Tough Time Never Last ...But Tough People Do
Group Blog
 
All Blogs
 
12>รัก หรือ ทำร้าย


ช่วงนี้เริ่มเข้าประเด็นการดูแลเด็กแล้วนะคะ เตรียม
save ได้เลย แต่บางเรื่องก็เลือน ๆ ไปบ้าง ก็มัน
ตั้งกว่า 20 ปีแล้วนี่นา พี่ว่าหลัก ๆ ก็คงไม่ต่างกัน
เท่าไร คงไม่ได้ลงรายละเอียด



จากคุณ : ชราร่า - [ 22 พ.ย. 49 17:18:18 ]




--------------------------------------------------------------------------------

หน้าหลัก แจ้งลบ bookmark ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ โหวตกระทู้ เก็บเข้าคลังกระทู้ กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป








--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

“กลุ้มใจจังเลยพี่ช่า ลูกพูดไม่ฟังเล้ยยย ดื้อก็เท่านั้น นี่ก็พยายามแล้วนะ ว่าจะไม่สนใจแล้ว
ปล่อยไปตามบุญตามกรรมแล้วกัน ไอ้เราทำงานเหนื่อยแทบตาย วัน ๆ ลูกไม่เห็น
ใจบ้างเลย....ทำงัยดีค่ะ พี่”


คำพูดประมาณนี้เยอะมากเวลามีพ่อแม่รุ่นน้องมาขอคำปรึกษา ซึ่งมักจะมารู้สึกตัวก็
ตอนที่ลูกโตแล้ว หรือไม่ก็ตามใจกันมา จนกระทั่งไม่กล้าออกปากเอง มีการโบ้ย
ให้โรงเรียนดูแล คุณครูสั่งสอน พร้อมกับบอกว่า “ ก็ฉันไม่มีเวลานี่ !!”


เด็กเล็กรับรู้ในสิ่งที่เราพูดหรือแสดงกับเขาเสมอ คำพูดที่ว่า รอให้โตกว่านี้ก่อน หรือให้รู้
เรื่องมากหน่อย ค่อยมาว่ากันนั้น ก็มักจะเจอว่าสายเกินไป
เคยอ่านหนังสือที่ชื่อว่า “ กว่าจะ
ถึงอนุบาลก็สายเสียแล้ว” ไหมค่ะ นั่นแหละ แค่อนุบาลยังว่าสายเลย ไหมล่ะ ฉะนั้น
ไม่ต้องรอ ดีที่สุดก็คือวันนี้ เดี๋ยวนี้ !!!


พฤติกรรมของพ่อแม่ที่กลัวว่าลูกจะไม่รัก...


ลูกไม่กินผัก... >> เขี่ยผักให้
ลูกไม่ยอมนอน... >> อยู่เป็นเพื่อนจนกว่าลูกจะง่วง
ลูกใจร้อน... >> พยายามไม่ขัดใจ
ลูกเอาแต่ใจตัว... >> ประเคนให้ลูกได้ทุกอย่าง


รักลูกกับการทำร้ายลูก อยู่ใกล้กันมากค่ะ แต่อยากให้คิดนิดส์นึงว่า ตกลงแก้ปัญหาระยะสั้น
เพียงให้เขาหยุดร้องกริ๊ด ๆ หยุดดิ้นปั๊ดปั๊ดกลางห้างสรรพสินค้า เพราะแก้รำคาญ ขอให้
หยุดทำ หยุดร้องเฉพาะช่วงนี้ หรือยอมลำบาก อดทน ค่อย ๆ พูด ไม่รอเวลาให้ลูกคิด
เองได้ เพื่อสร้างความจำในสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรปฎิบัติตั้งแต่ต้น เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาในวันหลัง


