ป่านนี้คงเซ็งเป็ด เซ็งห่าน เซ็งนกกระจอกเทศอยู่” น้อยพูดเย้ยเยาะ
เดือนแรมเดินไปหาเจ้าของร้านพูดเสียงดัง
“เฮีย ฉันเหมาก๊วยเตี๋ยวหมดร้าน ไม่ต้องขายแล้ว ใครที่มันนั่งๆอยู่ไล่ออกไปให้หมด”
ทุกคนหน้าเหวอร้องขึ้นพร้อมกัน
“อ้าว !”
ทั้งหมดลุกขึ้นทันที ดีดี้เข้ามาหาเฮียเจ้าของร้าน วางเงินจากกระเป๋าที่คอยถือเก็บเงิน เอามาวางให้
“เอ้า นี่จ่ายไป คนรวยซะอย่าง...”
ดีดี้มองเยาะพวกแอน น้อยไม่สน
“เขาเหมาก๊วยเตี๋ยว ไม่ได้เหมาโต๊ะเก้าอี้ เรานั่งได้โว้ย”
ทั้งหมดพยักหน้าว่าจริง นั่งลงใหม่ เดือนแรมโมโห
“งั้นฉันเหมา โต๊ะเก้าอี้ด้วย”
ดีดี้จ่ายเงิน ทันที พร้อมช่วยเจ้าของร้าน หยิบเส้นก๊วยเตี๋ยวใส่ถุง
“เอ๊า...เอาก็เอา เอ้านี่เทหมดกระเป๋าแล้ว เอาถุงมา หยิบเส้นใส่เลย จะเอากลับบ้าน”
เดือนแรมกวาดสายตามองทุกคนอย่างเหยียดหยัน
“พวกแกจะไปได้หรือยัง ทางที่ดี เก็บของออกไปจากตลาดฉันให้หมดเลย ฉันไม่ให้พวกแกเช่าแล้วโว้ย”
พวกน้อย แอนเจี๊ยบไม่กลัว แอนเยาะกลับ
“โห...งวดนี้เสียรังวัดไปเยอะ มีน้ำโห พวกฉันน่ะไม่ย้ายหรอกโว้ย ไม่เคยติดค่าเช่า จะย้ายทำไม”
“ใช่ ยังไงก็ไม่ไป ตลาดอื่นน่ะมันใหม่ มันสบายก็จริง แต่ไม่สนุกเพราะไม่มีบางอย่างให้ดู” เจี๊ยบพูดกวนๆ
บุญสืบรีบเสริม
“ไม่ได้ดูอะไรหรือคะ บอกมาให้ชัดๆซี้”
ดีดี้ถือถุงเส้นก๊วยเตี๋ยวมาสองสามถุง มายืนข้างๆ
“ไม่ได้ดูคนแย่งผัวชาวบ้านน่ะซี้”
เจี๊ยบลอยหน้าลอยตาพูด เดือนแรมคว้าเส้นก๋วยเตี๋ยวจากทองดี เทใส่หัวเจี๊ยบ แถมยีหัวด้วยเส้นเล็ก จนเละเทะ
“หนอย อีเจี๊ยบ นี่แน่ะนี่นี่”
เจี๊ยบจับหัวตัวเอง ที่เละไปด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยว
“อี๊...อีคุณนายจอมปลอม มึงกล้าทำกูเหรอ”
แอนเดินไปคว้าถังน้ำที่แช่ผัก
“หนอยมีเส้นเล็ก มันก็ต้องมีนี่ ถั่วงอกโว้ย”
แอนสาดน้ำผสมถั่งงอกใส่หัวเดือนแรมจนเละ พวกแอน เจี๊ยบ คำ หล้า และบุญสืบหัวเราะเดือนแรมที่บัดนี้มีถั่วงอกบนหัว ตัวเปียกปอน เดือนแรมถุยถั่วงอกออกจากปาก
“อี๊...มึง ตายเสียเถอะ”
เดือนแรมบุกเข้าไปตบ แอน เจี๊ยบกับน้อย เข้ามาช่วย ดีดี้โผล่มาอีกคน ตบกันห้าคนนัวเนีย ข้าวของร้านก๋วยเตี๋ยวกระจาย ดีดี้ท้าทายดังลั่น
“มาเลยมา...เย็นนี้จะได้ไม่ต้องไปแอโรบิกท้ายตลาด นี่แน่ะ นี่นี่”
“มีเส้น มีถั่วงอก มันจะเป็นก๋วยเตี๋ยวได้ไงวะถ้าไม่มีน้ำซุป”
บุญสืบคันไม้คันมือเดินไปที่หม้อลวก คำรีบเข้าไปห้าม
“เฮ้ย ไอ้บุญสืบ น้ำร้อนๆถึงตายนะโว้ย อย่าไปยุ่งกับเขา ไม่งั้นคุณศามนเอาเรื่องแน่”
คำกับหล้า ดึงบุญสืบกลับ บุญสืบขัดใจมาก
“โธ่โว้ย”
“ไปไป๊กลับ...กลับ”
หล้าลากไปผิดทางอีก บุญสืบเซ็ง
“ทางนี้ !”
สามคนเดินออกไป ขณะที่ห้าสาวด้านหลัง ยังตบกันนัว จู่ๆ บุญสืบดินกลับมาเข้าใหม่ พร้อมตะกร้าผัก
“หนอย ทำก๋วยเตี๋ยวไม่ได้ ผัดไทก็ยังไหว ใส่กุ้ยช่ายอีกหน่อยเดียวเอ๊ง”
บุญสืบโยนตะกร้าผักกุ้ยช่าย หวือลอยไปตกใส่หัวเดือนแรมแล้ววิ่งหนี เดือนแรมงง หันมามอง
“โอ๊ย ใครวะ”
เดือนแรมไม่เห็นใคร พอดี น้อยตบลงมาอีกเลยหันไปตบกันนัวต่อ

