"สไปเดอร์ แมน" ป่วนสนาม หวังแย่งซีน "กุน"        เซร์คิโอ อกูเอโร ศูนย์หน้าชาวอาร์เจนไตน์ ไม่ใช่เพียงซูเปอร์ฮีโร่เพียงคนเดียว หลังมี "สไปเดอร์ แมน" ปรากฏตัว ณ สนาม สเตเดียม ออฟ ไลท์ แบบสุดเซอร์ไพรส์ ในศึก พรีเมียร์ ลีก กับ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อคืนวันพุธที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา         บรุษแปลกหน้าแต่งกายด้วยชุด "สไปเดอร์ แมน" วิ่งลงมากลางสนาม ระหว่างเกม ซึ่งพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" บุกมาเก็บชัยเหนือ ทีมของ กุสตาโว โปเยต์ ขาดลอย 4-1 แสดงท่าทางปล่อยใยแมงมุมใส่ มาร์ติน เดมิเชลิส เซ็นเตอร์ฮาล์ฟจอมเก๋าเลือดฟ้าขาว         ถึงแม่ตัวการ์ตูนยอดฮิตจากค่าย "มาร์เวล คอมิคส์" จะพยายามดึงดูดความสนใจ แต่ก็ถูก อดีตศูนย์หน้า แอตเลติโก มาดริด ขโมยซีนเหมา 2 ประตู รวมถึงลูกยิงอันหนักหน่วงบริเวณเขตโทษ ทำเอา โจซี อัลติดอร์ หัวหอกร่างยักษ์ชาวอเมริกัน ที่เป็นตัวสำรอง สั่นสะท้าน         นอกจากนี้ สเตฟาน โยเวติช กับ ปาโบล ซาบาเลตา ยังช่วยทะลวงตาข่ายอีกคนละ 1 ประตู ช่วย ทีมของ มานูเอล เปเยกรินี เก็บ 3 คะแนนอันล้ำค่า ขยับขึ้นอันดับ 2 ของตาราง ไล่กวด เชลซี อยู่ 6 แต้ม ถึงแม้ คอนเนอร์ วิคแฮม จะซัดให้ เจ้าถิ่น ออกนำไปก่อนนาที 19   Create Date : 04 ธันวาคม 2557     0 comment Last Update : 4 ธันวาคม 2557 21:37:36 น.     Counter : 1570 Pageviews.   Share Tweet

"หงส์" หืดจับ พลิกกระซวกจิ้งจอก 10 ตัว 3-1 "สตีวีจี" ปะทะกับ "ชไมเคิล"        "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล พลิกสถานการณ์บุกมาเชือด "สุนัขจิ้งจอก" เลสเตอร์ ซิตี ซึ่งเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน แบบหืดจับ 3-1 จาก อดัม ลัลลานา , สตีเวน เจอร์ราร์ด และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 3 มิดฟิลด์ชาวอังกฤษ ในศึก พรีเมียร์ ลีก เมื่อคืนวันอังคารที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เลสเตอร์ 1-3 ลิเวอร์พูล        เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือ ลิเวอร์พูล คืนตำแหน่งแก่ สตีเวน เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ปั้นเกมแดนกลางร่วมกับ ลูคัส และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน วาง ริคกี แลมเบิร์ต , อดัม ลัลลานา และ ราฮีม สเตอร์ลิง เป็น 3 ประสานแนวรุก บุกรัง คิง เพาเวอร์ สเตเดียม รับมือ เลสเตอร์ ซิตี ทีมบ๊วยของตาราง        เสียงนกหวีดดังขึ้น ลิเวอร์พูล ครองบอลมากกว่า แต่โอกาสจบสกอร์ยังไม่จะแจ้ง เข้าสู่นาที 20 เลสเตอร์ ซิตี น่าออกนำแบบสุดๆ ซิมง มิโญเลต์ นายทวาร