เรื่องกิน เรื่องเที่ยว คือเรื่องเดียวกัน และเป็นเรื่องราวของเราสองคน :)

ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]




ปลาหมึกน้อย กับ นายโอเลี้ยง รายงานตัวครับ
เนื่องด้วยเราสองคนเป็นคนชอบเที่ยว ชอบกิน ดังนั้นก็เลยจัดการหาที่เก็บสถานที่หรือร้านอาหารที่เคยแวะเยี่ยมมาแล้ว

และเสมือนเป็น ไดอารี่ส่วนตัว ที่ทุกคนเข้าดูได้ อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้ที่ผ่านเข้ามาแล้วต้องการหาข้อมูลสำหรับสถานที่นั้นๆ

ขอให้สนุกกับ Blog นี้นะ

ตอนนี้ Eat and Travel Diary by ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง มี fan page เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อครับ ถ้าใคร "ถูกใจ" blog นี้ ฝากช่วยกด "Like" กันนะครับ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น ^_^

Click ข้างล่างได้เลยจ้า

click เพื่อเข้าสู่ facebook Eat and Travel Diary
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง's blog to your web]
Links
 

 
อิ่มอร่อยกับร้านอาหาร ALL DAY BISTRO BAR ได้ทั้งวันที่ CENTRAL FESTIVAL EASTVILLE

ชื่อร้าน : Central Festival EastVille
รายการอาหาร : อาหารนานาชาติ, อาหารไทย
เวลาเปิดบริการ : 8.00 - 22.00 น.
ที่ตั้งร้าน : Central Festival EastVille ถนนประดิษฐ์มนูธรรม วังทองหลาง, กรุงเทพมหานคร วังทองหลาง Thailand
พิกัด GPS : 13° 48' 9.49" N 100° 36' 54.59" E




อิ่มอร่อยกับร้านอาหาร ALL DAY BISTRO BAR ได้ทั้งวันที่ CENTRAL FESTIVAL EASTVILLE




เปิดตัวกันไปเรียบร้อยสำหรับศูนย์การค้าแห่งใหม่ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา กับ Central Festival EastVille







แต่สำหรับที่ Central Festival EastVille แตกต่างจากศูนย์การค้าในเมืองทั่วไป เพราะที่นี่มีคอนเซ็ปต์ที่เก๋ไก๋Bangkok Escape เหมาะสำหรับคนเมืองที่ต้องการหนีความวุ่นวาย ซึ่งที่นี่ผสมผสานระหว่างพื้นที่ indoor และ outdoor โดยเนรมิตให้เหมือนป่าในเมือง ดูร่มรื่น และแม้ว่าจะมีพื้นที่ outdoor อยู่มากกว่าศูนย์การค้าทั่วไป แต่ที่นี่ก็มีการออกแบบโครงสร้างตามทิศทางลมและแสง ทำให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และมีพัดลมขนาดใหญ่ช่วยระบายความร้อนได้ดี ทำให้ไม่มีความร้อนสะสมมากนัก แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กับคอนเซ็ปต์การออกแบบของที่นี่ก็หนีไม่พ้นเรื่องร้านอาหารที่มีให้เลือกหลากหลายแบบหลายสไตล์ นอกจากนี้ยังเปิดให้บริการตั้งแต่เช้ายันดึกด้วยนะครับ







ว่าแต่ที่นี่จะมีร้านอาหารไหนน่าสนใจบ้างจะขอพาไปรู้จักกันหน่อยนะครับ จะได้เลือกแวะไปทานได้ตรงตามใจ ขอเริ่มกันที่ร้าน White Shuffle ซึ่งบรรยากาศร้านขาว สะอาด โดยได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศย่านโซโหในนิวยอร์ค จึงทำให้ร้านออกแนวโมเดิร์น และด้วยเพดานที่สูง บวกกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ จึงทำให้รู้สึกอยากที่จะแวะเข้ามานั่งพักผ่อน จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารให้สบายใจ





ซึ่งอาหารที่นี่จะออกแนว Brunch café แต่ถือว่าเป็น All day brunch ที่สามารถเลือกอร่อยได้ทั้งวัน แต่ขอเติมความสดชื่นด้วย Strawberry Peach Thyme Iced Tea (120 บาท) ชาสตรอเบอร์รี่ ที่หอมกลิ่นชาผลไม้ แถมได้ความสดชื่นจากพีชและสตรอเบอร์รี่สด ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่คลายร้อนได้ดี