ศามนกับ รัมภานั่งเรือหางยาวเที่ยวในคลองชานเมืองกรุงเทพ บรรยากาศ ธรรมชาติ สวยงาม
ทั้งสองสดชื่นแจ่มใสมีความสุขมาก ก่อนจะมายืนกอดกันดูวิวที่มุมหนึ่ง
“ผมดีใจจังที่คุณดูมีความสุขขึ้น ผมรักคุณนะภา”
“ฉันก็รักคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่ทำเพื่อภา”

ช่วงเที่ยง...อนุกูลเดินถือจานตัวเองมานั่งลงที่โต๊ะ วรรณศิกากับพัชนีที่นั่งกันอยู่
“กินด้วยคนสิ คุณมนลางาน ไม่อยากกินคนเดียว”
พัชนีหน้าบึ้งลงทันที อนุกูลถามยิ้มๆ เอ็นดู
“นี่ยังไม่เลิกโกรธผมอีกหรือ”
“พัชจะโกรธคุณได้ไงคะ คุณเป็นเจ้านาย”
“เหรอ แต่หน้าบูดอย่างนี้ เจ้านายก็หมดอารมณ์นะ อ่ะ ง้อก็ได้ ยกให้”
อนุกูลตักน่องไก่จากจานของตน ที่มีอันเดียว ไปใส่จานว่างตรงหน้าพัชนี วรรณศิกาตาลุก
“โห...ให้น่องไก่ทั้งน่องเลยหรือ”
พัชนีหน้าอ่อนลง
“เมื่อเช้าตื่นมาไม่ทันใส่บาตรน่ะ ขอพรด้วยครับคุณแม่ชี”
ขาดคำอนุกูลก็ยกมือพนมรับพร พัชนีงออีกครั้ง วรรณศิกาหัวเราะ แซวอนุกูลอย่างรู้ทัน
“หน้าระรื่น หยอกวันละนิดวันละหน่อย ชื่นใจสินะ”
อนุกูลโกรธ อาย ทำเสียงดุ
“อะไร อะไร...”
วรรณศิกายกมือถือขึ้น
“โทรหาคุณมนดีกว่า...เป็นไงบ้าง สนุกไหมคะ”