จ่ายบอลพลาดเข้าทาง เอสเตบัน กัมบิอัสโซ แปสวนระยะประมาณ 20 หลา เฉี่ยวโคนเสาซ้ายมือ ถัดมาแค่ 2 นาที กองเชียร์ เจ้าถิ่น ส่งเสียเฮ ริยาด มาห์เรซ ไหลทะลุช่องเข้าเขตโทษด้านขวา ยิงยัดเสาแรก มาร์ติน สเคอร์เทล โขกสกัดบนเส้น เลโอนาร์โด อุลลัว ตามมาเก็บตก ยิงยัดจุดเดิมชนเสากระดอนตัว มิโญเลต์ ซุกก้นตาข่าย        อย่างไรก็ตาม "หงส์แดง" ทวงคืนทันควันนาที 26 ลูคัส เลวา เก็บตกบอลแถวสองหน้าเขตโทษด้านขวา ทิ้งยาวมาทางเสาแรก เวส มอร์แกร โหม่งสกัดไม่ขาด เจอ อดัม ลัลลานา วิ่งมาซัดเน้นๆ ผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิล นายทวาร ตุงตาข่าย จากนั้นรูปเกมก้ำกึ่งสูสี ทว่าจังหวะเข้าทำยังขาดๆ เกินๆ จนกระทั่งช่วงทดเจ็บ แม็ทธิว เจมส์ วอลเลย์ระยะประมาณ 30 หลา กลางประตู ข้ามคาน ครบ 45 นาที เสมอกัน 1-1        ลุยต่อครึ่งหลัง เลสเตอร์ฯ เปิดฉากลุยทันที ทว่ากลับเป็น ทีมเยือน ที่เฉียบขาดกว่านาที 54 อดัม ลัลลานา จ่ายเข้าเขตโทษด้านซ้าย ราฮีม สเตอร์ลิง ตบเข้ากลาง เวส มอร์แกน ทิ้งตัวสกัดไม่พ้นอันตราย สตีเวน เจอร์ราร์ด วิ่งมาแปเน้นๆ ซุกก้นตาข่าย เกมแลกกันสนุก ล่วงเลยมานาที 63 "สุนัขจิ้งจอก" ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เวส มอร์แกน แตะบอลคืนผู้รักษาประตูพลาด ถูก ริคกี แลมเบิร์ต เบียดแย่งไป ก่อนจะเหนี่ยวล้มลง ผู้ตัดสินชักใบแดงไล่ออกทันที        แม้ผู้เล่นน้อยกว่า "เดอะ ฟ็อกซ์" ก็โหมบุกเป็นระลอก และหวิดตีเสมอนาที 74 ริยาด มาห์เรซ ตะบันจากเขตโทษด้านขวายัดเสาแรก ซิมง มิโญเลต์ ปัดมาเข้าทาง เอสเตบัน กัมบิอัสโซ ตั้งป้อมซัดเหน่งๆ ติดบล็อก เจมี วาร์ดี เพื่อนร่วมทีม ออกหลัง ต่อมานาที 83 สาวก "เดอะ ค็อป" เริ่มโล่งอก สตีเวน เจอร์ราร์ด ดีดไซด์ก้อยจากซ้ายเข้ากลาง มาร์ซิน วาซิเลฟสกี ทิ้งตัวสกัดไม่ดี แคสเปอร์ ชไมเคิล ต้องพุ่งปัด บอลล้นมาเสาไกล ราฮีม สเตอร์ลิง ตอกส้นกลับมาให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แปจ่อๆ ไม่พลาด        ทีมของ ไนเจล เพียร์สัน เล่นแบบไม่มีอะไรจะเสีย เน้นสาดบอลยาวจากด้านข้างเข้าเขตโทษคู่แข่ง ทว่า ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ช่วยกันต้านทานไว้ได้ จบเกม ลิเวอร์พูล เอาชนะไป 3-1 เก็บเพิ่มเป็น 20 แต้ม จาก 14 นัด ขยับขึ้นอันดับ 8 ชั่วคราว ส่วน เลสเตอร์ ซิตี มี 10 แต้ม เท่าเดิม รั้งอันดับ 20 ต่อไป รายชื่อ 11 ตัวจริง เลสเตอร์ : แคสเปอร์ ชไมเคิล , ริตชี เดอ แลต , พอล คอนเชสกี , เวส มอร์แกน , มาร์ซิน วาซิเลฟสกี , แม็ทธิว เจมส์ , เจฟเฟอรีย์ ชลุปป์ , เอสเตบัน กัมบิอัสโซ , ริยาด มาห์เรซ , เจมี วาร์ดี , เลโอนาร์โด อุลลัว ลิเวอร์พูล : ซิมง มิโญเลต์ , เกล็น จอห์นสัน , โคโล ตูเร , ฆาบี