Tough Time Never Last ...But Tough People Do
Group Blog
 
All Blogs
 
20>ยุทธการตามหาฝัน

เกรงใจจัง ช่วงนี้เป็นกระทู้แม่ช่าติด ๆ กัน หลายกระทู้

เหตุการณ์มันบังคับ ขออำภัยด้วยเด้อออ...


อย่างที่ขอลาไว้ กระทู้ข้างล่างนี้ คือ จะไปฟอกใจสัก

หน่อย ผลัดวันประกันพรุ่งกับตัวเองมาหลายคราแล้ว

คงต้องลงมือสักที....


ตอนนี้ค่อนข้างยาวนะคะ แต่ก็ยังไม่จบดี จะมาต่อคราว

หน้านะคะ สัญญา จริง ๆ แล้วกะว่าจะเอาให้จบเลย แต่

เด๋วจะนอนดึกอีก พรุ่งนี้ต้องถึงสนามบินตีห้า ต้องนอนเร็ว

ซักหน่อย เพื่อน ๆ คงเข้าใจนะคะ


ok ไปเริ่มเลยค่ะ

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:22:18 ]




--------------------------------------------------------------------------------

หน้าหลัก แจ้งลบ bookmark ส่งต่อกระทู้ พิมพ์ โหวตกระทู้ เก็บเข้าคลังกระทู้ กระทู้ก่อนหน้า กระทู้ถัดไป








--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

“ทำไมลูกเราไม่เรียนเก่งและไม่น่ารักเหมือนลูกคนอื่นเขานะ”


หัวข้อกระทู้นี้ยกมาจากห้องชานเรือนเมื่อประมาณเดือน

ตุลาคม ปีที่แล้ว เห็นแล้วก็นึกย้อนกลับมาดูลูกตัวเอง บาง

ครั้งก็คิดเหมือนกันนะ ไม่ใช่เรื่องดื้อรั้นหรือไม่เชื่อฟังของ

ลูก แต่เป็นเรื่องของการเรียน อย่างที่เคยบ่นให้ฟังมา

หลายตอนแล้วว่า ลูกเก่งตอนอยู่นอกห้องเรียน แต่ไม่มี

สมาธิเลยเมื่อเรียนในระบบการศึกษา ในโรงเรียน


การบ้านทำผิดแทบทุกวัน ไม่มีวันไหนที่ทำได้ถูกต้องหมด

และครบถ้วน จะต้องมีรายงานจากคุณครู ทู๊กกก...วัน ไม่

การบ้านค้างไม่ส่ง ก็ไม่ใส่ใจในบทเรียน กระติกน้ำหาย

ลืมกระเป๋าไว้ที่โรงเรียน มานึกได้ตอนที่ตัวกลับมาถึงบ้าน

แล้วหนังสือเรียนต้องซื้อใหม่อยู่บ่อย ๆ จะว่าสมาธิสั้น ก็

คงไม่ใช่ มันไม่มีสมาธิเอาซะเลยจะถูกต้องกว่า



ถ้าเป็นสมัยนี้ ก็คงมีทางให้เลือกเยอะ เรียนแบบสาธิต

เรียนแบบเน้นการพัฒนาหรืออื่น ๆ ฉันคงมีความ

สุขมากกว่า เพราะช่วงนั้นก็กลุ้มใจจริง ๆ เพราะทั้งสามคน

เป็นแบบนี้หมด



เอาล่ะ ไม่ชอบเรียน พูดดีก็แล้ว พูดแย่ ๆ ก็แล้ว เหมือน

เดิมทุกอย่าง ถ้าตีให้ตาย ก็คงตายเปล่า หา

ทางออกอย่างอื่นดีกว่า เรื่องจะเรียนถึงมหาวิทยาลัย ตอน

นั้นคิดว่าคงจะยาก เรียนเป็นสายวิชาชีพแล้วกันนะลูกนะ

แล้วระหว่างนี้ล่ะ ก็คงต้องหาอะไรที่ชอบฝึกฝนไปก่อนให้มี

กิจกรรมทำ คนอื่น ๆ เขาเรียนพิเศษกันหน้าดำคร่ำ

เครียด แล้วลูกอยากเรียนอะไรไหม


“ แม่ปรึกษาลูกหน่อยนะ.... คือแม่ดู ๆ แล้ว รู้สึกลูกจะไม่

ชอบเรียนหนังสือเลย เพราะลูกไม่ได้ตั้งใจเท่าไร แต่

ลูกตั้งใจเรื่อง อื่น ๆ มากกว่า....”


