| คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น |
| | |  | เอเยนซี - "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เพิ่งบุกพ่าย นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้ตอนนี้อันดับ พรีเมียร์ ลีก เกาะอยู่ที่ 7 แพ้ไปแล้ว 4 นัดทั้งที่เพิ่งผ่านพ้นไป 10 เกม ขณะที่จากนี้อีก 2 นัดต้องเจองานหนักถ้วย ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กับ รีล มาดริด ก่อนกลับมาเตะเกมลีกพบจ่าฝูง เชลซี ทั้งหลายทั้งปวงคือการทำงานที่ล้มเหลวเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยเกิดจาก 4 จุดใหญ่ดังต่อไปนี้ ซึ่งหากไม่รีบคืนฟอร์มการตกรอบแบ่งกลุ่มถ้วยยุโรป อีกทั้งไม่อาจจบท็อปโฟร์คงต้องกลับไปตั้งต้นใหม่งานนี้ที่ทำมาเสียเปล่าดูไม่จืดแน่นอน
1.เกมรับ - ฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล จบอันดับ 2 แต่อย่าลืมว่าเสียถึง 50 ประตูจาก 38 นัด มากที่สุดในบรรดาท็อปไฟว์ เยอะกว่าสโมสรอย่าง เอฟเวอร์ตัน, เซาแธมป์ตัน และ คริสตัล พาเลซ ทว่าการที่ "หงส์แดง" ยิงได้ถึง 101 ประตูก็หักกลบลบหนี้กันไป กระนั้นก็ตามปีนี้เครื่องจักรผลิตสกอร์กลับไม่ทำงานเช่นเคย ซัมเมอร์ที่ผ่านมา เบรนแดน ร็อดเจอร์ส นายใหญ่ถิ่น แอนฟิลด์ ควักเงิน 20 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1 พันล้านบาท) ดึง เดยัน ลอฟเรน ดีกรีทีมชาติโครเอเชียมาจาก "นักบุญ" จับคู่กับ มาร์ติน สเคอร์เทล ซึ่งเหมือนจะเป็นทางออกที่ดี เพราะ โคโล ตูเร กับ มามาดู ซาโก คือจุดอ่อนในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟ เหนืออื่นใดฟูลแบ็กก็ยังมีปัญหาที่แก้ไม่ตก เกล็น จอห์นสัน กับ โฆเซ เอ็นริเก รายแรกวัย 30 ปี รายหลังเจ็บบ่อยจนฟอร์มไม่เหมือนเดิม ตัวใหม่ที่เพิ่งคว้ามาอย่าง อัลเบอร์โต โมเรโน กับ ฆาบี มานกีโญ (ยืมตัว) ยังต้องอาศัยเวลาปรับตัว ขณะที่ จอน ฟลานาแกน ที่หน่วยก้านดีโชคร้ายสภาพร่างกายไม่พร้อม ดังนั้นปีนี้แบ็กโฟร์จึงดูไม่เป็นขบวนไม่ว่าจะถูกโจมตีรูปแบบไหนสกัดกั้นไม่อยู่ทั้งภาคพื้นดิน กลางอากาศ และเซตพีซ โดยตอนนี้ถูกเจาะไปแล้ว 13 ประตูจาก 10 นัดจึงไม่แปลกที่เกาะอยู่เพียงแค่อันดับ 7
2.ไร้กองหน้า - การขาด หลุยส์ ซัวเรซ ที่ซัด 31 ประตู พรีเมียร์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยถูกขายให้ บาร์เซโลนา ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,975 ล้านบาท) ถือเป็นเรื่องหลอนชั้นดีของ ลิเวอร์พูล ที่เหมาะกับช่วงเทศกาล "ฮัลโลวีน" อย่างยิ่ง เพราะ มาริโอ บาโลเตลลี ที่ซื้อมาจาก เอซี มิลาน ด้วยตัว 16 ล้านปอนด์ (ประมาณ 848 ล้านบาท) เดิมทีเหมือนถูก แต่ยังยิงในลีกไม่ได้จำนวนเงินดังกล่าวจึงแพงขึ้นมาทันตา ส่วน ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ที่ถูกวางให้เป็นหอกความหวังสูงสุดดันได้รับบาดเจ็บต้องพักยาว ด้าน ริคกี แลมเบิร์ต ที่ดึงมาจาก เซาแธมป์ตัน ด้วยวัย 32 ปีถือเป็นการซื้อที่ล้มเหลว เช่นเดียวกับ ฟาบิโอ บอรินี ที่กลับมาจาก ซันเดอร์แลนด์ แบบยืมตัวยังพึงพาอาศัยไม่ได้ เหนืออื่นใดทำให้ผู้ที่กลายเป็นแพะผลงานห่วยก็คืออดีตศูนย์หน้า อินเตอร์ มิลาน กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี ส่วนคนที่ยิงเยอะที่สุดในลีกตอนนี้ได้แก่ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีกทีมชาติอังกฤษ 3 ประตู ขณะที่บรรดาแถวสองที่ปีก่อนช่วยเติมมายิงจนเบียดชนะด้วยสกอร์บีบหัวใจบ่อยครั้งก็หดหายกันไปหมด