มานควิโญ , มาร์ติน สเคอร์เทล , สตีเวน เจอร์ราร์ด , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ลูคัส , ริคกี แลมเบิร์ต , อดัม ลัลลานา , ราฮีม สเตอร์ลิง ผลฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ประจำวันอังคารที่ 2 ธันวาคม        เบิร์นลีย์ 1-1 นิวคาสเซิล        [1-0 จอร์จ บอยด์ น.34 , 1-1 ปาปิสส์ เดมบา ซิสเซ น.48]        แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 สโต๊ค ซิตี        [1-0 มารูยาน เฟลไลนี น.21 , 1-1 สตีเวน เอ็นซองซี น.39 , 2-1 ฆวน มาตา น.59]        สวอนซี ซิตี 2-0 ควีนสปาร์กฯ        [1-0 คี ซุง ยอง น.78 , 2-0 เวย์น เราท์เลดจ์ น.83]        พาเลซ 0-1 แอสตัน วิลลา        [0-1 คริสเตียน เบนเทเก น.32]        เวสต์บรอมฯ 1-2 เวสต์แฮมฯ        [1-0 เคร็ก ดอว์สัน น.10 , 1-1 เควิน โนแลน น.35 , 1-2 เจมส์ ทอมกินส์ น.45+3]   Create Date : 03 ธันวาคม 2557     0 comment Last Update : 3 ธันวาคม 2557 8:37:21 น.     Counter : 1101 Pageviews.   Share Tweet

"ฟีฟา" ประกาศชื่อ "โด้-เมสซี-นอยเออร์" ลุ้นบัลลงดอร์ 3 แคนดิเดต คว้ารางวัล บอลทอง        สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟา ประกาศรายชื่อ 3 นักเตะ ที่มีลุ้นคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี 2014 " ฟีฟา บัลลงดอร์" เรียบร้อยแล้วประกอบด้วย คริสเตียโน โรนัลโด ซูเปอร์สตาร์ รีล มาดริด , ลิโอเนล เมสซี เพลย์เมคเกอร์ บาร์เซโลนา และ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมัน         ตัวรุกทีม รีล มาดริด วัย 29 ปีถือเป็นตัวเต็งอันดับแรกที่จะคว้ารางวัลบอลทองคำ กลับไปเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตของตัวเอง หลังจากที่เคยได้แล้วเมื่อปี 2008 และ 2013 โดยผลงานปี 2014 เขาเป็น คีย์แมนของ "ราชันชุดขาว" ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จคว้า แชมป์ยูฟาแชมเปียนส์ลีกมาครอง พร้อมกับทำลายสถิติยิงไป 17 ประตูในการชิงแชมป์ถ้วยยุโรปในเวลาเพียงแค่หนึ่งฤดูกาลเท่านั้น         ด้าน ลิโอเนล เมสซี สตาร์ของ บาร์เซโลนา ถ้าได้รับรางวัลครั้งนี้ก็จะเป็นครั้งที่ 5 ในชีวิต หลังเคยได้มาแล้ว 4 ครั้งติดต่อกัน แข้งวัย 27 ปีรายนี้ ไม่สามารถพาทีมคว้าถ้วยรางวัลใดๆได้เลยในฤดูกาลที่ผ่านมา แต่รางวัลส่วนตัวคือเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ ลีก ลา ลีกา สเปน และ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก         สุดท้ายผู้ท้าชิง มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูชาวเยอรมัน เป็นครั้งแรกที่เขาขึ้นมาเป็นหนึ่งใน 3 