“ แต่จะไม่เรียนก็ไม่ได้นะลูก คนเราต้องมีวิชาติดตัว จะ

ได้มีเครื่องมือทำมาหากิน พ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่เลี้ยงลูกได้

ตลอดนะคะ วันหนึ่งลูกก็ต้องดูแลตัวเอง ดูแลครอบครัว

ของตัวเอง เหมือนกับแม่กับพ่อตอนนี้ยังงัยลูก...”


“.. แม่ก็คิดว่าอยากให้ลูกเรียนอะไรก็ได้ที่ลูกอยากเรียน

แล้วจะต้องทำได้ดีนะ แล้วเราค่อยดูว่า เมื่อพยายามทึ่สุด

แล้ว ลูกจะเรียนได้สูงแค่ไหน ค่อยมาว่ากันอีกที ดีไหม

ลูก ลูกเข้าใจไหม...”


“อยากเรียนมหาวิทยาลัย เหมือน พี่ดิว....” รู้สึกเป็นเสียง

ของยัยปัน ลูกยังไม่เข้าใจเรื่องสายอาชีพ ก็เลยข้ามไป

ก่อน เรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ แค่อยากจะเรียนก็เพียงพอ

สำหรับแม่แล้ว


“ ก็ต้องตั้งใจเรียนในห้องให้ดี แต่เราไปเรียนอะไรพิเศษ

เพิ่มเติม เป็นพวกกีฬาดีไหมลูก รู้สึกว่าถ้าเราเล่นได้ดีเป็น

นักกีฬาเขต อาจจะได้โควตาเข้ามหาวิทยาลัยก็ได้....”



บอกเลยว่า เราแม่ลูกคุยกันแบบนี้จริง ๆ ดูเหมือนคุยกับ

ผู้ใหญ่ ก็ฉันอยากแสดงให้เขาดูว่า ฉันขอปรึกษาหารือ

อย่างจริง จัง สุ่มเสียง และบรรยากาศแบบเปิดใจ ทำให้

ลูกเห็นความตั้งใจของเราดี ให้เกียรติและโอกาส เข้าใจ

เขาในสิ่งที่พวกเขาประสบอยู่ ไม่ว่ากับเพื่อน กับครู กับการ

เรียน ลูกจะได้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ ลูกจะได้

ตระหนักว่า เรา แม่ลูก กำลังคุยชีวิตของเขาเอง สอนเขา

รู้จักนึกย้อนถึงตัวเอง ให้เขารู้ว่า เราเห็นเขาสำคัญ ซึ่งแม้

ว่าเขาอาจจะไม่ได้เข้าใจที่ฉันพูดวันนี้ทุกคำ ฉันหวังว่าวัน

หน้าเขาจะนึกได้ แม้จะเข้าใจได้ทีหลังก็หวังว่ามันจะไม่

สายเกินไป

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:26:08 ]






ความคิดเห็นที่ 2

บรรยากาศที่เรียกว่า เปิดใจ นี้ ฉันนำมาใช้ไม่บ่อย แต่ทุก

ครั้งที่ทำ ลูกมักจะฟังและโต้ตอบฉันด้วยเหตุผลที่ดี และ

ดีมากสำหรับเด็กในวัยวุฒิระดับประถม



ที่สำคัญ ฉันไม่เคยบ่น หรือต่อว่าต่อขาน ถึงเรื่องการเรียน

ที่ไม่ได้เรื่องของพวกเขาเลย เพราะรู้ว่า สมุดที่เต็มไปด้วย

สีหมึกแดงที่ กาผิด ที่เขียนแก้ไข จากคุณครู ลูก ก็รู้สึก

อายอยู่แล้ว เมื่อรู้ว่าลูกก็เต็มที่แล้ว ไปกดดันมาก ลูกก็จะ

ไม่รู้สึกอิสระพอจะความคิดเห็นได้ดี



ฉันเชื่อว่า ความมีอิสระ ทำให้เกิดปัญญา




กลับมาเรื่องเรียนพิเศษเพื่อเตรียมตัวเป็นเด็กโควตาด้าน

กีฬา ซึ่งหลังจากปรึกษากันแล้ว พวกเขาก็สรุปว่า....


