All Blog
หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา : อุรุดา โควินท์






หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา



บทประพันธ์ : อุรุดา โควินท์


ISBN 978-974-02-1559-2 ฉบับปก สำนักพิมพ์มติชน. พิมพ์ครั้งที่ 1. 2560.

จำนวน 408 หน้า ราคา 370 บาท


รายละเอียด

อุรุดา หรือ ชมพู นักเขียนสาว-อดีตพนักงานธนาคาร หนีอะไรบางอย่างมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช จะเรียกว่าโชคชะตาได้หรือเปล่า ที่พาให้เธอมารู้จักและใกล้ชิดกับ กนกพงศ์ ผู้มีฉายาว่า “นักเขียนหนุ่มตลอดกาล” ซึ่งหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มหนึ่งของเขาเคยได้รับรางวัลซีไรต์มาแล้ว แต่ดูเหมือนว่า ความสำเร็จในอดีตกำลังกลายเป็นกรอบปิดกั้นการสร้างสรรค์ผลงานของเขา 

อุรุดาเคยสนทนา (เรียกว่าสนทนาได้ไหมนะ) กับกนกพงศ์ครั้งแรกผ่านไปรษณียบัตร ซึ่งเขาเขียนตอบกลับเกี่ยวกับงานเขียนของเธอ เมื่อครั้งที่เธอเขียนบทกวีส่งไปให้เขาพิจารณาในนิตยสารไรเตอร์ และได้พบหน้าเขาอีกครั้งในงานชุมนุมช่างวรรณกรรม โดยไม่ได้พูดคุยกันเลย แต่แล้วกาลเวลาก็พาทั้งสองมาเจอและทำความรู้จักกันอย่างจริงจังที่อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช

ความสัมพันธ์ของทั้งสองค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นท่ามกลางความสวยงามของธรรมชาติและขุนเขา อ้อมกอดของกนกพงศ์สั่นสะเทือนหัวใจของอุรุดาให้เริ่มหวั่นไหว เธอเฝ้าคิดถึงเขา คิดถึงกอดนั้นจนรำคาญตัวเอง และแล้วหัวใจของอุรุดาก็ยินยอมอยู่เคียงข้างเขา ในวันที่เขากระชับอ้อมแขนโอบเธอเอาไว้ แล้วกระซิบกับเส้นผมของเธอว่า “อยู่ด้วยกันนะ ทำงานด้วยกัน” หากเพียงเขาจะเอ๋ยคำรัก เธอคงไม่หลงเหลือความลังเล เธอยังรอคำนั้น รอตั้งแต่วันแรก เมื่อมองย้อนกลับไปในวันเวลาที่ล่วงผ่านเลย อุรุดาได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดูตัวเอง เพราะความหลังระหว่าง ‘เขา’ กับ ‘เธอ’ ดูราวกับจะจบลงด้วยหยาดน้ำตา ทว่าในทุกหยาดน้ำตาแห่งความคิดถึง ล้วนเจือเอาไว้ด้วยหยดน้ำหวานแห่งความทรงจำ


ฉันพูดคำรักอย่างสามัญเพราะไม่มีคำอื่นให้กล่าว

และฉันไม่อาจหาคำใดมาแทนค่าความรู้สึกที่มีต่อรัก อย่างเรียบง่าย

ฉันพอจะขยายความได้, ฉันพร้อมร่วมชะตากรรมกับพี่

ฉันทำให้เห็นทุกเมื่อเชื่อวันว่าความรักของฉันไม่ใช่การแตะต้องสัมผัส

คำหวาน หรือการเอาใจ

แต่มันคือการยืดหยัดข้างพี่ ไม่ว่าพี่จะเป็นอย่างไร

และไม่ว่าจะเกิดอะไรกับเรา

- หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา


REVIEW

หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา บทประพันธ์ของ อุรุดา โควินท์ สำหรับผมแล้วนิยายเรื่องนี้เป็นเหมือนหนังสารคดีชีวิตที่ถูกหยิบมานำเสนอในรูปแบบของนิยาย ทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์ คือเรื่องจริงซึ่งผู้เขียนใช้ภาษาและวรรณศิลป์ถ่ายทอดออกมาได้อย่างงดงาม ทำให้เราเชื่อสนิทใจว่า ภายใต้หยาดน้ำตาของความคิดถึงที่อุรุดามีต่อกนกพงศ์ มีหยดน้ำหวานของความทรงจำมากมายที่มีค่ามาก และเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้อุรุดาเดินหน้าไปสู่เส้นทางของนักเขียนอาชีพ ซึ่งหนังสือเล่มนี้ คือหนึ่งในความสำเร็จที่ทุกคนควรได้ลองอ่าน 

หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา เล่าเรื่องราวชีวิตของสองนักเขียน โดยนำเสนอผ่านความทรงจำของนักเขียนสาว คือ อุรุดา ตัวละครเอกซึ่งครั้งหนึ่งเคยใช้ชีวิตคู่เคียงข้าง กนกพงศ์ จนถึงวาระสุดท้ายในชีวิตของเขา ผู้เขียนเริ่มต้นเล่าเรื่องจากความคิดถึงที่อุรุดามีต่อกนกพงศ์ แล้วจึงพาผู้อ่านย้อนกลับไปยังเรื่องราวในวันวานที่พวกเขาได้พบเจอและตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันที่หุบเขาฝนโปรยไพร อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งสลับมุมมองกลับมายังช่วงเวลาที่กนกพงศ์จากเธอไปแล้ว




นิยายเรื่องนี้ นับเป็นนิยายรักที่ดีเรื่องหนึ่งเลย เพราะไม่เพียงแต่ถ่ายทอดความรักของหนุ่มสาวที่มีความฝันเหมือนกัน แต่ยังนำเสนอแง่มุมของชีวิตคู่ ซึ่งเป็น “ชีวิตคู่จริง ๆ” ที่มีทั้งสุข ทุกข์เศร้า เหงา การโต้เถียง รอยยิ้ม กำลังใจ การยอมรับซึ่งกันและกัน เมื่อ อุรุดา ตัดสินใจเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับ กนกพงศ์ นักเขียนหนุ่มผู้มีชื่อเสียง เขาหวังให้เธอเป็นแรงใจคอยสนับสนุนให้เขาเขียนงานได้สำเร็จ เธอเองก็คาดหวังเช่นนั้น เธออยากช่วยเขา อยากเรียนรู้และทำงานเขียนของเธอไปพร้อมกับเขา เหนือสิ่งอื่นใดคือเธอรักเขา แต่ทว่าชีวิตคู่จริง ๆ ไม่เหมือนนิยายพาฝัน เรื่องราวของเธอและเขาจึงไม่ง่ายเลย 

ผมรู้สึกชื่นชอบนางเอกของเรื่องมากที่สุด ชอบทั้งความคิด บุคลิกลักษณะ การแสดงออกแบบแก่น ๆ ของเธอในบางครั้ง หรือแม้แต่การประชดประชันที่เธอแสดงต่อกนกพงศ์ ซึ่งเธอทั้งรักและทั้งหมั่นไส้ สำคัญคือเรามองเห็นความอดทนและความจริงใจที่อุรุดามีต่อคนรักของเธอ พยายามเป็นกำลังใจให้เขากลับมาเขียนเรื่องสั้นดี ๆ ได้อีกครั้ง ช่วยทลายกรอบและอีโก้ของเขา ไม่ใช่เพียงเพื่อหวังเอาชนะเขาเป็นที่ตั้ง แต่เพื่อให้เขาชนะตัวเองด้วย

ในมุมมองของผม อุรุดา คือตัวละครหญิงที่สุดยอดมาก ยิ่งฉากที่มีการประชันความคิดกับกนกพงศ์ ผมยิ่งชอบใจ เพราะทำให้เราเห็นการชิงไหวชิงพริบของทั้งสองคน ก่อนจบลงด้วยการยอมรับความเห็นต่าง การให้เกียรติกัน ทั้งที่แสดงและไม่แสดงออก นอกจากนี้ นิยายยังนำเสนอความเป็นมนุษย์เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ทั้งในแง่การใช้ชีวิต ความรัก การทำงาน ความคิด และจิตวิญญาณ


กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

นักเขียนรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2539 : รวมเรื่องสั้นแผ่นดินอื่น

Cr. bookster.blog


พี่ขังตัวเองไว้ชั้นบน มัดขาติดเก้าอี้ ไม่ยอมไปไหน ฉันรู้ว่าพี่พยายามเพียงใดเพื่อจะกลับมา พี่กรีดหนัง เลาะเนื้อ เผื่อบางทีเขาจะอยู่ในกระดูก-นักเขียนหนุ่มคนนั้น... 

บ้านแทบระเบิด เพราะความเคร่งครัดที่พี่ยัดเยียดให้การงาน ฉันแน่ใจ แม้แต่การอ่านก็ไม่ทำให้ผ่อนคลาย 

พี่บอกตัวเอง-ต้องทำให้ได้ ทั้งที่สูญเสียความมั่นใจไปแล้ว 

หากนักเขียนมีความมั่นใจ เราจะไม่บอกตัวเองว่าต้องทำได้ ความมั่นใจช่วยให้เรามีสองทางเลือก, เขียน หรือไม่เขียน 

ฉันเชื่อ, เชื่อมั่นว่าพี่จะได้นักเขียนหนุ่มกลับมา ฉันจะอยู่ในบ้านซึ่งไร้เสียงสนทนา รอคอยเรื่องสั้นของพี่ถือกำเนิด... 

