Tough Time Never Last ...But Tough People Do
Group Blog
 
All Blogs
 

10>Some good things come in pair


กระทู้นี้หายไป ไว้มา add ใหม่นะคะ




 

Create Date : 28 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:07:24 น.
Counter : 411 Pageviews.  

9>พี่เลี้ยงที่แสนดี

ตอนนี้จะเป็นเรื่องราวของตัวช่วยในการเลี้ยงดู
ลูกที่มีความสำคัญมากคนหนึ่ง ขณะที่เราต้อง
ทำงาน ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ได้รับมอบหมาย
อย่างไม่จำกัดเวลา 5 -9 โมง งานต่าง ๆ จะเรียง
เข้ามาในความคิด เรื่องแล้วเรื่องเล่า งานนี้เสร็จไป
งานโน้นเข้ามา จะปฎิเสธไม่ได้เลยในฐานะมนุษย์
เงินเดือนด้านบริหาร

ลูกล่ะ ต้องฝากไว้กับคนที่ไว้ใจได้มากที่สุด ตอนนี้
จะพูดถึงคน ๆ นี้ค่ะ
-------------------

“ไงค่ะ ลูกวันนี้ จ้า... คิดถึงแม่ใช่ไหม โอ๋ โอ๋ ก็ไปทำงานแป๊บเดียว ก็กลับมาแล้ว
เห็นไหม กินนมเยอะไหมลูก ฮึ เยอะเหรอคะลูก อ๋อ ได้ทีละ 4 ออนซ์เลยเหรอ
เก่งจัง แล้วหลับกลางวันหรือเปล่า หลับสบายใช่ไหมคะ จ๊ะ จ๊ะ......”


คุยกันเป็นตุ เป็นตะ ราวกับเด็กน้อยรู้ภาษา เราสองคนก็เหมือนคนบ้าแบบนี้ทุกวัน
และก็ยินดีบ้าจริง ๆ เพราะมันอิ่มอก อิ่มใจบอกไม่ถูก กลับถึงบ้านไม่ทันจะอะไรก็
ขออุ้มลูก ขอหอมแก้ม แม้จะหลับไปแล้วก็ขอจับมือจิ๋ว ๆ นิ่ม ๆ หรือลูบหัวโหนก ๆ
ผมบาง สีน้ำตาลอ่อน ๆ นุ่ม ๆ หอมที่หัวเบา ๆ เพราะเกรงลูกจะตื่น และหลายครั้งเลยมี
แกล้งเขย่าเบา ๆ ให้ลูกตื่นขึ้นมาคุย อ้อ แอ้ ด้วย วันไหนแกล้งปลุกแล้วลูกอารมณ์เสีย
เพราะหลับลึก แล้ว ก็ร้องไห้จ้า พี่เลี้ยงก็รับไปกล่อมให้นอนได้ต่อ ละอายใจอยู่เล็ก ๆ
แต่ก็....อ่ะนะ.....ก็คิดถึงนี่



เป็นเห่อ ก็ธรรมดา ปันเป็นเด็กเลี้ยงง่าย ยิ้มอารมณ์ดีได้ทั้งวัน เจอ หน้าใครก็ยิ้มให้
อันนี้ก็มีเคล็ดลับอยู่อย่างคือ เวลาเห็นหน้าลูกให้เรามีรอยยิ้มเสมอ เพราะเด็กจะเลียน
แบบค่ะ ทุกวันกลับจากทำงานต่อให้เหนื่อยแค่ไหน ทะเลาะกับลูกค้าจนไฟแล๊บ
อยู่ต่อหน้าลูกก็ต้องฉีกปากยิ้มเข้าไว้ มีประโยชน์สองอย่างคือ ใจเราจะเย็นลง
และลูกจะยิ้มตอบทันที


โอย หายเหนื่อยจริง ๆ หายเครียดด้วย ทุกอย่างรอบตัวจะดีขึ้นแน่นอน


ขอแนะนำนางเอกในตอนนี้ค่ะ

" พี่ญัติ "
เป็นแม่บ้านของอามา แต่เนื่องจากอามาเห็นว่า พี่ญัติเป็นคนสะอาด สะอ้าน แม้ว่าไม่เคย
เลี้ยงเด็กเล็กมาก่อน ก็น่าจะฝึกได้ เพราะมีความสะอาดเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ฉะนั้นอย่างอื่น
ก็น่าจะเป็นเรื่องรองไป


“วันนี้ดูหนังสือหน้าที่ 34 ถึง 45 นะญัติ แล้วคืนนี้มาคุยกัน”


ทุกวันก่อนออกไปทำงาน ฉันจะมีการมอบหมายงานให้พี่ญัติเป็นประจำอยู่แล้ว นอกจาก
เรื่องน้ำ เรื่องนม และอาหารส่วนอื่น ๆ อีกอย่างที่พี่ญัติจะต้องทำคือ อ่านหนังสือคู่มือเลี้ยง
ลูกของ อาจารย์ชนิกา ตู้จินดา ในสมัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน มีแค่หนังสือเล่มนี้เพียง
เล่มเดียวที่เป็นที่พึ่งได้ ก็ให้พี่ญัติอ่านทีละบท กลับมาก็มาทำความเข้าใจกันหากมีปัญหา



พี่ญัติเป็นคนเรียบร้อยและสะอาดมาก เสื้อสีอ่อนทุกตัวของน้องปัน จะกลายเป็นสีขาว
เพราะซักและขยี้อย่างให้มั่นใจว่าสะอาดจริง ๆ ผ้าอ้อมทุกผืน จะพับเก็บเท่ากันทุกผืน
ราวกับที่วางขายในห้าง อาหารก็สะอาด ตารางในการให้นม ให้น้ำ อาบน้ำ หรือหากต้อง
กินยา ก็จัดการป้อนอย่างตรงเวลาที่หมอสั่ง ราวกับนางพยาบาลมืออาชีพ


ทุกเย็นเมื่อกลับถึงบ้าน ลูกจะเนื้อตัวสะอาดและหอมน่ารักทุกครั้ง พี่ญัติจัดการให้น้อง
อาบน้ำใส่เสื้อผ้าใหม่เหมือนรู้เวลากลับถึงบ้านของฉัน


“คุณ ๆ เห็นน้องแล้วจะได้หายเหนื่อยค่ะ ”



