เอเซอร์ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กจับตลาดเกม พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 7 รุ่น เพื่อเป็นทางเลือกในตลาด เชื่อตลาดพีซีปีนี้ยังตกกว่า 30% เหลือ 2.2 ล้านเครื่อง แต่เอเซอร์ยังมีกลุ่มผลิตภัณฑ์อย่างสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตเข้ามาช่วยเสริมรายได้
นายนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ รองผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดพีซีในปีนี้น่าจะติดลบประมาณ 30% จากตลาดรวมปีที่ผ่านมาที่มียอดขายรวมประมาณ 3 ล้านเครื่อง โดยในปีนี้น่าจะจบที่ราว 2.1-2.2 ล้านเครื่อง จากปัจจัยทางเศษรฐกิจ และการเมืองที่ส่งผลตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วต่อเนื่องมาถึงต้นปีนี้
เชื่อว่าไตรมาสที่ 1 ถือเป็นช่วงที่ตกต่ำที่สุดของตลาดพีซีแล้ว และกำลังซื้อเริ่มกลับมาในช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี เพราะผู้บริโภคยังมีความต้องการในการใช้งานอยู่ เหมือนกับในช่วงที่โน้ตบุ๊กเริ่มเข้ามากินส่วนแบ่งของตลาดเดสก์ท็อปแต่ท้ายที่สุดก็ยังมีความต้องการในการใช้งานเดสก์ท็อปอยู่
เช่นเดียวกับผลสำรวจของไอดีซี ที่ระบุว่าในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3 เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น ทำให้ท้ายที่สุดแล้วเอเซอร์คาดว่าจะสามารถเติบโตได้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยมีผลิตภัณฑ์ในส่วนของสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสินค้าอื่นๆ เข้ามาช่วยเพิ่มรายได้
ในส่วนของแผนการทำตลาดของเอเซอร์ จากเดิมที่จะเน้นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ทีละรุ่น ก็มีการปรับเปลี่ยนเป็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 7 รุ่นใหม่ที่จะทยอยเข้ามาทำตลาดจนถึงปลายปีนี้ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้ว ทำให้เชื่อว่าการเพิ่มไลน์สินค้าเข้ามาเป็นทางเลือกน่าจะตอบโจทย์มากที่สุด
ขณะเดียวกันยังได้มีการเจาะกลุ่มลูกค้าตามกลุ่มผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่างโน้ตบุ๊กสำหรับคอเกม ที่เริ่มลองตลาด หลังจากก่อนหน้านี้เคยทำตลาดในส่วนของเดสก์ท็อปสำหรับผู้ที่นิยมเล่นเกมมาแล้ว รวมไปถึงในกลุ่มของตลาดการศึกษาที่กำลังเตรียมการนำโซลูชันต่างๆ ของโครมบุ๊ก เข้ามาวางจำหน่าย
ช่วงครึ่งปีหลัง จะสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอที เพราะหลายแบรนด์จะตั้งเป้าจำหน่ายวางจำหน่ายสินค้าในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ที่เป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น พร้อมกับนำเสนอแพลตฟอร์มที่หลากหลายขึ้นด้วย
เนื่องจากปัจจุบัน เอเซอร์ มองว่า โน้ตบุ๊กในแพลตฟอร์มดั้งเดิมไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าที่ควร ที่ยังจำหน่ายได้ส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องในระดับเอนทรีเลเวล ในขณะที่การมาของเครื่องในรูปแบบไฮบริด ที่มีหน้าจอทัชสกรีน หรือสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้รับความนิยมมากขึ้น
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของเอเซอร์จะมาจากธุรกิจพีซีราว 65% สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต 10-15% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจอื่นๆ อย่างโปรเจกเตอร์ อุปกรณ์เสริมต่างๆ และเชื่อว่าจะยังคงรักษาสัดส่วนนี้ต่อไป เพราะตลาดสมาร์ทโฟนมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และเอเซอร์เน้นการทำตลาดเป็นโปรเจกต์ร่วมกับโอเปอเรเตอร์มากกว่า
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดในช่วงไตรมาส 2 ระบุว่า เอเซอร์มีส่วนแบ่งในตลาดพีซีราว 20% จากทั้งหมด 1.18 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นอันดับ 1 อยู่เช่นเดียวกับตลาดโน้ตบุ๊กที่มีส่วนแบ่ง 32% ในขณะที่ตลาดเดสก์ท็อปมีส่วนแบ่ง 10% เป็นอันดับที่ 3 ในตลาด ส่วนตลาดสมาร์ทโฟนมีส่วนแบ่ง 6% จากการร่วมจำหน่ายกับโอเปอเรเตอร์
นายสุพงศ์ ตั้งตรงเบญจศีล ผู้จัดการฝ่ายกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊ก และแท็บเล็ต ให้ข้อมูลเสริมว่า ผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์ในช่วงไตรมาส 4 ที่จะนำเสนอจะมีทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กสำหรับคอเกม Aspire V Nitro เดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง Aspire Predator G Series ไฮบริดโน้ตบุ๊กที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ Aspire R13 และ โน้ตบุ๊ก Aspire V3 ที่เน้นการออกแบบที่ดูบางและพรีเมียมมากขึ้น
ส่วนในกลุ่มแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ก็มีการเพิ่มรุ่นใหม่เข้ามาทำตลาดอย่าง Aspire Switch 11 และ Aspire Switch 10 (3G) ที่มีจุดเด่นในเรื่องของการเชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดให้กลายเป็นโน้ตบุ๊ก หรือใช้งานเฉพาะหน้าจอเป็นแท็บเล็ต และ Iconia Tab 8 ในการทำตลาดสำหรับผู้ที่เน้นการเสพย์ข้อมูลเพียงอย่างเดียว
สุดท้ายคือ Aspire Z Series ที่เป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบ All In One เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค โดยสินค้าทั้งหมดจะเริ่มทยอยเข้ามาจำหน่ายตั้งแต่วันนี้ จนถึงช่วงสิ้นปี ในระดับราคาตั้งแต่ 6,900-49,990 บาท
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
