Group Blog All Blog
|
ภูผา กำแพง แสงดาว : สิรปกรณ์ ภูผา กำแพง แสงดาว
บทประพันธ์ : สิรปกรณ์ ISBN 978-616-445-539-9 ฉบับปก สำนักพิมพ์นิลุบล. พิมพ์ครั้งที่ 1. 2560 จำนวน 224 หน้า ราคา 265 บาท รายละเอียด ร้อยเอกคีรี เด่นภูมิ นายทหารหนุ่ม ผู้ตั้งใจอุทิศตนเพื่อปกป้องชาวบ้านแสนพนมจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายมาตลอด 3 ปี กำลังเผชิญกับปัญหาครั้งใหญ่ เมื่อมีรายงานถึงการปรากฏตัวของ รุสลัน ซามะ หัวหน้าผู้ก่อการร้ายที่ทางการกำลังตามตัวในเขตชุมชนแสนพนม เป็นเหตุให้นายทหารหนุ่มคัดค้านการเปิดทำการโรงเรียนแสนพนมที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ เพราะเกรงว่าผู้ก่อการร้ายจะเข้ามาก่อความไม่สงบ จนอาจเกิดอันตรายต่อครูและนักเรียน แต่เพราะขัดความประสงค์ของผู้ใหญ่ (ในแวดวงราชการ) ไม่ได้ โรงเรียนแสนพนมจึงต้องเปิดทำการอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง แล้วโชคชะตาก็ได้พา นิจ เดชดำรง ครูสาว อดีตชาวชุมชนแสนพนมกลับมาเป็นครูที่บ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากที่หล่อนต้องจากไปนานนับสิบปี เพราะสูญเสียพ่อไปกับการเหตุการณ์โรงเรียนถูกเผาในอดีต การกลับมาครั้งนี้ ทำให้นิจได้พบกับผู้กองคีรี ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อปกป้องบ้านเกิดของหล่อน และ ร้อยตำรวจเอกมหรรณพ ธยานันท์ หัวหน้าฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนสายกำแพง ซึ่งมีใจชอบพอหล่อนตั้งแต่แรกพบ ผู้กองคีรีไม่เพียงดูแลชาวบ้านให้ปลอดภัยจากผู้ก่อการร้าย แต่เขายังต้องต่อสู้กับหัวใจของตัวเองด้วย ว่าเขาพร้อมจะเปิดรับความรักครั้งใหม่หรือไม่ เพราะอาชีพและหน้าที่ของเขาไม่อาจมอบความมั่นคงแก่คนที่จะอยู่เคียงข้างได้ แม้ว่าเขายังต้องการใครสักคนที่คอยรับฟังความทุกข์ และร่วมยินดีไปกับความสุขของเขาก็ตาม ทว่าท้ายที่สุดอุดมการณ์ ความรัก และวิถีแห่งวีรบุรุษก็ได้มอบคำตอบทั้งหมดให้แก่เขา...ไปอ่านกันต่อในเล่มนะครับ ดาวของที่นี่สวยสว่างมากที่สุดในคืนเดือนมืด สมแล้วที่ชื่อบูกิตบินตัง นิจคงจะรู้ความหมายของชื่ออำเภอที่นี่ดี พ่อเคยบอกนิจว่า บูกิตคือภูผา และบินตังคือดวงดาว ชื่อของที่นี่เมื่อรวมแล้วก็จะแปลได้ว่า ภูผาแห่งดวงดาว - ภูผา กำแพง แสงดาว REVIEW ภูผา กำแพง แสงดาว ของ สิรปกรณ์ เป็นหนึ่งในนวนิยายรางวัลรองชนะเลิศ จากการประกวดรางวัลประภัสสร เสวิกุล ครั้งที่ 1 ประจำปี 2559 ผมอ่านนวนิยายเรื่องนี้จบมานานหลายเดือนมากแล้ว แต่เพิ่งมีเวลาหยิบมารีวิว (ยังมีดองเอาไว้อีกหลายเล่มเลย) หากต้องนิยามแก่นของนิยายให้เข้าใจอย่างง่าย คงไม่มีอะไรดีไปกว่าโปรยปกหน้าที่เขียนบอกไว้แล้วว่า ความรัก มิตรภาพ และอุดมการณ์ของวีรบุรุษชายแดนใต้ ที่มีกลิ่นอายของความโรแมนติก-ดราม่า แฝงเอาแทบทุกช่วงทุกตอนของเรื่องราว