โดยไม่เคยต้องสั่ง พี่ญัติจะจดให้เป็นสมุดบันทึกแบบละเอียดว่าวันนี้น้องทานนม
กี่ออนซ์ตอนกี่โมง เวลาไม่สบาย พี่ญัติก็ร้อนอก ร้อนใจทุกครั้ง จะโทรศัพท์รายงานกับ
ฉันเกือบตลอดเวลา



“ญัติไม่อยากให้คุณช่า กับคุณช้างกังวล เดี๋ยวจะทำงานไม่ได้”



ครอบครัวเราโชคดีที่มีพี่เลี้ยงที่ดี ได้พูดกับคุณช้างเสมอว่า มีเงินก็จ้างพี่เลี้ยงได้อยู่แล้ว
แต่พี่เลี้ยงที่ “มีใจ” และรักลูกเรานั้นคงหาไม่ได้ง่าย ๆ ดังนั้น มีสิ่งใดที่เราสามารถให้เขา
ได้ ไม่เพียงเงินทองแต่เป็นน้ำใจ ก็ควรจะหยิบยื่น คำพูดนี้ จะพูดกับพ่อของลูก
แม้กับลูก ๆ ทุกคนตอนโตพอรู้ความได้ ก็พูดให้ฟังเสมอ ว่าพี่ญัติดูแลพวกเขาแทนแม่
จะดีเยี่ยมแค่ไหน เลยถือโอกาสพูดเรื่องของการรู้บุญคุณคนและการไม่รังเกียจคนที่ด้อย
กว่า ให้ถือเรื่องของการให้เป็นสำคัญกว่าเรื่องใด


แต่แล้ววันหนึ่ง...


“คุณช่า พ่อจดหมายมาจากอุดร บอกว่าญัติต้องกลับไปแต่งงาน ที่บ้านนอกถึงอายุ
แล้วต้องแต่ง ไม่งั้นจะอายเขาว่าลูกสาว ไม่มีคนเอา”


มีมา ก็ย่อมมีจาก หลังจากช่วยเลี้ยงลูกทั้งสามได้เข้าปีที่ 7 ปี พี่ญัติก็ต้องไปมีครอบครัว
เอง วันนั้นเด็ก ๆ ร้องไห้มากมาย รู้จากอาม่า ( แม่สามี ) ว่าร้องกันลั่นขนส่งหมอชิต
แล้วหลังจากแต่งงานได้เพียงเดือนเดียว พี่ญัติก็หนีจากบ้านมาหาลูก บอกว่าคิดถึงน้อง
ทางเราก็ได้ให้อยู่ด้วยพักหนึ่งและเกลี่ยกล่อมให้กลับไป พร้อมสัญญาว่า จะติดต่อกัน
ตลอดเวลา และหากมีอะไรให้ช่วยเหลือก็จะยินดีมาก


พี่ญัติขอเสื้อผ้าพร้อมเครื่องใช้ของเด็กที่ไม่ใช้แล้ว บอกว่ามีลูกเมื่อไร จะให้ลูกใช้เสื้อผ้า
และข้าวของเหล่านี้ จะได้คิดถึงว่าเลี้ยงน้องอยู่ แม่ช่าจัดแบ่งของให้ไปมากมาย เวลาผ่าน
ไป ตอนพี่ญัติพาลูก ๆ มาเที่ยวกรุงเทพ และพักที่บ้าน ครอบครัวเราก็จะเห็นเสื้อผ้าชุดนี้
กระเป๋าใบนั้น รองเท้าคู่เก่งของเด็ก ๆ ซึ่งพี่ญัติมาบอกทีหลังว่า อนุญาตให้ลูกใส่เฉพาะ
เวลาจะมาเยี่ยมเราเท่านั้น เวลาอื่นไม่ให้ใส่เพราะกลัวว่าจะเก่าเร็ว โถ ตอนให้ไปก็เก่า
ประมาณหนึงแล้วล่ะ


ช่วงที่พี่ญัติเพิ่งกลับไปตอนนั้น เด็ก ๆ เริ่มเขียนหนังสือได้บ้างแล้วแต่ว่าตัวหนังสือจะใหญ่
เท่าหม้อแกงและยังโย้เย้ อยู่มาก แม่ช่าก็ได้จัดการให้เด็กเขียนจดหมายไปเล่าเรื่องราว
ต่าง ๆ ให้พี่ญัติฟัง สะกดถูก ผิด ไม่เป็นรัย เขียนไม่จบประโยคก็ให้ส่งไปทั้งอย่างงั้น
แม่ช่าไม่เคยแต่ง ไม่เคยเขียนให้ ลูกอยากเล่าอะไร ก็เขียนอย่างนั้น มีมาถามตัวสะกด
บ้างเล็กน้อย เพราะตั้งใจกันมาก ก้มหน้าก้มตา มากกว่าทำการบ้านซะอีก


แม่ช่าเลยถือโอกาสเล่าให้ลูกฟังเรื่องการส่งจดหมาย ต้องใส่ซอง จ่าหน้าและติดแสตมป์
เพราะเป็นค่าส่งแล้วใครคือบุรุษไปรษณีย์ ตอนนั้นพาลูก ๆ ไปถึงที่ทำการไปรษณีย์เลย


“โห แม่ แล้ว พี่ญัติจะเห็นจดหมายน้องปันเหรอแม่”


ลูก แปลกใจเมื่อเห็นกองจดหมายมหึมา ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังคัดแยกอยู่

...“รู้ซิคะ เพราะว่าลูกเขียนที่อยู่ที่หน้าซองแล้วนี่คะ
พี่ไปรษณีย์ก็ส่งไปตามนั้น
พี่เขาต้องแยกเป็นจังหวัดก่อนเห็นไหม ......”


