“รูนีย์” ทวีตแขวะ “ซูอี” กัดไม่เลือก เวย์น รูนีย์ ศูนย์หน้าจอมขยันของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แขวะ แกรม ซูเนสส์ ตำนานนักเตะ ลิเวอร์พูล ผ่านสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่างทวิตเตอร์ โดยตอบโต้ อดีตมิดฟิลด์ "หงส์แดง" ที่พยายามพูดถึงจังหวะที่ไปเตะ จอร์แดน มัทช์ ผู้เล่น คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ในเกมพรีเมียร์ ลีก ที่เสมอกัน 2-2 เมื่อคืนวันที่ 24 พฤศจิกายน อย่างสุดเจ็บว่า “ซูเนสส์ ชอบพูดถากถางเป็นปกติ” อยู่แล้ว         รูนีย์ ออกมาโจมตีสองคู่หูนักวิจารณ์จาก “สกาย สปอร์ต” อย่าง มาร์ติน เทย์เลอร์ และ แกรม ซูเนสส์ หลังจากดูโอ้คู่นี้พูดถึงจังหวะที่ หอกทีมชาติอังกฤษไปเตะ จอร์แดน มัทช์ ผู้เล่นของ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี ว่าสมควรถูกใบแดงไล่ออกจากสนามไป โดยแข้งตัวเก่งวัย 28 ปีได้ทวีตกลับไปทันควัน        "ส่วนตัวได้ไปดูเกมย้อมหลังและยอมรับว่าปะทะ มัทช์ แรงเกินไป ซึ่งได้มีการอธิบายกับผู้ตัดสินชัดเจนแล้ว แต่ มาร์ติน เทย์เลอร์ ก็ยังไม่หยุดพูดถึงเหตุการณ์นี้เหมือนกับผมถูกตบที่ใบหน้าฝ่ายเดียวโดยที่ไม่มีทางสู้” รูนีย์ กล่าวถึง เทย์เลอร์        “ด้าน ซูเนสส์นั้น ที่ทำนั้นช่างเหมือนกับเวลาที่คุณเตะบอลออกหลังไปแล้ว แต่พยายามดึงกลับมาเล่นใหม่ ซึ่งในเรื่องนี้ผมคิดว่าทำสำเร็จนะ แต่ไม่เป็นไรผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ชอบถากถางทุกคนเป็นประจำอยู่แล้ว” ศูนย์หน้าทีมชาติอังกฤษ เหน็บอย่างเจ็บแสบ //www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000146406   Create Date : 25 พฤศจิกายน 2556     0 comment Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 21:21:00 น.     Counter : 1027 Pageviews.   Share Tweet

"ลูกากู" เผย "เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้" สุดยอดที่สุดในชีวิต โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าดาวรุ่งเชื้อสายเบลเยียม เชื่อว่าเกมเมอร์ซีไซด์ ดาร์บี้ เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาในศึกฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก ซึ่งเอฟเวอร์ตันสามารถยันเสมอลิเวอร์พูลในบ้านไปอย่างสุดมันส์ 3-3 " เป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการเล่นฟุตบอล "         ดาวเตะตัวเก่งของ "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" ที่ยืมตัวมาจากเชลซีนั้น ออกมาบอกกับนักข่าวว่ารู้สึกดีกับการเล่นฟุตบอลในถิ่นกูดิสัน ปาร์ค และพูดถึงเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดารบี้ที่เพิ่งผ่านไป โดยเขาเชื่อว่าเป็นประสบการณ์ที่สุดยอดมากสำหรับเขา         " ผมไม่เคยมีประสบการณ์ที่สุดยอดแบบนี้มาก่อนถึงแม้ว่าผมจะทำได้ถึง 2 ประตู แต่มันก็ไม่เพียงต่อที่เราจะเอาชนะได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพวกเราทุกคนทำได้เต็มที่แล้ว และก็ขอขอบคุณเพื่อนร่วมทีมที่ช่วยทำให้ผมสามารถยิงประตูสุดยอดทีมอย่างลิเวอร์พูลได้ " ลูกากู กล่าวกับนักข่าว        อนึ่งดาวเตะวัย 20 ปี เพิ่งย้ายมาอยู่กับเอฟเวอร์ตันในสัญญายืมตัว โดยฤดูกาลนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ลงสนามให้เอฟเวอร์ตัน 9 นัด ยิงไป 7 ประตู พาขุนพล "ทอฟฟีสีน้ำเงิน " รั้งอันดับ 5 ของตารางฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ //www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000145931   Create Date : 24 พฤศจิกายน 2556     0 comment Last Update : 24 พฤศจิกายน 2556 19:23:02 น.     Counter : 1271 Pageviews.   Share Tweet