“ เรียนเทควันโดครับแม่ ” อืมม ท่าจะดี ลูกเราแข้งขา

ยาว อีกหน่อยคงสูง ออกทางด้านกีฬาก็ไม่เลว อาจจะเป็น

ทีมชาติกับเขาก็ได้ และถ้ามาถูกทางอาจ go inter ไป

แข่งต่างประเทศ เป็นแชมป์โลกอีก อ่ะฮ่า แม่ช่าคิดการ

ใหญ่ เอาเลยลูก ต้องมีอุปกรณ์อะไรบ้างเนียะ เรียนเท

ควันโด


ปรากฏว่าก็โชคดีไม่มีอุปกรณ์แพง ๆ อย่างที่กลัว ดังนั้นทุก

เสาร์และอาทิตย์ แม่และลูก ๆ ก็ต้องไม่ไปไหนไกล

เพราะมีตารางนัดที่แน่นอนอยู่แล้ว ต้องเตรียมอาหาร น้ำ

ท่า ขนม นม และของว่างใส่ตะกร้าให้พร้อม ลูกจะได้ไม่

หิว เพราะต้องฟิตเต็มที่



เหตุการณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี จากเทควนโดเริ่มด้วยสายสี

ขาว เป็นสีเหลือง จากเหลืองเป็นเขียว จากเขียว เป็นฟ้า..

เป็นสายสีน้ำตาล และเป็นสายสีแดง โอ ใกล้แล้วลูก

ใกล้แล้ว จวนจะได้สายดำ ซึ่งเป็นสายสุดท้าย แต่

แล้ว ....


“ ไม่เอาแล้วแม่ อยากเรียนว่ายน้ำมากกว่า...” อ้าว งัยมา

เปลี่ยนใจเอาตอนหลังแบบนี้ อีกนิดเดียว เราก็จะได้แล้ว

เทควันโดสายดำ สุดเท่ ลูกก็มาทิ้งซะเฉย ๆ ได้งัย “


อยากเรียนว่ายน้ำอ่ะ ....” เสียงอ้อน พร้อมทำตาแดง ๆ



คนเรียนคือลูก ไม่ใช่เรา...คงต้องมีความสมัครใจพอควร

แหละ ฉันก็ไม่ชอบที่จะขืนใจในสิ่งที่ลูกไม่อยากทำ คน

เราจะทำได้ดีในสิ่งที่ชอบเท่านั้น และที่สำคัญเขาไม่ได้

อยากเลิก เพียงแต่ว่าเขาอาจจะรู้สึกว่า อาจว่ายน้ำได้ดี

กว่าเทควันโดก็ได้



เอาล่ะ อุปกรณ์สำหรับว่ายน้ำไม่มากนัก เราก็ไปสมัคร

เรียนว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำเกษตรศาสตร์ บางเขน คุณครูที่

สอนว่ายน้ำเพื่อเป็นนักกีฬาเขตบอกว่า ลูกอายุเกินเกณฑ์

แล้ว โดยปกติหากจะเริ่มเพื่อเป็นนักกีฬาอย่างเป็นจริงเป็น

จัง จะต้องเริ่มตอนอายุ 9 ปี แต่ตอนนี้เกือบ 11 ปีแล้ว

เกรงว่าจะต้องซ้อมมากกว่าปกติสักหน่อย ลูก ๆ ก็พยัก

หน้าด้วยความเต็มใจ ในเมื่อลูกสู้ แม่จะไปถอยได้อย่าง

ไร เอ้า ไปลูก ไปตามความฝันกัน


ความฝันของลูก ไม่ว่าจะแขวนไว้ที่ไหน แม่จะตามไป

สอยมาให้ ไม่สนว่าจะยาก จะลำบาก ขอให้ฝันเถอะ อย่า

หยุดฝัน เพราะแม่จะได้ช่วยทำให้ฝันนั้นเป็นฝันที่ดีของ

ลูก และ ต้องเป็นจริงในที่สุด


แม่สัญญาจ๊ะลูก

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:30:24 ]






