Group Blog
 
All blogs
 
ชีวิตการเรียนก็ได้เริ่มต้นขึ้น

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ตอนที่แล้วเล่าไว้ถึงตอนที่ได้มาเหยียบแผ่นดินอเมริกาแห่งนี้แล้ว โดยมีเพื่อนใหม่คนจีนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนมารับที่สนามบิน คืนแรกที่เมกาของเราก็ได้เริ่มต้นขึ้นที่หอพักชั่วคราวของมหาลัย ขอบอกว่ามันหนาวมากกกกกกกกกก ข้างนอกน่ะร้อนนะคะเพราะเป็นหน้าร้อน แค่เค้าเปิดแอร์หนาวจริงๆ แถมหน้าต่างมีนะ แต่เปิดไม่ได้ ฮ่วย..แล้วมีไว้ทำไมเนี่ย เหมือนถูกกักขังในตู้เย็นเลยเรา คืนนั้นก็ขนของออกมาเล็กน้อย เค้ามีเตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะหนังสือให้เรียบร้อย แต่เราก็ต้องมีพวกผ้าปูที่นอนปลอกหมอนมานะ เพราะรู้สึกเหมือนเค้าจะไม่มีให้ จำได้คร่าวๆ ว่าต้องใส่เสื้อตั้งสามชั้นนอนน่ะ

ในหอพักนี้เค้าจะมีห้องน้ำแบบรวมแต่แยกชายหญิงค่ะ แล้วก็มีห้องครัวรวมไว้ให้ เราก็อาศัยได้ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ กินประทังชีวิตไป วันถัดมาเพื่อนคนจีนก็พาไปเดินดูมหาลัย ซึ่งโรงเรียนของเราจะอยู่ downtown campus แล้วก็พาไปที่ต่างๆ ที่เราควรจะรู้จักเอาไว้ สิ่งที่เราต้องทำตอนมาถึงใหม่ๆ ก็คือ

1. รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนที่เราเรียนว่าเรามาถึงแล้ว

2. รายงานตัวกับทางเจ้าหน้าที่ของมหาลัยที่ดูแลนักเรียนต่างชาติ อันนี้เราต้องเตรียมเอกสารพวก I-20 ไปให้เค้าด้วยนะคะ เอกสารใช้อะไรบ้างเราก็จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ มันนานแย้วววว

3. ทำบัตรนักเรียนของทางมหาลัย

4. เปิด bank account แนะนำให้เปิดกับแบงค์ที่อยู่ในมหาลัยจะเป็นการดี เพราะเดินทางสะดวก บัญชีที่นี่หลักๆ จะเป็น checking กับ saving accounts ปกติถ้านำเงินมาเยอะ ๆ แนะนำให้เปิด saving ไว้ด้วยก็ดีนะคะ จะได้รับดอกเบี้ย แต่ถ้าไม่อยากเปิดก็ใช้แค่ checking อย่างเดียวก็ได้ เพราะบางแบงค์ก็จะมีดอกเบี้ยให้เหมือนกัน แต่ก็จะน้อยกว่า saving ที่นี่จะใช้ debit card กันเป็นเรื่องปกติ เพราะมันใช้ได้ทั้งซื้อของและกด atm ปกติก็จะไม่ค่อยพกเงินสดเท่าไหร่หรอกค่ะ ใช้บัตรเดบิตมันสบายกว่า ปลอดภัยกว่าด้วย



หลักๆ ก็จะประมาณนี้แหละค่ะ สำหรับใครที่ยังหาที่พักไม่ได้อย่างเรา งานอีกอันก็คือหาที่พักเนี่ยแหละ ทางโรงเรียนเราดีหน่อยที่เค้าจะมีข้อมูลให้ว่ามีที่ไหนเค้าให้เช่าบ้าง ก็อาศัยปรึกษาจนท. ของโรงเรียนนี่แหละค่ะ ว่าแถวไหนน่าอยู่บ้าง แถมใช้โทรศัพท์ของโรงเรียนนี่แหละโทรติดต่อกับ landlord ถามรายละเอียดบ้านและนัดดูบ้าน สำหรับเรามาเรียนแค่ปีเดียว เราเลยอยากได้บ้านที่ fully furnished เพราะเราไม่อยากไปซื้อพวกเฟอร์นิเจอร์ของใช้อีก มันลำบากและใช้เวลามากมาย เลยพยายามเลือกบ้านที่มีให้พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว และเราเลือกที่จะอยู่คนเดียว ไม่แชร์ห้องกับใครเพื่อตัดความเสี่ยงที่ต้องไปอยู่กับคนที่ไม่รู้จักและเราอยากอยู่แบบสงบๆ สำหรับการอ่านหนังสือ และเราเลือกจะไม่อยู่หอพักมหาลัยเพราะอย่างแรกเคยได้ยินว่าบางทีจะเสียงดังและกรณีของเรา เราหาเช่าข้างนอกถูกกว่าน่ะ

ขอเพิ่มเติมเรื่องการหาบ้านพัก และรวมไปถึงการหาซื้อพวกของมือสองต่างๆ อย่างเช่น เฟอร์นิเจอร์ รถจักรยาน รถยนต์ เราแนะนำว่าลองไปเดินหาตามบอร์ดประกาศที่ติดอยู่ตามตึกต่างๆ ของทางมหาลัยนะคะ เพราะมักจะได้ราคาไม่แพง อย่างพวก yard sale/garage sale ที่ส่วนใหญ่จะมีเยอะๆ ช่วงหลังปิดเทอม คนทยอยกลับบ้านก็จะเอาของมาเลขายในราคาไม่แพงตามสนามหญ้าหรือที่จอดรถในบ้าน จะมีป้ายติดประกาศไว้ให้เห็นค่ะ หรืออาจจะเช็คตามประกาศของทาง international office ของโรงเรียนก็มีนะคะ ถ้าเป็นในเวป เราแนะนำเวปนี้ค่ะ //newyork.craigslist.org/ ที่ลิงค์ไปจะเป็นที่ NYC นะคะ แต่ด้านขวามือจะมีลิสต์ของเมืองในอเมริกา ก็ให้เลือกเมืองที่คุณไปอยู่ ก็จะมีทั้งหางาน บ้านให้เช่า ขายของต่างๆ เยอะแยะเลยค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เจ้าของจะเอามาลงขายเอง เลยไม่ต้องผ่านพวกนายหน้าที่มักจะแพงขึ้นน่ะค่ะ