รัมภากำลังสนุกกับการปั้นเครื่องปั้นดินเผากับแม่ค้า ขณะที่ศามนกำลังคุยโทร
“ก็ดีครับ วันนี้มีอะไรไหมคุณวรรณ”
“ออฟฟิศที่สิงคโปร์โทรมา นายใหญ่จะมาประชุมที่กรุงเทพสุดสัปดาห์นี้ค่ะ”
“อ๋อ...ผมเห็นอีเมลแล้วล่ะ”
“เซ็งเลย พวกเราต้องอยู่ต้อนรับนายใหญ่กันหมดใช่ไหมคะ สุดสัปดาห์นี้วันหยุดยาวเสียด้วย เราสามคนว่าจะไปพักที่หัวหิน บ้านพักของคุณนุเขาน่ะค่ะ เลยอดเลย”
“ผมว่าไม่ต้องนะ นายใหญ่คงอยู่ที่โรงแรม งานประชุมก็มีเจ้าหน้าที่จัดการหมด ผมอยู่คนเดียวก็พอ พวกคุณไปพักเถอะ”
“คุณมนอยู่ได้หรือคะ น่ารักจริง ดีๆค่ะดี เดี๋ยวสิ้นปี วรรณจะขึ้นเงินเดือนให้นะคะ”
ศามนหัวเราะ วรรณศิการะรื่น
“อุ๊ยตาย วรรณเป็นลูกน้องนี่ ลืมไป ฮะฮะฮ่า”
“มานี่ ผมคุยมั่ง”
อนุกูลขอมือถือ มาคุยโทรกับศามน
“อยู่ไหนแล้วครับ”
“วันนี้ออกมาที่เกาะเกร็ด ผมชอบนะ”
“ฟังเสียงก็รู้แล้ว แฮปปี้เลยสิ”
“ก็ทำนองนั้น”
“แล้วคุณภาล่ะ”
ศามนมองไปเห็นรัมภากำลังปั้นดินเผาออกมาหน้าเละ เลยหัวเราะกับแม่ค้า
“หลายอาทิตย์มานี้ เพิ่งเห็นเขายิ้ม เขาหัวเราะก็ตอนนี้แหล่ะ”
“ว้าว ได้ฟังอย่างนี้ก็ดีใจด้วย ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย”
ศามนมองรัมภาด้วยความรัก บรรยากาศทุกอย่างดูเหมือนจะดีขึ้น

ค่ำนั้น ทั้งหมดเพิ่งมาถึงบ้าน เด็กทั้งสองยังอยู่ในชุดนักเรียน ทั้งหมดลงจากรถ บุญสืบเดินออกมาช่วยรับกระเป๋า เด็กแฝดเดินตามบุญสืบเข้าบ้านไป ศามนเดินไปกอดรัมภากระซิบ
“คืนนี้นอนด้วยกันนะ”
รัมภายิ้มอายเล็กน้อย
“ก็ได้ค่ะ งั้นขอไปดูลูกแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวตามไป”
ศามนหอมแก้ม บอกเสียงเบาดีใจมาก
“เยส !...วันนี้วันดีที่สุดเลย”
รัมภาเดินเข้าบ้านไป ศามนได้ยินเสียงมือถือเห็นชื่อว่า เดือนแรม เวลานี้เขาอยากรักษาระยะห่าง เลยตัดสินใจกดปิดมือถือ ไม่ยอมรับสาย
เดือนแรม หัวหูเปียกเพิ่งอาบน้ำ ล้างตัวเสร็จ นั่งหน้ากระจก มองมือถือ โมโห โวยลั่น
“เฮ้ย กดสายทิ้งเฉยเลย...บ้าจริง หรือว่าไม่สนใจเราแล้ว ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี”
เดือนแรมเครียด ลุกขึ้นเดิน คิด โวยวาย แพงปรากฏตัวขึ้นเป็นเงาที่กระจก ทั้งที่ข้างๆตัวของเดือนแรมไม่มีใคร
“ใจเย็นๆ ข้าจะช่วยเอ็งเอง ข้ายังอยู่ทั้งคน”
เดือนแรมหันมามอง ได้ยินเสียงข้างตัว แต่ไม่เห็นคน มองกระจก มองห้องรอบๆ นึกกลัวขึ้นมา
“เสียงใครวะ ฮึ่ย นอนดีกว่า”
เดือนแรมกระโดดขึ้นเตียง คลุมโปง