3.เสริมทัพล้มเหลว - ราว 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 5,300 ล้านบาท) ที่ ลิเวอร์พูล เสริมทัพเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมาเหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่มีใครที่ซื้อแล้วเข้าตาเลย ลาซาร์ มาร์โควิช กับ เอ็มเร ชาน อายุยังน้อยไม่สามารถใช้งานได้ทันที ส่วน อดัม ลัลลานา ที่ปีก่อนฟอร์มเปรี้ยงกับ เซาแธมป์ตัน เล่นไม่ออก คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือ ร็อดเจอร์ส กุนซือใหญ่ รวมถึง เอียน อายร์ ผู้อำนวยการบริหาร ทั้งที่ จอห์น ดับเบิลยู เฮนรี เจ้าของทีมไฟเขียวให้ช็อปปิงมโหฬารขนาดนี้ ลองเทียบกับ เชลซี ที่ได้ 2 แข้งทีมชาติสเปนคือ เชส ฟาเบรกาส กองกลางจาก บาร์เซโลนา รวมถึง ดิเอโก กอสตา กองหน้าจาก แอตเลติโก มาดริด ถือว่าใช้งานได้ทันที ขณะที่ อเล็กซิส ซานเชซ ปีกทีมชาติชิลีเมินถิ่น แอนฟิลด์ เลือกไปอยู่กับ อาร์เซนอล แทน ดังนั้นบอร์ดบริหารต้องนำจุดนี้มาทบทวน พวกเขาอาจไม่ได้ยื่นข้อเสนอที่ดีพอให้นักเตะ ที่ผ่านมาก็แก้ตัวว่า 4 ปีที่ไม่ได้เล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ทำให้ขาดนักเตะชั้นยอด รวมถึงไร้เงินที่จะเสริมเทียบเท่ากับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ ณ จุดนี้คงจะเถียงไม่ขึ้นแล้ว
4.โปรแกรมชุก - ลิเวอร์พูล ดิ้นรนจนได้กลับไปเล่น ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นับตั้งแต่ปี 2009 แต่อาจจะลืมคิดแผนรับมือ มีเพียงเพิ่มขนาดทีมให้ใหญ่ขึ้นโดยปราศจากคุณภาพ ต่อจากนี้ส่อแววที่จะตกรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัดที่อยู่กับ รีล มาดริด, เอฟซี บาเซิล และ ลูโดโกเร็ตส์ ราซกราด มีเพียง 3 แต้ม วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายนี้ยังต้องไปเยือน ซานติโก เบร์นาบิว ของ "ราชันชุดขาว" ที่ส่อแววต้องกลับออกมาแบบมือเปล่า แสดงให้เห็นว่าทีมที่ ร็อดเจอร์ส มีในมือไม่อาจแข่ง พรีเมียร์ ลีก และ แชมเปียนส์ ลีก พร้อมกันได้ แม้ยังอยู่ในถ้วย ลีก คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายแล้วก็คงไม่เพียงพอ แน่นอนว่ายากที่ "หงส์แดง" จะทำผลงานได้ดีติดต่อกัน 2 ปี แต่ที่ออกมานี้สาวก "เดอะ ค็อป" ก็ยากที่จะรับไหวจริงๆ จากนี้ยังต้องเล่นที่ แอนฟิลด์ เจอศึกหนักกับจ่าฝูง เชลซี โดยเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้วเหตุที่มีลุ้นคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกรอบ 24 ปีก่อนอกหักถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี ปาดหน้าเข้าป้ายก็เพราะแมตช์แข่งขันที่มีน้อยกว่าชาวบ้าน นักเตะไม่ล้าไม่กรอบ แต่ไม่ใช่สำหรับปีนี้ที่เหมือนเป็นประสบการณ์แรกของกุนซือ บีร็อด
| | |
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