ในที่สุดก็ตกลงเลือกเช่าห้องๆ นึง เดินไปเีรียนได้ มีเฟอร์นิเจอร์อุปกรณ์ต่างๆ ครบหมดเลย ประมาณว่าหอบกระเป๋าไปนอนได้เลย ค่าเช่าก็ถูกและรวมทุกอย่างหมดแล้ว เพราะงั้นเราเลยไม่ต้องไปติดต่อเรื่องน้ำไฟเลย ยกเว้นโทรศัพท์ สำหรับคนที่มาอยู่นานเป็นปี เราแนะนำว่าซื้อโปรโมชั่นเป็นมือถือไปเลยก็ดีนะคะ เพราะที่นี่ปกติจะได้เครื่องฟรีพร้อมโปรฯอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องทำสัญญารายปีหรือสองปีแล้วแต่เครือข่ายและโปรโมชั่น ส่วนค่าน้ำปกติเจ้าของบ้านจะจ่ายให้นะ ถ้าเราต้องจ่ายเองก็เหมือนค่าไฟที่ต้องไปติดต่อขอใช้น้ำไฟ ซึ่งตรงนี้คงต้องถามคนที่เมืองที่ไปอยู่นะคะ เราไม่เคยทำเลยจริงๆ ส่วนเคเบิ้ลนี่ปกติจะมาเป็นแพ็คเกจ ถ้าแยกจะแพงกว่าไงคะ ส่วนใหญ่ก็จะมีทั้งทีวี โทรศัพท์บ้าน และอินเตอร์เน็ต เราก็เลือกให้เหมาะกับการใช้งานของเราเลยค่ะ แต่พวกนี้ก็จะต้องมีสัญญาการใช้งานเหมือนกัน ถ้าเรายกเลิกก่อนกำหนดก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมไป ลืมบอกไปว่าปกติเวลาเช่าบ้านที่นี่มักจะต้องเสียเงินมัดจำไว้ล่วงหน้าหนึ่งเดือนไว้ด้วย เวลาเราย้ายออกเราก็ต้องจัดการบ้านให้เรียบร้อยเหมือนก่อนเราเข้ามาอยู่ไม่งั้นเค้าก็จะยึดเงินมัดจำเราไป พวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัทพก์เหมือนกันค่ะ จะต้องมีเงินมัดจำเหมือนกัน มากเท่าไหร่แล้วแต่บริษัทค่ะ เพราะงั้นก็ต้องกันเงินส่วนนึงไว้สำหรับเงินมัดจำด้วยนะคะ



นอกจากนี้สำหรับคนที่ทำงานที่นี่จะต้องมี Social security number (SSN) ซึ่งสมัยเรามาเรียนใหม่ๆ นักเรียนต่างชาติก็ไปขอไว้ได้เลย แต่เห็นว่าช่วงนี้ใครจะไปขอได้ต้องมีงานทำก่อน การมี SSN ที่นี่ค่อนข้างสะดวกกับการติตต่อทำโน่นนี่ค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะซื้อมือถือหรือทำบัตรเครดิตหรืออื่นๆ เพราะเหมือนกันว่าเรามีอะไรอ้างอิง คำเตือนสำหรับ SSN คือตัวเลขนี้สำคัญมากๆ นะคะ ไม่ควรไปบอกใครพร่ำเพรื่อ และไม่ควรพกบัตร SSN ติดตัว เพราะคนอื่นที่รู้เลขนี้ของเราสามารถนำตัวเลขนี้ไปใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ได้ง่ายๆ เลยค่ะ

มีคนถามคำถามเราว่า คนที่เมกาเค้ามีบัตรประชาชนเหมือนบ้านเรารึเปล่า เราขอตอบว่า ID ของที่นี่ใช้ได้หลายอันค่ะ ขอให้เป็นเอกสารจากทางรัฐบาลและมีรูป เช่น ใบขับขี่นี่คนจะใช้เป็น ID กันเยอะมากๆ หรือบางทีก็จะใช้ State ID อันนี้สำหรับนักเรียนต่างชาติก็ทำได้นะคะ มีแล้วก็สะดวกดี ไม่ต้องพก passport เวลาเดินทางในประเทศ เราเองสมัยเรียนก็ไม่มีหรอกค่ะพวกนี้เพราะรถก็ไม่ได้ขับ state ID ก็ไม่ได้คิดจะทำ หลังๆ ขับรถถึงได้ใช้ใบขับขี่ ก็อยากทำ state ID เหมือนกันนะ เอาเก็บไว้เป็นที่ระลึก..อิอิ อ้อ..บัตรนักเรียนใช้อ้างอิงเป็น ID ไม่ได้นะคะ ยกเว้นที่ีที่เค้าไม่ได้ซีเรียสมากก็อาจใช้ได้บ้าง