ทัศนศึกษาครั้งนี้เด็ก ๆ รู้การเดินทางของจดหมาย ที่ขายแสตมป์ การชั่งและการส่งพัสดุ
โดยฉันพาไปทีละจุด ๆซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นครั้งแรกของฉันเหมือนกันที่มาดูว่าไปรษณีย์
เขาทำงานกันอย่างไร


"ลูก ๆสงสัยค่ะ ถามบ่อยก็เลยพามาดู ขออนุญาตนะคะ"
พร้อมส่งยิ้มให้เชิงบอกว่าเกรงใจนะ

ทางเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์เขตลาดพร้าวเห็นเด็ก ก็เอ็นดู และตอบคำถามกับเด็ก ๆ อย่างไม่รู้
เบื่อ อีกทั้งอนุญาตให้เข้าไปในห้องทำงานจดหมายต่างประเทศ และคุยเรื่องรหัสไปรษณีย์
ว่าแบ่งเขตกันอย่างไร ฯลฯ


ลูกจะจำอะไรบ้างหรือเปล่าฉันไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ลูกได้รับแน่ ๆ ในคราวนี้ ก็คือ ความ
มีน้ำใจ การให้ การบริการโดยไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใด ๆ ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างก็การรู้จัก
การให้แก่สังคมต่อไป


หลังจากจดหมายเดินทางไปไม่นานพี่ญัติจะตอบกลับมาว่า เห็นจดหมายน้องก็ต้องอ่าน
หลาย ๆ รอบไป ร้องไห้ไปทุกครั้ง และเก็บจดหมายทุกฉบับเอาไว้ บางฉบับก็เขียนมา
ขอรูป เด็กๆ ที่ขยายใหญ่หน่อยไปไว้อวดคนแถวบ้านที่ต่างจังหวัด บอกว่า เป็นลูกของ
พี่ญัติที่กรุงเทพ หลังสุด พี่ญัติขออนุญาตมางานรับปริญญาของลูก ๆ ด้วย และเช่น
เคย ขอรูปที่ถ่ายคู่พร้อมขอให้ใส่กรอบ ติดไว้ฝาบ้าน


“รูปนี้เป็นลูกญัติที่กรุงเทพเรียนจบแล้ว” พี่ญัติขออนุญาตฉันว่าจะบอกใคร ๆ แบบนี้
ฉันแทบจะอนุญาตทันที ที่ญัติยังพูดไม่จบประโยค


จบตอนนี้อยากบอกว่า เรื่องการสอนลูก สามารถสอดใส่เข้าไปได้ในทุก ๆ เหตุการณ์ทั้งสิ้น
การเรียนการสอนไม่จำเป็นต้องรอ พึ่งคุณครูเสมอไป คนเป็นแม่ เป็นพ่อ เมือไรที่อยู่ใกล้
มีเรื่องราวที่พบที่เห็น ก็นำมาทำให้เป็นเรื่องสนุก แล้วค่อย ๆ บ่ม ค่อย ๆ ใส่เข้าไปใน
ความคิดของลูก และหลาย ๆ ครั้ง คุณจะรู้สึกว่า ตัวคุณเองก็เรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับลูก
ได้เหมือนกัน





























 

Create Date : 28 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:06:39 น.
Counter : 416 Pageviews.  

8>เมล็ดพันธ์แห่งชีวิต

คราวที่แล้ว ก็ถึงตอนที่คุณช่า กับคุณช้าง
ยกเลิกโครงการ อยากมีลูกไปเรียบร้อย
จะบอกว่าใช้เงินไปเยอะมาก และเครียด
เป็นระยะ ๆ นะคะอย่างที่เล่าไว้ พอตัดใจ
ได้ ก็ค่อนข้างที่จะผ่อนคลาย สิ่งต่าง ๆ รอบ
ตัวก็ ดีขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราจริง ๆ เลย
อันนี้ก็เป็นข้อคิดอีก ในช่วงหลัง ๆ

ก็เมื่อวานนี้ ยังหงุดหงิดอยู่เลย พอตกกลางคืน
เราสองคนสรุปว่า เอาละ ยกเลิก ไม่เอาแล้ว

สดชื่น ขึ้นมาทันที ในวันรุ่งขึ้น เหมือนที่
ว่า ที่ผ่านมาคือ ฝันร้าย อย่างงัย อย่างงั้น
-----------------------


แต่วันเวลาแห่งการผ่อนคลายผ่านไปเพียงไม่กี่นานนัก…..


คราวนี้สิ่งที่ควรจะมาตามนัด กลับนัดแล้วไม่มาซะเฉย ๆ ในเดือนที่ 2 หลังจากยาเม็ดแพง
นั้นหมดลง ฉันเริ่มลุ้นนับ วันที่1…วันที่2…วันที่ 3 ไปจนครบถึงวันที่ 40 หลังประจำเดือน
ครั้งสุดท้าย ฉันควรท้องแล้วนี่นะ ตามที่หมอเคยสอนไว้ ฉันท้องแล้ว ….






































หรือเปล่า !!??





เงียบ ๆ ดีกว่า รอดูอีก 2 วันซิ เอ… ฉันรู้สึกอยากคลื่นไส้อาเจียรหรือเปล่า ? ตามประสา
อาการคนที่ท้องควรเป็น แต่เปล่าเลย ไม่มีอาการใด ๆ ประกอบการลุ้น ว่าท้องหรือไม่ท้อง
มันเหมือนร้องเพลงเมื่อถึงท่อนฮุคแล้วไม่มีเสียงดนตรีเข้ามารับ เริ่มเครียดแล้วซิ
ท้องหรือเปล่าหว่า แอบดีใจเงียบ ๆ แต่ด้วยความที่ผ่านการผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่ามาเยอะ
ก็เลย



เฮ่อ …. .....อย่าใส่ใจเลย




ผ่านจากวันที่ 40 มาอีกหนึ่งอาทิตย์ นี่ถ้าตอนนั้นมีน้ำยาตรวจสอบการตั้งครรภ์เองได้ ก็คง
ซื้อไว้แล้วเป็นโหล สมัยนั้นรู้ว่ายานี้มีขายแล้ว แต่ยังไม่มีที่เมืองไทย ครั้นจะไปตามห้องlab
ก็เกรงว่าจะอายเขา หากไม่ได้ท้องจริง ๆ เพราะเขาคงว่าเราเป็นพวกอุปทาน หรือนึกไปเอง
อ่านจากหนังสือก็มีบอกว่า มีอาการนี้จริง ๆ คือคนที่อยากท้องมาก จนรู้สึกหน้าท้องใหญ่ขึ้น
มีอาการแพ้ท้อง โอ้กอ้าก แต่ที่จริงแล้ว ร่างกายตอบรับจากความรู้สึกของจิตใจเท่านั้น
ไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่ฉันเอง กลับไม่มีอาการใด ๆ เลย วันหนึ่งฉันทนความอยากรู้ไม่ไหว
สองคนลางานช่วงเช้า ไปตรวจปัสสาวะที่ห้อง lab แถวปทุมวัน


ให้รู้ดำรู้แดงไปเล้ยย


“ยินดีด้วย อายุครรภ์ ได้ 6 อาทิตย์ แล้วครับ” !!!!