พี่คะ มันเศร้าเสียจนโกรธไม่ลง ไม่ว่าพี่จะเย็นชากับฉันแค่ไหน ความเห็นใจข่มความถือดีของฉันจนสิ้น... 

พี่ส่งบุหรี่ให้ฉัน 

“ได้งานมั๊ยคะ” 

“ยังไม่น่าพอใจ” 

“แล้วแบบไหนที่พี่จะพอใจคะ”

“เราไม่ใช่พูนะ อยากเขียนอะไรก็ได้ จะเขียนยังไงก็ได้”

ฉันยิ้ม “เป็นโชคดีของพูที่ไม่ได้เติบโตมากับคำชม และรางวัล”

พี่จ้องตาฉันอย่างกับจะกินเนื้อ ฉับพลันก็เปลี่ยนเป็นประกายวูบวาบ แต่แล้วความเศร้าก็ลบทุกอย่างทิ้ง พี่จุดบุหรี่ตัวใหม่ “มันนานมาก มากจริงๆ ที่เราไม่มีงานออกมา”

“พี่ไม่เขียนอะไรเลยเหรอ สามสี่ปีที่ผ่านมา”

“เขียนก๊อกแก๊ก ไม่ใช่งานที่ตั้งใจไว้”

“ขออ่านได้มั๊ยคะ” ฉันเคาะบุหรี่ออกมาตัวหนึ่ง “งานก๊อกแก๊กเหมาะกับนักเขียนป๊อกแป๊กที่สุด”

พี่ถอนใจ “เขียนสนุกๆ เท่านั้นเอง”

“นั่นล่ะค่ะ น่าสนใจ”

“ถ้าอยากอ่าน พรุ่งนี้พิมพ์ให้”

“พูจะบอกพี่อย่างตรงไปตรงมา อย่าด่วนตัดสินงานตัวเองค่ะ บางทีพี่ก็ไม่มีสิทธิ์”

พี่เลิกคิ้ว

“พี่ไม่ได้อ่านมันอย่างอิสระ พี่อ่านโดยมีกำกับว่านี่คืองานของนักเขียนซีไรต์” ฉันยักคิ้ว “เพื่อชีวิตคนสุดท้ายด้วยสิ”

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เราจะไม่พูด” พี่ปล่อยควันบุรี่ “จริงๆ”

“ก็ถือว่าไม่ได้พูดสิคะ ช่างหัวมัน”

“เราพูดเองนะ”

“พูดได้ก็ลืมได้ค่ะ”

“เรากลับมาอยู่พรหมคีรี เพราะต้องการบรรยากาศเหมือนตอนเขียนแผ่นดินอื่น เข้ามาสู่วิถีแห่งการงาน แต่เราไม่สนุกแบบเดิมอีกแล้ว มันแย่นะที่ไม่สนุก”

“พี่จะเขียนแผ่นดินอื่นเล่มที่สองเหรอ ?”

พี่ขมวดคิ้วแน่น

“ไม่ได้กวนตีนนะคะ ถามจริง ถ้าไม่ใช่ พี่ก็ต้องไม่เหมืนเดิมแล้วล่ะ”

“เราอยู่ที่นี่ ถือเป็นการบวชชนิดหนึ่ง ถ้าไม่ได้งานก็ไม่ออกไป”

ฉันชูกำปั้น “ลุยเลยค่ะ”

“เราไม่ใช่นักเขียนกิ๊กก๊อกนะ”

“ลองเป็นมั๊ยล่ะ สนุกนะ” ฉันหัวเราะ

จะทำ, พูดอะไรได้อีก ในยามนั้น หวนกลับไปทบทวน ฉันจนตรอกอยู่ดี



Cr. ksamphan.wordpress.com

บทสนทนาข้างต้นที่ผมยกมา (เสียยาวเยียดเลย) เป็นตอนหนึ่งในหนังสือที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ อ่านแล้วได้กำลังใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะหลังจากที่อุรุดาต้องทนอยู่ในบ้านแสนอึดอัด ขณะที่กนกพงศ์เอาแต่เคร่งเครียดกับการเขียนเรื่องสั้นไม่ได้ดังใจ จนความเครียดเหล่านั้นแผ่ซ่านไปทั่วบ้าน บางคนอาจเลิกทนแล้วขอแยกทาง (ก็ใครกันจะทนไหว อันนี้ต้องลองอ่าน แล้วลองตัดสินใจกันเองครับ) แต่สำหรับอุรุดา เมื่อหมดความอดทน เธอเลือกที่จะพูดกับกนกพงศ์ตรง ๆ และคำพูดของเธอก็แฝงไว้ด้วยพลังพร้อมปลุกไฟนักเขียนในตัวเขาขึ้นมาอีกครั้ง