ขอย้อนมาพูดถึงเพื่อนคนจีนหน่อยดีกว่า เพราะเราซาบซึ้งใจกับเค้ามากๆ เลย อย่างที่บอกว่าตอนมาถึงใหม่ๆ เราไม่รู้จักใครที่นี่เลยนอกจากเพื่อนคนจีนสามคนนี้ โรงเรียนก็ยังไม่เปิด ก็ได้เค้าเนี่ยแหละค่ะคอยดูแล เชื่อรึเปล่าคะว่าเค้าทำอาหารให้เราทานทั้งเที่ยงและเย็นเลยนะ ประมาณว่าเที่ยงก็นัดเราไปหาที่โรงเรียนเค้าแล้วทำข้าวกล่องมาเผื่อเรา ตอนเย็นก็พาไปบ้านเค้าทำกับข้าวให้กิน น่ารักมากๆ เพราะโรงอาหารของโรงเรียนมันปิดไงคะ เค้าก็คิดว่าเราคงยังไม่รู้ว่าจะไปหากินที่ไหน เราถึงได้ประทับใจกับน้ำใจของเค้ามากๆ เพราะทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแต่ดูแลกันขนาดนี้ มันแสดงถึงความมีน้ำใจต่อคนอื่นมากมายจริงๆ เลยค่ะ

นี่แหละค่ะ ทำให้เราค่อนข้างเชื่อเรื่องของบุญกรรมมากๆ แต่ก่อนเราอาจจะยังไม่เห็นผลเรื่องนี้ชัดเจน เพราะตอนอยู่เมืองไทยมันไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องการความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าเท่าไหร่ แต่พอเราได้มาเรียนที่นี่ เราได้เจอเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ทำให้เราคิดว่าเราเชื่อเรื่องผลกรรม หรือการกระทำของเรามากๆ เลยค่ะ ตอนเด็กๆ เราจะถูกปลูกฝังในเรื่องบุญกรรมมาตั้งแต่เด็กๆ คุณย่าก็สอนให้ไหว้พระสวดมนต์ก่อนนอนทุกวัน และสอนให้รู้จักทำบุญ เพื่อนๆ คงจะเคยได้ิยินคำพูดที่ประมาณว่าคนดีพระคุ้มครองใช่มั๊ยคะ เราคงจะไม่ได้สัมผัสและได้รับรู้ความรู้สึกมากขนาดนี้ถ้าเราไม่ได้มาเผชิญชีวิตโดยลำพังแบบนี้ เวลาที่เราเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลือ ผลบุญจะช่วยให้เราได้เจอคนดีๆ มาช่วยเหลือเราค่ะ เพราะงั้นเพื่อนๆ อย่าลืมทำความดีกันนะคะ ไม่ต้องทำเพื่อหวังผลอะไรหรอกค่ะ อย่างน้อยเราได้ความสุขใจตอนทำมันก็คุ้มแล้วล่ะ

นอกเรื่องไปซะงั้น.. เอาล่ะ สรุปว่าเรารอดตายมาได้เพราะเพื่อนคนจีนที่แสนน่ารักของเรา แล้วหลังจากที่เราได้บ้าน เพื่อนคนจีนเค้าก็มาช่วยขนของย้ายจากหอพักที่แสนหนาวเหน็บมาอยู่บ้านที่แสนน่าอยู่ของเรา ถือว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ตอนหลังเราก็ซื้อจักรยานมือสองมาคันนึง ไว้ขี่ไปเรียน ช่วยร่นเวลาไปได้เยอะเลย เพราะถ้าเดินก็ใช้เวลาซัก 10-15 นาทีน่ะค่ะ เวลาร้อนๆ แล้วมันเหนื่อยเหมือนกันนะ แดดก็เปรี้ยงเชียว แถมเวลาตื่นสายต้องรีบไปเรียนเนี่ย จักรยานช่วยได้เยอะเลยล่ะ



มาเรื่องเรียนดีกว่า เราเปิดเทอมหลังจากมาถึงประมาณวีคนึงค่ะ ถือว่าเลือกเวลาได้กำลังดีเพราะเราก็จัดการเรื่องอื่นๆ ในชีวิตได้ค่อนข้างเข้าที่เข้าทางแล้ว พอเริ่มเรียนเลยไม่ต้องมากังวลเรื่องอื่นๆ เท่าไหร่ class ของเรามีอยู่ประมาณสี่สิบกว่าคนนะคะถ้าจำไม่ผิด ส่วนใหญ่เป็นฝรั่งทั้งนั้น มีเอเชียอยู่ราวๆ เจ็ดแปดคน คนไทยเนี่ย มีเราคนเดียวค่ะ เราชอบนะ เพราะเราตั้งใจจะมาเรียนและอยากไ้ด้ภาษาจริงๆ เพราะงั้นสาเหตุนึงที่เราเลือกที่นี่เพราะเราเห็นว่าคนไทยไม่ค่อยมี เลยได้ใช้ภาษาสุดๆ ไปเลย ตอนแรกเราก็กังวลนะคะว่าจะเรียนรู้เรื่องรึเปล่า ภาษาดีแค่ไหนยังไม่รู้เลย มันไม่มั่นใจน่ะค่ะ แต่พอได้เรียนแล้วถึงรู้สึกว่า อืม..ก็เรียนรู้เรื่องนี่นา ไม่ต้องอัดเทปไรก็ฟังได้เรียนเข้าใจนะ มันไม่ได้ยากหรือเลวร้ายอย่างที่เคยกังวล สิ่งที่สำคัญในการเรียนคือการเตรียมตัวมาเรียนที่ดีค่ะ เราจะต้องอ่านสิ่งที่จะเรียนล่วงหน้าก่อนเสมอ เพราะเราจะได้รู้เนื้อหาคร่าวๆ ว่าจะเรียนอะไร ได้รู้จักศัพท์ต่างๆ เวลาฟังจะได้ฟังรู้เรื่องและเข้าใจ และโชคดีที่อาจารย์ที่สอนสองวิชาแรกพูดภาษาอังกฤษได้ชัดเจนดีมากๆ แถมวิชานึงเป็นบัญชีด้วย อันนี้เรามีพื้นฐานอยู่แล้วเลยสบายหน่อย