ความมีวินัย เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ค่อย ๆ ทำค่อย ๆ เรียนรู้กันไป แต่ที่มักจะไปกัน
ไม่ค่อยรอด เพราะผู้ใหญ่เอง ก็ไม่พยายามเป็นแบบอย่างที่ดีเอง ซ้ำยังมีการแบ่งว่า ผู้ใหญ่
ทำได้ เด็กทำไม่ได้ จำไว้เถอะว่าคุณจะพูดแบบนี้กับลูกได้ไม่นาน วันหนึ่งเขาจะเรียก
ร้องความถูกต้องที่แท้จริง ถึงตอนนั้น คุณจะร้องไห้ในอก อย่างชอกช้ำ !! เชื่อเหอะ


ปัญหาหลัก ๆ สำหรับเด็กเล็กในระยะแรก ๆ มีไม่มากค่ะ พอแบ่งออกได้อย่างนี้


มีต่อจ๊ะ รอแป๊บเนอะ

จากคุณ : ชราร่า - [ 22 พ.ย. 49 17:21:54 ]






ความคิดเห็นที่ 2

เด็กไม่กินข้าว

ต้องฝึกให้นาฬิกาในตัวลูกมีความเที่ยงตรง พอถึงเวลากิน ก็ต้องกิน ไม่ใช่เดี๋ยวนม
เดี๋ยวน้ำส้ม กลับมาป้อนนมใหม่ นาฬิกาในตัวจะรวน เด็กเล็กหิวบ่อย ก็ต้องค่อย ๆ ฝึก
โตขึ้นหน่อย ถ้าไม่กิน เมื่อถึงมื้ออาหาร ก็ไม่ต้องกิน เก็บให้หมด !!! จะกินอีกที ต่อเมื่อ
ถึงเวลาเท่านั้น ถ้ามื้อนั้นไม่กิน ก็ไม่มีการให้ขนมระหว่างมื้อนะคะ คุณแม่และพี่เลี้ยงต้อง
ใจแข็งค่ะ สักพักเด็กจะเรียนรู้เอง


การวิ่งไล่ป้อนข้าว เป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เวลากิน ต้องนั่งกับที่ค่ะ ไม่ควร
ดูทีวี ไปกินไป เด็กจะอมข้าว และติดเป็นนิสัย เพราะว่าเพลินไปกับการดู เลยไม่ยอมเคี้ยว
แล้วข้าวนี่ ยิ่งอม ยิ่งหวาน ก็จะยิ่งเพลินไปกันใหญ่


แล้วประเภทไม่กินผักเขียว ไม่กินถั่ว ไม่กินปลา หรือการยกเว้นใด ๆ ก็อยู่ที่เริ่มต้น
ก่อนอื่นต้องดูที่ตัวคนป้อนก่อนพี่เลี้ยงบางคนไม่กินผลไม้ ก็พาลไม่ป้อนผลไม้ให้น้อง
บางคนชอบเค็ม ข้าวน้องก็ได้รสมือพี่เลี้ยง คือ เค็มจนไตแทบพัง สำหรับเด็กรสชาติให้
อ่อนไว้ก่อนนะคะ ควรได้ความหวานจากผัก และความหอมน่าทานจากเครื่องปรุงที่สดและใหม่


ก็ต้องทำความเข้าใจให้ดี ของมีประโยชน์ต้องให้หลากหลาย และทำให้น่าทาน ปรุงอะไร
ก็ให้กินอย่างนั้น ไม่ควรตามใจเด็กมากโดยยอมเขี่ยนี่ทิ้ง เอานี่ออก ควรพูดหรือหลอกล่อ
เด็กบ้าง ว่ากินแล้วเก่ง แข็งแรงหรือว่าสวย น่ารัก ก็ว่าไป



จากคุณ : ชราร่า - [ 22 พ.ย. 49 17:24:14 ]