"อองรี" โผล่ซ้อมปืนโตก่อนเกมรับนักบุญ อองรี กับ เอ็มมานูเอล ฟริมปง        เธียร์รี อองรี ตำนานศูนย์หน้าของ "ปืนโต" อาร์เซนอล จ่าฝูงศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หวนกลับมาฝึกซ้อมกับอดีตต้นสังกัดอีกครั้ง ในช่วงพักเบรกเมเจอร์ ลีก สหรัฐอเมริกา        ดาวยิงวัย 36 ปี ที่กำลังค้าแข้งอยู่กับ นิวยอร์ค เรด บูลส์ ในศึกเมเจอร์ลีก ซอคเกอร์ (เอ็มแอลเอส) สหรัฐอเมริกา ได้ใช้เวลาว่างในช่วงพักเบรกหน้าหนาว กลับมาฝึกซ้อมกับ อาร์เซนอล อดีตต้นสังกัดเก่าอีกครั้ง ก่อนเกมที่ "ปืนใหญ่" จะเปิดรังเอมิเรตส์ สเตเดียม ต้อนรับ เซาแธมป์ตัน คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน นี้        สำหรับ อองรี สร้างผลงานกระหน่ำไป 226 ประตู ให้กับปืนโตจากทุกรายการที่ลงเล่นตลอดระยะเวลา 8 ปี และเคยกลับมาช่วยทีมด้วยสัญญายืมตัวครั้งหนึ่งแล้วเมื่อฤดูกาล 2011/2012 ก่อนกลับไปล่าตาข่ายที่แดนมะกันตามเดิม โดยฤดูกาลที่ผ่านมาหอกฝรั่งเศสยิงไป 10 ตุง จาก 32 นัด ช่วยให้ นิวยอร์ค เรด บูลส์ คว้าแชมป์โซนตะวันออกได้สำเร็จ        ขณะเดียวกันด้านความก่อนรับมือนักบุญ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือใหญ่ จะได้ แพร์ เมแตร์ซัคเกอร์ ปราการหลังเยอรมัน ผู้ยิงประตูชัยดับทีมชาติอังกฤษ ในเกมกระชับมิตรนัดล่าสุดที่ผ่านมา สลัดอาการป่วยกลับมาประจำการในแนวรับอีกครั้ง แต่จะชวดใช้งาน มาติเยอ ฟลามินี มิดฟิลด์ตัวขยันที่ติดโทษแบน รวมถึง ลูคัส โพดอลสกี, อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน, ยายา ซาโนโก, อาบู ดิยาบี และ โทมัส โรซิคกี ที่มีอาการบาดเจ็บและยังไม่ฟิต ใช้เวลาว่างช่วงพักเบรก ตำนานปืนโต //www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000145605   Create Date : 23 พฤศจิกายน 2556     0 comment Last Update : 23 พฤศจิกายน 2556 20:35:14 น.     Counter : 944 Pageviews.   Share Tweet

“โด้” เมินซิว “บัลลงดอร์” ชี้ไม่ใช่เป้าหมาย "โด้" กำลังมาแรง        คริสเตียโน โรนัลโด สตาร์ลูกหนังชาวโปรตุกีส ออกโรงยืนยันการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟา) สมัย 2 ไม่ใช่เป้าหมายของตน แม้เพิ่งโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา         ปีกจอมสับวัย 28 ปี กดแฮตทริกครั้งที่ 5 ของฤดูกาล ในศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบเพลย์ออฟ โซนยุโรป นัด 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นำ ทีมชาติโปรตุเกส พิชิต สวีเดน 3-2 (สกอร์รวม 4-2) ตีตั๋วสู่ประเทศบราซิล ช่วงซัมเมอร์หน้า         ก่อนหน้า อดีตสตาร์แข้งขวัญใจสาวก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โหม่งประตูชัย ในรอบเพลย์ออฟ นัดแรก และยังรักษาฟอร์มเก่งอย่างต่อเนื่องจนมีลุ้นเบียด ลิโอเนล เมสซี