เพื่อนๆ ที่นี่ก็น่ารักดีค่ะ อืม...หนุ่มๆ ในคลาสหล่อๆ กันหลายคนด้วยล่ะ เห็นแล้วสบายตาสบายใจ แถมคลาสเรามีผู้หญิงไม่ค่อยเยอะด้วย แต่ยังดีที่เราได้มีเพื่อนสนิทเป็นสาวไต้หวันกับจีนค่ะโดยปกติเด็กเอเชียก็จะจับกลุ่มกันเอง เหมือนกับที่เด็กฝรั่งก็มักจะจับกลุ่มกันเองเหมือนกัน การเรียนก็ค่อนข้างต้องพึ่งตัวเองนะคะ แล้วเหมือนเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะต้องเตรียมตัวให้ดีก่อนมาเรียนทุกครั้ง ต้องรับผิดชอบงานต่างๆ ให้ดี หลังจากที่เราห่างหายกับการเรียนมานาน ต้องมาเรียนอีกครั้งเลยต้องเปลี่ยนแปลงชีวิตค่อนข้างมาก การเรียนที่นี่ก็หนักเหมือนกัน..จริงๆ ก็หนักเลยล่ะ เพราะเป็นการเรียนแค่สิบเดือนจบ รวมทั้งเราเป็นคนที่เรียนก็คือเรียน เราค่อนข้างให้ความสำคัญกับการเรียนค่อนข้างมาก เพราะงั้นเลยจะเรียนหนักมากๆ เวลานอนเนี่ยตีสองเป็นเรื่องปกติ ใครที่ถามเราว่ามาเรียนอย่างงี้คิดถึงบ้านรึเปล่า เหงามั๊ย คำตอบของเราช่วงนั้นคือ "ไม่" เลยล่ะค่ะ เพราะมันไม่มีเวลามาคิดเลยน่ะ แค่เรียนก็เหนื่อยจะแย่แล้วจริงๆ ก่อนมาเคยคิดอยากจะทำงานพิเศษช่วยประหยัดเงินให้พ่อ แต่พอมาเรียนแบบนี้ ทำให้เราเลือกที่จะเรียนให้ดีไปเลยดีกว่า เรื่องงานไว้ทำตอนเรียนจบ ซึ่งเราก็รู้สึกเราตัดสินใจไม่ผิดเลยล่ะ

การเรียนที่นี่สอนให้เรารู้จักช่วยตัวเองในทุกๆ เรื่อง ในคลาสก็ทำให้เราได้เรียนรู้การเรียนอีกรูปแบบนึงที่แตกต่างจากในเมืองไทย รวมทั้งสอนให้เราหัดที่จะเรียนอย่างเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่การท่องจำอย่างเดียวเหมือนสมัยก่อน เราได้เรียนกับอาจารย์หลายๆ คนที่เราประทับใจวิธีการสอนที่ทำให้เราเห็นภาพและเข้าใจที่มาของโมเดลหรือสูตรต่างๆ โดยที่ทำให้เราจำและนำสูตรเหล่านั้นไปใช้ได้ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่สักแต่ท่องเหมือนแต่ก่อน ที่สำคัญเรารู้สึกว่าคนไทยไม่ได้เก่งน้อยไปกว่าเด็กฝรั่งเลยนะ แทบจะต้องบอกว่าเด็กจากเอเชียเกรตจะดีกว่าเด็กฝรั่งโดยส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ มันทำให้เรามีความเชื่อมั่นและไม่กลัวกับการเรียนที่นี่เหมือนกับตอนก่อนมา



ชีวิตการเรียนของเราช่วงนั้น กว่าจะผ่านไปได้แต่ละเทอมมันช่างเหนื่อยมากมาย ตอนเรียนได้แต่บอกตัวเองว่าพอกันทีกับการเรียน ไม่เอาอีกแล้ว เพราะมันเหนื่อยจริงๆ นะ บางเทอมเรียนหนักมาก ต้องตื่นไปเรียนให้ทันตอนเจ็ดโมงเช้า แต่ได้นอนตอนตีสองตีสาม วันๆ ได้นอนแค่สี่ชั่วโมง เสาร์-อาทิตย์ก็มักต้องนัดทำเคส ทำรีพอร์ท ไม่ค่อยได้มีเวลาว่างๆ หรอก ถ้ามีเวลาก็คือต้องทำกับข้าวเตรียมเอาไว้สำหรับวันอื่นๆ ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน ต้องดูแลชีวิตตัวเองทุกอย่าง กับข้าวเนี่ยก็เพิ่งรู้ว่าทำเป็นตอนมาอยู่ที่นี่แหละ จริงๆ ต้องบอกว่า "ต้องทำให้เป็น" ต่างหากล่ะ จะให้ฝากท้องกับโรงอาหารทุกวันคงแย่แน่ๆ เพราะมันไม่ค่อยมีอะไรให้เลือกเลยนอกจากอาหารฝรั่งเลื่ยนๆ และแพง สมัยมาใหม่ๆ จะกดน้ำจากตู้หยอดเหรียญกิน $1 ยังแอบเสียดายเลย เพราะมานั่งคิดเป็นเงินไทยว่าน้ำทำไมขวดตั้ง 40 บาท แพงจัง หลังๆ อยู่ไปเริ่มชินกับราคาของที่นี่ก็ทำใจซื้อของได้มากขึ้น

พูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ในฐานะที่เรียนบัญชีมา อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ ทำบัญชีรับจ่ายก็ดีนะคะ เพราะจะช่วยเราคุมการใช้เงินได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ โดยเฉพาะช่วยให้เราจัดการกับเงินในธนาคารได้อย่างเหมาะสม เพราะถ้าเราเขียนเช็คจ่ายเงินไป หรือกดเงินจาก ATM หรือใช้เดบิตการ์ดซื้อของ แล้วไม่มีเงินในบัญชี เราจะโดนค่าธรรมเนียมราวๆ $30 ต่อ 1 transaction เพราะงั้นเราต้องคอยจัดการเงินให้ดี และเช็คยอดเงินก่อนจ่ายอะไรออกไป เราเคยลืมค่ะ จ่ายเงินค่าเทอมโดยที่ลืมโอนเงินจาก saving ไป checking โดนเลยค่ะ ต้องอาศัยไปคุยกับเจ้าหน้าที่ทั้งของทางมหาลัยและของธนาคารอธิบายให้เค้าเข้าใจว่าเราลืมจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจ..บลา บลา บลา เค้าถึงยกเลิกค่าธรรมเนียมให้ หรือแค่การกด ATM ต่างธนาคาร ก็จะโดนค่าธรรมเนียมทั้งจากแบงค์ของเรา และแบงค์ที่เราไปกดสองต่อเลยนะคะ ถ้าจำไม่ผิดจะ $2 หรือไงเนี่ยอ่ะค่ะ เคยโง่กดไปทีนึง $20 โดนชาร์จไป $3 รึไงเนี่ย เซ็งมากๆ ถ้าจำเป็นก็กดเยอะๆ ไปเลยค่ะถึงจะคุ้ม 555 เพราะงั้นเวลาจะเดินทางไปต่างรัฐแนะนำให้เตรียมเงินสดไว้ให้ดีนะคะ เพราะบางทีแบงค์ที่เราใช้อาจจะเป็น local bank ที่จะมีสาขาแค่บางรัฐเท่านั้น ต้องเตรียมตัวให้ดีค่ะ

ปกติเวลาไปซื้อของกินของใช้ เราก็จะไปซื้อที่ Walmart ที่เป็นซูเปอร์ขายพวกของกินของใช้ทั่วไปในบ้าน ราคาไม่แพง ด้วยความที่ไม่มีรถ ก็ต้องคอยอาศัยใบบุญของเพื่อนที่รู้จักขอเกาะไปกะเค้าด้วย ซื้อทีก็ต้องตุนกันเลยล่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะได้ไปอีกทีเมื่อไหร่ รันทดเหมือนกันช่วงนั้น แต่เราไม่ค่อยคิดมากไง ตอนนั้นแค่ให้มีกินรอดตายไปเรียนพอแระ การมาเรียนที่นี่เลยสอนให้เรารู้จักการวางแผนกับชีวิตในทุกๆ ด้าน ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องส่วนตัว ต้องรับผิดชอบทุกอย่างเอง มันไม่ง่ายเลยนะ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถเราหรอกค่ะ แล้วเราจะรู้สึกโตขึ้นจริงๆ นะ รวมทั้งเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นด้วย

ขอพักไว้ก่อนนะคะ แล้วจะมาเล่าเรื่องราวของเราให้ฟังต่อตอนหน้าค่ะ คราวนี้ใครอยากรู้ว่าชีวิตนักเรียนที่นี่เป็นไงกันบ้าง ก็จะขอเล่าตามที่เราได้รู้มาแล้วกันนะคะ




Create Date : 30 เมษายน 2550
Last Update : 1 พฤษภาคม 2550 23:04:01 น. 20 comments
Counter : 584 Pageviews.

 
ตบมือให้เลยฝนที่สู้ตายมาเมืองนอกตัวคนเดียว เราเหรอลงเครื่องบินปุ๊ปก็มีคนมารับเข้าบ้านเรียบร้อย ปีแรกไม่ต้องหาบ้านเองแชร์กับเพื่อนที่รู้จักกันตั้งแต่ม.ปลาย สบายสุดๆ ไปเลย

เรื่องบุญกรรมนี่เราก็เชื่อเหมือนกันนะ ประมาณว่าเราอยู่ที่นี่สบายเพราะมีคนช่วยตลอดเหมือนกัน

แต่เรื่องที่เลี่ยงไม่ได้คงเป็นเรื่องทำกับข้าวแหละ เรามาถึงแรกๆ อยากกินไก่ย่าง ม่ายรู้อบยังไง Smoke Detector ก็ดัง ตกใจแทบแย่ ผัดผักก็เค็มปี๋กินไม่ได้ หุงข้าวสุกได้นี่แทบจะจุดพลุฉลองเลย

มาเขียนต่อไวๆ นะจ๊ะ


โดย: Crotte วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:13:34:46 น.  

 
แวะมาอ่านชีวิตนักเรียนนอกคับ


โดย: frank3119 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:14:38:01 น.  

 
นั่งทำงานงก ๆ อยู่จ้ะ เซ็ตคอมพิวเตอร์ ลง driver scannder ที่บ.ที่พี่กะแฟน&เพื่อนแฟน ลงหุ้นกันที่ลำปางจ้ะ

มะได้เที่ยวเล้ยยยยย

เลยนั่งเล่นเน็ตได้ แง่ม

จะมาบอกอีกทีว่า ฝนเขียนดีมากเลย งี้ไปแต่งหนังสือ คนไกลบ้าน อะไรเทือกนี้ได้เลยน๊ะ

ป.ล. เข้าเมืองเมื่อไหร่ จะไปซื้ บบw กลิ่น plumeria


โดย: พี่นู๊ท ยังอยู่ ลำปาง (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:14:42:56 น.  