ความคิดเห็นที่ 3

ทุกวัน หกโมงเช้าต้องไปถึงสระ ฉันต้องตื่นตีสี่ เตรียม

อาหารของลูกใส่ตะกร้า แซนวิช นม น้ำ ขนมอื่น ๆ แล้ว

จัดการกับตัวเองใส่ชุดทำงาน อุปกรณ์ของลูกได้ให้เตรียม

ไว้ก่อนขึ้นนอนแล้วเมื่อคืน กว่าจะเสร็จก็ตีห้ากว่า ๆ ค่อย

ๆ ปลุกลูกให้ตื่น อาบน้ำแต่งตัว ออกจากบ้านประมาณ ตี

ห้าสี่สิบนาที ใช้เวลา สิบห้า นาทีเดินทาง ตอนเช้า ๆ รถไม่

แน่น สระก็ใกล้บ้าน ลงสระก็ตอนหกโมงเช้าพอดี



ซ้อมว่ายน้ำอยู่ 1 ชั่วโมง เสร็จแล้วก็ให้ลูกแต่งตัว ฉันก็ไป

ส่งที่โรงเรียน แล้วฉันก็ไปทำงานต่อ ตอนเย็น ก็รับจาก

โรงเรียนมาซ้อมว่ายน้ำตอนเย็นอีก 1 ชั่วโมง เสร็จกลับ

บ้าน กินข้าว แล้วก็ทำการบ้าน ขึ้นนอน พรุ่งนี้ก็เริ่มวงจร

ใหม่ ตอนใกล้สอบ หรือหากไม่สบาย ก็ลำบากหน่อย



ผ่านมาสักพักใหญ่ ๆ ปรากฏว่าลูกเป็นภูมิแพ้ ทำให้ลงแข่ง

ขันไม่ได้ ภารกิจนี้ก็ไม่สำเร็จตามที่วางไว้


ต่อมาลูกเกิดอยากเป็นศิลปิน อยากเป็นนักวาดรูปเสมือน

จริง ก็พากันไปลงคอร์ส 2 คอร์ส แผ่นไม้อันรองกระดาษ

เอย กระดาษวาดเขียนเอย ดินสอดำหลายขนาด หลาย

เบอร์


ลูกแอปเปิ้ล วางหลังตู้เย็น มีแสงสาดมาด้านข้างเกิดเงา

สวย เปลี่ยนจากแอปเปิ้ลเป็นส้ม เป็นกล้วย เงาตอนเช้า

บ้าง เงาตอนเย็นบ้าง แม่ช่าก็ตามไปเฝ้าดูว่ามุมบ้านตรง

ไหนที่ได้เงาแสงที่ดีกว่า นั่งจับเวลาว่าเวลาไหนที่แสงจะ

นุ่มกว่าเวลาไหน จดเวลาที่ว่าน่าจะดีที่สุดไว้ ทั้งเสาร์และ

อาทิตย์ ยังนึก ๆ อยู่ว่าฤดูกาลที่เปลี่ยนไป อาจจะต้องมา

จดใหม่ เพราะดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนองศาการขึ้นและลง



แต่ยังผ่านไปไม่ถึงฤดูกาลใหม่เลย แล้วลูกก็มาบอกว่า

ทางนี้ไม่ใช่ฝันที่เขาอยากไปแล้ว เอ้า เลิกเหรอลูก เลิกก็

เลิก เหมือนดูหนังดูดี ๆ ก็จบดื้อ ๆ ซะ งั้น แม่ว่าลูกยังจับ

ดินสอวาดยังไม่ถนัดมือด้วยซ้ำ มาดูกันใหม่ซิว่าจะเรียน

อะไรดี ลูกคงยังวน ยังหาตัวตนของลูกยังไม่เจอ



ฉันก็หวังลึก ๆ ว่าเมื่อไรที่หาตัวตนเจอแล้ว ลูกจะเจอทาง

เดินของชีวิตลูกเหมือนกัน



มารู้ตัวอีกที ก็ได้อยู่ร้านขายเครื่องดนตรีเป่า ลูกอยาก

เป็น เคนนี่ จี นักเป่าแซก ระดับโลก เสียงแซกเขา

โหยหวน หวานฉ่ำ ทุกครั้งที่ได้ยิน ตอนนั้นเพลง my hear

will go on ของภาพยนตร์เรื่อง Titanic กำลังดัง ฉันจ้าง

ครูเป่าแซกมาสอนที่บ้าน ชั่วโมงละ 700 บาท ครั้งละ 2

ชั่วโมง ที่บ้านจะมีเสียงเพลงนี้ ฉบับเป่าผิด เป่าถูกอยู่พัก

ใหญ่ เกรงใจข้างบ้านมาก วิทยุโทรทัศน์ก็ดูไม่รู้เรื่อง แต่

ทุกคนที่บ้านก็อดทน อดทนกับเสียงแซกที่เกือบจะ

เพราะ เกือบจะใช่ตามตัวโน๊ตที่คุ้นหู เพื่อว่า เพื่อว่า ลูกจะ

หาตัวตนได้เจอ... สักที


เครื่องเป่าแซก สี บรอสน์เงิน ก็ถูกวางให้เหงาอยู่ในกล่อง

หนังสีดำ หลังจากลูกเป่าได้เพลงแรกจบลง ยังไม่เริ่ม

เพลงที่สองด้วยซ้ำ


My heart will go on แล้วหัวใจลูกก็โบยบินไปอีกครั้ง

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:33:58 ]






ความคิดเห็นที่ 4

คราวนี้ลูกจะสมัครเล่นวงโยธวาทิตของโรงเรียน เพราะว่า

จะได้เล่นเครื่องดนตรีเป็นวงใหญ่ อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ

สมาชิกของวงโย ฯ จะได้คะแนนพิเศษจากโรงเรียนใน

เรื่องให้ความร่วมมือต่อส่วนรวม เราแม่ลูกปรึกษากัน และ

ก็สรุปตามนี้



แต่ปรากฏว่า การเรียนลูกก็เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ เช่นเคย แม้

จะมีคะแนนเรื่องการให้ความร่วมมือต่อส่วนรวม ก็ไม่ได้

ทำให้ดีขึ้นเท่าไร ซ้ำชั่วโมงเรียนก็น้อยลง เนื่องจาก จะ

ต้องซ้อมวง ก่อนเลิกเรียนหนึ่งชั่วโมง นั่นหมายความว่า

เรียนไม่ทันเพื่อนทุกวัน ๆ ละหนึ่งชั่วโมง หนำซ้ำวันเสาร์

อาทิตย์ก็ต้องซ้อม หรือไม่ก็ไปออกงานเป็นตัวแทน

โรงเรียนไปแสดงตามสถานที่ต่าง ๆ เช่นงานของกระทรวง

งานวันถวายพวงมาลา งานแสดงประชันกับวงโยฯ

โรงเรียนอื่น ๆ คนเป็นแม่ อย่างแม่ช่า ก็ต้องตามรับตามส่ง

ตามเอาเสื้อแบบฟอร์มที่ใช้ใส่สำหรับเวลาออกงานไปซัก

แห้ง หมวกทรงสูง ถุงมือขาว ถุงเท้า รองเท้าขัดมันเอี่ยม

เก็บให้เรียบร้อย เตรียมพร้อมสำหรับงานที่จะมีต่อไป



“แม่ครับ ไปป์กับปูนคิดว่า.....”



เอาอีกแล้ว หรือเปล่า ลูก ถ้าแม่เป็นเครื่องดักความฝัน

คงเหนื่อยมากเร้ยยย จริง ๆ แม่ก็เหนื่อยนะ แต่แสดงออก

ไม่ได้ เพราะเราคุยกับแล้วงัยว่า จะหาความถนัดพิเศษ

เฉพาะตัวเพื่อจะได้เป็นบันได ก้าวไปสู่สถาบันระดับอุดม

ศึกษา



สิ่งที่พยายามมาตลอดก็คงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

หากเพียงแต่ฉันเอ่ยปาก หรือระบายความในใจกับลูก “

พอเถอะ พอ ..ไม่ต้องร่ำ ต้องเรียนอะไรอีกแล้วทำไม ไม่

สรุปว่าจะมุ่งไปทางไหนสักทางหนึ่ง อันนั้นก็ไม่ชอบ อันนี้

ก็ไม่ถนัด แล้วลูกจะเอางัย... หา ...”


ตั้งแต่ เทควันโด .... ว่ายน้ำ... วาดรูป ....ดนตรี.... เล่นวง

โย ฯ.... ใช้เวลาอย่างละไม่เกีน 1 ปี อย่างไม่เป็นชิ้น เป็น

อัน แล้ว...แล้ว ตกลงว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่ถูกต้องหรือ

ไม่ ฉันตามใจลูกเกินไปหรือเปล่า หากเพียงแต่ฉันเด็ด

ขาดกว่านี้อีกนิด ลูกคงต้องได้อะไรสักอย่างแน่นอนกับ

เวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา ไม่ใช่สะเปะ สะปะ ไม่มีทิศทางที่

ชัดเจนแบบนี้ คำพูดที่ว่า เวลา วารี ไม่หวนกลับคืนมา ทำ

ให้ฉันรู้ซึ้งกับมันจริง ๆ ก็คราวนี้แหละ



ฉัน... พลาด.... อย่างงั้นเหรอ



แต่...

สิ่งที่ดึงใจฉันไว้ ก็คือ ลูกไม่ติดเกมส์ เราไม่ให้มีเกมส์ใน

บ้าน ลูกขอไปเล่นตาม net café ก็กลับมาตาม

เวลาที่กำหนดทุกครั้ง ลูกไม่เคยขอเงินไปเที่ยวกับเพื่อน

เกินกว่า ที่เหมาะสม ไม่เคยหนีเรียนสักวิชา ไม่เคยดื้อ

ไม่เคยออกนอกลู่ นอกทาง ไม่เคยแต่งตัว ซื้อเสื้อผ้าตาม

แฟชั่น ไม่สูบบุหรี่ ติดยา มีแฟนไม่เคยเรียกร้องไว้ผม

ยาว ย้อมสีผมหรือใด ๆ



ดังนั้น .....


