| LG G5 มือถือตัวต่อที่ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนเพิ่มเติมได้ | | | แอลจี เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ LG G5 เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยจุดเด่นการเป็นมือถือตัวต่อที่ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการ ด้วยความที่ G5 มีความละเอียดกล้อง 16 ล้านพิกเซลเท่ากับ Galaxy Note 5 ซึ่งซัมซุงเปิดตลาดในช่วงปีที่ผ่านมา สำนักข่าว androidauthority.com จึงนำสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นมาถ่ายภาพจากมุมเดียวกันเพื่อให้ชาวออนไลน์ได้เปรียบเทียบด้วยสายตาตัวเอง ความพิเศษของฟีเจอร์กล้องใน G5 คือ การติดตั้งกล้องหลัง 2 ตัว เหมือนใน LG V10 โดยตัวที่หนึ่งความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มีระบบป้องกันภาพสั่นไหว ตัวเลนส์สามารถรับภาพในมุมมอง 78 องศา กล้องตัวที่ 2 ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์รับภาพมุมกว้าง 135 องศา G5 จึงถูกการันตีว่าสามารถถ่ายภาพได้กว้างกว่ากล้องในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นถึง 1.7 เท่า ทั้งหมดนี้ทำงานนอกเหนือจากกล้องด้านหน้า G5 ที่มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล |
| ตารางเทียบคุณสมบัติกล้อง LG G5 และ Note 5 | | | ในขณะที่ Galaxy Note 5 ถือเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่มีกล้องแจ่มชัดที่สุดในตลาดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ขนาดเซ็นเซอร์ของกล้องในสมาร์ทโฟนทั้ง 2 ค่ายล้วนเท่ากัน มีระบบตั้งค่าถ่ายภาพด้วยตัวเอง หรือ Manual เหมือนกัน โดยภาพจาก Galaxy Note 5 ถูกจัดเรียงไว้ด้านซ้าย ขณะที่ภาพจาก LG G5 คือ ด้านขวามือ |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
สำหรับ LG G5 เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดที่แอลจีส่งมาเขย่าตลาดด้วยหน้าจอเทคโนโลยี 2K QHD ขนาด 5.3 นิ้ว หน่วยประมวลผลภายในคือ Snapdragon 820 หน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB กำหนดการวางจำหน่ายคือเมษายนนี้ จุดเด่นของ G5 คือตัวเครื่องโลหะที่ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ตามการใช้งานของแต่ละคน (แนวคิดเดียวกับ Project Google Ara ของกูเกิล) ผู้ใช้สามารถถอดเปลี่ยนส่วนล่างของตัวเครื่อง G5 ซึ่งเป็นส่วนที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่และถาดใส่การ์ดหน่วยความจำ เบื้องต้น อุปกรณ์เสริมที่แอลจีเปิดตัวมาทดลองตลาดให้ผู้ใช้ถอดเปลี่ยนใส่ใน LG G5 ขณะนี้มี 2 รุ่น ได้แก่ Camera Module ตัวต่อสำหรับตากล้องที่จะทำให้ LG G5 ถูกถือจับและควบคุมการถ่ายภาพได้สะดวกกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็ติดตั้งแบตเตอรี่ในตัวทำให้ G5 มีพลังงานเพิ่มอีก 1200 mAh อีกตัวต่อคือ LG HiFi+ ผลงานจากความร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตชิปประมวลผลเสียง Bang & Olufsen ตัวต่อนี้จะทำให้คอเพลงสามารถฟังเสียงที่ละเอียดกว่าบน LG G5 ตัวต่อ LG HiFi+ ติดตั้งช่องเชื่อมต่อหูฟังที่ปรับแต่งให้แสดงผลเสียงแบบ HiFi ขนาด 3.5 มิลลิเมตรไว้ 2 ช่อง ขณะเดียวกันก็ติดตั้งชิปประมวลผลเสียงแบบ 32-bit DAC สามารถให้เสียงความถี่สูงสุดที่ 384KHz จุดนี้ผู้สนใจสามารถนำตัวต่อ LG HiFi+ ไปใช้กับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นที่มีพอร์ต USB Type-C ได้ คุณสมบัติที่ทำให้ G5 โดดเด่นยังมีฟีเจอร์ Always-On Display เหมือนใน Galaxy S7 ที่ทำให้ผู้ใช้ตรวจสอบการแจ้งเตือน หรือดูเวลาและปฏิทินแม้จะล็อคหน้าจอ เคล็ดลับของคุณสมบัตินี้คือการไม่ต้องกดเปิดหน้าจอทั้งหมดทำให้ไม่สิ้นเปลืองพลังงาน จุดนี้ทำให้แอลจีการันตีว่าสิ้นเปลืองแบตเตอรี่เพียง 0.8% ต่อชั่วโมง |