 
มีประโยชน์มากๆๆ ค่ะ

วางแผนอยากไปเรียนเมืองนอกเหมือนกัน .. อ่านแบบ ได้อะไรหลายๆอย่างเลย

ขอบคุณมากๆๆน่ะค่ะ ดีใจจังที่ได้มาเจอบล๊อคนี้


โดย: fonejank วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:15:38:54 น.  

 
เก็บfile ไว้ต่างหากน๊า นังนู๋ฝน เผื่อออกฉบับรวมเล่ม

เขียนดีมั่กๆ ทำให้นึกถึงช่วงเวลาทั้งสุขและทุกข์ในอดีตเลยจ๊ะ
อ่านหนุกมั่กๆ เด๋วไปหา code มาฝากน๊า จาได้อ่านได้ง่ายๆหน่อย


โดย: ป้ากิโล (Geerorogunso ) วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:21:46:43 น.  

 
นู๋เตย -- อิจฉาตะเองจังเลยอ่ะ มีเพื่อนคอยดูแล เรานะสุดจะสู้ชีวิตเลยอ่ะ แต่ก็ดีนะ สอนไรเราได้เยอะเลยล่ะ อ่านเรื่องทำกับข้าวตัวเองแล้วแอบขำอ่ะ ที่ว่าหุงข้าวสุกได้ขนาดต้องจุดพลุฉลองเลยเหรอ ของเราโชคดีที่บ้านเช่ามีหม้อหุงข้าวให้ แล้วเราจำได้ว่าเวลาหุงต้องใส่น้ำประมาณข้อแรกของนิ้วชี้อ่ะ มันก็โอเคเลยล่ะ ไม่ก็ดูตรงขีดข้างๆ หม้อง่ายสุดๆ ตอนนี้คงสบายแล้วล่ะมั้งนู๋เตย คงทำอาหารเชี่ยวไปแล้วใช่ม้า..

คุณ frank3119 -- ขอบคุณที่แวะมานะคะ อย่าลืมมาติดตามต่อน้า

พี่นู๊ทททททท -- ยังมะกลับมาอีกเหรอค้า.. นึกว่าไปเที่ยวซะอีกที่แท้ไปทำงานนี่เอง ดีจังค่ะเปิดบริษัทของตัวเอง อีกหน่อยคงเป็นเถ้าแก่เนี้ยะ..อิอิ ขอบคุณที่ชมนะคะพี่ แต่ฝนว่ามันยังออกแนวด้นสดเลยอาจขาดๆ เกินๆ ไปบ้าง ที่สำคัญไม่มีพื้นฐานการเขียนเท่าไหร่ มีไรแนะนำบอกได้นะคะ.. ว่าแต่ไงพี่นุทจะไปซื้อกลิ่นนั้นซะล่ะ การ์ดีเนียดีกว่าน้า..น้องมะลิก็ได้ แต่ไงลองไปดมกลิ่นก่อนดีกว่าค่ะ อ้อ..จะมีขายป่าวไม่รู้อ่ะจิพี่นุท เพราะขนาดในร้านที่ฝนไปดูยังมีอยู่จึ๋งนึงเองอ่ะค่ะพี่ ราวกับกำลังจะเคลียร์สต๊อกให้หมดเลยอ่ะค่ะ

คุณ fonejank -- ขอบคุณที่แวะเข้ามาเหมือนกันนะคะ อ่านแล้วได้กำลังใจจะเขียนต่อมากๆ เลย ขอบคุณค่ะ

ป้ากิโล -- ขอบคุณมากๆ เลยค้าบ ป้ากิโลช่วยแนะนำเรื่องแต่งบล็อคให้อ่านง่ายด้วยนะค้า.. หรือควรเปลี่ยนพื้นหลังไปเลยดีคะเนี่ย เดี๋ยวรอป้ากิโลแนะนำดีก่า ขอบคุณคำแนะนำให้เก็บไฟล์ไว้นะคะ ไม่ได้คิดว่าจะมีคนอยากเอาไปพิมพ์หรอกค่ะ กลัวว่าบล็อคจะหายแบบคราวก่อนมากกว่าค่ะ แล้วจะไม่มีปัญญามาเขียนใหม่อีกอ่ะค่ะ...แฮะๆ ยังหยองๆ กะตอนนั้นไม่หายเลยนะเนี่ย


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:22:30:05 น.  

 
มะกี้เมนท์ไปยาวโคต แต่เสือกหายไปแว้วว

ขี้เกียจเขียนแล้วอ่ะ

ไว้มาใหม่จ้า


โดย: Noot still on the way @ Lampang (ปุ๊กกี้&คิตตี้ ) วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:23:03:53 น.  

 
ฮือๆๆๆ... พี่นู๊ดดดด ขออำภัย ต้องเป็นเพราะฝนกำลังปรับแต่งบล็อคใหม่อยู่แน่ๆ เลยอ่ะค่า ขอโต๊ดดดดด เลยอดอ่านาเม้นท์พี่นุทเลยอ่ะ

กำลังกลับมากทม.แล้วเหรอค้า ทำงานเสร็จแล้วเหรอค้า..เดินทางปลอดภัยเน้อ...


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:23:13:24 น.  

 
ยังทำกับข้าวได้ห่วยเหมือนเดิมจ๊ะ แต่รู้ว่าร้านอร่อยอยู่ตรงไหนมากกว่าเดิม อย่างวันนี้ ได้กินแกงเผ็ดเป็ดย่างด้วย อร่อยล้ำมากเลย

จริงๆ ก็ดูไม่น่าจะทำยากเท่าไหน แต่เราขี้เกียจเตรียมของน่ะ ซื้อเอาง่ายกว่า พุงเล็กๆ อย่างเรากินได้หลายมื้อด้วย


โดย: Crotte วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:38:56 น.  