ความคิดเห็นที่ 3

เด็กไม่ยอมนอน


เป็นการฝึกนาฬิกาในตัวเช่นกัน ตอนยังเล็กนอนมากสักหน่อย ก็ให้ตามนั้น ยืดหยุ่น
ได้บ้าง แต่อย่าให้ผิดเวลามาก ที่จะมีปัญหาคือตอนกลางคืน เมื่อเด็กโตหน่อยหากร้อง
ไห้กลางคืนบ่อย เมื่อดูแล้วว่าร้องตามเวลาเกิดจากความเคยชิน ก็ให้ดื่มน้ำแทนการให้นม
และเวลาตื่นก็จะทิ้งห่างไปเอง...ควรสร้างบรรยากาศด้วยค่ะ ไม่ใช่ คุณพ่อ ก็ดูทีวี ราย
การบอลเตะกันโครม ๆ แล้วจะให้หนูนอนได้อย่างไร


ตอนลูกทั้งสามยังเล็ก ที่บ้านก็จะมีระเบียบปฎิบัติคือ
ตอนนั้นทางช่อง 7 มีรายการ
การ์ตูนประมาณ 15 นาที ก่อนข่าว 2 ทุ่ม เมื่อถึงเวลา ก็เกณฑ์มาให้ดูทีวี
พอจบรายการการ์ตูน ก็มี good night kiss กับผู้ใหญ่ทุกคน แล้วก็พากันไปนอนใน
ห้องตัวเอง ซึ่งจะเงียบและปิดไฟด้วย ทำแบบนี้ได้ระยะหนึ่ง พอรายการการ์ตูนจบ
เด็กทั้งหมด แทบจะหาวนอนพร้อม ๆ กัน นาฬิกาในตัวเขาทำงานแล้ว ถึงเวลานอนก็
หลับเลย ตอนแรกลำบากนิดหน่อย หลัง ๆ ก็เริ่มสบายเพราะอยู่ตัวกันหมดแล้ว


ส่วนเรื่องกินนมตอนกลางคืน เนื่องจากดูแลไม่ทันกับเด็กตั้ง 3 คน ขืนต้องขึ้นมาให้
นมตลอด คงไม่ได้นอนแน่ ๆ คุณช่า มี trick นิดหน่อย อาจจะพอช่วยได้นะคะ คือ
เมื่อหัดให้เด็กจับขวดนมได้แล้ว ทุกคน จะมีพี่จิงโจ้ คือเป็นตุ๊กตาผ้า มีกระเป๋าหน้า
ท้องที่มีขนาดพอใส่ขวดนมได้ คนละหนึ่งตัว โดยจะวางไว้ประมาณที่ 10 นาฬิกา ถ้าเด็ก
เอื้อมมือไปทางขวา บนเล็กน้อย ก็จะสามารถหยิบขวดนมได้ทันที


“ พี่จิงโจ้ใจดี คอยดูให้ลูกหลับสบายนะคะ แล้วจะเฝ้าขวดนมไว้ให้ ถ้าลูกหิวนอน ก็มา
หยิบกับพี่จิงโจ้ได้เลยนะคะ”


ช่วงแรก ๆ ก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงร้อง เอามือของลูกเอื้อมไปที่กระเป๋าพี่จิงโจ้
พูดเบา ๆ ให้ลูกรู้ว่า ขวดนมอยู่ตรงนี้ ๆ ฝึกแบบนี้สักพักหนึ่ง คอยดูการปรับพฤติกรรม
คราวหลังพอลูกต้องตื่นกลางดึก เขาก็จะเอื้อมมือไปหยิบเองโดยอัตโนมัติ


มีเรื่องเล่าขำ ๆ ก็คือ เจ้าลูกชาย พอกินนมหมดขวด จะเควี้ยงขวดนมเปล่าไปด้านหลังดัง
โป้งทันที และทุกครั้ง อันนี้ไม่ได้สอนนะ ทำได้งัยไม่รู้

ส่วนลูกสาว กินเสร็จ ก็จะลืมตาขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วเอาขวดนมเปล่า ยัดใส่กระเป๋าพี่จิงโจ้
เหมือนเดิมอันนี้ก็ไม่ได้สอนเหมือนกัน แปลกไหมล่ะ



จากคุณ : ชราร่า - [ 22 พ.ย. 49 17:29:10 ]