จากนั้นก็มาถึงเมนูเด่นของร้านนั่นก็คือ French Toast (250 บาท) ขนมปังนุ่มๆ ชุบไข่แล้วนำไปทอด เติมรสชาติเค็มนิดๆ ด้วยเบคอนชั้นดี ตัดกับความหวานของไซรัปและ Mixed Berries สดที่ด้วยเติมความสดชื่นให้กับเมนูนี้ได้ลงตัว





ส่วนของหวานก็มีให้เลือกหลากหลายและที่ถือว่าเป็นเมนูยอดฮิตก็จะเป็น Banana Tiramisu (190 บาท) เค้กทีรามิสึเนื้อนิ่ม ที่แบ่งเลเยอร์ด้วยกล้วยหอม และเติมความหวานด้วยคาราเมลน้ำตาลมะพร้าว ถือว่าเป็นเมนูที่แค่เห็นก็สดชื่น และเมื่อได้ทานก็ยิ่งชื่นใจครับ





นอกจากนี้ก็ยังมี Cream Brulee และ Coconut Panna ของหวานที่น่าทานไม่แพ้กันด้วยนะครับ









จากนั้นก็ขยับมาเล็กน้อยก็จะเจอกับร้าน Bottoms Up คงเคยคุ้นหูคุ้นตากันมาบ้างสำหรับ Bistro Bar ชื่อดังย่านทองหล่อ ที่มาเปิดสาขาสองที่นี่ โดยบรรยากาศร้านแตกต่างจากสาขาแรกเล็กน้อย เพราะที่นี่ออกแบบให้เป็นคาเฟ่ที่สามารถนั่งทานได้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ ซึ่งบรรยากาศด้านในก็เป็นแบบ Open Air แต่ก็ไม่ได้รู้สึกร้อนเท่าไร เพราะจะมีลมเย็นๆ พัดมาโดยตลอด



มาดูเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าครับ ซึ่งอาหารที่นี่เค้าเพิ่มเติมเมนูอาหารไทยเข้ามาจากเดิมที่มีเพียงแต่อาหารตะวันตก ซึ่งเมนูเด่นก็คือ ข้าวผัดปลาสลิดไข่เค็ม (220 บาท) ข้าวผัดถือว่าปรุงรสมาได้ดี และเติมความอร่อยด้วยปลาสลิดที่ทอดได้กรอบอร่อย และไข่เค็ม ถือว่าเป็นเมนูอาหารไทยที่รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน



นอกจากนี้ยังมี ข้าวคุกกะปิ หมูหวาน (220 บาท) ที่มีการเสิร์ฟในรูปแบบที่แปลกตาจากที่เคยเห็น



หรือจะเป็น American BBQ Pork Ribs (550 บาท) ซึ่งโครงหมูบาร์บีคิว ชิ้นโต ที่เนื้อนุ่ม ทานง่าย และซอสบาร์บีคิวก็รสชาติกลมกล่อมไม่เลี่ยนจนเกินไป



ส่วนของหวานก็จะมี Churros with Thai Pandan Custard (90 บาท) เมนูของหวานที่เหมาะสำหรับคนชอบความหวานของชูโรส และสังขยา



ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นกันแน่นอนว่าที่นี่ถือว่าเป็น Bistro Bar ดังนั้นจึงโดดเด่นที่เมนู Cocktail โดยเมนูซิกเนเจอร์ก็คือ Gintara (330 บาท) ที่นำเอาแตงโมจินตรา มาเติมด้วย Gin ใส่โรสแมรี่สด ซึ่งจะหอมกลิ่น elderflower และกุหลาบอ่อนๆ ด้วยนะครับ น่าจะถูกใจคอคอกเทลนะครับ ส่วนผมขอบายจ้า



ซึ่งผมขอเลือกเป็น Jumper (160 บาท) เครื่องดื่มปั่นที่มีส่วนผสมของ Ginger, ลิ้นจี่, Lemon, Elderflower syrup และโยเกิร์ต แต่งหน้าด้วยลิ้นจี่สด ถือว่าช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เชียวครับ









