Tough Time Never Last ...But Tough People Do
Group Blog
 
All Blogs
 
2>การสืบสันดาน 2

ตอนนี้ก็จะพูดถึงส่วนการเรียนและชีวิตวัยรุ่น เรื่องเรียนก็อย่างที่บอกไป
เป็นคนไม่ชอบเรียนแต่ชอบนั่งข้างหน้าห้อง เวลาประกาศผลสอบ หากไล่ชื่อจากท้าย
แผ่นประกาศ จะเจอได้เร็วกว่า ไล่จากอันดับแรก ๆ ลงไป ซึ่งก็บอกตรง ๆ ว่า
หลายครั้งก็โกรธตัวเองว่า ทำไมเรียนไม่เก่ง ทำไมดูหนังสือแล้วต้องง่วงนอนทุกครั้ง
ในห้องก็ต้องโดนครูเรียกก่อนเพื่อน ๆทุกครั้งเวลาให้ขึ้นมาทำเลขบนกระดาน หรือท่องศัพท์


ตอนประถมเล็ก ก็เรียนที่ รร เผยอิง ซึ่งแต่ก่อนนับว่าเป็น รร เกรด ต้น ๆ เรียนภาษาจีนจนถึง
ป. 4 (จนเด๋วนี้ก็ยังพูดได้อยู่ หลักก็คือ แต้จิ๋ว ส่วนแมนดาริน กับกวางตุ้งก็ได้บ้าง นิดโหน้ยยย
ส่วนเรื่องเขียน ก็ได้บ้าง ชื่อและแซ่ตัวเองได้อยู่แล้ว )

ตอนประถมปลาย ก็เรียนได้ดีขึ้นบ้าง จำได้ว่า ป. 7
( หลายคนคงไม่ทันรุ่น ป 7 )
สอบได้ที่ 2 ได้รางวัลเป็นสมุดโรงเรียน 1 โหล ดีใจมาก เพราะบนหน้าปกสมุดจะมีตราประทับ
ไว้เลยเป็นเลขไทยว่า อันดับ ๒ เวลาใช้แล้วปลื้มสุด ๆ

ส่วนมัธยมต้นก็เป็นเด็กชอบทำกิจกรรม โรงเรียนมีกีฬาสี หรือ ทำหนังสือรุ่น ดญ ช่า
ต้องมีส่วนร่วมทุกครั้ง ทำให้การเรียนตกลงไปมาก แล้วโรงเรียนเป็นสตรีล้วน
ก็เลยทำตัวเป็นทอม นั่งจีบน้องผู้หญิง ทำตัวเป็นผู้คุ้มครอง บุหรี่ เหล้า กัญชา
ได้หมด ไม่สนใจเรียนเลยจนขึ้นมัธยมปลาย เพื่อน ๆ สอบได้ที่โรงเรียนเตรียมอุดม
เป็นแถว ๆ ส่วนตัวเองได้ไปอยู่โรงเรียนรัฐบาลแถวเทเวศร์

อายเพื่อน ๆ มาก !!!

เริ่มคิดได้ว่าทำไมไม่เรียนให้ดี อาปา กับอามา ไม่ค่อยมายุ่งเรื่องเรียนเพราะสมัยนั้น
ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้ว่าลูกต้องเรียนอย่างไร เรียนไหนดี ดังนั้นการตัดสินใจเรียนต่อ
ก็จะตามเพื่อน ๆ ไป ไม่เหมือนสมัยนี้ ผู้ปกครองกัโรงเรียนมีการติดต่อ และ ดูแลเรื่อง
การเรียนลูกดีขึ้นมาก มีสมาคมผู้ปกครอง มีกิจกรรมร่วมกัน แต่ก่อนนี้ เรื่องเหล่านี้มีน้อย

เริ่มฮึดสู้ และ ตั้งใจเรียนมาก ๆ ตอนมัธยมปลาย วางแผนว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้
ตอนนั้นตัดขาดเพื่อนฝูง เขียนตารางดูหนังสือเอง ซื้อข้อสอบเก่าแถว ๆสนามหลวง
มาทุกวิชา วางไว้ว่าแต่ละอาทิตย์นี้อ่านวิชาอะไร อาทิตย์ถัดไปก็ลองสอบจากข้อสอบเก่า
หากทำข้อสอบได้ไม่เต็มต้องกลับไปอ่านใหม่ แล้วย้อนมาสอบเองอีกที ทำแบบนี้
แต่ละวิชาๆ ปิดห้องขังตัวเอง บอกอาปา กับอามาว่าต่อไปนี้คงไม่ได้ช่วยงานบ้านนะ
แล้วไม่ต้องห่วงว่าจะไปมีเรื่องกับใครอีก อยากเรียนหนังสือ ! ! !

