ด้วยแผนการตลาดที่ชัดเจนของการ์มินในการเข้าถึงกลุ่มผู้ออกกำลังกาย ทำให้ช่วงที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ของการ์มินได้รับความนิยมเป็นอย่างมากทั้งผู้ที่ออกกำลังกายเป็นอาชีพ รวมถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย และต้องการข้อมูลมาเพื่อดูพัฒนาการ ดูแลสุขภาพ การฝึก และความปลอดภัยในการออกกำลังกาย
เพราะปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีการออกกำลังกายที่หนักจนเกินไปจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิต ดังนั้นการที่มีนาฬิกาวัดอัตราการเต้นของหัวใจมาช่วยก็จะทำให้ผู้ใช้ระมัดระวังในการออกกำลังกายมากขึ้น แถมด้วยการบันทึกพิกัดข้อมูลการออกกำลังกาย มีโปรแกรมฝึกซ้อมมาให้ใช้งาน ทำให้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Forerunner ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามปริมาณนักวิ่งที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
สำหรับ Forerunner 235 ถือเป็นนาฬิกาสำหรับนักวิ่งที่มาพร้อมกับระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจที่ตัวเรือน รุ่นที่ 2 ของทางการ์มินต่อจาก Forerunner 225 ที่ออกมาทำตลาดในช่วงปีที่ผ่านมา ชูจุดเด่นนอกเหนือจากเรื่องของการออกกำลังกายแล้วก็คือการแจ้งเตือนจากสมาร์ทโฟนที่รองรับภาษาไทยด้วย
การออกแบบ
ด้วยการที่เป็นนาฬิกาสำหรับนักวิ่งโดยเฉพาะทำให้การออกแบบของ Forerunner 235 ยังคงเน้นไปที่ความเบาในการใส่ใช้งาน พร้อมกับปุ่มกดที่สามารถสั่งงานได้ขณะวิ่ง พร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ที่สามารถแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจได้ชัดเจน โดยขนาดหน้าปัดจะอยู่ที่ 45 x 45 x 11.7 มิลลิเมตร น้ำหนัก 42 กรัม วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สี คือ เทา แดง และเหลือง
ตัวหน้าจอจะมีขนาด 1.23 นิ้ว ความละเอียด 215 x 180 พิกเซล โดยเป็นหน้าจอสี ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกเปลี่ยนหน้าปัดได้จากในแอปพลิเคชัน โดยรอบหน้าจอจะมีสัญลักษณ์ต่างๆประกอบไปด้วย โลโก้ การ์มิน อยู่ที่ส่วนบน ขณะที่ฝั่งซ้ายจะมีสัญลักษณ์ ไฟ และลูกศรขึ้นลง ด้านขวาเป็นสัญลักษณ์ วิ่ง และย้อนกลับ
รอบตัวเครื่องจะมีปุ่มกดต่างๆ ตามสัญลักษณ์ที่แสดงอยู่บนหน้าจอ แต่ทั้งนี้ที่ปุ่มก็จะมีสัญลักษณ์เพิ่มเติมอย่าง ปุ่มซ้ายบนที่เมื่อกดค้างจะเป็นการเปิดปิดตัวเครื่อง ซ้ายกลาง ใช้กดค้างเพื่อเข้าหน้าเมนูควบคุมเพลง ตั้งนาฬิกา และล็อกหน้าจอ ส่วนปุ่มขวาก็จะไว้เลือก และย้อนกลับตามปกติ
หลังตัวเรือนจะมีเซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมกับสัญลักษณ์มาตรฐานต่างๆ โดยจะมีเซ็นเซอร์ที่ไว้ใช้ชาร์จแบตอยู่ทางซ้าย ซึ่งจะใช้ร่วมกับสายเฉพาะที่แถมมาให้ภายในกล่อง