ภูผา กำแพง แสงดาว บอกเล่าถึงความกล้า ความเสียสละของทหารและตำรวจที่ปกป้องชายแดนใต้จากกลุ่มผู้ก่อการร้าย เกิดขึ้นในสถานที่สมมติที่ผู้เขียนจินตนาการขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นอำเภอบูกิตบินตัง หมู่บ้านแสนพนมและสายกำแพง เพียงแต่ชื่อที่คิดขึ้นนี้ก็ทำให้ผมหลงเชื่อเสียแล้วว่าเป็นสถานที่จริง และเมื่ออ่าน ๆ ไปคุณอาจคิดเหมือนผมว่า คนเขียนน่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่เคยประจำการอยู่ชายแดน เพราะบรรยายรายละเอียดการทำหน้าที่รั้วของชาติได้อย่างสมจริง น่าเชื่อ แม้กระทั่งวิธีพูดจากันของพวกตำรวจ-ทหาร ที่ผู้น้อยจะเรียกผู้ใหญ่ว่า พี่ และผู้ใหญ่เรียกผู้น้อยว่า น้อง เราจึงได้เห็นความรัก ความผูกพันธ์ของเหล่าทหารจากนิยายเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จนอาจเกิดความรู้สึกคล้อยตามว่าพวกเขาต่างก็มีอุดมการณ์เพื่อความสงบสุขของชาติจริง ๆ แต่ในทางกลับกัน เราผู้อ่านต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ผู้เขียนได้คัดเลือกเอามุมมองและอุดมการณ์ที่ดีของทหารตำรวจออกมานำเสนอเป็นหลัก (ตามที่กล่าวไว้ในคำนำ) ดังนั้น เราจึงแทบไม่พบเหตุผลเบื้องหลังของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในเรื่องนี้เลย ว่าเหตุใดพวกเขาถึงต้องเผาโรงเรียน มีอะไรเป็นสาเหตุกันแน่ ส่วน นายรุสลัน ก็มีลักษณะเป็นเหมือนเงามืดที่ตะคุ่มอยู่เบื้องหลังเรื่องราวตลอดเวลา ไม่ได้มีการนำเสนอให้เรามองเห็นตัวเขาชัด ๆ ผมอ่านทีแรกก็ติดใจสงสัยอยู่ว่า ทำไมถึงไม่ให้เรารู้จักตัวตนของรุสลันเลย แต่พอมาคิดดูแล้ว ผู้เขียนอาจทำถูกที่ไม่ไปแตะเรื่องราวดังกล่าว เพราะปัญหาชายแดนใต้ค่อนข้างละเอียดอ่อนมาก ควรละไว้ในฐานที่เข้าใจ และเลือกโฟกัสไปที่มุมมองของตัวละครเอกคือ ร้อยเอกคีรี และทัศนคติของเขาเป็นสำคัญ ดังคำพูดของเขาที่ว่า... ผมรักหมู่บ้านแสนพนม คืนไหนที่ผมเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ผมจะขึ้นไปที่ริมผาด้านหลังฐานปฏิบัติการเพื่อนั่งมองดวงดาวบนท้องฟ้า แสงดาวที่กระพริบอยู่บนนั้นทำให้ผมมีกำลังใจต่อสู้ บูกิตบินตังเป็นเมืองคนกล้า มีนักรบ ทหาร ตำรวจหลายร้อยคนทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เพื่อปกป้องประเทศชาติ แต่พวกเขาไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ยังคงคุ้มครองทุกคนอยู่บนฟากฟ้าโน่น นิจรู้ไหมว่าดวงดาวทุกดวงมีจิตวิญญาณของผู้กล้าเหล่านั้น วันหนึ่งถ้าผมตาย ผมจะไปอยู่บนท้องฟ้า เป็นดวงดาวที่ส่องแสงลงมาให้ทุกคนในแสนพนมที่ผมรัก - คีรี ภูผา กำแพง แสงดาว หน้า 200
ข้อดีอย่างหนึ่งของ ภูผา กำแพง แสงดาว คือการนำเสนอภาพการอยู่ร่วมกันของชุมชนชาวพุทธและชาวมุสลิม ซึ่งดำเนินไปอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน แม้จะนับถือคนละศาสนา แต่พวกเขาพร้อมร่วมมือร่วมใจปกป้องอันตรายที่อาจมาจากบุคคลภายนอกชุมชน แต่ถึงอย่างนั้น บางฉากเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความสูญเสียในนิยาย ก็ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์โรงเรียนถูกเผา