 
ถ้าเราอยู่เมืองใหญ่ๆ อย่างเตยนะ เราก็คงจะซื้อกินบ้างแหละ แต่นี่เมืองเราไปกินข้างนอกทีก็แพงน่ะ ร้านอาหารไทยก็ไม่ได้เยอะ ตอนเราไปเมืองเตยนะ ปรีเปรมมากๆ กับการกินอาหารไทย อร่อยและไม่แพงด้วยอ่ะ อิจฉามากๆ เนี่ยนะเวลาอยากกินพวกก๋วยเตี๋ยวน้ำตก เย็นตาโฟ ก็ต้องพึ่งกินมาม่ารสนั้นประทังอยากไปอ่ะ เศร้าป่ะ เพราะมันไม่มีขาย...งุงิ


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:30:08 น.  

 
คุณฝนสู้ๆ โอ๋ว่าพอเรามานึกก็คงภูมิใจแน่ๆ ว่า เอ๊ย เราทำได้นี่หว่า เราทำได้ เราทำได้ด้วยตัวของเราเอง เก่งจริงๆ นะตัวแค่เนี๊ยะ

เรื่องบุญกรรมโอ๋ก็เชื่อค่ะ มีโอกาสก็ไปทำบุญกันเน้อ

เข้าใจเรื่องกลับมาบ้านแล้วไม่อยากกลับไปด้วย มันยากเน้อเวลาเราต้องจากกันกะคนที่เรารัก เฮ้อ


โดย: ชฎาแหลม วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:00:44 น.  

 
ใช่ค่ะคุณโอ๋ พอเราผ่านเรื่องเรียนมาได้ เราก็ภูมิใจนะคะว่าเราก็เอาตัวรอดได้นะ พ่อฝนแต่ก่อนจะเป็นห่วงฝนมากเลยค่ะ แต่พอผ่านตรงนี้มาได้ตอนนี้เค้าเลิกห่วงไปแล้วค่ะ ประมาณว่าไม่อยากให้กลับด้วยซ้ำไปซะงั้น

ตอนกลับมาที่เมกาครั้งล่าสุดร้องไห้เยอะสุดเลยค่ะ เหมือนยิ่งเราจากไปนานมันยิ่งคิดถึงกันมังคะ อีกอย่างตอนนี้ภาระเรื่องเรียนหมดไปแล้ว เลยว่างมากขึ้น ก็เลยคิดมากขึ้นน่ะค่ะ


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:13:11:08 น.  

 
แปะไว้ก่อนน๊าพี่ฝน วันนี้ง่วงมากๆเลยค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาอ่านอีกทีนะคะ...ขอโทษจริงๆคับ!


โดย: JieChan วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:20:26 น.  

 
ได้เลยจ้าน้องกี้ ตามสบายเลยจ้า ยังไงก็เปิดทิ้งไว้ให้อ่านตลอดเวลาอยู่แร้นนนน ฝันดีจ้า...


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:25:36 น.  

 
ตกลงเล่าย้อนหลังเหรอจ๊ะ อ่านจากตอนก่อน เข้าใจผิดคิดว่าเพิ่งมาใหม่ๆ แสดงว่าตอนนี้แกร่งแล้วใช่มั๊ยเอ่ย

อ้าว เด็กบัญชีเหมือนกันเลย ถ้ารั้วจามจุรีก็ที่เดียวกันนะจ๊ะ แต่ไม่บอกรุ่นนะ ไม่ยากเผยความแก่ ฮิๆๆๆ

รายละเอียดเพียบเลย ใครมาใหม่ๆควรมาอ่านบลอคนี้นะ จะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ถ้าใครมาถามเรา เราลืมหมดแล้ว สิบกว่าปีช่างผ่านไปไวเหลือเกิน

มาใหม่ๆก็ไปอยู่New Yorkเลยเหรอเนี่ย (เห็นจากNY craiglist)ดีนะ สมัยนี้มีเทคโนโลยี่ทันสมัย ช่วยเราได้เยอะ สมัยเรานี่ จำได้ ยังต้องเขียนจดหมายติดแสตมป์ส่งไปที่บ้านอยู่เลย เชยม๊ะ ไม่มีหรอก อินเตอร์เนทน่ะ อีเมล์ยังเป็นระบบหน้าขาวดำระบบDOSอยู่เลยจ้า โมเดมความเร็วสูงสุด28.8 คิดดูละกัน ว่าโลกมันหมุนไปไวแค่ไหน

อ้ะ เดี๋ยววันหลังมาอ่านต่อ


โดย: kanu_memphis วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:4:09:54 น.  

 
คุณ kanu_memphis คะ ใช่ค่ะฝนเล่าย้อนหลังเมื่อตอนมาเรียนใหม่ๆ ค่ะ ตอนนี้กลับรู้สึกแกร่งน้อยลงซะงั้น สงสัยเริ่มสบายมากขึ้น ฝนไม่ได้อยู่ NYC หรอกค่ะ พอดีใช้ลิงค์นั้นเพราะมันมาเป็นของ NYC ขี้เกียจแก้น่ะค่ะ พูดถึงสมัยก่อนมาเรียนดูลำบากจริงๆ นะคะ ฝนยังจำสมัยพ่อฝนไปดูงานที่อังกฤษยังต้องเขียนจดหมายส่งหากัน แต่ก็ได้อารมณ์ประมาณรอจดหมายพ่อกลับมา พอได้รับทีก็ดีใจกันใหญ่เลย ก็เป็นความสุขอีกแบบดีค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะรุ่นพี่..อิอิ


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 2 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:18:29 น.  