โอ้ ...ช่างเป็นเสียงสวรรค์จริง ๆ และคิดว่าฟ้าคงมีตาให้รางวัลกับความพยายามของเราแล้ว
( อนุมัติช้าไปหน่อย แต่ก็ ok คิวคงเยอะเหมือนของหมอ..แต่อย่างงัยก็ขอบคุณคร๊าบบ ... )



ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ... สองคนเดินออกมาตัวลอย ๆ


“ช้าง คุณได้ยินเหมือนที่ช่าได้ยินไหมคะ เจ้าหน้าที่แลปว่ารัยนะ”


เป็นสิ่งแรกเมื่อถึงที่ทำงานก็ยกหูถามอีกฝั่งเพื่อย้ำอีกที ความดีใจและไม่แน่ใจมันปนเป
กันยุ่งไปหมด ความผิดหวังที่สะสมมาหลายๆ ครั้งในระยะเวลากว่าหนึ่งปี ทำให้ฉันผวา
หลอกหลอนและสับสน


“คุณท้องแล้ว ลูกเรามาแล้วนะครับ ช่า ” !!


บรรจงพับใบแจ้งผลตรวจจากห้อง lab ไว้เป็นอย่างดี ฉันเก็บไว้จนเดี๋ยวนี้ และเคยเอา
มาให้ลูกดูว่า ฉันดีใจแค่ไหน ที่ได้เขาเกิดมา


คุณช่ามีท้องแล้ว... ยังจำความรู้สึกนั้นได้ มันเต็มและอิ่ม หัวใจพองโต มันยิ่งกว่า
ใบล็อตเตอรี่ ที่ได้รางวัลที่หนึ่ง มันเป็นใบประกาศถึงความสำเร็จ ฉันเดินยิ้มเหมือนคนเสีย
สติได้ทั้งวัน อารมณ์ดี.. ยิ้ม.. หัวเราะเสียงดังเกินกว่าที่ควรกับสิ่งเล็กน้อยแทบไม่เป็น
ประเด็น ฉันเดินช้าลง... สลัดรองเท้าส้นสูงทิ้ง ขับรถช้า ๆ หลบหลุมบ่อตามถนน ทั้ง ๆ
ที่เคยขับข้ามไปแบบไม่เคยชะลอ
ความเร็วของรถเลย



เที่ยงนั้นฉันกินของที่มีรสจืดแทนรสจัดอย่างเคย สั่งไม่ให้ใส่ผงชูรส เริ่มสังเกตดูว่าแม่ค้า
ที่เราไปฝากท้องทุกมื้อเที่ยงนั้น เขา ใช้น้ำปลาราคาขวดละเท่าไร....เดินไปหลังร้านดูว่า
เขาล้างถ้วยชามช้อนได้สะอาดไหม... ฉันอ่านหนังสือ ฉันซื้อเกือบทุกเล่ม ศึกษามากขึ้น
เราสองคนอ่าน ๆ ๆๆ และปฏิบัติทุกอย่าง เพื่อว่าสิ่งที่เรารอมานานนั้น ได้รับการปรนนิบัติ
อย่างดี ลูกต้องแข็งแรง ครบทุกส่วน สุขภาพดีทั้งใจและกาย




จากหลากหลายหนังสือ และศึกษาจากผู้รู้นั้น บอกว่าการได้คลอดลูกโดยธรรมชาตินั้น
มีผลดีแก่แม่และลูกหลายอย่างมากกว่าการผ่าตัดคลอด ด้วยความรู้สึกอยากเป็นแม่มีสูงมาก
อยากคลอดเอง อยากให้นมลูกเอง หนังสือต่างประเทศบางเล่มพูดถึงเรื่องผลดีของการ
ให้สามีเข้าไปในห้องคลอด เรื่องอุลต้าซาวด์ เรื่องคลอดลูกในน้ำ( อ่านไปเปิด dictionary ไปเมื่อยมือมาก ) ซึ่งสิ่งต่าง ๆ นี้ยังไม่เป็นที่ยอมรับในเมืองไทยเมื่อเกือบ30 ปีก่อน สิ่งที่ฉันทำได้ก็คือ การฝึกหายใจขณะคลอด คือการพ่นลมออกจากปากเป็นจังหวะ
การผ่อนคลายกล้ามเนื้อตามร่างกาย ฯลฯ


หน้าท้องฉันใหญ่ขึ้นมากในเดือนที่ 3 – 4 เริ่มมีอาการ “ตอด” เล็ก ๆ ที่ท้อง แต่
อาการแพ้ท้องก็ยังไม่มีให้เห็นเลย ฉันมีความสุขกับการรับประทานมาก จำได้ว่าฉันเคย
กินฟองดู 3 หม้อคนเดียว ที่ร้านฟองดูเฮ้าส์ ทั้งหม้อเนื้อ ชีส และช็อกโกเลต หากใครรู้จัก
หรือเคยกินคงรู้ว่ามันมากมายแค่ไหน ฉันบอกใคร ๆ ว่า

“กินเผื่อลูกน่ะ”



มันเป็นข้ออ้างทั้งนั้น จริง ๆ แล้วมันเป็นความตะกละของคุณช่าเอง ดูหุ่นตอนนี้ก็ฟ้องอยู่แล้ว

“เห็นเพื่อนบอกว่า ตอนนี้ทางหมอสามารถทำอัลตราซาวด์เพื่อดูเพศได้แล้วเหรอคะ” ถาม
วันที่ได้ตรวจร่างกายกับหมอที่ฝากท้องด้วย


“คือเรื่องนี้ ยังไม่มีการรายงานว่ามีผลข้างเคียงกับลูกในครรภ์ในระยะยาวหรือเปล่า
ในเมื่อคุณแข็งแรงดี ก็คงไม่จำเป็นค่ะ ทางโรงพยาบาจะใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ ”คุณหมอ
ได้อธิบายไว้