แคนดิเดตสุดท้ายคว้ารางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนักฟุตบอล ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของ มือกาววัย 28 ปี รายนี้ พา บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และ เดเอฟเบ โพคาล ได้สำเร็จ และยังพา ทีมชาติเยอรมัน ซิวแชมป์โลกได้อีกด้วย         ส่วนตัวเต็งรายอื่นๆอย่าง โธมัส มุลเลอร์ , โทนี โครส , อาร์เยน ร็อบเบน และ ฟิลลิป ลาห์ม กระเด็นตกรอบนี้ทั้งหมด ซึ่งรางวัล ฟีฟา แอนด์ ฟรองค์ ฟุตบอล จะมีการประกาศผู้ชนะเลิศในวันจันทร์ที่ 12 มกราคา 2558 ที่งาน ฟีฟา บัลลงดอร์ กาลา   Create Date : 02 ธันวาคม 2557     0 comment Last Update : 2 ธันวาคม 2557 7:35:42 น.     Counter : 1030 Pageviews.   Share Tweet

"ซัวเรซ" เปิดใจมีปมด้อยจนกลายเป็นแบบนี้ หลุยส์ ซัวเรซ แข้ง บาร์เซโลนา        หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าจอมเทคนิคของ บาร์เซโลนา ทีมมหาอำนาจแดนกระทิงดุ เผยปมด้อยที่ทำให้แสดงพฤติกรรมไม่เรียบร้อยในสนามแข่งว่า เป็นเพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่สามารถมีทุกอย่างเพียบพร้อม จนต้องทำเรื่องไม่ค่อยดีในสนาม         ซัวเรซ ลงสนามให้ทีมดังจากแถว้น คาตาลัน ไปเพียง 6 เกมเท่านั้น นับตั้งแต่ย้ายเข้ามาจาก ลิเวอร์พูล ช่วง ซัมเมอร์ ที่ผ่านมา และเพิ่งทำสกอร์ให้กับทีมไปเพียง 1 ลูกเท่านั้น ด้วยการยิง อาโปเอล นิโคเซีย เมื่อวันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ที่ในศึกฟุตบอล ยูฟา แชมเปียนส์ลีก         แข้งวัย 27 ปีรายนี้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงพฤติกรรมในสนามที่เขามักจะทำเรื่องเหนือความคิดอยู่เสมอ ล่สุดคือการไปกัดไหล่ จอร์โจ คิเอลลินี กองหลังทีมชาติ อิตาลี ช่วง การแข่งขันฟุตบอลโลก 2014 ทีจบลงไปแล้ว ว่าเป็นเพราะตนเองมีปมด้อย         "ความคิดแย่ๆที่ผมมีในสนามแข่งขันคือ ตลอดชีวิตที่ผ่านมาไม่มีใครสามารถหาทุกอย่างให้ตนได้ นั่นทำให้ตนพยายามที่จะทำทุกอย่างในสนามอยู่เสมอ จนบางทีต้องทำเรื่องที่เลวร้ายออกมา และสิ่งที่ดีที่สุดนอกสนามของผมที่ไม่เคยมีใครรู้คือ ผมพยายามจะเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลก" แข้งอุรุกวัย เผย   Create Date : 29 พฤศจิกายน 2557     0 comment Last Update : 29 พฤศจิกายน 2557 7:51:41 น.     Counter : 985 Pageviews.   Share Tweet