 
เขียนได้น่าอ่านมากๆคะ..น่าจะลงเป็นตอนๆในกระทู้ให้เพื่อนได้อ่านบ้างนะคะ ใช้ภาษาได้น่ารักมากๆคะ ยิ่งตอนที่เล่าว่า หนุ่มๆฝรั่งเทคแคร์ ยิ่งน่ารัก มีเรื่องมาเล่าเมื่อไหร่ บอกด้วยนะคะ จะตามมาอ่านคะ..


โดย: ป้าดร้า IP: 58.181.177.77 วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:55:59 น.  

 
ขอบคุณมากๆ เลยค่ะป้าดร้าสำหรับกำลังใจ ไม่กล้าเอาลงให้เพื่อนๆ อ่านอ่ะค่ะ เพราะไม่ได้เกี่ยวกะความงามเอาซะเลย 555 ดีใจนะคะที่ป้าดร้ามาตามอ่านด้วย เริ่มคึกจะเขียนต่อแระ ไว้ไงจะรีบเขียนต่อค่ะ วันนี้ไปนอนก่อนน้า บะบายค่า ^^


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 13 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:44:45 น.  

 
ทำเวบได้สวยมาก


โดย: Roidao IP: 124.120.4.115 วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:7:54:58 น.  

 
คุณ Roidao ขอบคุณมากค่า วันหลังแวะมาอีกนะคะ


โดย: แมวจอมกวน วันที่: 15 สิงหาคม 2550 เวลา:21:57:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แมวจอมกวน
Location :
กรุงเทพฯ United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ก็แค่อดีตคนไกลบ้านคนนึง ที่เริ่มจากหลวมตัวมาเรียนที่อเมริกา ผ่านเรื่องราวต่างๆ มากมายในชีวิต ได้รับประสบการณ์และแง่คิดมากมายจากดินแดนแห่งนี้ ตอนนี้หาทางกลับบ้านเจอแล้วค่า.. ได้กลับมาเริ่มต้นชีวิต (อีกครั้ง) ที่เมืองไทยซะที ที่มาของชื่อก็เพราะว่าเป็นคนที่รักแมว จึงเป็นที่มาของชื่อ "แมวจอมกวน" ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ


Link Blog ล่าสุด

คนโสดและไม่โสดหงายมือขวามาดูเดี๋ยวนี้ (เส้นสมรส ฟันธง!!!!)
มาทำความเข้าใจระบบเศรษฐกิจจากควายกันดูมั๊ยคะ ^^
คนค้นคน: มิสป่าตอง... หญิงที่ผูกติดกับภาพในอดีต
Cherubin Chocolate Cafe ร้านเค้กสำหรับคนรักช็อกโกแลต (และน้องหมี)
สำหรับแฟนบาร์บี้.. ชวนมาสะสมแสตมป์ไทยชุดบาร์บี้กันค่ะ
ตามรอยห้องก้นครัวไปชิม King Kong Buffet ซอยหลังสวนค่ะ
Lenka สาวสวยเสียงน่ารัก..เพลงยิ่งน่ารักน่าฟัง
หน้าร้อนแบบนี้.. มาสครับผิวกันดีกว่าค่ะ: รีวิวสครับที่กำลังปลื้ม
แอบงอน Coffee Bean เลยได้มาลอง Sugaroma ร้านเค้กน่ารักและน่ากินค่ะ
มาทำความเข้าใจกับวิกฤติการณ์แฮมเบอร์เกอร์กันง่ายๆ ด้วยภาพกันค่ะ
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 4)
Review น้ำหอมในกรุ (ภาค 3)
Ho Kitchen กับอาหารเย็นมื้อใหญ่
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 5 Luzern & ไปลุยหิมะบนยอดเขาTitlis
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 4 Lausanne, Vevey, and Montreux
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 3 Berne & Mont Blanc
บิบิมบับ ข้าวยำเกาหลี เมนูที่ทำเองได้ไม่ยากเลยค่ะ
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 2 Zurich & Geneva
สวิสเซอร์แลนด์ ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นการเดินทางและการเตรียมตัว
ผลจากโปรโมชั่นของ drugstore ทำให้ได้ไรมามั่ง มาเปิดถุงพร้อมรีวิวกันเลยค่ะ
รีวิว Bath & Body Works กลิ่นใหม่ต้อนรับสปริงค่ะ
If we hold on together >> Piano by คุณ tutu_pianist เพลงพิเศษสำหรับพี่หญิง ตัวเล็กอ้วนค่า
รีวิวผ้าเช็ดเครื่องสำอาง Pond's Cleansing Towelettes
Joanna Wang >> An Asian Version of Norah Jones
แม่ครัวสมัครเล่นกะเค้ก Tres Leches --> เค้กสามนม
รีวิว Skinceuticals C+ E Ferulic & Gamma Hydroxy & Kanebo กระปุกแดง
บล็อคสีชมพูกะเทศกาลดอกเชอรี่บาน Cherry Blossom @ DC
Review ครีมหอมๆ กลิ่นใหม่ๆ จาก Victoria's Secret และ Bath and Body Works ค่ะ
เปิดตัว MMU ตัวที่สามกับ Lumiere
เปิดตัว MMU ตัวที่สองกับน้องเหมียว Meow Cosmetics ค่ะ
รีวิว Everyday Minerals

เปิดตัว Mineral makeup ชิ้นแรกของเรา กับ Everyday Minerals ค่ะ
ประสบการณ์กรีดสิวที่คลินิคหมอเสริม-เพ็ญจันทร์

Magic Liquid Powder & Magic Illuminating Potion by Prescriptives
Aspirin Mask ของดีราคาถูกที่น่าลอง

บลัชลุงชู P Amber 87 VS elf Sun Kissed ความเหมือนที่แตกต่าง
Review Eyeshadow ของ Nars ค่ะ

รีวิวสีบลัช NARS ตามสัญญาค่ะ


   
11 March 2008
Friends' blogs
[Add แมวจอมกวน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.