จอมถล่มประตูชาวอาร์เจนไตน์ กับ ฟรองค์ ริเบรี เพลย์เมกเกอร์บาเยิร์น มิวนิก คว้า “บอลทองคำ”         นักเตะค่าตัวแพงสุดอันดับ 2 ของโลก 80 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4 พันล้านบาท) กล่าว “ผมพยายามไม่คิดถึงเรื่อง บัลลงดอร์ มากเกินไป ผมยังไม่รู้ว่า ผมจะไปงานเลี้ยงรับรางวัลหรือไม่ หลายๆ สิ่งไม่ได้ขึ้นกับผมเพียงคนเดียว ผมไม่ทุกข์ใจเรื่องนั้นมากหรอก”         โรนัลโด เคยคว้า บอลทองคำ มาครอง เมื่อปี 2008 หลังนำพลพรรค “ปิศาจแดง” ครองแชมป์ ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก สำหรับเส้นตายการลงคะแนนผู้ชนะจะขยายออกไปจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ หาก เจ้าตัวยังร้อนแรง ก็อาจมีสิทธิ์ชนะใจผู้โหวตซิวรางวัลดังกล่าวเป็นสมัย 2 //www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000145161   Create Date : 22 พฤศจิกายน 2556     0 comment Last Update : 22 พฤศจิกายน 2556 21:26:26 น.     Counter : 907 Pageviews.   Share Tweet

บทสรุป 30 ชาติ ลุย “เวิลด์ คัพ” ฉบับแซมบ้า “ตราไก่” ฝรั่งเศส ของกุนซือ ดิดิเยร์ เดส์ชองป์ส ฝ่าคำสบประมาทเปิดบ้านไล่ถล่ม ยูเครน ที่ต้องเหลือ 10 คน แบบพอดีคำ 3-0 สกอร์รวม 2 นัดพลิกกลับมาเอาชนะ 3-2 คืนวันอังคารที่ผ่านมา คว้าตั๋วใบสุดท้ายของโซนยุโรป ไปลุยฟุตบอลโลก ที่บราซิลได้สำเร็จ เช่นเดียวกับ โปรตุเกส และ กานา        พลพรรค “ตราไก่” ทำผลงานน่าผิดหวัง โดยปราชัยรอบเพลย์ออฟ นัดแรกแก่ ยูเครน ณ กรุงเคียฟ 0-2 ก่อนจะกลับมาเล่นใน สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ด้วยโจทย์สุดหินต้องชนะ 3 ลูกเพื่อผ่านเข้ารอบต่อไปหรือตีเสมอเป็นอย่างน้อย แต่ก็ทำได้ตามเป้าหมายจากประตูของ มามาดู ซาโก นาที 22 คาริม เบนเซมา นาที 34 และ โอเลก ฮุสเซฟ ทำเข้าประตูตัวเองในนาที 72 ส่งตั๋วใบสุดท้ายของโซนยุโรปให้กับฝรั่งเศสถึงกรุงปารีส        ขณะที่ “ไวกิง” สวีเดน ของ เอริค เฮมเรน กลับมาเล่นในถิ่น เฟรนด์ อารีนา ถือเป็นสังเวียนพิสูจน์ฝีเท้าของ คริสเตียโน โรนัลโด และ สลาตัน อิบราฮิโมวิช ก่อนเป็นทีมของซูเปอร์สตาร์จากเมืองฝอยทองที่ซัดแฮตทริก พา โปรตุเกส บุกชนะ สวีเดน 3-2 ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวม 4-2 แบบช็อกแฟนเจ้าถิ่น เช่นเดียวกับ กรีซ และ โครเอเชีย ที่ตบเท้าตามกันมา        ข้ามฟากไปที่ฝั่งแอฟริกาใต้ “มัมมี” อียิปต์ เปิดบ้านเอาชนะ กานา 2-1 ในเกมฟุตบอลโลก 2014 เพลย์ออฟ โซนแอฟริกาใต้ นัดที่ 2 แต่ไม่เพียงพอนับสกอร์รวมพ่ายไป 3-7 ส่งให้ ทีม “ดาวดำ” ที่นำทัพโดย มิชาเอล เอสเซียง, เควิน ปรินซ์ บัวเต็ง และ อซาโมอาห์ กียาน ได้ไปโชว์ฝีเท้าต่อที่แผ่นดินแซมบ้า ส่วน แอลจีเรีย เปิดบ้านเฉือน บูร์กินาฟาโซ รวมสกอร์ 2 เกม 3-3 แต่ แอลจีเรีย เข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน        สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน เวิลด์ คัพ ฉบับ แซมบ้า ได้ทั้ง 30 ชาติจาก 6 ทวีป ตบเท้าสู่ประเทศบราซิลเป็นที่เรียบร้อย โดยยังเหลือให้ลุ้นอีก 2 โควตาสุดท้ายจากกัน 4 ทวีป ในเกมเพลย์ออฟ ระหว่าง อุรุกวัย พบ จอร์แดน (เกมแรก อุรุกวัย ชนะ 5-0) และ เม็กซิโก พบ นิวซีแลนด์ (เกมแรก เม็กซิโก ชนะ 5-1) เท่านั้น สรุป 30 