แม่ช่าหุบปากสนิท เมื่อลูกเริ่มจะเสนออะไรที่ใหม่ ใจ

ตึ๊กตั้ก..รอฟังลูก และพร้อมที่จะลุกและลุย กับลูกอีก

เขายังไม่ท้อเลย แล้วฉันจะถอยได้อย่างไร บ่าสองข้าง

ต้องพร้อมที่จะเป็นที่ยึด เป็นที่เกาะให้ลูก บ่าของแม่ช่า

ต้องไม่ลู่ลงเป็นอันขาด



“แม่ครับ ไปป์กับปูนคิดว่า.....”


“ เราคิดว่า จะลองตั้งใจเรียนหนังสือใหม่ครับ ลองมา

หลายอย่างก็ไม่มีอะไรที่จะง่าย หรือถนัด ทุกอย่างก็เริ่ม

ใหม่หมด เรื่องเรียนก็ยังต้องเรียนอยู่ดี สู้ว่าตั้งใจใหม่

พยายามอีกหน่อย แม่เห็นว่างัยครับ...” ลูกทั้งสองเรียน

อยู่มัธยม 2 แล้วในเวลานั้น


“…..แล้วลูกพร้อมจะเรียนหนักใช่ไหม ตอนนี้ก็เริ่มจะเข้า

มัธยมปลายแล้วนะลูก จะทันไหมครับ....” ลูกไม่เดียว

ดายอยู่แล้ว แม่เดินเคียงข้างลูกเสมอ แต่หากเรื่องบาง

เรื่อง สุดปัญญาที่แม่จะช่วยได้เช่น เรื่องวิชาเรียนต่าง ๆ



“ จะลองดูน่ะ แม่ ....”



“ก็สุดท้ายแล้วนะลูก คราวนี้แม่อยากขอความร่วมมือนิด

นึง ให้ตั้งใจ ตั้งใจจริง ๆ แม่ภูมิใจตัวลูกมาตลอดนะครับ

จะอย่างไรก็แล้วแต่ แม้ว่าที่ผ่านมา ลูกได้เรียน ลูกได้รู้

อย่างที่อยากได้ แต่พวกเราก็ใช้เวลามามากนะครับ หาก

คราวนี้ ลูกไม่....”


ถึงตอนนี้ ลูกก้มหน้า ฉันไม่กล้าพูดต่อ ไม่กล้าดูถูกความ

ตั้งใจของลูก ได้แต่ดึงเขามากอดไว้ พลางนึกในใจ ....

ผิดอีกแล้วฉัน... พูดออกไปได้งัย.. ก็ร่วมทางกันมา

ตลอด เห็นดีเห็นงามมาด้วยกัน แล้วจะมาโยนความล้ม

เหลวมาใส่ในตัวลูกฝ่ายเดียวได้อย่างงัย นักมวย กับคน

เชียร์มวย จะเปรียบเทียบความเหนื่อยเจ็บให้เท่ากันคงไม่

ได้ เก่งจริงก็ขึ้นเวทีเองซิ ยะ แม่ช่า



ลูกทั้งสองในอ้อมกอดของฉัน นิ่งเงียบ ในใจฉันรู้ว่าเขา

เป็นนักสู้ เพียงแต่ต้องการโอกาสอีกสักครั้ง... เท่านั้น

เขาขอเท่านั้นจริง ๆ

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:42:28 ]






ความคิดเห็นที่ 5

วิชาเรียน วิชาที่ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ถูกนำมาวาง

เรียงเป็นรายชื่อยาวววว ครูสอนพิเศษต่าง ๆ ครูปิง

ครูเปี๊ยก อาจารย์อุ๊ อาจารย์อิ๋ว พี่หนุ่ม พี่นุ่น ไม่ว่าจะ

สอนตามสถาบัน ตามโรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษา

พี่ ๆตามโต๊ะในโรงอาหารในมหาวิทยาลัยที่รับจ้างสอนเป็น

พิเศษ ก็ช่วยได้ล่า มาวางแผนว่า วิชาไหนจะเรียนกับใคร

ที่ไหน กับเวลาที่เหมาะ และสะดวกที่ให้ฉันไปรับและ

ส่ง ยิ่งวันเสาร์และอาทิตย์ นอกจากต้องตื่นก่อนตีห้า เพื่อ

เตรียมอาหารเช้าแล้ว อาหารกล่องบนรถ ก็ต้องเตรียม

ไว้ รวมทั้งอาหารเย็นบ้างหากวันนั้น ๆ มีรอบเวลาหนึ่งทุ่มที่

ต้องเรียนอีก



เริ่มจากรอบเช้าแถวสยามสแควร์ ......... บ่ายโมงตรงที่

ม. เกษตร ..........สี่โมงเย็นแถวพหลโยธิน 52 ……….