อุรุดาเองก็อยากเป็นนักเขียนมืออาชีพ การถูกคนรักย้อนเข้าให้ว่า “เราไม่ใช่พูนะ อยากเขียนอะไรก็ได้ จะเขียนยังไงก็ได้” แหม ถ้าเป็นใครได้ยินก็คงเจ็บจี๊ดน่าดู แต่เธอแกร่งจริง ๆ ความจริงใจของเธอเลยเอาชนะอคติของเขาได้มากทีเดียว เพราะหลังจากนั้น แม้ว่ากนกพงศ์จะเขียนงานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เขาก็เพียรเขียนจนได้ผลงานหลายเล่มเลย (แต่ละเล่มทำให้ผมอยากตามไปอ่านเลยล่ะ) ขณะเดียวกัน เขาก็คอยเป็นพลังสนับสนุนอุรุดาให้สร้างสรรค์งานเขียนของตัวเองด้วย เหมือนดังคำพูดที่เขาบอกเธอ และเธอจดจำมันไว้เป็นกำลังใจให้ตัวเองเสมอว่า “ให้พูเขียนหนังสือ แล้วงานเขียนจะปกป้องพูจากทุกอย่าง”

อาจเป็นประโยคสั้น ๆ นั้นก็ได้ ที่ทำให้ อุรุดา โควินท์ ก้าวขึ้นมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มภาคภูมิในวันนี้



บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
(มีคนบอกผมว่า ถ้าอยากได้ภาพของหยดน้ำหวานในหยาดน้ำตาที่ครบสมบูรณ์ ต้องอ่านเล่มนี้ด้วย)

อุรุดาเขียนงานจากความรัก ความจริงใจของเธอจริง ๆ ผมเชื่อว่าทุกคนจะสัมผัสได้เมื่อลองหยิบงานเขียนของเธอขึ้นมาอ่าน อย่างเรื่อง หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา ซึ่งอุรุดานำเสนอด้วยสำนวนภาษาที่สั้น ง่าย กระชับ แต่ทั้งหมดในทุกถ้อยคำตั้งแต่บทนำ (ก่อนนวนิยาย) จนถึงบทที่ 39 หน้าสุดท้าย ล้วนเต็มไปด้วยพลังของถ้อยคำที่อ่านแล้วอิ่ม ยอมรับว่าเป็นหนังสืออีกหนึ่งเล่มที่ผมอ่านเพลินจนวางไม่ลงเลย

นอกจากประเด็นเรื่องการสร้างงานเขียนของทั้งสอง ในนิยายยังมีอีกหลายแง่มุมชีวิตของสองนักเขียนที่สนุก ชวนติดตาม เช่น การเดินป่า การทำอาหาร ความสัมพันธ์กับเพื่อนนักเขียน หญิงสาวแฟนคลับกนกพงศ์ที่เขามาปั่นป่วนหัวใจนางเอกของเรา ฯลฯ ต้องลองไปอ่านกันดูครับ สนุกดีนะ

แม้เรื่องราวในนิยายจะไม่ได้จบลงอย่างเศร้าโศก แต่เพราะรู้แก่ใจว่าทุกตัวหนังสือนำเสนอมาจากความทรงจำที่เธอมีต่อกนกพงศ์ อดีตคนรักที่ได้จากไปแล้วร่วมสิบปี ผมก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอ (นิดหน่อย) แต่ถึงอย่างนั้น ในหยาดน้ำตา ไม่ว่าของอุรุดาหรือผู้อ่าน ก็น่าจะมีหยดน้ำหวานเจือจานอยู่ด้วยอย่างแน่นอน

แนะนำให้ลองอ่านกันดูครับ




Jim-793009

27 : 11 : 2017




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2560
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2560 9:50:42 น.
Counter : 3779 Pageviews.

17 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณruennara, คุณnewyorknurse, คุณlovereason, คุณ**mp5**, คุณfor a long time

  
ยังไม่เคยไปอ่านผลงานของคุณอุรุดาหรือของคุณกนกพงศ์เลยสักเล่มครับ
โดย: ruennara วันที่: 28 พฤศจิกายน 2560 เวลา:23:38:28 น.
  
