"กระทิงดุ" สเปน กลายเป็นทีมหมายเลข 1 ของโลกอย่างไร้ข้อถกเถียง หลังการคว้าแชมป์ครั้งนี้ เพราะนอกจากจะเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ นี่ยังถือเป็นการครองถ้วยยุโรปสมัยที่ 3 สูงสุดเท่ากับเยอรมนี โดยก่อนหน้านี้ขุนพลแดนกระทิงเคยได้แชมป์ในปี 1964 และ 2008

ขณะเดียวกัน สเปน ยังเป็นทีมแรกที่สามารถครองความยิ่งใหญ่แบบผูกขาด กับ 3 แชมป์เมเจอร์ติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ ยูโร 2008, เวิลด์ คัพ 2010 และ ยูโร 2012 

ทัพลูกหนังกระทิงดุ สร้างสถิติไม่แพ้ใครใน ยูโร รอบสุดท้ายถึง 12 เกมติดต่อกันโดยนับย้อนไปตั้งแต่เมื่อ 4 ปีก่อน ขณะที่ผู้เล่นในทีมชุดนี้ถึง 13 คน ถูกบันทึกชื่อในฐานะที่ลงเล่นในนัดชิง ยูโร 2 สมัยและคว้าแชมป์ได้ทั้ง 2 ครั้ง

ในส่วนของสถิติส่วนตัว อีเคร์ กาซิยาส นายทวารกัปตันทีม กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าชัยชนะเกมทีมชาติได้ถึง 100 เกม นอกจากนี้ยังสร้างผลงานไม่เสียประตูในศึก ยูโร รอบสุดท้าย 509 นาทีติดต่อกัน ทำลายสถิติ 494 นาทีของ ดิโน่ ซอฟฟ์ ตำนานผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีด้วย

ด้าน เฟร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงขวัญใจสาวๆ ซึ่งคว้าตำแหน่งดาวยิงสูงสุดในครั้งนี้ด้วยผลงาน 3 ประตู กลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศ 2 สมัย โดยทั้งสองประตูของ "เอล นินโญ่" มาจากการเปิดป้อนของ ชาบี เอร์นานเดซ นั่นหมายความว่าจอมทัพจาก บาร์เซโลน่า ก็ได้เป็นผู้เล่นคนแรกที่เปิดให้เพื่อนทำประตูใน ยูโร นัดชิงชนะเลิศ 2 สมัยเช่นกัน

มาถึง ดาบิด ซิลบา ฝากผลงานใน ยูโร 2012 คราวนี้ด้วยการยิง 2 ประตู เปิดป้อนอีก 3 ครั้ง เท่ากับเพลย์เมคเกอร์ร่างเล็กมีส่วนร่วมกับการทำประตูถึง 5 ลูก มากกว่าใครในทัวร์นาเมนต์นี้ 

และที่สุดแล้ว บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์จอมเก๋าที่เคยนำทีม เรอัล มาดริด ได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก มา 2 สมัย ตอนนี้เจ้าตัวทำผลงานกับทีมชาติสเปนคว้าได้ทั้งแชมป์โลกและแชมป์ยุโรป นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีโค้ชคนไหนในโลกทำได้มาก่อน