ทั้งนี้ ภายในกล่องนอกจากจะมีตัวเรือน และสายชาร์จแล้ว ก็จะมีคู่มือการใช้งาน พร้อมกับสายสีดำ และไขควงสำหรับเปลี่ยนสาย
สเปก
สำหรับสเปกคร่าวๆของ Forerunner คือตัวเครื่องป้องกันน้ำระดับ 5 ATM (50 เมตร) ภายในมีระบบระบุพิกัด (GPS) พร้อมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และวัดอัตราการเต้นของหัวใจ สามารถใช้วัดการออกกำลังกายได้ต่อเนื่อง 11 ชั่วโมง และถ้าใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วๆไปจะอยู่ที่ราว 9 วัน
ฟีเจอร์เด่น
แน่นอนว่าฟังก์ชันหลักของ Forerunner 235 ถูกออกแบบมาให้ใช้กับการวิ่งเป็นหลัก โดยผู้ใช้สามารถกดบันทึกการวิ่งได้ง่ายๆด้วยปุ่มขวาบน กดปุ่มขึ้นเพื่อเลือกกิจกรรมที่ต้องการ (มีให้เลือกทั้งวิ่ง วิ่งบนลู่ ขี่จักรยาน และอื่น) หลังจากนั้นก็สามารถเริ่มออกกำลังได้ทันที
ที่สำคัญคือผู้ใช้สามารถเลือกปรับหน้าจอการแสดงผลได้ว่าจะให้แสดงระยะทาง เวลา Pace วัดรอบ ระยะทางต่อรอบ ดูอัตราการเต้นของหัวใจ พร้อมระบุโซน (สามารถเข้าไปตั้งโซนได้จากภายในแอปฯ) ที่สำคัญคือสามารถวัดรอบขาในการวิ่งได้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดสามารถเข้าไปดูรายละเอียดย้อนหลังผ่านแอปพลิเคชันได้
ถัดมาก็คือฟังก์ชันอย่างการฝึกฝน (Training) ที่ผู้ใช้สามารถเข้าไปเลือกตารางการออกกำลังได้จากในเว็บ โดยสามารถค้นหาเส้นทางที่มีการบันทึกไว้ อย่างสถานที่วิ่งหรือขี่ต่างๆได้ หรือจะไปเลือกโปรแกรมในการฝึกฝน ที่จะมีทั้งโปรแกรมระดับเริ่มต้นไปจนถึงสำหรับมืออาชีพ ที่จะระบุตารางการฝึกซ้อมไว้อย่างละเอียดมาให้เลือกใช้งาน
แน่นอนว่า ถ้านำ Forerunner ไปใช้งานกับกีฬาประเภทอื่นๆ นอกจากวิ่ง ถ้าเป็นกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะมีการบันทึกการเคลื่อนไหว บันทึกอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้านำไปใช้กับการขี่จักรยานก็จะบันทึกเส้นทางที่ปั่นเพื่อนำไปแสดงผลบนแผนที่ได้เช่นเดียวกัน และยังสามารถใช้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมอื่นๆอย่างตัววัดรอบขาจักรยาน และกำลังได้ (Power Meter)
จุดเด่นอีกจุดในการวัดอัตราการเต้นของหัวใจของ Forerunner 235 คือมีระบบส่งอัตราการเต้นของหัวใจไปแสดงผลบนอุปกรณ์อื่นๆที่เชื่อมต่อกัน อย่างกรณีที่ใช้ในการปั่นจักรยาน ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อตัว Forerunner 235 เข้ากับไมล์ Garmin EDGE เพื่อแสดงผลอัตราการเต้นของหัวใจบนหน้าจอที่ติดตั้งไว้บนแฮนด์จักรยานได้ทันที ไม่จำเป็นต้องยกข้อมือขึ้นมาดูที่ตัวนาฬิกา