เคยเห็นเรื่องนี้ ลงในสกุลไทย แต่ยังไม่มีโอกาสได้อ่านสักทีเลยครับ อ่านรีวิวแล้ว น่าสนใจมากๆ
โดย: สามปอยหลวง วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:29:33 น.
  
คุณ ruennara --- ผมอ่านเรื่องนี้ของอุรุดา โควินท์ เป็นเรื่องแรกเหมือนกันครับ แต่เป็นการเริ่มต้นอ่านที่ดีมาก ๆ เพราะทำให้เราเข้าใจจิตวิญญาณของนักเขียนพอสมควร จนอยากจะตามอ่านงานของพวกเขา อย่างของกนกพงศ์ตอนนี้ผมมีเรื่องแผ่นดินอื่นแล้ว แต่ก็ยังไม่มีคิวอ่านเลยครับ

คุณสามปอยหลวง --- ใช่แล้วครับ คุณชมพูเคยบอกว่าลงในสกุลมาก่อน เป็นเรื่องราวรำลึก 10 ปีของการจากไปของคุณกนกพงศ์ เป็นนิยายอัตชีวประวัติที่ละมุนละไม และเต็มไปด้วยแง่คิดมากมายเลยครับ เชียร์ให้ลองอ่านนะครับ ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2560 เวลา:8:56:49 น.
  
ชอบมาก
อ่านจบแล้วค่ะ
โดย: lovereason วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:7:30:11 น.
  
คุณ lovereason --- เห็นด้วยครับ ผมก็ชอบมากเหมือนกัน เรื่องไม่หวือหวา แต่อ่านแล้วดีอย่างบอกไม่ถูก ปกก็สวยมากครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2560 เวลา:9:23:07 น.
  
เป็นเรื่องที่เรียงร้อยออกมาจากหัวใจเลยค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 ธันวาคม 2560 เวลา:13:43:39 น.
  
คุณ tuk-tuk@korat --- ใช่เลยครับ อ่านแล้วสัมผัสได้เลยว่าคุณชมพูเขียนออกมาจากหัวใจจริงๆ ภาษาก็งดงาม อิ่มใจนะครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:10:00:37 น.
  
แวะมาเยี่ยม สวัสดีครับ
โดย: **mp5** วันที่: 4 ธันวาคม 2560 เวลา:17:59:56 น.
  
คุณ **mp5** --- ขอบคุณที่แวะมานะครับ ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 6 ธันวาคม 2560 เวลา:9:47:51 น.
  
แวะมาสวัสดีวันหยุดยาวครับ
โดย: ruennara วันที่: 11 ธันวาคม 2560 เวลา:1:19:04 น.
  
คุณ ruennara --- สวัสดีครับ หวังว่าวันหยุดยาวถ้าไม่ออกไปเที่ยว จะได้นอนอ่านหนังสืออย่างสบายใจนะครับ ^^
โดย: Jim-793009 วันที่: 11 ธันวาคม 2560 เวลา:9:06:25 น.
  
สวัสดีครับ วันนี้แวะมาบอกสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าครับ
โดย: ruennara วันที่: 29 ธันวาคม 2560 เวลา:6:09:14 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับ
โดย: ruennara วันที่: 13 มกราคม 2561 เวลา:6:39:32 น.
  
คุณ ruennara --- สวัสดีปีใหม่และอรุณสวัสดิ์นะครับ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันเสมอเลย ตั้งแต่หยุดยาวปีใหม่ยังไม่ได้เปิดมาอ่านบล็อกเลยครับ ขอให้ปีใหม่ 2018 มีหนังสือดี ๆ มาให้อ่านกันเยอะ ๆ นะครับ
โดย: Jim-793009 วันที่: 18 มกราคม 2561 เวลา:9:47:39 น.
  
สวัสดีครับ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บล๊อกครับ ปีใหม่ผ่านมาแล้วครึ่งเดือน ขอให้พบเจอสิ่งดีๆตลอดปีครับ
โดย: ruennara วันที่: 18 มกราคม 2561 เวลา:19:46:27 น.
  
คุณ ruennara --- 555 ขอให้พบเจอสิ่งดี ๆ เช่นกันครับ ^_^
โดย: Jim-793009 วันที่: 19 มกราคม 2561 เวลา:17:44:05 น.
  
อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์แสนสุขครับ
โดย: ruennara วันที่: 20 มกราคม 2561 เวลา:6:24:27 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Jim-793009
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]



"เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^

วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก
- กฤษณา อโศกสิน

"หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน"
- ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก]

"...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..."
- Finders Keepers, Stephen King
New Comments