มาอิ่มอร่อยกันต่อเนื่องที่ร้าน Kloset Café คาเฟ่สุดเก๋ ที่สาวๆ น่าจะชอบ เพราะเป็นคาเฟ่สุดน่ารักที่คนรัก Kloset ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะอิ่ม อร่อยกับอาหารแล้วยังเพลิดเพลินกับสินค้าของ Kloset ที่วางเด่นอยู่ในร้านอีกด้วยนะครับ นอกจากนี้บรรยากาศร้านยังน่ารัก น่านั่ง ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ และผนังกระจกที่เป็นเหมือน Glasshouse ทำให้ร้านดูโล่ง โปร่ง น่านั่ง



ส่วนอาหารของที่นี่ก็เป็นแนวอาหารไทย และอาหารตะวันตก ขอเริ่มที่เครื่องดื่ม Strawberry Peach Soda (110 บาท) เครื่องดื่มโซดามะนาว ซึ่งจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสตรอเบอร์รี่และพีช ดื่มแล้วสดชื่นสุดๆ



ส่วนอีกแก้วก็คล้ายกันแต่เป็น Mango Tea Lemon Soda (110 บาท) แก้วนี้จะได้รสชาติหวานหอมๆ ของมะม่วง แต่ก็ยังคงมีรสเปลี้ยวซ่า สดชื่นไม่แพ้กันครับ



จากนั้นก็มาต่อที่ของคาวเป็นอาหารไทยที่หน้าตาอาจจะดูธรรมดา แต่ขอบอกว่ารสชาติไม่ธรรมดาเลยครับกับเมนูข้าวหน้าหมูสับปลาเค็ม ไข่ออนเซ็น (190 บาท) เมนูอาหารไทยที่ทานแล้วทำให้นึกย้อนไปถึงรสชาติที่คุณแม่เคยทำให้ทานเมื่อสมัยยังเด็ก ตัวหมูสับปลาเค็มทำให้ได้ ชิ้นใหญ่รสชาติเค็มหน่อยๆ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันอย่างลงตัว แถมยังเพิ่มรสชาติด้วยไข่ออนเซ็น ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูโปรดขึ้นมาเลยครับ



ส่วนอีกเมนูข้ามฝากมาที่ฝั่งตะวันตกบ้างกับเมนู สปาเก็ตตี้แซลมอนไข่กุ้ง (250 บาท) สปาเก็ตตี้ผัดมาแบบแห้ง คลุกเคล้าด้วยไข่กุ้งกรุบกรอบ แล้วแต่งหน้าด้วยแซลมอนรมควัน เป็นอีกเมนูที่น่าสนใจมากครับ



ส่วนของหวานก็น่าสนใจไม่น้อยเพราะเมนู Classic Creme Brulee French Toast (190 บาท) เฟร้นโทสต์อีกรูปแบบที่ด้านในนุ่มแบบ Creme Brulee เสิร์ฟพร้อมวิปครีมและราดด้วยซอสน้ำเชื่อมเมเปิ้ล



หรือจะเลือกเป็น Creme Brulee French Toast with Macadamia Sauce (240 บาท) ซึ่งจะเพิ่มซอสแมคคาเดเมียขึ้นมาดูน่าทานขึ้นเหมือนกันครับ หากอิ่มท้องแล้วก็สามารถเดินชมสินค้าน่ารักซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ Kloset ได้ตามใจชอบด้วยนะครับ









ขยับกันมาอีกนิดก็จะมาถึงร้าน The Raw Bar ร้านอาหารที่โดดเด่นเรื่อง Oyster, Lobster, Moules ซึ่งมีให้เลือกอร่อยหลากหลายแบบ วัตถุดิบทั้งหมดคุณภาพดี สดตรงจากทะเล นำเข้ามาจากหลายที่ และน่าทานทั้งนั้นเลยครับ บรรยากาศร้านด้านในตกแต่งแบบเรียบง่ายแต่ดูดี โดยจะเน้นที่เคาเตอร์บาร์ซึ่งจะโชว์ Oyster ตัวโตให้เลือกอร่อยได้ตามใจชอบ มีพื้นที่ให้เลือกทั้ง indoor และ outdoor





ส่วนเรื่องอาหารนั้นทางร้านขอนำเสนอ Spicy Roasted Garlic Mussels (420 บาท) หอยแมลงภู่อบซอสเนยกระเทียมและพริกแห้ง ตัวหอยนั้นแน่นอนว่าสด อร่อยรสชาติหอมหวาน ซึ่งตัวซอสก็เข้มข้น แถมยังมีกลิ่นกระเทียมและพริกแห้ง ที่ช่วยเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน ยิ่งทานตอนร้อนๆ รับรองอร่อยถูกใจสุดๆ