.... “ช่าอยากได้ลูกผู้หญิง หรือ ลูกชายครับ ” คุณช้างถามขณะที่นั่งพักผ่อน เขาเอามือมา
ลูบที่ท้องฉันเบา ๆ ประมาณว่าอยากสัมผัสและรู้สึกตอนลูกดิ้น คุณช้างจะหัวเราะชอบใจ
ทุกครั้งที่จับจังหวะได้พอดี


...“ช่าว่า หญิงหรือชายก็เหมือนกันนะคะ ภาวนาให้ลูกแข็งแรง และครบสมประกอบดีกว่าค่ะ
เป็นเด็กฉลาดและมีจิตใจที่ดี”


ระหว่างท้องฉันก็ทำงานเป็น AE ตามปกติ ได้ไปหาหมอเพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำทุก
เดือนตามนัด ทุกอย่างราบรื่นมาก จนถึงวันคลอด


“เด็กไม่กลับหัวนะคะ คุณช่า แล้วก็ตัวค่อนข้างใหญ่ หมอว่าจะทำการผ่าตัดคลอดดีกว่านะ
ให้คลอดตามธรรมชาติ จะปลอดภัยมากกว่าค่ะ”



ก็ต้องว่าตามคุณหมออยู่แล้ว เพียงแต่เสียดายที่อุตสาห์ฝึกเป่าลม ฟู๊ฟู๊ และอะไรต่าง ๆ
ก็แห้วไป คุณหมอจับฉันบล๊อกหลังและดมยาทันทีที่น้ำเริ่มเดิน ฉันไม่รู้สึกตัวเลย จนได้
กลับมาที่ห้องพักอีกครั้ง

คุณช่าได้ลูกเป็นผู้หญิง แข็งแรงมาก หนัก 3.5 กก. ยาว 50 ซม. ยิ้มเก่งและร้องไห้เสียงดัง
ชื่อ “น้องปัน”เพราะอยากให้ลูกเป็นคนมีน้ำใจ รู้จักการให้ มีจิตใจดี และมีการแบ่งปัน
อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ปรากฏว่าตอนโตเป็นสาว ลูกขอเปลี่ยนชื่อตัวเองใหม่ว่า

ปั นใ จ ! ! !

ลูกครายยยเนี่ยะคิดแผลงจริง ๆ






 

Create Date : 28 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:05:39 น.
Counter : 443 Pageviews.  

7>อยากเป็นแม่.. ( ติดเรท )

ตอนนี้จะค่อยข้างเล่ายากเลยทำให้ยาวสักหน่อย พยายามจะตัดทอนลง
แต่ก็ไม่อยากให้พลาดในหลาย ๆประเด็นด้วยกัน เอาเป็นว่า หากน้อง ๆ ที่มีอายุไม่ถึง 18
ก็ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ปกครองขณะนี้อ่านกระทู้นี้นะคะ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ต้องใช้
วิจารณาณในการอ่านพอสมควรค่ะ

------------------------

ทำงานไปก็เพลิน เพราะอย่างที่บอก งานสนุก รายได้ก็ดี เพื่อนฝูง พากันอิจฉา เรื่องจะไป
เรียนต่อที่เมืองนอก ก็ไม่ได้พูดถึงกันอีกเลย


ไม่ได้วางแผนเรื่องว่าจะมีลูกกันเมื่อไร เพราะยังอยากเที่ยว อยากอิสระ ก็อายุยังน้อย
ทั้งคู่ ฉัน 24 เขา 26 ใคร ๆ ก็ว่าเราแต่งงานเร็วเกินไป น่าจะดูใจมากกว่านี้สักหน่อย
แต่… ก็อยากจะแต่งน่ะ เทวดาหน้าเขียว ๆ อย่ามาห้ามซะให้ยากเลย


พอมาถึงตอนปัจจุบันนี้ก็ปลื้มสุดๆ เพื่อน ๆ ได้แต่พากันตาร้อนผะผ่าว แหม ลูกโตเร็วทัน
ใช้จังเลยนะ ในที่นี้ ไม่ได้บอกว่าทันใช้ลูก หรือลูกทันใช้แม่กันแน่ แต่เอาเหอะ กำลังจะ
บอกว่าทุกอย่างที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิด ทุกอย่างพลิกผันหมด (อีกแล้ว )




..“ เมื่อไรจะมีลูกจ๊ะ ช้างเป็นลูกชายคนโต อย่าลืม แม่เขาอยากอุ้มหลาน”

..“คุมอยู่เหรอ ปล่อยเหอะ คุมนาน ๆ ไม่ดีนะ”

...“แต่งงานมานานยัง เออ แล้วทำไมไม่มีลูก มีใครต้องไปหาหมอหรือยัง”


ประมาณนี้แหละ ฟังแรก ๆ ก็ไม่เท่าไร ตอนหลัง ๆ ก็แทบอยากทำเทปแปะไว้ที่หน้าผากทั้งสองคน


อันนึงเขียนว่า“ ยังไม่ท้อง ไม่ต้องถาม” กับ....

อีกอัน “ไม่คุยเรื่องการตั้งท้อง”

ก็เกรงจะเจอว่า....

..“อ้าว แล้วทำไม ไม่ให้ถามล่ะ ”

อึ๊ยยยย !@#@$&*(^%




โดนถามจนเครียดค่ะ กดดันมากช่วงนั้น ก็เป็นสะใภ้คนโต เขานี่ จนมาวันหนึ่ง
กำลังกินมื้อเที่ยงกับเพื่อน ๆ


“ช่า เธอมีแผนจะท้องเมื่อไรหรือเปล่า”

มาอีกแล้วคำถามนี้ โอ้ยย อยากจะตายคาก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กไม่ชู ไม่งอกลูกชิ้นอย่างเดียว
ชามนี้จริง ๆ


คุณอวลค่ะ เพื่อนทำงานด้าน graphic design ในบริษัทเดียวกัน แต่งงานช่วงใกล้ ๆ กัน
รู้มาว่าสามีอวล อายุค่อนข้างมากแล้ว แต่อวลบอกฉันว่า

“ เราไม่อยากใส่เสื้อคลุมท้องคนเดียว เขินน่ะ ช่ามาท้องเป็นเพื่อนกันนะ ” เพื่อนผู้ชาย
กินข้าวโต๊ะเดียวกัน ได้ยิน ก็อมยิ้ม เขาคงคิดว่าพวกผู้หญิงนี่แปลก นัดกันท้องก็มีด้วย