พระสงฆ์ถูกฆาตกรรม หรือการวางระเบิด หากแต่สิ่งเหล่านี้คือ เรื่องจริงที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าเราทุกคนต่างก็รับทราบข่าวสารกันดี เลยมองว่านิยายเรื่องนี้ไม่ได้มีเจตนาไปในทางส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง หรือชี้นำให้เข้าข้างฝ่ายทหาร หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่เชื่อว่าคนเขียนหยิบความจริงมานำเสนอ ก็เพื่อทิ้งบางอย่างเอาไว้ให้ผู้อ่านนำไปคิดต่อเอง ว่าเราควรจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างไร เช่นเดียวกับชาวบ้านแสนพนมที่ยังคงมองหาปลายทาง คือ ความสงบสุข ซึ่งบอกใบ้ความประสงค์นั้นผ่านคำพูดของตัวละครแล้วว่า "...นะดาเชื่ออย่างที่พ่อบอกว่าทุกอย่างเป็นไปตามประสงค์ของอัลเลาะห์ ครูสอนว่าทุกศาสนาล้วนสอนให้ทุกคนเป็นคนดีด้วยกันทั้งนั้น แต่อาจจะมีบางคนที่ทำให้ความเข้าใจของศาสนาคลาดเคลื่อนจนต้องมุ่งเอาชีวิตกัน... เขาฆ่าแม่เรา เราฆ่าเพื่อนเขา เขาฆ่าเพื่อเรา ตราบใดที่ปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังไม่ถูกรัฐบาลแก้ไขอย่างจริงจัง มันก็จะเป็นแบบนี้ต่อไป ผู้กองแค่คนเดียวไม่สามารถยุติปัญหาได้หรอกค่ะ เท่าที่ผู้กองเสียสละมาอยู่กับพวกเราที่นี่ พวกเราก็ขอบคุณผู้กองมากแล้ว ทุกคนรู้ว่าผู้กองรักพวกเรา ยังไงก็จะไม่มีวันลืมผู้กอง" - นะดา ภูผา กำแพง แสงดาว หน้า 179-180 ส่วนประเด็นความรักของพระเอก นางเอก และพระรอง ก็ดำเนินไปตามขนบนิยายที่พูดถึงความรักโดยทั่วไป ไม่มีแกร่งแย่งชิงดี แต่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความจริงใจที่ดีต่อกัน ซึ่งตัวละครคีรี นิจ และ มหรรณพ ก็นำเสนอออกมาได้ค่อนข้างโอเค เราอ่านแล้วไม่รู้สึกเข้าข้างใครเป็นพิเศษ แต่นึกเอ็นดูและอยากจะเอาใจช่วยทุกคน ด้านสำนวนภาษาและวรรณศิลป์ ผู้เขียนใช้ภาษาได้ดี ละเมียดละไม อ่านแล้วลื่นไหล เข้าใจง่าย โดยภาพรวมเป็นนิยายที่ไม่ได้หวือหวา แต่อ่านแล้วประทับใจ ต้องชื่นชมผู้เขียนที่กล้าหยิบ สถานการณ์ปัญหาชายแดนภาคใต้ มานำเสนอในรูปแบบของนิยาย เพราะน้อยมากที่เราจะเห็นใครกล้าเอาเรื่องราวดังกล่าวมาเขียน แต่ถ้าจะให้ผมติงอะไรสักอย่างในเรื่อง ก็คงเป็นฉากลาดตระเวนของทหารตำรวจที่มีมาบ่อยมาก น่าจะมีฉากอื่น ๆ มาทดแทนได้บ้าง แต่ความจริงก็ไม่ได้แย่เลย เพราะนี่คือนิยายที่นำเสนอชีวิตของทหารตำรวจประจำชายแดน พวกเขาย่อมต้องทำหน้าที่ลาดตระเวน และป้องกันอันตราย... ใครลังเลว่าจะอ่านดีไหม อยากให้ได้ลองอ่านกันดูครับ ความละมุนละม่อมในการนำเสนอ และแก่นสำคัญของเรื่องราว ทำให้เรารู้สึกไม่เสียเวลาเลยที่ได้หยิบนวนิยายรางวัลเรื่องนี้ขึ้นมาอ่าน Jim-793009 08: 10 : 2018
คุณ wind --- ขอบคุณมากครับ ผมจำชื่อบูธที่วางขายไม่ได้ แต่เดาว่าน่าจะอยู่โซน C ชั้นล่างเหมือนเดิม เป็นแนวเรื่องที่ใหม่ดี ลองอ่านดูนะครับ เผื่อชอบ ^_^
โดย: Jim-793009 วันที่: 9 ตุลาคม 2561 เวลา:9:39:10 น.