ตกตะลึงกันหมดบ้าน

ลื้อกินอารายเข้าไปหรือปล่าวว วา ... มีอารายสิง หรืองายย


ทุกวันตีสี่ ไฟที่โต๊ะ จะเปิด ดูหนังสือตามตารางที่วางไว้ถึงหกโมงเช้าเริ่มเตรียมตัวไป
โรงเรียน เสร็จกลับมาตอนเย็น ทำธุระส่วนตัวเสร็จ เก็บตัวอยู่ในห้องกระทั่งห้าทุ่ม
ทำแบบนี้ทุกวัน ถ้าเป็นวันหยุดก็ขังตัวเองยาวเลย จะออกมาก็ตอนที่บ้านเรียกกินข้าวเท่านั้น
ตัวขาวซีด ยังกับจิ้งจกแน่ะ ตอนนั้น

นส ช่า เรียนมัธยมปลายเพียงสองปี แล้วสอบเทียบผู้ใหญ่ เอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย
ก่อนเพื่อน ๆ สารภาพว่า จำชื่อเพื่อนในช่วงนี้ไม่ได้สักคน เพราะไม่ได้คบใครเลย
ผิดกับเพื่อน ๆ ช่วงประถมและมัธยมต้น เพราะซ่าส์ส์ส์ มากเพื่อนเยอะ มีวีรกรรมด้วย
กันจำได้ไม่หมด ที่สำคัญก็ยังได้นัดเจอกันอยู่บ่อย ๆ ครั้งหลังสุดก็เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง
มีเกือบ 30 คนแน่ะ


เรื่องเรียนตอนนั้น แน่นมาก ขอคุยว่า ข้อสอบเอนทรานส์ทุกปีทำทุกข้อ ทำไม่ได้ข้อไหน
ก็จะไม่ผ่าน ต้องทำความเข้าใจ หรือถามครูให้รู้เรื่อง ตอนทำข้อสอบจริงเสร็จสามารถนับ
ได้เลยว่าตัวเองได้คะแนนเท่าไร เมื่อรวมคะแนนทุกวิชาแล้ว เทียบกับคะแนนสอบเข้า
ได้ในปีที่ผ่าน ๆ มา แทบจะบอกตัวเองได้ว่า สอบเอนทรานส์ได้คณะไหนด้วยซ้ำ


แล้วก็ได้ตามนั้นจริง ๆ !!!


นึกย้อนหลังไปก็อยากจะบอกว่า จากจุดนี้ก็ทำให้รู้ว่า คนเราหากจะรักดี ต้องคิดได้เอง
ด้วยสถานการณ์บังคับหรือสร้างขึ้นเองก็แล้วแต่ อีกอย่างก็คือรู้จัการให้โอกาสกับตัวเอง
และคนอื่นทุกอย่างพัฒนาได้หากตั้งใจ ท้ายสุดคือความมีระเบียบและอดทน
ซึ่งสำคัญมาก ( อันนี้ย้ำเสมอ )


ที่ต้องปูพื้นกันก่อนเข้าเรื่องจริง ๆ ก็เป็นแบบนี้ เวลาเลี้ยงลูกมักนำสิ่งที่เป็นแนวคิดที่เป็น
เหตุและผลเราประสบกับตัวเอง ตัวเราเองต้องเป็นแบบอย่างที่ดีก่อน อย่าหวังพึ่งคนอื่น
พึ่งครู หรือญาติพี่น้องหลักต้องอยู่ที่เรา คำว่า เลี้ยงลูก มันลึกซึ้งกว่าที่จะ แค่เลี้ยงให้เขา
อิ่มท้อง จริง ๆ เรากำลังสร้างคน คนที่เป็นเพียงหนึ่งเดียวในโลกนี้ เพราะทุก ๆ คน
มีหน่วยเดียวเท่านั้น ไม่มีใครซ้ำได้ และในเมื่อเรามีหน้าที่ในการที่จะ “สร้างคน” ทำไมแค่จะ
“ปั่มปั้ม”เขาขึ้นมาได้เกิดล่ะ แต่ต้องทำให้เขา “อยู่ได้บนโลกนี้อย่างมีเกราะคุ้มกันจิตใจที่ดี”


เคยได้ยินหลายคนพูดว่า “เลี้ยงลูกเอาไว้คุย ( โอ้อวด )” แรก ๆ ฟังก็รู้สึก หมั่นไส้ คนพูดนะ
แต่คิด ๆ ไปก็ออกจะเห็นด้วย เพราะลูกดี มีคนชื่นชม เราก็ปลื้มใจ ดังนั้นคุณเป็นคนเลือก
เองตั้งแต่ต้นว่า