ทีมที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2014 โซนยุโรป (โควตา 13 ทีม)        1. เบลเยียม (แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือก)        2. อิตาลี (แชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือก)        3. เยอรมนี (แชมป์กลุ่มซี รอบคัดเลือก)        4. เนเธอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มดี รอบคัดเลือก)        5. สวิตเซอร์แลนด์ (แชมป์กลุ่มอี รอบคัดเลือก)        6. รัสเซีย (แชมป์กลุ่มเอฟ รอบคัดเลือก)        7. บอสเนีย และ เฮอร์ซาโกวีนา (แชมป์กลุ่มจี รอบคัดเลือก)        8. อังกฤษ (แชมป์กลุ่มเอช รอบคัดเลือก)        9. สเปน (แชมป์กลุ่มไอ รอบคัดเลือก)        10. กรีซ (เพลย์ออฟ ชนะ โรมาเนีย สกอร์รวม 4-2)        11. โครเอเชีย (เพลย์ออฟ ชนะ ไอซ์แลนด์ สกอร์รวม 2-0)        12. โปรตุเกส (เพลย์ออฟ ชนะ สวีเดน สกอร์รวม 4-2)        13. ฝรั่งเศส (เพลย์ออฟ ชนะ ยูเครน สกอร์รวม 3-2) โซนอเมริกาใต้ (โควตา 5 ทีมครึ่ง)        1. บราซิล (เจ้าภาพ)        2. อาร์เจนตินา (แชมป์รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้)        3. โคลอมเบีย (อันดับ 2 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้)        4. ชิลี (อันดับ 3 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้)        5. เอกวาดอร์ (อันดับ 4 รอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้) **อุรุกวัย (รอเพลย์ออฟกับ จอร์แดน อันดับ 5 โซนเอเชีย นัดแรก อุรุกวัย ชนะ 5-0) โซนเอเชีย (โควตา 4 ทีมครึ่ง)        1. ญี่ปุ่น (แชมป์กลุ่มบี รอบคัดเลือกโซนเอเชีย)        2. ออสเตรเลีย (รองแชมป์กลุ่มปี รอบคัดเลือกโซนเอเชีย)        3. อิหร่าน (แชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือกโซนเอเชีย)        4. เกาหลีใต้ (รองแชมป์กลุ่มเอ รอบคัดเลือกโซนเอเชีย) **จอร์แดน (รอเพลย์ออฟกับ อุรุกวัย อันดับ 6 โซนอเมริกาใต้ นัดแรก จอร์แดน แพ้ 0-5) โซนแอฟริกา (โควตา 5 ทีม)        1. ไนจีเรีย (ทีมชนะรอบคัดเลือกรอบที่ 3 โซนแอฟริกา)        2. ไอวอรี โคสต์ (ทีมชนะรอบคัดเลือกรอบที่ 3 โซนแอฟริกา)        3. แคเมอรูน (ทีมชนะรอบคัดเลือกรอบที่ 3 โซนแอฟริกา)        4. กานา (เพลย์ออฟ ชนะ อิยิปต์ สกอร์รวม 7-3)        5. แอลจีเรีย (เพลย์ออฟ ชนะ บูร์กินาฟาโซ สกอร์รวม 3-3 แอลจีเรีย เข้ารอบตามกฎประตูทีมเยือน) โซนคอนคาเคฟ (โควต้า 3 ทีมครึ่ง)        1. สหรัฐอเมริกา (แชมป์รอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟ)        2. คอสตาริกา (อันดับ 2 รอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟ)        3. ฮอนดูรัส (อันดับ 3 รอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟ) **เม็กซิโก (รอเพลย์ออฟ กับ นิวซีแลนด์ จากโซนโอเชียเนีย นัดแรก เม็กซิโก ชนะ 5-1) โซนโอเชียเนีย (ครึ่งทีม) **นิวซีแลนด์ (รอเพลย์ออฟ กับ เม็กซิโก อันดับ 4 โซนคอนคาเดฟ นัดแรก นิวซีแลนด์ แพ้ 1-5) //www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9560000144123   Create Date : 20 พฤศจิกายน 2556     0 comment Last Update : 20 พฤศจิกายน 2556 21:28:18 น.     Counter : 1007 Pageviews.   Share Tweet