รอบหนึ่งทุ่มที่ลาดพร้าว วิสุทธาณี..........กว่าจะเสร็จกลับ

ถึงบ้าน ก็เกือบสี่ทุ่ม ทั้งแม่และลูกก็หมดแรง นี่ยังไม่ได้

นับ วันเรียนธรรมดาช่วงเย็นที่ต้องไปเรียนแถวถนนพิชัย

สลับกับสถาบันแถววงเวียนใหญ่



อีก ยังมีอีกค่ะ จำพวกหนังสือเรียนพิเศษ ชีท ซีดี รวม

ชุดข้อสอบวิชาต่าง ๆ ย้อนหลัง 15 ปี และเนื้อหาที่น่าสนใจ

ตาม internet ซึ่งแต่ก่อนคอมพิวเตอร์และ internet มี

ราคาและค่าบริการต่อชั่วโมงที่แพงมาก ช่วงนี้นอกจาก

เวลาส่วนตัวที่แทบจะไม่มีแล้ว เงินเดือนแต่ละงวด ๆ แทบ

จะไม่เหลือเลยเอาจริง ๆ



ช่างเหอะ ไม่เป็นรัย เงินหมด ก็หาใหม่ได้ ที่สำคัญคือ ใช้

ให้ถูกต้อง และเหมาะสม



นอกจากนั้นกำลังใจและวิธีการในการอยู่ร่วมเป็นสิ่งที่

สำคัญไม่น้อยกว่าการเรียนเลย เริ่มตั้งแต่เรื่องอาหารการ

กิน มาม่า หรือ ข้าวเหนียวหมูปิ้ง จะมาเป็นอาหารหลัก

เพราะอ้างเรื่องไม่มีเวลาไม่ได้ ต่อให้เวลามีจำกัดแค่ไหน

ฉันก็ยังเน้นอาหาร 5 หมู่เป็นหลักและพยายามให้ครบให้

ได้มากที่สุดทุกมือ เจ้าประจำของอาหารสดที่ฉันต้องไป

จ่ายตลาดเป็นประจำก็คือ foodland รู้ค่ะว่าแพง แต่เป็นที่

เดียวที่ฉันสามารถไปหาซื้อ ปลา หรือ หมู และผักสดมาใส่

ตู้เย็นตอนหลังสี่ทุ่มได้ในเวลานั้น


น้ำอัดลม กาแฟ หรือ เครื่องดื่มใด ๆ ก็อย่าหวังให้ได้เห็น

หรือแม้เฉียดใกล้


ต่อมาก็คือ เวลานอน ต่อให้ใกล้สอบแค่ไหน ลูกต้อง

นอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน ฉันต้องนอนหลังเพื่อแน่ใจว่า

ลูกหลับแล้ว แต่ตื่นก่อนเพื่อ ปลุก ลูก ๆ ให้ตื่นทันเวลา



สิ่งเดียวที่ฉันไม่ได้ทำระหว่างภาระกิจนี้ คือเรื่องการดูแล

เรื่องออกกำลังกาย ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญ เพียงแต่บรรจุลง

เวลาไม่ได้ โชคดีที่พอมีพื้นที่หลังบ้านประมาณ 1 งาน ก็

พอได้รับอากาศสดชื่นช่วงเช้า ๆ ได้เป็นอย่างดี



อาม่าทั้งสองฝ่าย คือ แม่ย่า และแม่ยาย รวมทั้งญาติ ๆ

ได้รับรู้ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่พวกเรา พ่อแม่ลูก ต้องร่วมกัน

ฟันฝ่า โดยมีฉันเป็นหลัก เพราะพ่อยังต้องเดินทางทำงาน

ที่ต่างจังหวัด นาน ๆ ค่อยกลับมาที เหล่าญาติ ๆ ทุกคนก็

น่ารักให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ให้คำแนะนำ และ กำลัง