“เหรอ ยังไม่ได้คิดเลย ว่าจะไปเรียนต่อด้วยแหละ” พูดเลี่ยง ๆ ไป

“น่า เป็นเพื่อนเขาหน่อย” รู้สึกอวลไม่พยายามฟังว่าเราพูดอะไร

ก็ได้แต่ยิ้ม แล้วก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ด้วยแรงยุ อวล เอารูปเด็ก ๆ ฝรั่งมาให้ดูบ้าง เล่าเรื่อง
หลาน ๆ บ้าง จนเราเริ่มเคลิ้มตาม และแล้ว


“ คุณ คุณ อยากท้องแล้วแหละ ” เฉย ๆเลยซะงั้น คุณช่า ส่วนสามี มีหรือจะปฎิเสธ
และแล้วคุณช้างก็จัดห้ายย อย่างขยันขันแข็ง


คาดว่าเขาก็คงเครียดเรื่องถูกถามเหมือนกัน และรอคำสั่งนี้มานานแล้ว



เวลาผ่านไปไม่นาน อวลก็มาบอกข่าวดี ว่าท้องแล้ว ...... คุณช่า กับคุณช้าง ก็เริ่ม..
อืมมม ทำไมหว่า... ยิ่งท้องอวล เห็นชัดเจนเท่าไร เสียงโอกอ้ากของอวลในห้องน้ำ
ความกดดันในตัวฉันก็มากขึ้น เท่านั้นอวลก็น่ารักมาก มาปลอบใจและให้กำลังใจตลอด


วันที่เศร้าของทุกเดือน ก็คือวันที่ประจำเดือนมา เดือนไหนมาช้ากว่ากำหนด 1-2 วัน
ก็จะเริ่มดีใจ แต่แล้วก็..... แล้วก็



“ คุณ ไปหาหมอกันเถอะ เผื่อว่าช่ามีอะไรผิดปกติ จะได้รู้และรักษาเลยนะ ”

...“ ไม่แน่ อาจเป็นที่ผมก็ได้ ดีเหมือนกัน หาหมอซะเลย “

ผลปรากฏว่า ปริมาณและจำนวนเชื้ออสุจิของเขาอยู่ในขั้นดีมาก ส่วนฉันเอง หมอบอก
เพียงแต่ว่าฉันมีมดลูกคว่ำ ก็ปลอบใจว่าไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เนื่องจากผู้หญิงหลายคน
ที่มีมดลูกคว่ำก็สามารถมีลูกได้


เริ่มต้นรักษา... เวลาผ่านไปเกือบปี ทั้งนับวัน... ทั้งวัดปรอท.. ฉีดสี.. และ กินยา..
หาหมอซึ่งก็มักจะจำหน้าคนไข้ไม่ได้ ( เยอะจัด )จนกว่าจะขึ้นขาหยั่ง จึงจะรู้ว่า case ไหน





อุตสาห์อุทิศส่วน...ให้ดูแล้ว...แต่ไม่ท้องสักที เคยคิดว่า
เป็นปลากัดก็ดีเหมือนกันเนอะ

หมอแม๊ะ ยาหม้อของไทย... ใครแนะนำว่าดี ใก้ลไกลแค่ไหนก็พากันไปหมดซึ่งเจ็บ เหนื่อย
และล้า เพราะคนเยอะ และต้องแย่งคิว กันน่าดู


ขอเล่าเรื่องวัดปรอทนิดส์ นึง คือทุกเช้าตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน ยังไม่ขยับใด ๆ ทั้งสิ้น
ก็จะใช้ปรอทพิเศษวัดที่ช่องคลอด ได้อุณหภูมิเท่าไร ก็จดไว้ ทำแบบนี้ 2-4 เดือน ก็สามารถดู
วันตกไข่ได้ พอถึงวันนั้น ๆ ที่ไข่ตก ผู้รับเชื้อก็ต้องนัดผู้ให้เชื้อ ห้ามไปไหน หรือมีนัดกับ
ใครเพราะคืนนี้เรามี ธุระก__มที่ต้องประกอบด้วยกัน



แต่คุณช่า ก็ต้องเสียน้ำตาทุกเดือนเลยค่ะ
ท้องคุณอวล ก็โตขึ้นทุกวัน ทุกวัน

มีอยู่ครั้งหนึ่งคุณช้างไป ต่างจังหวัด ซึ่งตรงกับวันไข่ตก คุณช่า ก็ต้องลางานและเดินทาง
ไปด้วยรถไฟเพื่อการนี้โดยเฉพาะ บอกตรง ๆ ว่า ไม่ได้มีความสุขเลย เพราะเครียดทุกครั้ง
ห่วงว่าจะไม่สำเร็จ ห่วงว่าประจำเดือนจะมาอีกไหม....ทรมานทั้งกาย ทรมานทั้งใจมาก ๆ


ท้ายสุด ไปหาหมอคนใหม่ หลังจากการตรวจภายในอีกครั้ง หมอบอกว่า คุณช่า ไม่มีอะไร
ผิดปกติค่ะ เพียงแต่ มดลูกคว่ำมากหน่อย ซึ่งเวลาประกอบกิจ จะต้องอาศัยท่ากายกรรม
เปียงยางอยู่บ้างเพื่อให้กิจกรรมประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้น เอาแล้วคราวนี้ จากเคยใช้
ท่าทางที่เรียบง่ายก็ต้องทำแบบโลดโผน ก็ไม่ใช่ว่า เราทั้งสองจะซาดิส นะคะ เพื่อลูกค่ะ
ก็คือมันจำเป็นจริงจริ๊งงง



โดยเฉพาะท่ายกขาค้างไว้ เพื่อให้ตัว x และ ตัว y ไปเจอกัน ไม่ร่วงออกมาเสียก่อน
เนื่องด้วยสภาพสรีระของมดลูกที่ไม่เอื้ออำนวย มันเมื่อยจริง ๆ เลยค่ะ คุณขา แต่แม้ว่า
มีความพยายามสูงสุดแค่ไหน



คุณช่า ก็ต้องเสียน้ำตาอีกแล้วค่ะ

เสียงโกวเนี่ยะโรงเจแว่ว มาหลอกหลอนอีกแล้ว
ท่าว่ามันจะเป็นจริง อย่างนั้นเหรอ....