"ไก่" เชือดพาร์ติซาน 1-0 ลอยลำยูโรปา สแตมบูลิน ยิงประตูชัย คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น ลาเมลา แผลงฤทธิ์ไม่ออก "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ กำตั๋วเข้ารอบน็อคเอาท์ ศึก ยูโรปา ลีก ได้เป็นที่เรียบร้อย หลังจัดการเปิดบ้านเชือด พาร์ติซาน เบลเกรด คู่แข่งจากเซอร์เบีย 1-0 เมื่อคืนวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ยูโรปา ลีก        ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ 1-0 พาร์ติซาน เบลเกรด        ศึกฟุตบอล ยูโรปา ลีก เกมคู่ดึกของกลุ่มซี "ไก่เดือยทอง" ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ อีกหนึ่งตัวแทนจาก พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ อันดับ 2 มี 8 แต้ม เปิดสนาม ไวท์ ฮาร์ท เลน ต้อนรับ พาร์ติซาน เบลเกรด อันดับ 4 จาก เซอร์เบีย ที่ตกชั้นแน่นอนแล้วเพราะมีแค่แต้มเดียว        ครึ่งแรกผ่านมา 10 นาที พาร์ติซาน เปิดเกมได้ดีกว่าและทักทายก่อนทันทีจากเกมสวนกลับ พีตาร์ เกอร์บิช เปิดโด่งให้ พีตาร์ สคูเลติช โหม่งแต่ออกหลังไป ต่อมา นาที 17 บรังโก อิลิช เปิดตัดเข้ามาแบบไม่ล้ำหน้าให้ ดานโก ลาโซวิช ชาร์จเหน่งๆแต่ยังไม่เข้ากรอบ        พาร์ติซาน ยังบุกมากกว่า นาที 24 นิโกลา นินโควิช ตั้งป้อมกดด้วยขวานอกเขตโทษแต่โดน อูโก ยอริส ป้องกันไว้ได้ ขณะที่ สเปอร์ส ได้ลุ้นจะจะ นาที 37 บอลต่อกันมาถึงหน้าเขตโทษแล้วเป็น เบนจามิน สแตนบูลี วิ่งมาอัดเต็มข้อแต่บอลพุ่งไปเข้าซองของ มิลาน ลูคัช จากนั้นยังยิงกันไม่ได้ เสมอกันก่อน 0-0        ครึ่งหลังผ่านมา นาที 48 สเปอร์ส ที่โดนยำอยู่นานกลับขึ้นนำ 1-0 โรแบร์โต โซลดาโด ยิงผ่านผู้รักษาประตูไปชนเสาแต่ยังได้ เบนจามิน สแตมบูลี ตามมาซ้ำพอดี ขณะที่ นาที 67 เอริค ลาเมลา เกือบมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดเพิ่มอีกคนหลังยิงหักข้อที่เสาสองแต่บอลหลุดกรอบไปอีก        เกมดำเนินมา นาที 82 สเปอร์ส ยังเอาลูกที่สองไม่ได้ แฮร์รี เคน วิ่งทะลุช่องยิงเสียบเสาเข้าไปแล้วแต่ล้ำหน้าไปก่อน ส่วนเจ้าบ้าน พลาดตีเสมอ นาที 85 วลาดิเมียร์ โวลคอฟ โหม่งจ่อๆแต่ อูโก ยอริส บินปัดได้ทัน สุดท้ายไม่มีประตูเพิ่ม จบเกม "ไก่เดือยทอง" เฉือนชนะ 1-0 เก็บเพิ่มเป็น 11 แต้ม แซง เบซิคตัส ที่เสมอ แอสเตราส 2-2 ขึ้นเป็นจ่าฝูงกลุ่มซี เข้ารอบแน่นอนแล้ว รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ - อูโก ยอริส, แยน แฟร์ทองเกน, วลาด ชิริเชส, ไคล์ นอว์ตัน, เบน เดวีส์, อารอน เลนนอน, เปาลินโญ, เอริค ลาเมลา, มุสซา เดมเบเล, เบนจามิน สแตมบูลี, โรแบร์โต โซลดาโด พาร์ติซาน เบลเกรด - มิลาน ลูคัช, วลาดิเมียร์ โวลคอฟ, วอจสลาฟ สแตนโควิช, ลาซาร์ เซอร์โควิช, บรังโก อิลิช, นิโกาลา นินโควิช, ซาชา มาร์โควิช, ซาซา อิลิช, พีตาร์ เกอร์บิช, แดนโก ลาโซวิช, พีตาร์ สคูเลติช   Create Date : 28 พฤศจิกายน 2557     0 comment Last Update : 28 พฤศจิกายน 2557 8:19:54 น.     Counter : 1095 Pageviews.   Share Tweet