เรื่องนี้เป็นเล่มแรกที่ผมอ่านในปีนี้เลยครับ
ส่วนตัวอินกับอะไรหลายอย่างเพราะบ้านเกิดอยู่ในพื้นที่เหตุการณ์ แต่บางเรื่องมันละเอียดอ่อนเกินไป ผู้เขียนหยิบยกมาเขียนในมุมนี้ผมก็ว่าค่อนข้างโอเคทีเดียว ส่วนบทสรุปต่อไปจะเป็นยังไงคงต้องลองอ่านและคิดตามเอาเองตามแต่ละบุคคลครับ ส่วนตัวผมค่อนข้างชอบครับ โดย: ruennara วันที่: 10 ตุลาคม 2561 เวลา:22:03:51 น.
คุณ ruennara --- เห็นด้วยกับคุณโจว่าบางเรื่องมันละเอียดอ่อนจริง ๆ ครับ ผู้เขียนเองก็คงทำการบ้านอย่างหนักเลย ผมอ่านแล้วชอบเหมือนกัน เพราะเป็นแนวเรื่องที่แปลกใหม่ดีด้วย ส่วนที่ชอบที่สุดคือได้เห็นภาพชาวไทยพุทธและมุสลิมอยู่ร่วมกันครับ **ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะครับ ^_^
คุณ newyorknurse --- เรื่องราวนำเสนอได้ดีเลยครับ ตัวละครก็มีโค้ดที่กินใจด้วย อยากให้ลองอ่านกันดู (เผื่อชอบ) ถ้าสนใจลองสอบถามไปที่เพจ "สิรปกรณ์" ดูนะครับ โดย: Jim-793009 วันที่: 11 ตุลาคม 2561 เวลา:9:33:27 น.
รีวิวได้น่าอ่านมากๆครับ
มีเพื่อนทำงานอยู่นราธิวาสบ้านอยู่สงขลา จะกลับบ้านแต่ละครั้ง ต้องออกเดินทางให้พ้นสามจังหวัดก่อนบ่ายสอง โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 7 พฤศจิกายน 2561 เวลา:15:47:14 น.
คุณสองแผ่นดิน --- ขอบคุณครับผม
ปกติผมไม่เคยติดตามชีวิตทหารชายแดนใต้เลย ต้องชื่นชมคนเขียนจริง ๆ ครับ ที่หยิบไอเดียมาใส่นิยาย ถึงจะเป็นเรื่องแต่ง แต่ก็ทำให้เราอินและเข้าใจชีวิตทหารชายแดนพอสมควรเลยครับ โดย: Jim-793009 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2561 เวลา:17:40:04 น.
|
Jim-793009
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?] "เขียน" ถ้าสิ่งนั้นคือความสุขอย่างแรกที่เรามองเห็นและนึกถึง ^_^ วรรณกรรมจึงงามกว่าเพชร คมกว่าดาบ เป็นโอสถอันประเสริฐยิ่งของชาวโลก - กฤษณา อโศกสิน "หนังสือบางเล่มผมไม่ได้อ่านเพราะชอบหรือไม่ชอบ เมื่อเป็นนิยายรักยอดนิยม ถ้าไม่อ่านก็เสียโอกาสทำความเข้าใจคนอื่น...ดีสำหรับผม ไม่ได้หมายความว่าคุณอ่านแล้วจะเข้าใจ หรือชอบในระดับเดียวกัน" - ประชาคม ลุนาชัย [ร้านหนังสือที่มีแต่นิยายรัก] "...สำหรับนักอ่าน หนึ่งในการค้นพบที่น่าตื่นเต้นที่สุดในชีวิต คือการพบว่าตัวเองเป็นนักอ่าน ไม่ใช่แค่อ่านออก แต่ตกหลุมรักมัน ตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ตกหลุมรักหัวปักหัวปำ หนังสือเล่มแรกที่ทำให้เกิดผลเช่นนั้นจะไม่มีวันถูกลืม..." - Finders Keepers, Stephen King
|
หนังสือแนวแปลก แต่น่าสนใจ จดไว้เป็นตัวเลือกสำหรับงานหนังสือปีนี้ ขอบคุณค่ะ