อีกจุดที่น่าสนใจคือเมื่อออกกำลังกายเสร็จ ตัวแอปจะทำการคำนวนว่า จากกิจกรรมที่ผ่านมาควรใช้ระยะเวลาในการพักผ่อนเท่าไหร่ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์ที่สุดก่อนออกกำลังกายครั้งต่อไป ออกมาเป็นจำนวนชั่วโมงที่ต้องพักผ่อนไว้ด้วย
ฟังก์ชันต่างๆเหล่านี้จะถูกออกแบบมาให้ใช้ไปกับการออกกำลังกายเป็นหลัก แต่ Forerunner 235 ก็จะมีความสามารถอื่นๆเพิ่มเติม เพราะตัวนาฬิกาสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านแอปพลิเคชัน Connect IQ ได้ ทำให้ผู้ใช้สามารถส่งการแจ้งเตือนต่างๆจากสมาร์ทโฟนมาแสดงผลบนนาฬิกาได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการแสดงผลสายเรียกเข้า ข้อความ อีเมล โซเชียลมีเดียต่างๆ ที่สำคัญคือรองรับการแสดงผลภาษาไทยด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังสามารถเข้าไปเลือกปรับหน้าจอ (โหลดเพิ่มเติมได้ภายในแอปฯ) ใช้ควบคุมเครื่องเล่นเพลง แสดงพยากรณ์อากาศ ตารางนัดหมายได้ รวมถึงการเข้าไปดาวน์โหลดวิตเจ็ตต่างๆเพิ่มเติมมาติดตั้งได้อีก คล้ายๆกับการเป็นสมาร์ทวอทช์เครื่องหนึ่ง
ไม่นับรวมไปกับความสามารถพื้นฐานของนาฬิกาจับการเคลื่อนไหว ที่สามารถนับก้าว บันทึกการนอน ระยะทาง แสดงผลปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลานไปในแต่ละวัน รวมถึงการแสดงอัตราการเต้นของหัวใจที่จะมีการบันทึกต่อเนื่องตลอด เพื่อแสดงให้เห็นถึงอัตรการเต้นของหัวใจเป็นกราฟย้อนหลังในช่วง 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึง Rest HR ด้วย
สรุป
ถ้าเป็นนักวิ่งที่จริงจังกับการออกกำลังกาย และต้องการอุปกรณ์ที่จะมาช่วยพัฒนาการวิ่ง เชื่อว่า Forerunner 235 ถือเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อันดับต้นๆที่ควรมีไว้ เพราะช่วยให้ผู้ใช้สามารถบันทึกการวิ่ง พร้อมกับนำข้อมูลการเต้นของหัวใจ ระยะทาง การลงเท้า รวมถึง VO2MAX มาแสดงผลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถปรับตัวให้เหมาะกับการวิ่งที่ดีที่สุด
แต่ไม่ใช่เหมาะกับนักวิ่งเพียงอย่างเดียว เพราะ Forerunner 235 ก็สามารถนำมาใช้งานในชีวิตประจำวันได้ หรือจะนำไปใช้กับการปั่นจักรยาน เพียงแต่จะใช้ความสามารถของนาฬิกาได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่านั้นเอง เพราะถ้าใช้งานทั่วๆไปการ์มินก็จะมีผลิตภัณฑ์อื่นที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า
ข้อดี
นาฬิกาวัดสำหรับนักวิ่งวัด HR VO2MAX บันทึกพิกัด กันน้ำได้
มีโปรแกรมฝึกซ้อม พร้อมระบบคำนวนเวลาพักร่าง
วัดรอบขาได้ เหมาะกับการวัดการซ้อมวิ่งกับเครื่อง
รองรับการแจ้งเตือนภาษาไทย
ข้อสังเกต
ราคาค่อนข้างสูง (12,990 บาท)
การซิงค์กับ IQ Connect บางครั้งไม่ค่อยสเถียร และยังมีวิตเจ็ตให้ใช้งานน้อย
//www.cyberbiz.in.th/review-garmin-forerunner-235/