ความคิดเห็นที่ 4

เมื่อหนูไม่ฉะบาย .. กินยา

การป้อนยาก็เป็นปัญหากันมาก ซึ่งก็เริ่มที่ผู้ใหญ่นั่นแหละทำให้เด็กรู้ว่าเรื่องกินยาเป็น
เรื่องน่ากลัว เด็กรับรู้และซึมซับได้เร็วมากจากท่าทีของคนรอบข้าง


ที่เห็นบ่อยก็คือ พอถึงเวลาป้อนยา ก็จับเด็กมาห่อผ้า กันเปื้อน แล้วรัดตัวเด็กไว้แน่น ๆ...
จะบ้าเหรอ แค่นี้ก็น่ากลัวมากแล้ว อยู่ ๆ จับหนูมามัดตัวซะงั้น แล้วไอ้ช้อนที่ใส่น้ำสี
อะไรไม่รู้ ก็มีคนหนึ่งจับงัดปากให้หนูเปิด อีกคนก็พยายามเทไอ้น้ำใส่ปากหนู
ซ้ำหน้าตาก็ขึงขัง คิ้วขมวดเอาเป็นเอาตายน่ากลัวมากเลย


เป็นคุณ คุณคิดว่าเป็นเรื่องสนุกได้อย่างนั้นเหรอ !!!


หนูตื่นและกลัว ด้วย ก็ อ๊อกยาสีเขียว สีเหลือง ออกมาหมดเลย คุณพ่อ คุณเม่ก็เอ็ด
หนูอีก จับมัดตัวใหม่ ป้อนใหม่


นี่จะฆ่าหนู หรือให้หนูหายป่วยกันแน่




หนูก็เลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีตั้งแต่คุณหมอชุดขาว ที่ฟังหัวใจกับ ไอ้ขวดกลม ๆ ฝาขาว ๆ
ทุกที เพราะทำให้หนูรู้สึกกลัว และหวาดระแวงทุกครั้งเลย


สมัยนี้มีหลอดสลิงก็ช่วยได้มาก ค่อย ๆ ฉีดทีละนิดที่กระพุงแก้ม
หรือให้ดูดจุ๊บ ๆ แต่ระวังว่าหน้าตา
เหมือนเข็มฉีดยานะ


ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่บอกว่า นี่คือ ยา ถ้าเราบอกว่ามันคือน้ำผลไม้ หรือน้ำมนต์
น้ำวิเศษที่ สโนไวท์ให้มา ที่ทำให้หนูหายตัวร้อนได้ล่ะ เพราะรสชาติยาสำหรับเด็ก
ก็มักจะหวานอยู่แล้ว ป้อนก็ให้มีท่าทางป้อนให้ปกติ เหมือนกินข้าว หรือผลไม้
ตามด้วยน้ำเปล่า หรือน้ำอุ่น


แค่นี้เอง เด็กก็ไม่ต้องกลัว ร้องไห้กริ๊ด ๆ ฝังใจกับการกินยา ที่ผู้ใหญ่สร้างความรู้สึกที่แย่ ๆ
กับหนูในครั้งแรก


เห็นไหมคะ ทุกอย่างอยู่ที่มือเราทั้งสิ้น เมล็ดพันธุ์เม็ดนี้ ขึ้นอยู่กับดินที่เราเลือก ปุ๋ยที่เราใส่
แสงแดดและน้ำที่มีเพียงพอให้เขาเติบโตขึ้นมาได้อย่างแข็งแรง เราต้องอดทน อดกลั้น
และมุ่งมั่น เพื่อจะได้ไม่นั่งเสียใจในภายหลัง


ที่ทำไปนั้นรักลูกหรือเพียงให้สบายตัวชั่วครู่ ควรจะคิดดูให้ดี





Create Date : 28 มกราคม 2550
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:08:33 น. 0 comments
Counter : 450 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชราร่า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




");}
Friends' blogs
[Add ชราร่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.