ส่วนเครื่องดื่มเอาใจคอที่ชอบ hangout กันหน่อยเพราะเป็นเมนู Homemade Limoncello (280 บาท) เครื่องดื่มที่ผสมแอลกอฮอล์ 40% เป็นเหล้าเลมอนที่ทางร้านหมักขึ้นมาเอง มีกลิ่นหอมๆ สดชื่น สำหรับ The Raw Bar น่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบมานั่ง Hangout สังสรรค์กับเพื่อนๆ หรือครอบครัว เพราะจะได้เพลิดเพลินทั้งอาหารคุณภาพดี และเครื่องดื่มที่ลื่นคอ รวมทั้งบรรยากาศชิลๆ สบายๆ ใครชอบแนวนี้ก็แวะมาลองได้ครับ











จากนั้นก็ปิดท้ายแบบจัดเต็มที่ร้านอาหารชื่อดังที่คุ้นหูคนไทยมานาน ที่สำคัญเป็นอีกหนึ่งร้านโปรดของครอบครัวด้วยครับ นั่นก็คือร้าน ไก่ทอง ซึ่งเปิดเป็นสาขาที่ 2 นอกจากที่เมืองทองธานี สำหรับที่สาขา Central Festival EastVille นั้นมีการตกแต่งหรูหรา ด้วยโต๊ะหิน และเก้าอี้โซฟาหนัง บรรยากาศด้านในดูสวย สะอาดตา และที่น่ารักสุดๆ ก็เห็นจะเป็นจดหมายจากแม่ถึงลูกค้า ที่ทางเจ้าของร้านนั้นต้องการที่ทักทาย แนะนำตัว และสร้างความเป็นกันเองให้กับลูกค้า



หากมาถึงเหนื่อยๆ ก็สามารถเติมความสดชื่นด้วย Iced Honey Lemon Tea (95 บาท) น้ำผึ้งป่าเดือนห้าผสมมะนาวเย็น ที่เพิ่มความสดชื่นด้วยเม็ดคอลลาเจนกลมที่กัดปุ๊บจะแตกตัวเป็นน้ำคอลลาเจนอยู่ด้านใน ช่วยเพิ่มความสดชื่น อร่อยเพลินแถมได้ประโยชน์อีกด้วยครับ



จากนั้นก็รองท้องด้วยเมนูออร์เดิร์ฟเด่นของร้านที่ต้องสั่งทุกครั้งเวลามาทานที่ร้านไก่ทองนั่นก็คือ  กระทงไก่ทอง (150 บาท) ขนมปังอบกรอบที่ทำเป็นรูปกระทง ด้านในเป็นสลัดไก่ และเพิ่มเติมด้วยเม็ดสาคูใสกรุบๆ อร่อยทุกครั้งที่ทาน



จากนั้นก็มาถึงเมนูโปรดของผม ตับหมูทอดกระเทียมพริกไทย (450 บาท) ตับหมูทอดชิ้นใหญ่นุ่มที่ทำมาจากสูตรฟัวกราส์ฝรั่งเศส ตัวตับชิ้นหนาแต่ด้านในนุ่มละมุน ทอดกระเทียมพริกไทยหอมๆ แค่กัดก็รู้สึกถึงความนุ่มลิ้น อร่อยฟินมากๆ ครับ



นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือ ราดหน้าฮ่องกงรวมมิตร (จานใหญ่ 650 บาท) ราดหน้าสูตรฮ่องกงเมนูเด่นของร้านไก่ทองที่หลายๆ คนชื่นชอบ โดยจากนี้ถือว่าเสิร์ฟในปริมาณที่เยอะมากๆ ตัวปลาหมึก กุ้ง และหมูก็ชิ้นใหญ่ ถ้ามาเป็นครอบครัวก็แนะนำจานนี้จานเดียวอิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า



หรือหากใครไม่ทานปลาหมึกก็สั่งเป็น ราดหน้าฮ่องกงหมูกุ้ง (จานกลาง 440 บาท) ก็อร่อยกับราดหน้ารสชาติเด็ดได้เช่นกัน



นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอร่อยอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น เคาหยก (450 บาท) เมนูนี้คุณพ่อชอบเป็นพิเศษ เพราะเป็นหมูสามชั้นที่หั่นชิ้นหนา แต่เนื้อนุ่ม ทานง่าย เสิร์ฟบนผักดอง และทานคู่กับหมั่นโถว (90 บาท) ช่วยเพิ่มความอร่อยยิ่งขึ้นครับ



หรือจะเลือกเป็น กุ้งผัดซอสฮ่องกง (1,200 บาท) กุ้งตัวโตๆ เสิร์ฟในจานขนาดใหญ่ ตัวกุ้งนั้นเนื้อแน่น สด กัดเต็มปากเต็มคำ ตัวซอสก็ออกหวานนำ เค็มตาม อร่อยแบบเต็มปากเต็มคำดีครับ





จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยของหวานยอดนิยมของไก่ทอง ปังชาเย็น (265 บาท) ขนมปังที่มาพร้อมน้ำแข็งใสราดด้วยชาคุณภาพดี มาพร้อมกับสาคูเม็ดเล็ก ใหญ่ ให้เคี้ยวเพลินๆ โรยหน้าด้วยถั่วแมคคาเดเมีย และท็อปด้วยวิปครีม สำหรับเมนูนี้เสิร์ฟในปริมาณที่ใหญ่เยอะ ดังนั้นหากมากันหลายคน จะเป็นเมนูที่อร่อยเป็นพิเศษเพราะแย่งกันทานจะยิ่งเพิ่มอรรถรสในการทานมากขึ้นครับ สำหรับร้านไก่ทองนั้นถือว่าเป็นร้านที่ดีทั้งรสชาติ และบรรยากาศ หากมาทานเป็นครอบครัว หรือเพื่อนฝูงเป็นหมู่คณะจะยิ่งทำให้เป็นมื้ออาหารที่พิเศษยิ่งขึ้นครับ



นอกจากร้านที่ดูดี น่าทาน และอิ่มอร่อย ทั้ง 5 ร้าน แล้วยังมีร้านอาหารที่น่าสนใจอีกหลายร้าน ที่สำคัญยังสามารถทานได้ตั้งแต่เช้ายันดึก เรียกได้ว่าที่ Central Festival EastVille เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ที่ต้องการมาเดินเล่น ช็อปปิ้ง และเลือกอิ่มอร่อยกับร้านอาหารสุดโปรด ดังนั้นช่วงวันหยุดยาวๆ แบบนี้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศก็ลองแวะมาฝากท้องได้ที่นี่นะครับ ที่สำคัญหยุดยาวแบบนี้ถนนโล่งสุดๆ ครับ



Create Date : 13 เมษายน 2559
Last Update : 13 เมษายน 2559 22:06:45 น. 6 comments
Counter : 4112 Pageviews.

 
แวะมาหม่ำของสายนี้บ้าง หนักหน่วงเหมือนกันนะคะ

โหวตค่า


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 14 เมษายน 2559 เวลา:14:01:45 น.  

 
โหยยยยยยยยยยยยยย สายนี้ก็น่ากินจ้ะ แหมๆ

โหวตให้นะ สวัสดีปีใหม่ไทยนะโอ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เรียวรุ้ง Literature Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Literature Blog ดู Blog
ทนายอ้วน Food Blog ดู Blog
sawkitty Photo Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
Close To Heaven Food Blog ดู Blog
Kisshoneyz Book Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
กาปอมซ่า Photo Blog ดู Blog
ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง Food Blog ดู Blog


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 เมษายน 2559 เวลา:16:50:49 น.  

 
@ คุณ บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน : สายนี้น่าจะเบากว่าสาย A ครับ เพราะสายนั้นดูดุจริง แต่น่าทานทุกร้านไม่แพ้กันเลยครับ

@ คุณ สาวไกด์ใจซื่อ : สวัสดีวันสงกรานต์เช่นกันครับพี่เต้ย


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 17 เมษายน 2559 เวลา:11:34:18 น.  

 
ไม่รู้จะเลือกร้านไหนดีเลยคราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 เมษายน 2559 เวลา:19:12:20 น.  

 
@ คุณทนายอ้วน : ที่นี่มีแน่ร้านน่านั่งทั้งนั้นเลยครับ


โดย: ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง วันที่: 19 เมษายน 2559 เวลา:16:26:42 น.  

 
ถ้ามีโอากสจะไปลองค่า


โดย: สมาชิกหมายเลข 3450494 วันที่: 27 มิถุนายน 2563 เวลา:11:53:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.