ใจ ซึ่งฉันถือว่าเป็นวิตามินเสริมที่วิเศษที่สุดในแง่จิตใจ

ของนักกีฬาที่กำลังอยู่ช่วงซ้อม และรู้ว่าต้องขึ้นเวทีเพื่อ

การแข่งขันในเวลาไม่นานนี้ ฉันเองคงอยู่ในบทบาทของพี่

เลี้ยง มีผ้าสีขรึมพาดบ่า ยืนข้างเวที เพื่อตะโกนบอก วิธี

การรับมืออย่างใกล้ชิด คอยให้น้ำ เช็ดเหงื่อ บีบนวดเนื้อ

ตัว ระหว่างพักยก และปลุกเร้าให้สู้ในยกต่อไป



ยาจีน ยาบำรุงก็ทยอยส่งมาจากอาม่า บอกว่ามาเชียร์

หลาน โสม ทั้งจากจีน จากเกาหลี หรือจากอเมริกา ก็นำ

มาชงกินแทนน้ำ ไก่ดำจากเยาวราช ใส่ฮุยซัว ตังเฉ้า

และเกากี๋ ก็บรรจุตุ๋นในหม้อดินสีน้ำตาลอ่อน ตวงจากน้ำ

5 ถ้วย ตุ๋นจนเหลือ 3 ถ้วย แบ่งให้ครบตามจำนวนลูก แม่

ก็กินน้ำตุ๋นรอบสองต่อ


มีคนส่งใจเชียร์ด้วย ซุปไก่สำเร็จรูป แต่ฉันก็ยังเจียดเวลา

ก่อนนอนจัดการประมาณอาทิตย์ละสองครั้งเท่านั้นสำหรับ

ไก๋ดำตุ๋นยาเอง มันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งนะ เวลาลูก

เห็น ก็จะรู้สึกได้ถึงความตั้งใจที่เรามีต่อเขา ลูกเองก็จะได้

มุ่งมั่นกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าให้มาก ถ้าเขาเห็นเรายังเที่ยว

เล่น ยังหัวเราะอยู่หน้าทีวี ยังซื้ออาหารปรุงสำเร็จง่าย ๆ ให้

กับเขา แรงใจฮึดในการที่ต้องสู้กับภารกิจก็คงมีไม่มาก

เท่ากับ ได้เห็นเราโล้เรือไปลำเดียวกับเขา


ฮุย เล ฮุย.... ฮุย เล ฮุย....ฮุย เล ฮุย.... สู้ สู้






มีต่อค่ะ อาทิตย์โน๋นนน นะคะ ขอลาไปฝึกวิปัสสนา 7 วัน แล้วเจอกันใหม่จ๊ะ

จากคุณ : ชราร่า - [ 14 ม.ค. 50 21:49:07 ]






ความคิดเห็นที่ 6

อ่านแล้วซึ้งใจจัง...น้ำตาซึมเลย...


ขอให้คุณแม่ฯมีความสุขมากๆนะครับ...(ฝึกวิปัสสนา)

..

..









จากคุณ : akae - [ 15 ม.ค. 50 07:45:14 ]






ความคิดเห็นที่ 7

ซึ้งด้วยคนครับ อ่านแล้วเห็นถึงความเป็นครอบครัวมาก ๆ

เลยครับ คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

เป็นครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ ครับ









จากคุณ : ozzyii - [ 15 ม.ค. 50 11:23:19 ]






ความคิดเห็นที่ 8

ซึ่งจนเห็นภาพความรู้สึกแม่เลยคับ เข้าใจความรู้สึกลูกด้วยเหมือนกันคับ

แต่ก่อนเห็นพี่ช่าเล่าเรื่องความสำเร็จของลูก (ประกวดหุ่นยนต์ชนะเลิศ) ได้ฟังเบื้องหลังแล้ว ไม่แปลกใจเลยคับ พี่เป็นแม่ที่ทุ่มเทมากๆ คับ ออกหนังสือเถอะคับ จะเก็บไว้ให้คนใกล้ตัวอ่านคับ เชียร์ ๆ ยุๆๆๆๆ

ถ้าไม่รบกวนพี่เกินไป ผมขอต้นฉบับ ส่งทาง email ได้ไหมคับ ที่ noom_ngow@yahoo.com, noom_ngow@hotmail.com เหมือนเดิมนะคับพี่ ขอบพระคุณล่วงหน้าคับ :)

จากคุณ : หนุ่มน้อย ณ บาบิโลน - [ 22 ม.ค. 50 10:23:44 ]






ความคิดเห็นที่ 9

ขอบคุณ น้องเอ กับน้อง ออสซี่จ้า... กลับมาเขียนต่อแล้ว
รออีกแป๊บนะ เพราะยังต้องมีเรื่องที่ไปวิปัสนามาเล่าอีก


หนุ่มมมม หวัดดีจ๊ะ คิดถึงจังงงง

แล้วจะส่งไปให้นะ






Create Date : 28 มกราคม 2550
Last Update : 28 มกราคม 2550 20:17:21 น. 0 comments
Counter : 371 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ชราร่า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




");}
Friends' blogs
[Add ชราร่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.