บรรยากาศร้าน
ก่อนอื่นขอเริ่มที่บรรยากาศก่อนนะครับ ใครที่ชื่นชอบของตกแต่งบ้านแนววินเทจคงจะถูกใจกับบรรยากาศของที่นี่ได้ไม่ยาก เพราะของตกแต่งแต่ละอย่างนั้นเริ่มต้นมาจากการเป็นของที่เจ้าของร้านชื่นชอบของตกแต่งแนวนี้ จึงเริ่มสะสมมาเรื่อยๆ แม้ว่าแต่ละชิ้น แต่ละอย่างจะมีสไตล์ที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ ตู้ โซฟา ที่ดูย้อนยุค หรือจะเป็นเจ้าก๊อตซิลล่าตัวเบ่อเริ่มที่เหมือนยืนคอยต้อนรับแขกยังไงยังงั้น หรือจะเป็นเจ้า จาร์ จาร์ บิงคส์ ที่ยืนเป็นพนักงานต้อนรับอยู่ที่ชั้นลอย ซึ่งชั้นนี้จะเป็นชั้นที่แสดงของตกแต่งแนววินเทจทั้งหมด ซึ่งใครดูแล้วชอบก็ติดต่อขอซื้อที่เจ้าของร้านได้ด้วยนะครับ
พื้นที่ชั้นลอยเป็นที่แสดงเฟอร์นิเจอร์ ส่วนด้านล่างก็เป็นพื้นที่ของร้านอาหารที่มีมุมให้เลือกหลายโซน แต่ละที่ก็มีของตกแต่งย้อนยุคเก๋ไก๋ เท่ห์ไม่เบา อยู่เต็มร้านไปหมด แม้ว่าแต่ละชิ้นอาจจะดูแต่งต่าง แต่พอมาอยู่รวมกันก็เข้ากันอย่างลงตัวดีเหมือน ดูแล้วไม่ขัดเขินเลยครับ
อาหาร
ก่อนที่จะไปชิมอาหารขอเติมความสดชื่นด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจอย่าง Pink Lady (130 บาท) น้ำแอปเปิ้ล, เลมอน และขิง ปั่นแบบไม่ใส่นม ได้เครื่องดื่มสีชมพูที่รสชาติหอมหวาน ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดี
หรือจะเป็นเครื่องดื่มสีสันสดใสอย่าง Blue Sky Fizzy (95 บาท) เครื่องดื่มอิตาเลี่ยนโซดาสีฟ้าสดใสตามชื่อเมนูเลยจ้า เป็นเครื่องดื่มที่แค่เสิร์ฟก็ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาแล้วครับ
คอกาแฟก็มีกาแฟหอมๆ รสชาติกลมกล่อมเริ่มที่เมนูซิกเนเจอร์ซึ่งมีชื่อเดียวกับร้านนั่นก็คือ 1OAK (90 บาท)กาแฟเย็นที่รสชาติเข้มกำลังดี เติมความหวานมันด้วยนม ดื่มแล้วชื่นใจครับ
หรือจะเป็นกาแฟร้อนอย่าง Latte (80 บาท) ที่มาพร้อมกับลวดลายหัวใจ ที่ส่งกลิ่นหอมชวนดื่มสุดๆ
สำหรับอาหารนั้นขอเริ่มต้นด้วยเมนูทานเล่นอย่าง Calamari (190 บาท) ปลาหมึกที่นำไปทอดทั้งตัว หั่นมาเป็นแว่นพอดีคำ เนื้อนุ่มหนึบเคี้ยวง่าย ไม่เหนียวหนืดเลยครับ รสชาติก็หอมหวานยิ่งจิ้มกับซอสวาซาบิมายองเนส ยิ่งเพิ่มความอร่อยได้ดีเชียวครับ
ต่อด้วยเมนูเบาๆ อย่าง Strawberry Lane (150 บาท) สลัดผักที่ผสมกับสาหร่ายวากาเมะ และเพิ่มสีสันด้วยสตรอเบอร์รี่สด ราดด้วยน้ำสลัดแบบญี่ปุ่น รสชาติอร่อยลงตัว
จากนั้นก็มาต่อด้วย Hot Pig (230 บาท) สปาเก็ตตี้พริกกระเทียมที่ผัดคลุกเคล้าเข้ากับแฮมและเบคอน รสชาติเผ็ดร้อน อร่อยจัดจ้านใครทานเผ็ดแนะนำเมนูนี้เลยครับ เส้นก็นุ่มผัดได้แห้งกำลังดี เมนูปลื้มมากครับ
เสิร์ฟกันต่อด้วยเมนู Pad Cha (230 บาท) เมนูสปาเก็ตตี้อีกรูปแบบที่ผัดมาเผ็ดร้อนแบบผัดฉ่า ที่มีทั้งพริกไทยเม็ด กระชาย และใบกะเพรา ดังนั้นจึงได้รสชาติจัดจ้านแบบไทยสุดๆ
ปิดท้ายด้วย Burger (300 บาท) เบอร์เกอร์หมูที่จัดเต็มด้วยไข่ดาวและเบคอน เสิร์ฟพร้อมมันฝั่งแผ่น รสชาติอร่อยไม่ต้องใส่ซอสเพิ่มเลย
สรุปคือชอบมาก
สำหรับที่นี่เพิ่งมีการปรับปรุงร้านใหม่ไม่นานทำให้คนที่เคยมาก่อนหน้านี้อาจจะแปลกตากันไปบ้างเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วที่นี่มีเสน่ห์ตั้งแต่การตกแต่งร้านที่รวมเอาของวินเทจมาไว้ด้วยกันอย่างไม่เคอะเขิน การบริการก็ประทับใจ และที่สำคัญรสชาติอาหารที่อร่อยลงตัวทุกเมนู เป็นอีกร้านที่ต้องขอแวะมาซ้ำอย่างแน่นอน เพราะชอบอาหารและบรรยากาศแนวนี้อยู่แล้ว สำหรับการเดินทางนั้นที่นี่เหมาะสำหรับคนที่มีรถส่วนตัวเพราะว่าร้านอยู่ในซอยพระรามเก้า 46 หรือจะเข้าจากซอยพระรามเก้า 48 ก็ได้ครับ ซึ่งสังเกตง่ายๆ ก็จะอยู่ตรงข้ามกับ เดอะไนน์ฯ พอดี สามารถขับเข้ามาจอดรถที่ในซอยได้เลยซึ่งเข้ามาหากเจอที่ว่างก็จอดได้เลยครับ เพราะว่าร้านอยู่ไม่ห่างจากปากซอยมากนัก ใครที่ชื่นชอบเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจ และชอบอาหารฟิวชั่นรสชาติจัดจ้านแบบไทยก็แวะมาได้ที่ 1 of A kind ดูนะครับแล้วจะติดใจเหมือนผม