“เลี้ยงลูกไว้อวด” หรือจะ “เลี้ยงลูกแล้วไว้ได้อาย” ก็ลองคิดดู

เคยเขียนไว้ว่า การเลี้ยงคนๆ หนึ่งขึ้นมา เหมือนมีดินก้อนหนึ่งในมือเรา ซึ่งดินก้อนนี้อยู่ใน
สภาวะแวดล้อมปกติ คือเมื่อเวลาผ่านไป มันพร้อมจะแห้งและฟอร์มตัวเองตามมือที่เราปั้น
แต่งไปอยู่ตลอดเวลา การตั้งใจที่จะปั้นควรจะเริ่มแต่ต้นเลยก่อนก้อนดินจะแห้งและหมด
โอกาสได้รูปร่างอย่างที่เราต้องการ เนื่องจากเราละเลยแต่แรก เนื่องจากเราคิดว่า

“ลูกยังเล็กเกินไปมั่ง ไว้ให้โต และพูดรู้เรื่องกว่านี้ก่อน ค่อยมาว่ากันใหม่ ”

ซึ่งมันอาจไม่ทันการเสียแล้วก็ได้

หรือบางคนเปรียบว่า ลูกแรกเกิดเหมือนผ้าขาว ก็ใช่อีก ถ้าเราต้องการภาพวาดที่สวยงาม
มีการวางน้ำหนักภาพที่สมดุล การวางส่วนประกอบภาพตั้งแต่ต้น ก่อนจะจุ่มสี และวาด
สะบัด ด้วยปลายพู่กันครั้งแรกนั้น สำคัญที่สุด เราคงอยากได้ภาพที่งดงามนั้นไว้ติดฝาบ้าน
ที่ห้องรับแขก มากกว่าจะที่ซ่อนภาพในไว้ห้องเก็บของ หรือไม่อยากให้ใคร ๆ เขากล่าว
หรือถามถึงภาพวาดโดยมือเราว่า

“อย่าไปพูดถึงมันเลย ”

แต่บังเอิญ.... บังเอิญว่า มันไม่ได้ง่ายแบบนั้นเลย ลูกเรามีชีวิต มีความรู้สึก ไม่ใช่แค่ก้อนดิน
หรือ ผ้าขาวที่เขาเปรียบ ระหว่างที่เราปั้น ระหว่างที่เราวางวาดพู่กันลงไป ต้องดูเนื้อดินให้ดี
ดินนี้ต้องการน้ำมากหรือน้อย ต้องเผาด้วยความร้อนเท่าไร ต้องเคลือบด้วยน้ำยาอะไร
เพื่อให้เงางาม ถึงจะสวยผ้าใบ ผืนใหญ่นี้ล่ะ บาง หนา รับสีได้มากหรือน้อย สีที่ผสมเราเอง
ก็ต้องรู้ทฤษฎีอยู่บ้างว่า ใช้อะไรบนผืนผ้าขาวนี้ สีน้ำ สีน้ำมัน หรือว่า....


ลึกซึ้งกว่านั้นและสิ่งที่ต้องทำก็คือ ทำอย่างไรให้เขาคิดเองได้ แก้ปัญหาเองได้ และอยู่
ได้ด้วยตัวตนของเขาเอง เผื่อไว้เลยว่า ถ้าพรุ่งนี้ เขาไม่มีใครเรา ลูกจะอยู่รอดได้อย่างไร
สร้างและฝึกฝนให้เขารู้สึกดิ้นรนเองบ้าง ทุกข์ และลำบากระดับหนึ่ง การพัฒนาเพื่อให้มี
ชีวิตรอด ไม่เพียงแต่ให้เขาอ่านออก เขียนได้ กินข้าว ใส่เสื้อผ้าเองเท่านั้น การแก้ปัญหา
เฉพาะหน้า การตัดสินใจ และพร้อมที่จะแก้ไขตัวเอง เป็นสิ่งที่ละเลย หรือ รอเวลาไม่ได้เด็ดขาด

การมีทีมเวอร์ค ก็ต้องพูดไว้ในที่นี้ก่อน ครอบครัวแบบไทย ๆ จีน ๆ เราอยู่รวมกันเป็น
กลุ่มใหญ่ จึงมันจะต้องมีญาติผู้ใหญ่เข้ามามีส่วนร่วมช่วยเลี้ยงด้วยเสมอ ดังนั้นต้องขาย
แนวคิดการเลี้ยงลูกให้อยู่ได้อย่างยั่งยืนให้ได้ รู้ค่ะ ว่าลำบาก แต่ต้องพยายามผ่าน
ด่านนี้ให้ได้ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ



Create Date : 26 มกราคม 2550
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:00:17 น. 0 comments
Counter : 441 Pageviews.

ชราร่า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




");}
Friends' blogs
[Add ชราร่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.