“ สงสารคุณจังเลย ช่า เลิกเหอะ ไม่เป็นไรหรอก ลูกไม่มี ก็ไม่มี ไว้ขอมาเลี้ยงแล้วกัน”
ยืนยันว่าเขาไม่ได้พูดเพราะว่าเสียดายเงินอย่างที่เคย เพราะงานนี้ เขาทุ่มสุดตัวเหมือนกัน


...”ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บและร้องไห้แบบนี้บ่อย ๆ ผมทนไม่ได้ !!!”


แม้ว่าฉันเป็นคนประเภทที่หากได้ทำอะไรก็ขอทำให้สุด ๆ ไป แต่การต้องขึ้นขาหยั่ง
ให้หมอดูทุกวันเว้นวันนี่ก็ ทำให้ท้อได้เหมือนกัน เจ็บและทรมานมาก ๆ แต่ก่อนจะยกเลิก
โครงการ “อยากมีลูก” ฉันได้หาคุณหมอสูติคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากที่โรงพยาบาลกรุงเทพ
ซึ่งหมอได้มีวิธีตรวจที่ค่อนข้างแตกต่างกับหมออื่น ๆ คือหลังจากที่ได้นัดตรวจได้ระยะ
หนึ่งแล้ว วันหนึ่งคุณหมอได้แนะนำให้เรา “ xyz” กันตอนเช้า แล้วรีบไปหาหมอเลย
โดยที่ฉันไม่ต้องทำความสะอาดใด ๆ หลังจาก “xyz” แล้ว



“ คุณช่า มดลูกคุณน่ะ จะผลิต anti-body ทุกครั้งที่มีการร่วมเพศ จึงไม่น่าสงสัยเลยว่า
คุณท้องไม่สำเร็จ ดูซิ เชื้ออสุจิตายเกือบ 80 % แบบนี้ก็คงท้องลำบากหน่อยล่ะนะ
เพราะแทบไม่เหลือตัวเชื้ออะไรเลยนี่นา” !!!


แทบเป็นลม ล้มฟาดลงไป อดที่จะคิดถึงเรื่อง ดวงเสือขาวหมอดูดวงบอกว่าแล้วว่าเราจะไม่มีลูก
คำพูดของหมอสูติจะถือได้ไหมว่า confirm ฟันธงแล้ว


“ยังงัยก็เอายาบำรุงไปทานนะค่ะ หมอจัดไว้ให้ แต่มีอยู่เม็ดนึง อันนี้ต้องย้ำนะว่าทาน
ให้หมด ห้ามขาด ห้ามลืม ต้องสม่ำเสมอด้วยนะ”


ก็น่าจะอยู่หรอก เพราะมีเม็ดยาที่ว่าราคา 38 บาท ย้ำ เม็ดละ 38.00 ( 26-27 ปีที่แล้ว )
หลังจากกินยาครบชุด เราก็ไม่ได้ไปหาหมอใด ๆ อีกเลย รวมความพยายามทั้งสิ้น 18 เดือน
ก็สิ้นสุดลง ตอนนั้น อวล เพื่อนรักที่ชวนฉันท้อง มีลูกชายอายุ 6 เดือนแล้ว น่ารัก จ้ำมั้ม


เราสองคนผ่อนคลายลงมาก ๆ การประกอบกิจก็เป็นไปอย่างธรรมชาติ ไม่เร่ง ไม่รีบ
ไม่ต้องลุ้น และเสียน้ำตาอีก วันไหนไม่อยากก็ abc วันไหนอยากก็ xyz เรื่อย ๆ ชิว ๆ
ดูหนัง ฟังเพลง ปลูกต้นไม้ ....ความสุนทรีย์ของชีวิตคู่ได้กลับมาอีกครั้ง





 

Create Date : 28 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:04:02 น.
Counter : 1593 Pageviews.  

6>..น้ำผึ้งเค็ม พระจันทร์ทอด

"ช่า ช่า กินข้าวได้แล้ว"

"มา มา นั่งนี่ นั่งนี่ เอาล่ะ ตรงนี้ ฮ่า ฮาา"

ชายสูงวัยใจดีหัวเราะร่วน..ขณะเรียกฉันกินข้าวนี้คือ คุณพ่อสามี แกรักและเห่อฉันเอา
มาก ๆ ไม่ได้เป็นคนหัวโบราณอย่างที่กลัวไว้แต่แรก ตามธรรมเนียมสะใภ้คนโตต้อง
ปรนนิบัติรับใช้คนในครอบครัวฝ่ายชายโดย
เฉพาะคุณพ่อสามี ซึ่งถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจที่สุดในบ้านนั้น กลับดูแลเอาใจใส่ฉัน
ไม่น้อยกว่าลูก ๆ ของแกเอง ถือเป็น
กำลังใจที่ดีอันหนึ่ง จากคนที่ต้องมาอยู่บ้านและสิ่งแวดล้อมใหม่ การปรับตัว อะไรต่าง ๆ
อีกมาก


หลังจากงานฉลองการแต่งงานของเราก็เสร็จสิ้น (ด้วยดีมาก ) !!ก็คิดต่อในเรื่องการไป
เที่ยวดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ สมัยนั้นการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์สำหรับชนชั้นกลางทั่วไป ก็มัก
นิยมไป Hong Kong เพราะระยะทางไม่ไกลมาก แหล่งช้อปปิ้งก็เป็นเลิศ อาหารก็อร่อย
ภาษาก็ไม่เป็นอุปสรรคเท่าไร คุณช้างเป็นเซลล์ต่างจังหวัดค่ะ และเป็นคนใช้เงิน
อย่างมีเหตุผลเสมอ ประกอบกับงบประมาณจำกัดค่ะ


"ไปเชียงใหม่กันไหมครับ ช่า ผมคุ้นเส้นทางอยู่แล้ว พักที่ไหน เที่ยวอะไร ร้านไหน
อร่อย ผมก็รู้หมด"

..." ดีค่ะ เราขับรถไปเอง สะดวก ค่ำที่ไหน ก็นอนจังหวัดนั้น ค่อย ๆ ไป ต้องใช้เวลากี่วันค่ะ"

" ประมาณ 7 วัน กำลังดีครับ ผมมีแผนที่แล้ว ช่าก็เอาไปดูนะครับ ระหว่างทางอยากเที่ยว
ที่ไหน หรือว่า แวะตรงไหน ก็ว่ามาแล้วกัน "

" ในแผนที่ค่อนข้างละเอียดนะครับ ทั้งที่เที่ยว ที่กิน โรงแรมไม่ต้องจองครับ คุ้นหน้า
กันอยู่แล้ว มีห้องแน่นอน "


นึกแล้วก็น่าสนุกใช่ไหมค่ะ แต่...อย่างที่บอก พิธีการเยอะมาก จึงทำให้มีของสดของแห้ง
เต็มบ้าน จึงเป็นที่มาของ...