ควันสีขาวก่อรูปเป็นวิญญาณคุณหญิงอบเชย เศร้าหมองเรื่องความทุกข์ของลูกนั่งที่เฉลียงร้องเพลงกล่อม ห่วงลูกทั้งน้ำตาเพราะช่วยอะไรไม่ได้
ควันสีดำก่อรูปเป็นวิญญาณแพง เวลานี้แสดงตัวตนความเป็นบ้า แพงมีดอกไม้ทัดหู ฮัมเพลงไทยเดิมในลำคอ ทำท่ารำวงท่ามกลางแสงจันทร์ เพราะในบางเวลา แพงก็สติดีและในบางเวลาก็เป็นบ้า ทั้งหมดนี้เพราะแพงตายในเวลาที่เป็นบ้า แพงจึงเป็นวิญญาณที่มีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย เดี๋ยวพูดรู้เรื่อง จำได้เดี๋ยวก็ไม่รู้เรื่องจำไม่ได้ แพงฮัมเพลงจนจบ มองเข้าไปในบ้าน
“คืนนี้แหล่ะ อีชื่นกลิ่น ครอบครัวเอ็งจะพินาศ”
แพงมองไป ที่เสาไฟหน้าเรือนใหญ่หม้อแปลงระเบิดเปรี้ยงปะทุไฟออกมาน่ากลัว
ไฟดับพรึ่บลง รัมภากำลังแต่งตัวเปลี่ยนชุดนอนให้ไลล่า รัสตี้กำลังเปลี่ยนเองทั้งหมดตกใจมาก มองไปรอบๆ
“ไฟดับหรือครับแม่”
รัมภากังวลใจ
ศามนเดินออกมามองไปรอบๆ ตะโกนเรียก
“บุญสืบ...บุญสืบ ออกไปดูฟิวส์หลังบ้านที”
ศามนไม่ได้ยินเสียงตอบรับ เดินออกไปจัดการด้วยตัวเอง...

วิญญาณของแพงที่ยังอยู่หน้าบ้านร้องเพลงกล่อม เพลงของคุณหญิงอบเชย น้ำเสียง เยาะเย้ยล้อเลียน
“ฮะฮะฮ่า รักลูกปกป้องลูกจนไม่สนใจคนอื่น เอ็งจะต้องได้รับกรรมของเอ็ง อีอบเชย อีชื่นกลิ่น”
แพงมองไปด้วยฤทธิ์เดช ประตูที่ปิดอยู่เปิดผางออกเหมือนถูกถีบ ลมแรงพัดเข้าบ้าน ใบไม้กรูเกรียว บรรยากาศน่ากลัว แพงกำลังจะเข้าบ้านไปหลอกรัมภาชุดใหญ่ ณคุณหญิงอบเชยพุ่งเข้ามาขวางไม่ให้แพงเข้าไปในเรือนเล็ก
“นี่เอ็งยังไม่เข็ดอีกหรือ หา...อีแก่”
“แม้จะต้องทุกข์ทรมานอีกกี่หน ข้าก็จะปกป้องลูกหลานข้า”
คุณหญิงอบเชยตบหน้าแพงล้มคว่ำไป แพงแค้น พุ่งเข้ามาผลักด้วยพละกำลังที่มากกว่า
คุณหญิงกระเด็นไถลไปตามพื้น แพงแสยะยิ้ม เดินเข้าไปในบ้านเล็ก
“โอย”
คุณหญิงโอดโอยกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เธอประคองร่างเจ็บปวด จะเข้าประตูตามไป แต่เพราะมนต์ดำที่ครอบบ้านอยู่ ทำให้ผ่านประตูเข้าไปไม่ได้ ชนเปรี้ยง แล้วล้มลงอีก คุณหญิงสะบักสะบอมเจ็บปวดไปทั้งตัว ร้องไห้เรียกลูก
“ฮือ แม่ชื่น แม่ชื่น”
“ฮะฮะฮ่า ฮะฮะฮ่า”
แพงหันมามองด้วยความสะใจ ก่อนจะหายตัวเข้าไปในบ้าน











Create Date : 13 เมษายน 2555
Last Update : 13 เมษายน 2555 1:11:05 น.
Counter : 293 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]