“ ผมว่าของสดที่ใช้ไหว้เจ้าเสร็จแล้ว พวกหมูเป็ดไก่ เอามาผัดแห้งใส่พริกกระเทียม จะ
ได้เก็บไว้นาน เอาใส่กล่อง ไว้กินระหว่างทางได้จะได้ไม่เปลือง ไข่ต้มก็พอเก็บได้ไม่ใช่
เหรอ เนี่ยะ ประหยัด ไปได้หลายมื้อเลยนะ ผลไม้ก็ด้วย คุณว่าไหม “

“ โรงแรมก็เหมือนกัน ผมว่า นอนตามโรงแรมเซลล์แหละ (โรงแรมเซลล์คือ
โรงแรมที่พนักงานขายตามบริษัทต่าง ๆ มักจะไปพักเป็นประจำ เพราะราคาห้องพักค่อน
ข้างถูก ) มันพอใช้ได้นะคุณ กว่าเราจะถึงแต่ละจังหวัดก็ค่ำแล้ว โรงแรมก็ใช้นอนอย่าง
เดียว เอาอย่างหรู ๆ ไปทำไม ให้สะอาดก็ใช้ได้แล้ว " มิน่าตะหงิดตะหงิดว่าจะถามแล้ว
เชียวว่าทำไมไปคุ้นหน้ากับทางโรงแรม เรื่องมันเป็นแบบนี้เอง


เอาอย่างนี้เลยนะ โห แล้วแผนที่ฉันคิดเอาไว้ล่ะ อาหารอร่อยแบบมีคนมาชิมและรับรองให้แล้ว
เตียงนุ่มสะอาดในโรงแรมที่นอนสบาย


“ไว้เราพอมีเงินมากกว่านี้หน่อย ที่นี้จะอย่างงัยก็ได้ นะคุณนะ“


เวลานั้น ชี้นกเป็นไม้ ไม่ได้อยู่แล้ว ทุกอย่างโอนอ่อนผ่อนตามไปโหม๊ดดดด ซ้ำกลับคิดว่า
น่าจะ “สนุกกว่า” ขบวนการเตรียมอาหารเพื่อการเดินทางก็เรียบร้อยก่อนเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
เรามีหมูทอดกระเทียมอยู่ 2 กล่องย่อม และไก่ผัดแห้งอีก 1 กล่องใหญ่ ไข่ต้มประมาณ
จำนวนหนึ่ง ผลไม้และขนมไหว้เจ้า นอกเหนืจากกระเป๋าเดินทาง และของใช้จำเป็นอีกนิดหน่อย

------------------------

“ขอข้าวเปล่า 2 น้ำแข็งเปล่า 2 น้ำปลาพริกด้วย”


แทบจะเป็นเมนูอาหารประจำที่เราสั่งเมื่อแวะทางข้างพักและถึงมื้ออาหาร สั่งเสร็จก็หยิบ
ไก่จักรพรรดิ และ หมูฮองเฮา ออกมา อ้อ อีกอย่าง ...ไข่ต้มนางพญา ซึ่ง ก็จะเปลี่ยน
ไปเรื่อย ๆ นะคะ หมูนุ่มน้อย ไก่ลืมยาก ไข่เกลี้ยงเกลา อะไรก็ว่าไป มันก็อยู่ในกล่อง
เดียวนั่นแหละคือไก่ทอด หมูเค็มที่เราเตรียมมา ตั้งชื่อให้รู้สึกดี และ อร่อยไปเรื่อย ๆ
จะได้ไม่เบื่อ ตบท้ายด้วยกล้วยหอมในการเดินทางแรก ๆ ต่อไปก็ส้มเขียวหวานบ้าง
ส้มเช้งจากงานพิธีแต่งที่ยังมีตัวหนังสือจีนสีแดงเป็นกระดาษติดอยู่


ใครเห็นก็มองด้วยหน้าเปื้อนยิ้มไปซะทุกคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า คู่แต่งงานใหม่


เสบียงเราหมดไปในวันที่ 4 ของการเดินทาง ซึ่งก็เป็นช่วงขากลับเข้ากรุงเทพ และแม้
ว่าจะไม่ได้ลิ้มรสอาหารชวนชิมตามร้านต่าง ๆ แต่ กล้วยปิ้งอุ่น ๆ ข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ
ปลาหรือกะปอมตัว แห้งย่าง จิ้มแจ่ว ที่เราซื้อจากแม่ค้าข้างทาง ก็เป็นอาหารที่วิเศษสุด
ยอดของเราทั้งสองอยู่ดี


มื้อก่อนกลับเข้ากรุงเทพนั้น จะต้องแบ่งส่วนกับเงินที่ต้องใช้เติมน้ำมันรถ แต่ก็หิวเกินว่า
จะหิ้วท้องเข้าบ้าน แตงโมลูกใหญ่15 บาทที่พ่อค้าเข็นรถขายผ่านมาจึงเป็นอาหารของเรา
สองคนในมื้อนั้น.. ปาก.. และหน้า.. ที่จะต้องลุยกินเนื้อแตงโมคนละครึ่งลูกจนอิ่ม ก็
เลอะเทอะด้วยน้ำและเม็ดแตงโมเต็มหน้า หัวเราะขำ ต่อกัน และกัน

เขาและฉันอิ่มและมีความสุขทุกมื้อ

ฉันเชื่อในอิทธิพลของความรักจริง ๆ




 

Create Date : 28 มกราคม 2550    
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:03:12 น.
Counter : 431 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

ชราร่า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




");}
Friends' blogs
[Add ชราร่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.